บทที่ 1760 ความได้เปรียบอันท่วมท้น

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

บทที่ 1760 ความได้เปรียบอันท่วมท้น

 

ท่าไม้ตายอมตะทางผ่านดาราทรงพลังและอาจทําลายสมดุลของห้าภูมิภาค แต่ทุกท่าไม้ตายล้วนมีจุดอ่อนและข้อบกพร่อง

 

ฟางหยวนไม่เข้าใจท่าไม้ตายอมตะทางผ่านดารามากนักแต่เขารู้จุดสําคัญจุดหนึ่ง

 

ท่าไม้ตายอมตะทางผ่านดาราต้องใช้ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋า

 

มันเป็นร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่ฟงจิวเก้อทิ้งไว้ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาคราวก่อน

 

ในชีวิตก่อนหน้าของฟางหยวน ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าเหล่านี้กลายเป็นเกลียวแสงสีดํา ที่ขนส่งเฉินอี้ จักรพรรดินีอสูรสายฟ้า ฟงจิวเก้อ และเทพธิดาจื่อเว่ยเข้าสู่แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา

 

โชคดีที่ฟางหยวนและจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว และทําลายเกลียวแสงสีดําได้ทันเวลา พวกเขาสามารถป้องกันไม่ให้ผู้อมตะคนอื่นๆของวังสวรรค์ตามเข้ามา

 

หลังจากกําเนิดใหม่ ฟางหยวนรู้ตําแหน่งของเกลียวแสงสีดําทั้งหมด ดังนั้นเขาจึงสามารถใช้ค่ายกลวิญญาณอมตะควบคุมพวกมัน

 

จักรพรรดินีอสูรสายฟ้าเข้ามาเป็นคนแรก นางถูกฟางหยวนและคนอื่นๆที่เตรียมพร้อมรออยู่แล้วสังหารทันที

 

เฉินอี้เป็นคนที่สองที่มาถึง แต่ฟางหยวนไม่มีเวลามากพอที่จะใช้ท่าไม้ตายอมตะตราประทับเหล่าโป

 

ฟงจิวเก้อเป็นคนที่สาม

 

เขาเป็นเป้าหมายหลักของฟางหยวนเพราะวิญญาณท่องแดนอมตะอยู่กับเขา

 

จากการอนุมานของฟางหยวน เทพธิดาจื่อเว่ยควรจะเป็นคนที่สี่

 

เทพธิดาจื่อเว่ยเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาที่มีกระดานหมากรุกกลุ่มดาว นางเป็นสมองของวังสวรรค์

 

นางเป็นคนสําคัญ แต่กระทั้งฟางหยวนจะสามารถสังหารนาง มันก็ยังส่งผลกระทบเพียงเล็กน้อย

 

เพราะเหตุใด?

 

เนื่องจากสุสานอมตะของวังสวรรค์มีผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาจําศีลอยู่มากเกินไป หากเทพธิดาจื่อเว่ยเสียชีวิต คนที่สองจะเข้าแทนที่ ในอดีต เหตุใดเทพธิดาจื่อเว่ยจึงตื่นขึ้น? นั่นเป็นเพราะเจ้าวังสวรรค์คนก่อนซึ่งเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาเสียชีวิต ดังนั้นเทพธิดาจื่อเว่ยจึงตื่นขึ้นเพื่อรับตําแหน่งต่อจากเขา

 

หากเทพธิดาจือเวียนกระดานหมากรุกกลุ่มดาวมาด้วย ฟางหวนอาจมีแรงจูงใจที่จะฆ่านาง

 

แต่น่าเสียดายที่กระดานหมากรุกกลุ่มดาวเป็นสิ่งสําคัญในการรักษาท่าไม้ตายอมตะทางผ่านดาราเอาไว้ เทพธิดาจื่อเว่ยต้องทิ้งมันไว้ที่วังสวรรค์

 

ฟางหยวนมีประสบการณ์การต่อสู้จากชีวิตก่อนหน้า เขามั่นใจในความลับนี้

 

รู้เขารู้เราจะไม่มีวันพ่ายแพ้ ฟางหยวนคุ้นเคยกับเทพธิดาจื่อเว่ย นางมีประโยชน์ต่อเขา หากเขาฆ่านาง ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาที่เขาไม่คุ้นเคยจะเข้าแทนที่และทําให้ความได้เปรียบในการกําเนิดใหม่ของเขาลดน้อยลง

 

อย่างไรก็ตามหากฟางหยวนปล่อยให้เทพธิดาจื่อเว่ยเข้ามาในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา วังสวรรค์จะมีสมาชิกที่ครอบครองพลังการต่อสู้ระดับแปดสามคน ขณะที่แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยามียักษ์สวรรค์ มังกรหินแรกกําเนิด และตัวเขาเอง สถานการณ์จะกลายเป็นยากลําบาก

 

สิ่งสําคัญก็คือเฉินอี้มีไพ่ตายของเทพอมตะบัวสวรรค์!

 

ท่าไม้ตายอมตะเคลื่อนกรรมมีบทบาทสําคัญในชีวิตก่อนหน้า ฟางหยวนยังจํามันได้ดีและไม่สามารถมองข้าม

 

นอกจากนี้เขายังต้องการลดความสูญเสียของแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาซึ่งเป็นสมบัติของเขา

 

ดังนั้นเขาจึงต้องทําลายเกลียวแสงสีดําเร็วกว่าในชีวิตก่อนหน้า

 

ผู้อมตะของวังสวรรค์ต่างตกตะลึงขณะที่ฟงจิวเก้อและเฉินยิ้มองหน้ากันด้วยความประหลาดใจ

 

“นี่แตกต่างจากแผนการของเราอย่างสิ้นเชิง!”

 

“ท่าไม้ตายอมตะทางผ่านดาราล้มเหลว มีเพียงพวกเราที่อยู่ที่นี่”

 

“แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี พวกเขาตอบสนองเร็วเกินไป”

 

“ตอนนี้เราต้องป้องกันและยื้อเวลา จนกว่าท่าไม้ตายอมตะทางผ่านดาราจะสามารถใช้งานได้อีกครั้ง”

 

เฉินอี้และฟงจิวเก้อพูดคุยกันอย่างรวดเร็ว

 

ทั้งสองลอยอยู่ในค่ายกลวิญญาณอมตะและหันหลังชนกันเพื่อป้องกันตนเอง

 

ฟงจิวเก้อถาม “จักรพรรดินีอสูรสายฟ้าอยู่ที่ใด?”

 

เฉินอี้กลืนน้ําลายและรู้สึกลังเลเล็กน้อย แต่เขาไม่ได้บอกฟงจิวเก้อเกี่ยวกับฉากที่เขาเห็นก่อนหน้านี้ “ข้าไม่แน่ใจ ข้าไม่เห็นจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าตั้งแต่เข้ามา”

 

ฟงจิวเก้อพยักหน้า “จักรพรรดินีอสูรสายฟ้าอาจรีบร้อนที่จะทําภารกิจ นางอาจแยกตัวออกไปทํางาน”

 

เฉินอี้รู้สึกสังหรณ์ร้ายแต่เขาไม่สามารถทําลายขวัญกําลังใจของฟงจิวเก้อ “ฟางหยวนเป็นคนเจ้าเล่ห์ เขาจะไม่ยอมให้เราร่วมมือกันโดยง่าย จักรพรรดินีอสูรสายฟ้าอาจติดพันอยู่กับศัตรูบางคน”

 

ฟงจิวเก้อมองโลกในแง่ดีมากกว่าเฉินอี้ เขายิ้ม “ท่านเฉินอี้ เราต่างมีพลังการต่อสู้ที่โดดเด่น ข้าสามารถต่อต้านผู้อมตะระดับแปด ขณะที่ท่านและจักรพรรดินีอสูรสายฟ้ามีพลังการต่อสู้ระดับแปดที่แท้จริง มันเป็นเรื่องยากที่แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาจะป้องกันพวกเราถูกต้องหรือไม่? บางทีเพียงพวกเราก็อาจสามารถทําลายแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา”

 

เฉินอี้หัวเราะ “น้องฟงกล่าวได้ถูกต้องแล้ว แต่สถานการณ์นี้เกินความคาดหมายของเรา เจ้าควรเตรียมพร้อมที่จะใช้วิญญาณท่องแดนอมตะเพื่อหลบหนีตลอดเวลา”

 

ฟงจิวเก้อมองเฉินอี้และรู้สึกถึงความผิดปกติของฝ่ายหลัง

 

“แม้เฉินอี้จะเป็นอดีตผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของนิกายบัวสวรรค์ แต่เขาสูญเสียความกล้าหาญ ไม่แปลกใจเลยที่เขาล้มเหลวในภารกิจที่ทะเลทรายตะวันตกและทําให้เราสูญเสียทั้งเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์”

 

ฟงจิวเก้อประเมินเฉินอี้ ในชีวิตก่อนหน้า ความสัมพันธ์ระหว่างฟงจิวเก้อกับเฉินอี้ค่อนข้างดี โดยเฉพาะหลังจากฟงจิวเก้อใช้ท่าไม้ตายอมตะเพลงพรหมลิขิตเพื่อช่วยชีวิตเฉินอี้

 

ทั้งสองสนทนากันอย่างรวดเร็ว

 

แต่ฟางหยวนเริ่มลงมือแล้ว

 

คราวนี้เขาเคลื่อนไหวด้วยตนเองโดยปกปิดร่องรอยทั้งหมดเอาไว้

 

มังกรหินแรกกําเนิดเข้ามาแทนที่ตําแหน่งเดิมของฟางหยวนพร้อมกับจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาและกลุ่มผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนที่นํายักษ์สวรรค์ออกมา

 

ฟงจิวเก้อและเฉินอี้ทํางานร่วมกัน

 

เมื่อเวลาผ่านไปทั้งสองฝ่ายไม่สามารถทําสิ่งใดกันและกัน

 

เฉินอี้และฟงจิวเก้อขมวดคิ้วลึก

 

“มังกรหินแรกกําเนิดแข็งแกร่งและดุร้าย แต่ภัยคุกคามของมันต่ําที่สุด ผู้อมตะที่อยู่ในยักษ์สวรรค์มีทักษะการต่อสู้ไม่สูงมากนัก”

 

“ถูกต้อง กุญแจสําคัญคือฟางหยวน เขายังไม่ปรากฏตัว เขาอาจกําลังต่อสู้อยู่กับจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าหรือซ่อนตัวเพื่อหาโอกาสโจมตีพวกเรา”

 

“นอกจากนี้ยังมีค่ายกลวิญญาณอมตะ”

 

“เราต้องทําลายค่ายกลวิญญาณอมตะนี้ มิฉะนั้นการติดอยู่ภายในค่ายกลจะเป็นอันตราย”

 

เฉินอี้และฟงจิวเก้อเปลี่ยนกลยุทธ์

 

ฟงจิวเก้อเริ่มใช้ท่าไม้ตายอมตะโดยมีเฉินอี้ปกป้องอยู่ด้านข้าง

 

เฉินอี้สกัดกั้นมังกรหินแรกกําเนิดและยักษ์สวรรค์เพียงลําพัง ขณะที่ฟงจิวเก้อเตรียมท่าไม้ตายอมตะและสามารถส่งเพลงแยก

 

ในชีวิตก่อนหน้า เพลงแยกไม่สามารถทําลายค่ายกลวิญญาณอมตะ คราวนี้มันยิ่งไร้ประโยชน์

 

ฟางหยนวจะลืมเพลงแยกของฟงจิวเก้อได้อย่างไร?

 

กลยุทธ์ของเฉินอี้กับฟงจิวเก้อล้มเหลว มันยังทําให้ฟางหยวนมีโอกาสโจมตีและแยกคนทั้งสองออกจากกัน

 

วังสวรรค์

 

เทพธิดาจื่อเว่ยทํางานอย่างเต็มที่เพื่อสร้างท่าไม้ตายอมตะทางผ่านดาราขึ้นอีกครั้ง

 

อย่างไรก็ตามมันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะถูกสร้างขึ้นมาใหม่

 

“หากเราประสบความสําเร็จและได้รับวิญญาณสติปัญญา การกระตุ้นใช้งานท่าไม้ตายอมตะ ทางผ่านดาราจะกลายเป็นเรื่องง่าย เราจะไม่พบปัญญามากมายเช่นนี้” เทพธิดาจื่อเว่ยถอนหายใจ –

 

ผู้อมตะที่อยู่ด้านข้างยิ้ม “ท่านหญิงจื่อเว่ย แม้เราจะไม่ไป แต่พวกเขาสามคนก็มีพลังเพียงพอที่จะทําลายแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา”

 

กลุ่มผู้อมตะของวังสวรรค์ผ่อนคลายมาก

 

แต่เทพธิดาจื่อเว่ยขมวดคิ้วลึกและรู้สึกถึงสิ่งผิดปกติ

 

“ถูกต้อง ฟงจิวเก้อมีพรสวรรค์ที่น่าฟัง เขาสามารถต่อต้านผู้อมตะระดับแปด เขามีประสบการณ์ในการบุกแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยามาแล้ว ครั้งนี้จะง่ายขึ้น แม้เขาจะล้มเหลวและถูกโจมตีอย่างรุนแรง เขาก็ยังมีวิญญาณอมตะเกราะโชคชะตา เขาจะสามารถปกป้องตนเองได้อย่างแน่นอน” ผู้อมตะของวังสวรรค์วิเคราะห์

 

แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา

 

“พรวด!”

 

ฟงจิวเก้อกระอักเลือดออกมาและพยายามหลบหนี

 

ฟางหยวนไล่ล่าเขาด้วยเสียงหัวเราะที่น่ากลัว

 

ฟงจิวเก้อตกใจมาก “วิญญาณของข้าหายไปอย่างลึกลับเป็นไปได้อย่างไร? นี่เป็นวิธีบนเส้นทางแห่งการโจรกรรมงั้นหรือ? มันเป็นวิธีของฟางหยวนหรือค่ายกลวิญญาณอมตะ

 

ฟางหยวนใช้มือปีศาจปล้นวิญญาณหลายครั้งแล้วแต่เขาสามารถขโมยวิญญาณระดับมนุษย์เท่านั้น

 

“เปรียบเทียบกับชีวิตก่อน ตอนนี้โชคของข้าต่ํามาก” ฟางหยวนรู้สึกหดหูเล็กน้อย

 

แม้ฟางหยวนจะใช้ท่าไม้ตายอมตะผลาญวิญญาณระเบิดโชคมาแล้ว แต่โชคของเขาก็ยังไม่ถึงระดับเดียวกับชีวิตก่อนหน้า

 

“แม้ข้าจะได้รับมรดกที่แท้จริงของเทพอมตะตะวันเดือด แต่ข้ามีวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งโชคเพียงไม่กี่ดวง ข้าไม่สามารถเพิ่มโชคของตนเองได้มากนัก นี่เป็นเหตุผลที่ข้ายังไม่สามารถขโมยวิญญาณท่องแดนอมตะ

 

ฟางหยวนถอนหายใจ

 

“เขาสามารถขโมยวิญญาณอมตะ! สถานการณ์เลวร้ายเกินไป แม้ข้าจะมีวิญญาณอมตะเกราะโชคชะตา แต่เขาอาจสามารถขโมยมัน!”

 

“ข้าควรใช้วิญญาณท่องแดนอมตะเพื่อกลับไปหรือไม่? ข้าควรทิ้งเฉินอี้หรือไม่?

ฟงจิวเก้อลังเล

 

วังสวรรค์

 

ผู้อมตะของวังสวรรค์กล่าวเสริม “เปรียบเทียบฟงจิวเก้อ เฉินอี้เป็นผู้อมตะระดับแปดที่แท้จริง เขาเป็นอดีตผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของนิกายบัวสวรรค์ เขามีประสบการณ์การต่อสู้มากมาย เขายังเป็นผู้สืบทอดของเทพอมตะบัวสวรรรค์ เขามีวิธีการบนเส้นทางแห่งไม้ที่ทรงประสิทธิภาพ เฉินอี้ทั้งฉลาดและมีความสามารถ เขาสามารถพึ่งพาได้ เขาจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้อย่างแน่นอน”

 

แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา

 

ร่างกายของเฉินอี้เต็มไปด้วยเหงื่อ ใบหน้าของเขาปรากฏให้เห็นถึงความกังวลโดยไม่สามารถปกปิด

 

“บัดซบ!” เขาสาปแช่งอยู่ในใจ ค่ายกลวิญญาณอมตะแยกเขากับฟงจิวเก้อออกจากกัน ศัตรูของเขาก็หายตัวไปด้วย

 

เฉินอี้ติดอยู่ในภาพลวงตา แม้เขาจะทําลายมัน แต่ภาพลวงตาใหม่ก็ยังปรากฏขึ้นอย่างไม่รู้จบ

 

“เร็วขึ้น เร็วอีก!”

 

ข้าต้องออกไปจากที่นี่และรวมกลุ่มกับฟงจิวเก้อ!”

 

“มันเกิดขึ้นได้อย่างไร? เหตุใดมันถึงกลายเป็นเช่นนี้?”

 

เฉินอี้บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งไม้ เขามีความสําเร็จบนเส้นทางแห่งค่ายกลไม่มาก

 

ในชีวิตก่อนหน้า เฉินอี้อยู่ในค่ายกลวิญญาณอมตะเก้าสิบเก้ารูปแบบและสร้างปัญหาให้กับหยงกับฟางหยวน แต่คราวนี้เขากลับเป็นฝ่ายได้รับความทุกข์ทรมานจากค่ายกลวิญญาณอมตะของแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา

 

นี่เป็นวิธีจัดการเฉินอี้ของฟางหยวน

 

วังสวรรค์

 

“ข้ารู้ว่าพวกเจ้ากล่าวได้ถูกต้อง แต่ข้ายังรู้สึกไม่สบายใจ” เทพธิดาจื่อเว่ยถอนหายใจ

 

ผู้อมตะของวังสวรรค์ไตร่ตรอง “มันไม่ควรเป็นเช่นนั้น แม้ฟงจิวเก้อและเฉินอี้จะพบปัญหา แต่จักรพรรดินีอสูรสายฟ้าเป็นผู้เชี่ยวชาญที่แท้จริง นางเป็นตํานานที่เคยสร้างปัญหาให้กับเทพปีศาจจิตวิญญาณ ครั้งก่อนฟางหยวนสามารถรอดมาได้เพราะกําแพงภูมิภาค แต่ครั้งนี้จักรพร รดินีอสูรสายฟ้าจะสามารถใช้พลังที่แท้จริงของนาง ฮ่าฮ่า บางที่ผู้อมตะมากกว่าสิบคนอาจตายไปแล้วในมือของนาง ฟางหยวนต้องวิ่งไปรอบๆราวกับสุนัขที่ถูกไล่ล่า!”

 

ผู้อมตะของวังสวรรค์มั่นใจมาก

 

แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา

 

ฟางหยวนไล่ล่าฟงจิวเก้อ ขณะเดียวกันเขาก็ค้นวิญญาณจักรพรรดินีอสูรสายฟ้า

 

เขาทํางานหลายอย่างพร้อมกัน นี่เป็นข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่ของเขา

 

หลังจากใช้มือปีศาจปล้นวิญญาณหลายครั้ง แม้เขาจะไม่ได้รับวิญญาณท่องแดนอมตะ แต่เขายังได้รับวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งเสียงสามดวงจากฟงจิวเก้อ

 

พลังการต่อสู้ของฟงจิวเก้อลดลงอย่างมากแต่เขายังไม่ได้รับบาดเจ็บมากนัก

 

ฟางหยวนใช้มือปีศาจปล้นวิญญาณเป็นหลัก เขาไม่ได้ใช้ท่าไม้ตายอมตะตราประทับเหล่าโป เพราะเกรงว่าวิญญาณอมตะเกราะโชคชะตาจะทํางานด้วยตัวมันเอง

 

เมื่อวิญญาณอมตะเกราะโชคชะตาทํางาน เทพธิดาจื่อเว่ยจะสัมผัสได้ถึงตําแหน่งของฟงจิ๋วเก้อ

 

ครั้งนี้ฟางหยวนจะไม่ทําเรื่องผิดพลาดซ้ําๆ

 

โอ้ มีผู้อมตะจํานวนมากที่พยายามบุกแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา”

 

ฟางหยวนได้รับข้อมูลมากมายจากการค้นวิญญาณของจักรพรรดินีอสูรสายฟ้า

 

ข้อมูลเกี่ยวกับการบ่มเพาะของจักรพรรดินีอสูรสายฟ้ามีค่าแต่ฟางหยวนไม่สนใจมัน ตอนนี้สถานการณ์ของวังสวรรค์สําคัญกว่ามาก

 

ฟางหยวนสรุป “นี่หมายความว่าท่าไม้ตายอมตะทางผ่านดารายังสามารถใช้งานอีกครั้ง ข้าต้องรีบยุติการต่อสู้นี้

 

“ไม่มีทางเลือกแล้ว หากสถานการณ์นี้ยังดําเนินต่อไป วิญญาณท่องแดนอมตะ วิญญาณอมตะเกราะโชคชะตา และวิญญาณอมตะดวงอื่นๆอาจถูกฟางหยวนขโมยไป” ฟงจิวเก้อตัดสินใจใช้วิญญาณท่องแดนอมตะ

 

“อย่าหวัง!” ฟางหยวนเผยรอยยิ้มเย็นชาและกระตุ้นใช้งานวิญญาณอมตะ

 

วิญญาณอมตะทําลายห้วงมิติ!

 

นี่เป็นวิญญาณอมตะที่ฟางหยวนได้รับมากจากเต่าเพชรบรรพกาลที่อยู่ในร่องลึกใต้พิภพของ

 

ภาคใต้

 

มีหลายวิธีในการตอบโต้วิญญาณท่องแดนอมตะ แต่หลังจากกําเนิดใหม่ ฟางหยวนมีสองทางเลือกสําหรับเรื่องนี้

 

หนึ่งคือวิญญาณอมตะผนึกห้วงมิติ อีกหนึ่งคือวิญญาณอมตะทําลายห้วงมิติ

 

วิญญาณอมตะผนึกห้วงมิติอยู่ในมือของผู้อมตะวังสวรรค์หลิห่าว ในชีวิตก่อนหน้า ฟางหยวนซุ่มโจมตีกลุ่มผู้อมตะภาคใต้และสามารถจับพวกเขา หลิวห่าวเป็นหนึ่งในนั้น

 

น่าเสียดายที่วิญญาณอมตะผนึกห้วงมิติระเบิดตัวเอง ฟางหยวนไม่ได้รับมัน

 

สําหรับวิญญาณอมตะทําลายห้วงมิติ มันอยู่กับผู้อมตะตระกูลถั่วของภาคใต้ ลั่วหรัน

 

ในชีวิตก่อนหน้า ลั่วหรันประสบความสําเร็จในการใช้วิญญาณอมตะทําลายห้วงมิติต่อต้านค่ายกลวิญญาณอมตะเก้าสิบเก้ารูปแบบ

 

มันยากเกินไปสําหรับฟางหยวนที่จะได้รับวิญญาณอมตะผนึกห้วงมิติ ในช่วงเวลานี้หลิวห่าวยังไม่ปรากฏตัว

 

แต่วิญญาณอมตะทําลายห้วงมิติสามารถหาได้ง่ายตามข้อมูลที่เขามี

 

ต่อหน้าวิญญาณอมตะผนึกห้วงมิติ แม้วิญญาณท่องแดนอมตะของสามารถใช้งาน แต่ผู้อมตะที่ใช้งานวิญญาณท่องแดนอมตะจะถูกส่งไปยังพื้นที่ที่ผู้ใช้วิญญาณอมตะผนึกห้วงมิติกําหนด

 

สําหรับวิญญาณอมตะทําลายห้วงมิติ มันจะทําให้การใช้วิญญาณท่องแดนอมตะล้มเหลว

 

ฟงจิวเก้อตกใจมากเมื่อตระหนักว่าฟางหยวนเตรียมวิธีการนี้เอาไว้

 

ใบหน้าของฟงจิวเก้อกลายเป็นซีดขาว

 

ท่าไม้ตายอมตะมือปีศาจปล้นวิญญาณ!

 

ฟางหยวนหัวเราะอย่างเต็มที่แต่ลอบถอนหายใจอยู่ภายใน “มันไม่ง่ายเลย ในที่สุดข้าก็ได้รับวิญญาณท่องแดนอมตะ!”