บทที่ 1567 มีใครพิสูจน์ DNA เป็นเลย
เยี่ยหวันหวั่นเหลือบมองเนี่ยอู๋หมิง ว่าแล้วเชียวคนอย่างหมอนี่พูดอะไรดีๆ ไม่เป็นหรอก
“เป็นไงล่ะน้องสาวโหย่วหมิง ข่าวนี้เด็ดพอมั๊ย? คุ้มเงินใช่มั๊ยล่ะ!” เนี่ยอู๋หมิงมองเยี่ยหวันหวั่นแล้วบอก
“เอาล่ะๆ ฉันรู้แล้ว”
เยี่ยหวันหวั่นถอนหายใจ จากนั้นก็เดินผ่านเนี่ยอู๋หมิงเข้าไปในตัวบ้านตระกูลเนี่ย
วันนี้ นายหญิงตระกูลเนี่ยกับเนี่ยหลิงหลง แล้วยังมี ‘เนี่ยอู๋โยว’ไม่มีใครอยู่บ้านเลยซักคน
เยี่ยหวันหวั่นเดินไปที่ห้องน้อนของถังถังอย่างคุ้นทาง
“แม่ครับ…” เมื่อเห็นเยี่ยหวันหวั่น ดวงตาของถังถังเป็นประกายขึ้นมาทันที
เมื่อคืน เยี่ยหวันหวั่นนัดเจอนายแห่งอาชูร่า เลยไม่ได้กลับมาที่ตระกูลเนี่ย
“ถังถัง แม่เอาข้าวเช้ามาให้ลูกด้วย” เยี่ยหวันหวั่นเปิดข้าวกล่อง แล้วยื่นให้ถังถัง
“ขอบคุณครับแม่…” ถังถังรับข้าวกล่องไป แล้วพูดกับเยี่ยหวันหวั่น
เยี่ยหวันหวั่นยังไม่ทันพูดอะไร ถังถังก็พูดต่อว่า “แม่ครับ เรื่องที่แม่ให้ผมทำ ผมทำเสร็จแล้วนะครับ”
พูดจบ ถังถังก็หยิบกล่องเล็กๆ กล่องหนึ่งมาวางข้างๆ เยี่ยหวันหวั่น
เยี่ยหวันหวั่นเปิดกล่องอย่างระมัดระวัง เห็นเส้นผมสีดำสองสามเส้นอยู่ข้างใน
“ถังถังเก่งมาก แม่ของลูกรู้ตัวรึเปล่า” เยี่ยหวันหวั่นถามเสียงเบา
“ไม่ครับ” ถังถังส่ายหน้า แล้วพูดต่อว่า “แม่ครับ…แม่จะเอาเส้นผมของแม่ผมไปทำอะไรกันแน่ครับ”
เยี่ยหวันหวั่นขมวดคิ้วเล็กน้อย แน่นอนว่าเธอบอกถังถังไม่ได้ว่าเพราะอะไร
ถ้า ‘เนี่ยอู๋โยว’เป็นตัวปลอมก็ดีไป แต่เกิดเป็นตัวจริงขึ้นมา แล้วเธออธิบายให้ถังถังฟังซะชัดเจนขนาดนั้น ก็เท่ากับเป็นการสร้างปัญหาเหรอ
“ถังถัง แม่ไม่มีทางทำร้ายลูกแล้วก็ตระกูลเนี่ยแน่นอน ลูกเชื่อแม่ใช่มั๊ยจ๊ะ” เยี่ยหวันหวั่นมองถังถัง แล้วเอ่ยเสียงเบา
ถังถังพยักหน้าอย่างไม่ลังเล “ผมเชื่อแม่ครับ”
……
พอออกจากตระกูลเนี่ย เยี่ยหวันหวั่นก็ตั้งใจจะเอากล่องที่มีเส้นผมของ ‘เนี่ยอู๋โยว’ไปที่หน่วยงานนิติเวชซักที่
แต่คิดไปคิดมา เธอกลับรู้สึกว่าไม่ควร
ตระกูลเนี่ยมีอำนาจขนาดไหน เป็นถึงหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของรัฐอิสระ
ถ้าเนี่ยอู๋โยวเป็นตัวปลอมจริงๆ ตระกูลเนี่ยไม่มีทางที่จะตรวจสอบไม่เจอ…
อีกอย่าง รัฐอิสระมีหน่วยงานนิติเวชตั้งหลายที่ ตระกูลเนี่ยไม่มีทางที่จะไม่ทำการพิสูจน์ DNA หลังจากเจอ‘เนี่ยอู๋โยว’ถ้าเป็นตัวปลอม ยังไงก็ต้องตรวจเจอ แต่ถ้าผลพิสูจน์ DNA ออกมาว่าเป็นตัวจริง ก็บ่งบอกได้ถึงปัญหาสองข้อ
ข้อแรก เนี่ยอู๋โยวเป็นตัวจริง ไม่มีปัญหาอะไรทั้งสิ้น
ข้อสอง เนี่ยอู๋โยวเป็นตัวปลอม แต่มีอำนาจล้นฟ้าที่สามารถทำให้คนเกรงกลัว และทำให้หน่วยงานนิติเวชของรัฐอิสระพูดโกหกให้ผิดเป็นถูกได้
ถ้าเธอเอาเส้นผมของถังถังกับ ‘เนี่ยอู๋โยว’ไปพิสูจน์ DNA อาจเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น…และทำให้เรื่องราวพลิกผันได้
แน่นอนว่าสำหรับเยี่ยหวันหวั่น เธอคิดว่าบางทีเนี่ยอู๋โยวเป็นตัวจริง อี้สุ่ยหานอาจคิดมากไปเองก็ได้
แต่ในเมื่อเยี่ยหวันหวั่นรับปากอี้สุ่ยหานแล้วก็ต้องทำให้ได้
กลับมาถึงพันธมิตรอู๋เว่ย เยี่ยหวันหวั่นก็เรียกชีซิงกับเป่ยโต่วมาพบ
เป่ยโต่วเห็นเยี่ยหวันหวั่นนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม่พูดอะไรซักคำ ก็เริ่มร้อนตัว ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเขาทำตัวตะกละมากไปรึเปล่า
“พี่เฟิ่ง…เมื่อคืน…”
เป่ยโต่วมองเยี่ยหวันหวั่น เขาทำท่าจะพูดอะไร แต่เยี่ยหวันหวั่นกลับตัดบทก่อน
“ในพันธมิตรอู๋เว่ย มีใครชันสูตรหลักฐานเป็นรึเปล่า” เยี่ยหวันหวั่นเงยหน้ามองชีซิงกับเป่ยโต่ว
————————————————————————————-
บทที่ 1568 พิสูจน์ความเป็นพ่อลูก
“มีครับ!” เป่ยโต่วรีบพูด “พี่เฟิ่ง ผมทำเป็นครับ…จะพิสูจน์อะไร วัตถุโบราณหรือหยก ผมเก่งด้านนี้พอสมควรเลยล่ะ!”
ชีซิงกลับไม่โต้แย้งใดๆ
เป่ยโต่วไม่ได้แค่เก่งด้านนี้ แต่ยังพูดได้ตั้งสิบกว่าภาษา
ในอดีต ตอนที่พันธมิตรอู๋เว่ยต้องเจรจากับกลุ่มอำนาจจากต่างชาติ มักให้เป่ยโต่วเป็นล่ามแปลภาษาให้หลายครั้ง
“งั้น พิสูจน์ความเป็นพ่อลูกล่ะ?” เยี่ยหวันหวั่นกล่าว
“ใช่ ผมพิสูจน์เองกับมือเลย พี่เฟิ่ง พี่เอาของมาเลย ผมจะช่วยพี่ดูเอง สมัยนี้ของปลอมเกลื่อนไปหมดจริงๆ” เป่ยโต่วหันไปมองพิจารณาเยี่ยหวันหวั่นหัวจรดเท้า
“ฉันหมายถึงพิสูจน์ความเป็นพ่อลูก เช่นพิสูจน์ว่านายไม่ใช่ลูกพ่อนายอะไรแบบนั้นน่ะ” เยี่ยหวันหวั่นพูดด้วยน้ำเสียงเอือมระอา
เป่ยโต่วชะงักงันไปทันที เขาจ้องเยี่ยหวันหวั่นด้วยสายตาเหลือเชื่อ “ผมไม่ใช่ลูกชายพ่อ? ทำไมล่ะ? ผมไม่ใช่ลูกชายพ่อแล้วจะเป็นลูกชายใคร? หรือแม่ผมมีอะไรปิดบังผมงั้นเหรอ?”
เยี่ยหวันหวั่นมองเป่ยโต่วอึ้งๆ หมอนี่ เขาแกล้งโง่หรือว่าโง่จริงๆ…
ตาเป่ยโต่วคนนี้เหมือนใครกันแน่นะ…
จะบอกว่าเขาเหมือนเนี่ยอู๋หมิง ก็เป็นการดูถูกเนี่ยอู๋หมิงเกินไป…ความฉลาดของเนี่ยอู๋หมิงดูได้จากการหาเงินของเขา เขาไม่ใช่คนโง่แน่นอน ส่วนเป่ยโต่ว…
“พี่เฟิ่งหมายถึงการพิสูจน์สายสัมพันธ์ความเป็นพ่อลูกหรือแม่ลูกต่างหาก” ชีซิงหันไปเอ่ยกับเป่ยโต่วเสียงเรียบ
“อย่างงี้นี่เอง ตกใจหมด…แบบนั้นน่ะผมทำไม่เป็นหรอก” เป่ยโต่วส่ายหน้า “แต่ผู้อาวุโสสูงสุดทำเป็น”
“โอเค ไปเรียกผู้อาวุโสสูงสุดมา” เยี่ยหวันหวั่นโบกมือบอกให้ทั้งสองออกไป
ผ่านไปครู่หนึ่ง ผู้อาวุโสสูงสุดที่ใส่ชุดสูทสีแดงก็เดินเข้ามาในห้อง หลังจากเคาะประตูแล้วได้รับการอนุญาตจากเยี่ยหวันหวั่น
“ท่านหัวหน้า เรียกผมเหรอครับ?”
ผู้อาวุโสสูงสุดมองเยี่ยหวันหวั่น เมื่อกี้เป่ยโต่วเล่าให้เขาฟังคร่าวๆ แล้ว
“อืม” เยี่ยหวันหวั่นพยักหน้า “ผู้อาวุโสสูงสุดพิสูจน์ความเป็นพ่อลูกเป็นเหรอ?”
ผู้อาวุโสสูงสุดทำหน้าสงสัยเล็กน้อย จู่ๆ ท่านหัวหน้าพูดถึงเรื่องพิสูจน์ความเป็นพ่อลูกกันทำไม…
“ทำเป็นครับ แต่ไม่ถึงกับชำนาญ แค่มีความรู้นิดหน่อย” ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าว
“ดี มีความรู้นิดหน่อยก็พอ ต้องการเครื่องมืออุปกรณ์อะไรมั๊ย” เยี่ยหวันหวั่นทำหน้าดีใจ ในที่สุดก็มีที่พึ่งแล้ว สมกับเป็นผู้อาวุโสของพันธมิตรอู๋เว่ยจริงๆ!
“ถ้วยใบเดียวก็พอครับ กรีดเลือดพิสูจน์สายสัมพันธ์ ไม่ยากเลย” ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าว
สิ้นเสียงผู้อาวุโสสูงสุด รอยยิ้มบนใบหน้าของเยี่ยหวันหวั่นก็กระด้างไปทันที
“ไม่มีอะไรแล้ว คุณออกไปเถอะ” เยี่ยหวันหวั่นกล่าว
นี่มันยุคไหนสมัยไหนแล้ว กรีดเลือดพิสูจน์สายสัมพันธ์เนี่ยนะ มีความรู้พื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์บ้างมั๊ยเนี่ย?! ทำอย่างกับมีชีวิตอยู่ในยุคโบราณไปได้!
“ฮ่าๆ ท่านหัวหน้าอย่าเพิ่งโมโหสิครับ ผมล้อเล่นเฉยๆ ไม่อยากให้บรรยากาศตึงเครียด…ผมต้องใช้เครื่องมือที่ค่อนข้างทันสมัยก็จริง… แต่ด้วยฝีมือของพันธมิตรอู๋เว่ยเรา ครึ่งวันก็หาได้แล้ว อย่างมากสองวันก็รู้ผลแล้วล่ะครับ” ผู้อาวุโสสูงสุดหัวเราะเล็กน้อย
เยี่ยหวันหวั่นพูดไม่ออก ขอแค่ได้ป่วนซักหน่อยก็ยังดีงั้นเหรอ
“โอเค ผู้อาวุโสสูงสุด เรื่องนี้อย่าให้ใครรู้เด็ดขาด คุณไปเตรียมตัวได้เลย ยิ่งเร็วยิ่งดี” เยี่ยหวันหวั่นกล่าว
“ท่านหัวหน้า…ขอบังอาจถาม นี่ท่านหัวหน้า…กำลังสงสัยว่าคุณพ่อหรือคุณแม่ของท่านหัวหน้าไม่ใช่พ่อแม่แท้ๆ เหรอครับ?” ผู้อาวุโสสูงสุดถามด้วยความฉงนสงสัย
ถึงผู้อาวุโสสูงสุดจะพูดถูกบางส่วน แต่กลับไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิดเลยซักนิด
“ไม่ต้องถามมาก” เยี่ยหวันหวั่นกล่าว