ตอนที่ 1307 จุดอ่อน โดย Ink Stone_Fantasy
หลังจากนั้นสามวัน จดหมายฉบับนี้ก็ถูกส่งต่อมาหลายทอด จนสุดท้ายก็ถูกส่งมาถึงศูนย์บัญชาการที่เคจเมาเธ่น หลังฮิล ฟ็อกส์เปิดจดหมายออกอ่าน จดหมายฉบับนี้ก็ถูกจัดให้เป็น ‘ข่าวกรองที่ด่วนที่สุด’ แล้วก็ถูกส่งต่อให้เอดิธส์ทันที
หลังอ่านจดหมายเสร็จ คิ้วของเอดิธส์ก็ขมวดขึ้นมาทันที
“ตอนนี้บนเกาะอาชดยุคมีคนอยู่เท่าไร?” เธอตะโกนเสียงดัง
เจ้าหน้าที่ของทีมที่ปรึกษามองหน้ากันเลิกลัก คนที่ตอบออกมาคนแรกคือเฟร์ราน “เรียนท่านเอดิธส์ ตอนนี้กองทัพที่หนึ่งที่ประจำอยู่บนเกาะมีประมาณ 300 กว่าคน ทีมก่อสร้างมีประมาณ 2,500 คน แล้วก็ยังมีชาวบ้านบนเกาะอีก 2,500 คน ถ้าท่านอย่างจะรู้จำนวนที่แน่ชัด ข้าจะไปหาข้อมูล….”
“ไม่ต้อง” เอดิธส์พูดตัดบท “ไปตามขวานเหล็กกับหัวหน้าคนอื่นเข้ามา แผนการของพวกเราต้องรีบทำการปรับเปลี่ยนใหม่! เร็ว!”
“ปรับเปลี่ยนใหม่หมายถึง..”
“ไม่ว่าจะเป็นทหารหรือว่าคนงาน จะเป็นคนเกรย์คาสเซิล ดอว์นหรือวูล์ฟฮาร์ท ให้ทุกคนรีบอพยพออกมาจากเกาะให้เร็วที่สุด!” เธอพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ที่นั่นกลายเป็นเกาะที่โดดเดี่ยวแล้ว”
ทุกคนแตกตื่นขึ้นมาทันที แต่ตกใจมันก็ส่วนตกใจ ความเป็นมืออาชีพที่ผ่านการฝึกฝนมานานทำให้พวกเขารีบปฏิบัติตามคำสั่งทันที ในขณะที่ภายในห้องทำงานกำลังวุ่นวาย สายตาเอดิธส์เลื่อนกลับมามองกระดาษโน้ตแผ่นหนึ่งที่อยู่ในมือ
มันถูกส่งมาพร้อมกับจดหมาย
หลังจากนั้นไม่กี่อึดใจ เธอพลันกำหมัดแน่นแล้วถอนใจออกมาเบาๆ
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองทัพที่หนึ่งมารวมตัวกันอย่างรวดเร็ว จดหมายถูกส่งให้ทุกคนอ่าน
“สกายลอร์ดเฮคซอดงั้นเหรอ…” สีหน้าไบรอันเองก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันเท่าไร “ถ้าสิ่งที่เขียนอยู่ในจดหมายเป็นเรื่องจริง ความสามารถนี่มันจะน่ากลัวเกินไปหน่อยหรือเปล่า เดินทางได้ไกลหลายกิโลเมตร แถมยังใช้ได้หลายครั้ง ข้าก็ว่าทำไมในช่วงเวลาแค่ไม่กี่วัน ทั้งอีเทอร์นอลวินเทอร์ถึงได้พังทลายลง ไม่มีเมืองไหนที่ลุกขึ้นต่อต้านได้เลย”
ไลต์นิ่งกับเมซี่เคยเจอปีศาจระดับสูงตัวหนึ่งที่รอยแตกของสันหลังของทวีป ความสามารถที่สามารถไปไหนมาไหนโดยไร้ร่องรอยของมันถูกมองเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องทำการป้องกัน ตอนนี้ถึงได้รู้ว่าอีกฝ่ายนั้นอาจจะเป็นสกายลอร์ดที่อุรูคพูดถึง แถมนี่ยังไม่ใช่ขีดจำกัดของพลังของมันด้วย ไม่ใช่แค่ตัวมันเอง แต่กองทัพของมันก็สามารถเดินทางเคลื่อนย้ายผ่านประตูได้เหมือนกัน ความสามารถที่แข็งแกร่งขนาดนี้เรียกได้ว่าเป็นความสามารถที่อยู่ในระดับกลยุทธ์แล้ว
คนที่เข้าร่วมประชุมต่างมีความเข้าใจคำว่าราชาปีศาจมากขึ้น
ทุกคนต่างเห็นด้วยกับเรื่องอพยพคนออกมาจากเกาะอาชดยุค
เพราะว่าขึ้นเกาะมันง่าย แต่ออกจากเกาะมันยาก เมื่อแนวป้องกันตามธรรมชาติไม่สามารถหยุดการเคลื่อนไหวของศัตรูได้ มันก็จะกลายเป็นเหมือนกรงที่ขังตัวเอง
ไม่เพียงเท่านี้ พวกเขายังต้องแข่งกับเวลาด้วย!
เมื่อดูจากทิศทางการเกณฑ์ชาวบ้านที่ระบุเอาไว้ในจดหมายและเบาะแสดที่ทีมที่ปรึกษาสรุปออกมา เกรงว่าตอนนี้ปีศาจได้รวมรวมปีศาจเอาไว้ที่แนวหน้าได้เป็นกองทัพแล้ว อาจโจมตีอาจจะเปิดฉากได้ทุกเมื่อ
ขวานเหล็กออกคำสั่งทันที “หยุดงานก่อสร้างทุกอย่างบนเกาะอาชดยุค รีบอพยพคนที่อยู่บนเกาะทันที! ไม่ใช่แค่เรือที่เช่ามาเท่านั้น แต่ข้าอยากจะเห็นทุกอย่างที่มันลอยอยู่บนน้ำเข้าร่วมการอพยพคนในครั้งนี้ด้วย!”
“รับทราบ” ทุกคนตอบพร้อมกัน
หลังจากทุกคนออกไปปฏิบัติตามคำสั่งแล้ว อกาธาก็พูดขึ้นมาด้วยสีหน้ากังวลว่า “ทำไมปีศาจที่แข็งแกร่งขนาดนี้ถึงไม่เคยปรากฏตัวในสงครามแห่งโชคชะตาครั้งที่สองเลย?”
“ข้าคิดว่าน่าจะเป็นไปได้ 3 อย่าง” น้ำเสียงเอดิธส์ยังคงฟังดูสุขุม “หนึ่งคือตอนนั้นเฮคซอดยังไม่ได้ยกระดับเป็นราชา แล้วก็ยังไม่มีความสามารถเหมือนในตอนนี้ สองคือพวกมันคิดว่าอาณาจักรซีสกายมีความสำคัญมากกว่ามนุษย์ ส่วนข้อสาม…” เธอจงใจชะงักไปเล็กน้อย “บางทีปีศาจระดับสงอาจจะคิดว่าพวกมันไม่เหมาะที่จะมาสู้กับมนุษย์”
ขวานเหล็กเหมือนจะมองความคิดเธอออก “เจ้าคิดว่าเป็นข้อสาม?”
ไข่มุกแห่งดินแดนทางเหนือยักไหล่ “ถึงแม้คำตอบแรกจะมีความเป็นไปได้ทางทฤษฎี แต่ความจริงแล้วมันกลับเป็นการหนีปัญหา ส่วนข้อสองนั้นก็ดูเป็นไปได้ไม่มาก ปีศาจนั้นต้องสู้อยู่กับอาณาจักรซีสกายแน่นอน แต่เมื่อดูจากท่าที่ที่พวกมันให้ความสำคัญต่อมรดกของพระเจ้าแล้ว ถ้าพวกมันสามารถเอาชนะสมาพันธ์ได้สบายๆ จริงๆ พวกมันไม่มีทางที่จะปล่อยให้มรดกของพระเจ้าหลุดมือไปแน่ ในสงครามที่ตัดสินชะตากรรมของเผ่าพันธุ์ การประมาทศัตรูคือความผิดพลาดที่ร้ายแรงที่สุด พูดอีกอย่างก็คือ ข้าเดาว่าพวกมันน่าจะพยายามเต็มที่แล้ว”
สายตาที่ดูซึมเซาของแม่มดน้ำแข็งพลันเหมือนมีไฟลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง “แต่ว่า…ตอนนี้สมาพันธ์ยังไม่มีความสามารถในการสร้างอาวุธปืนออกมาเลย ถ้าแม้แต่กำแพงเมืองยังไม่อาจป้องกันศัตรูเอาไว้ได้ ถ้าตอนนั้นพวกปีศาจระดับสูงออกมา เกรงว่าสมาพันธ์คงจะพ่ายแพ้เร็วขึ้นกว่าเดิม เผลอๆ อาจจะไม่มีเวลาเคลื่อนย้ายมรดกของพระเจ้าออกมาด้วยซ้ำ”
“ดังนั้นนี่จุดนี้จึงทำให้ข้าต้องมาครุ่นคิด” เอดิธส์เคาะโต๊ะเบาๆ โดยไม่ได้ตอบคำถามอีกฝ่ายตรงๆ “ข้าสนใจคำพูดสองสามแห่งในจดหมายฉบับนี้ จากการเจอกันสองสามครั้งระหว่างผูเขียนกับสกายลอร์ดทำให้รู้ว่าเฮคซอร์ดไม่เพียงแต่จะไม่ได้ใช้พลังในการเข้าไปในปราสาทเจ้าเมืองเลย แต่มันยังไม่แทบจะไม่เคยเผยตัวต่อหน้าขุนนางจำนวนมากด้วย การออกคำสั่งหลายๆ ครั้งก็ใช้การสั่งการผ่านรูน เหมือนกับว่ากำลังป้องกันพวกเขาอยู่อย่างไรอย่างนั้น เห็นได้ชัดว่าการทำแบบนี้มันไม่เป็นประโยชน์ต่อการโน้มน้าวใจคน ในจุดนี้จะเห็นได้อย่างชัดเจนจากสิ่งที่เขียนอยู่ในจดหมาย ปัญหาคือ ขุนนางพวกนั้นจะทำอันตรายอะไรให้กับมันได้?”
แม่มดน้ำแข็งตกตะลึง “หรือเจ้าหมายถึง…หินอาญาสิทธิ์?”
“คิดไปคิดมาก็อาจจะเป็นแบบนั้น” ไข่มุกแห่งดินแดนทางเหนือพยักหน้า “ในเมื่ออมนุษย์สามารถเป็นได้ทั้งแอชเชส แล้วก็บุ๊ค อย่างนั้นราชาจะต้องเป็นผู้พิฆาตเวทมนตร์เพียงอย่างเดียวเหรอ?”
“เอ่อ…” อกาธาเองก็คิดขึ้นมาได้ สิ่งที่แตกต่างกันมากที่สุดระหว่างปีศาจระดับสูงกับปีศาจคุ้มคลั่งก็คือความหลากหลายของความสามารถ แต่มันก็ไม่มีหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าผู้ยกระดับจะต้องมีพลังในการปิดกั้นเวทมนตร์ และนี่ก็ช่วยตอบข้อสงสัยทั้งหมดก่อนหน้านี้ได้ ที่สกายลอร์ดไม่ปรากฏตัวที่แนวหน้าในที่ราบลุ่มบริบูรณ์ บางทีอาจเป็นเพราะมันไม่ถนัดในการทำศึกซึ่งๆ หน้า!
ไม่ว่าจะเป็นการบุกเข้าไปในเมืองศักดิ์สิทธิ์เพื่อตั้งเสาหินโอเบลิส หรือว่าการสู้กับอมนุษย์ที่พกหินอาญาสิทธิ์ หรือว่าเจอกับการโจมตีด้วยรูนแห่งโชคชะตาของสุดยอดอมนุษย์ก็ล้วนแต่เป็นอันตรายต่อปีศาจระดับสูงที่ไม่ใช่ผู้พิฆาตเวทมนตร์อย่างมาก ซึ่งความสามารถของสกายลอร์ดนั้นมีความสำคัญอย่างมาก ดังนั้นมันจึงไม่ได้ปรากฏตัวออกมาในศึกสองครั้งก่อนหน้านี้!
“แต่ครั้งนี้มันกลับออกมาสั่งการด้วยตัวเอง…” ขวานเหล็กพูดเสียงเข้ม
“บางทีอาจจะเป็นเพราะสาเหตุอะไรบางอย่างทำให้มันไม่มีทางเลือก” เอดิธส์เดินไปที่หน้าต่าง ก่อนจะทอดตามองออกไปทางเหนือ “อย่างเช่นเดิมปีศาจที่เป็นคนนำทัพอาจจะเป็นอุรูค แล้วก็อาจจะเป็นราชาคนอื่น แต่ด้วยสถานการณ์ที่บีบบังคับจึงทำให้เฮคซอดจำต้องออกมาจากหลังม่าน ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ นั่นก็ถือเป็นเรื่องที่โชคดีสำหรับพวกเรา ไม่ว่ายังไง เจอกับราชาตัวเดียวมันก็รับมือได้ง่ายกว่าการเจอราชาหลายตัว”
“เจ้าคิดได้แล้วเหรอว่าจะรับมือเฮคซอดยังไง?”
“ความสามารถของมันเรียกได้ว่ามีประโยชน์อย่างมากในด้านกลยุทธ์การขนส่งกำลังพล แต่ถ้าจะเอามาใช้โจมตีกลับไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีสักเท่าไร” เธอค่อยๆ พูด “ขอเพียงเราไม่สูญเสียกำลังพลไปบนเกาะอาชดยุคมากนั้น ใครจะแพ้ใครจะชนะมันก็ยังไม่อาจรู้ได้ ดังนั้นเรื่องที่สำคัญที่สุดตอนนี้ก็คือพยายามอพยพคนและอาวุธออกมจากเกาะอาชดยุคออกมาให้เร็วที่สุด โดยเฉพาะปืนใหญ่”
ขวานเหล็กถอนหายใจยาว “แบบนี้ จดหมายฉบับนี้ก็ถือว่ามีค่าอย่างมากจริงๆ ไม่รู้ว่าคนเขียนกับคนส่งจดหมายเป็นใคร? ถ้าข้อมูลพวกนี้ไม่ผิดล่ะก็ พวกเขาก็ถือว่าทำความดีความชอบอย่างมาก”
เอดิธส์นิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ ก่อนจะยื่นกระดาษโน้ตยับๆ ให้ขวานเหล็ก
บนกระดาษโน้ตมีข้อความสั้นๆ อยู่สองสามประโยค
มันคือกระดาษโน้ตที่ลูกน้องฮิลเขียนก่อนที่จดหมายจะส่งมาถึง
‘ข้าไม่รู้ชื่อของเขา’
‘ตอนที่เจอเขา เขาก็นอนแข็งทื่อไม่ต่างอะไรกับน้ำแข็งแล้ว’
‘ข้าเจอจดหมายฉบับนี้อยู่ตรงหน้าอกเขา’
‘มีเพียงสิ่งนี้เท่านั้นที่ยังมีไออุ่นอยู่’
……………………………………………………………………..