บทที่ 626 เป็นเรื่องหลอกลูกชาย + บทที่ 627 นักเขียนการ์ตูน

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

บทที่ 626 เป็นเรื่องหลอกลูกชาย + บทที่ 627 นักเขียนการ์ตูน โดย Ink Stone_Romance

บทที่ 626 เป็นเรื่องหลอกลูกชาย

เหมยเหมยจะรู้จักอะไรที่เรียกว่าชามเฉิงฮว่าโต้ไฉ่เสียที่ไหน แต่เมื่อได้เห็นท่าทีของเหยียนซินหย่าราวกับการบูชาเทพยดานั้น เธอจึงรับรู้ได้ว่าชามใบนี้ต้องมีที่มาไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน

“แม่ชอบชามใบนี้หรือคะ?” เหมยเหมยถาม

เหยียนซินหย่าแทบไม่กระพริบตา สายตาที่จับจ้องมองชามใบที่วางอยู่บนโต๊ะราวกับสายตาที่ใช้มองคนรักอย่างเม่อลอย เธอจะได้ยินคำพูดของใครเสียที่ไหน เหมยเหมยที่เห็นลักษณะท่าทางของเธอก็เข้าใจได้

“แม่คะ งั้นหนูยกชามใบนี้ให้แม่ แม่ค่อยๆเก็บไว้ดู ไม่มีใครมาแย่งหรอกค่ะ!” เหมยเหมยพูดอย่างใจกว้าง แค่ชามคู่หนึ่งเท่านั้นเอง เธอไม่ได้เก็บมาใส่ใจนัก

เหยียนซินหย่ากลับสะดุ้งตกใจ รู้สึกจนปัญญากับความใจกว้างของลูกสาวเป็นอย่างมาก พูดอบรมสั่งสอนเหมยเหมยจนปากเปียกปากแฉะ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องสอนเธอ ไม่ว่าของอะไรก็ไม่ควรจะยกให้คนอื่นไปทั่ว

“หนูไม่ได้โง่สักหน่อย ถ้าเป็นคนอื่นหนูไม่ยอมให้หรอก แต่แม่เป็นแม่ของหนูนี่!” เหมยเหมยกลอกตาไปมาอย่างเอือมระอา มองว่าเธอโง่นักหรือไง?

อีกทั้งเป็นเพราะจ้าวอิงหัว เหยียนซินหย่า และคนอื่นๆต่างทำดีกับเธอ เธอถึงใจกว้างขนาดนี้ ลองเปลี่ยนเป็น อู่เจิ้งซือ เหอปี้อวิ๋น ดูสิ แม้แต่เงินแดงเดียวเธอก็จะไม่ยอมยกให้!

เหยียนซินหย่าได้ยินคำพูดที่น่าสบายใจเช่นนี้ จึงพุ่งกอดรัดฟัดหอมลูกสาวไปยกใหญ่ แต่เธอก็ไม่ยอมเก็บชามคู่นี้ไว้

“แม่เก็บมันไว้แทนลูกเอง ทั้งหมดนี่เป็นของเหมยเหมย อีกหน่อยถ้าลูกโตขึ้น ลูกค่อยเก็บไว้เอง” เหยียนซินหย่าจงใจพูดออกไปเช่นนั้น เพราะยังไงในตระกูลยังมีจ้าวเสวียหลินอีกคน แม้ว่าสองพี่น้องจะสนิทสนมกันดี แต่บัญชีบางอย่างต้องคิดแยกให้มันชัดเจน หลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต แล้วทำให้สองพี่น้องต้องแตกหักกัน

เหมยเหมยกลับไม่ได้เห็นด้วยนัก แม้ว่าเธอจะให้ความสำคัญกับเงิน แต่เธอก็เห็นว่าครอบครัวนั้นสำคัญกว่า!

ขอเพียงแค่ใครก็ตามที่ทำดีกับเธอจากใจจริง เธอจะตอบแทนกลับเป็นร้อยเท่า ซึ่งถือว่าเงินไม่ได้เป็นส่วนเกี่ยวข้องตรงจุดนี้เลย!

เมื่อเทียบกับครอบครัวแล้ว สิ่งของนอกกายไม่เคยอยู่ในสายตาของเธอสักนิด!

รอเหยียนหมิงซุ่นให้คนทำฝักมีดสำเร็จ เหมยเหมยถึงได้นำมีดเล่มนั้นออกมาจากกระเป๋าหน้าท้องของฉิวฉิวแล้วส่งให้กับพ่อของตน จ้าวอิงหัวที่ได้เห็นมีดเล่มนั้นอันสมบูรณ์แบบราวกับมีดเล่มใหม่ ในใจพลันเต้นตุบๆอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ประคองราวกับการประคับประคองคนรักก็มิปาน เพียงแต่……

เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้น เป็นสายที่โทรเข้ามาจากคุณปู่จ้าว

“ได้ยินมาว่าช่วงนี้แกได้มีดแหลมคมของทหารชาวญี่ปุ่นมาหรือ?” คุณปู่พูดออกมาตรงๆ โดยไม่คิดจะอ้อมค้อมแต่อย่างใด

จ้าวอิงหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ไม่กล้าแม้แต่จะปิดบัง เขาจึงบอกความจริงทุกอย่างออกไป

“เดือนหน้าเหมยเหมยจะเข้ามาแข่งขันที่เมืองหลวงมิใช่หรือ ให้หลานพกเอามีดมาให้ฉันด้วยล่ะ ฉันยังขาดมีดทหารชาวญี่ปุ่นอยู่พอดี!” คุณปู่พูดออกมาอย่างไม่เกรงอกเกรงใจ

จ้าวอิงหัวลังเลเพียงชั่ววินาที คุณปู่กลับเกิดโทสะขึ้น “ทำไม ไม่เต็มใจ?”

“ใช่เสียที่ไหนล่ะ เต็มใจสิ เต็มใจร้อยเท่า พ่อครับ แต่ถ้าให้เหมยเหมยถือมีดไปคงจะดูไม่เข้าท่านัก อย่างนั้นช่วงตรุษจีนผมค่อยเอาไปให้พ่อเองกับมือดีไหม?”

จ้าวอิงหัวพูดจายกยอ พยักหน้ารับอย่างว่าง่าย จ้าวเสวียหลินที่นั่งดูทีวีอยู่บนโซฟา คงไม่ต้องพูดถึงว่ารู้สึกสะใจแค่ไหน!

แย่งของเขาไป ใครก็อย่าหวังว่าจะได้เลย !

แน่นอนว่าคุณปู่ต้องรู้สึกเห็นใจหลานสาวไม่น้อย ให้เธอแบกมีดมาด้วยคงจะไม่เหมาะสมสักเท่าใด เขาจึงตบปากรับคำตามคำชี้แนะของจ้าวยิงหัวด้วยใจมุทิตาจิต และยินยอมให้เขาแขวนไว้ที่บ้านเป็นเวลาหนึ่งปี เมื่อถึงช่วงฉลองตรุษจีนค่อยนำกลับมาให้เขา

จ้าวอิงหัวเจ็บปวดเสียยิ่งกว่าสิ่งใด เขามองมีดเล่มนั้นที่เพิ่งจะได้มาครอบครอง ฉากละครก่อนหน้าที่เขาเล่นไปถือว่าเพียงพอแล้ว แต่จังหวะสุดท้ายกลับถูกคุณปู่แย่งไปเสียได้ โอ๊ย ช่างเจ็บปวดใจนัก!

ปัญหาอยู่ที่ว่าคุณปู่รู้ได้อย่างไรว่าเขามีมีดดีๆอยู่ในมือ?

จ้าวอิงหัวลองนึกเพียงชั่วครู่ก็พอจะเดาถึงใจความสำคัญในเรื่องนี้ได้ เห็นท่าทีปิดปากของลูกชายหัวแก้วหัวแหวน มีหรือที่เขาจะไม่เข้าใจ!

“เจ้าเด็กแสบกล้านักที่จะทำลายพ่อตัวเองลับหลัง ซินหย่า หักค่าขนมของเจ้าเด็กแสบนี่ครึ่งปี!”

จ้าวอิงหัวโกรธจนถึงขีดสุดจนจำต้องใช้วิธีการลงโทษที่เด็ดขาด ท่าทีได้ใจก่อนหน้านี้ของจ้าวเสวียหลินได้เปลี่ยนไปเป็นสีหน้าอมทุกข์ในพริบตา น้ำเย็นสาดลงมาปานฟ้ารั่ว เปลวไฟและน้ำแข็งปะทะชนกัน!

เหมยเหมยเดินเข้าไปหาและกระซิบด้วยเสียงอันเบาว่า “พี่คะ หนูให้เงินพี่เอง”

จ้าวเสวียหลินจึงรู้สึกเบิกบานใจอีกครั้ง เขาฉีกยิ้มอย่างดีใจเจือด้วยความชั่วร้าย!

…………………………………..

บทที่ 627 นักเขียนการ์ตูน

ผ่านไปแล้วอีกหนึ่งสัปดาห์ แต่จ้าวอิงหัวไม่ได้พักผ่อนอะไรนัก เขาได้นำทีมเข้าไปสำรวจการเรียนรู้ที่ฮ่องกง โดยมีระยะเวลานานครึ่งเดือนถึงจะได้กลับมา และได้บอกไว้ล่วงหน้าว่าจะซื้อเสื้อผ้าสวยๆกับมาให้เหมยเหมยสองแม่ลูก

เหยียนซินหย่าบอกกับเขาให้ซื้อให้แค่เหมยเหมย ค่าเงินที่ใช้จับจ่ายใช้สอยในฮ่องกงไม่ใช่น้อยๆ เงินเดือนเล็กน้อยที่จ้าวอิงหัวได้รับนั้น เกรงว่าแม้แต่นาฬิกาเรือนแพงสักเรือนยังซื้อไม่ไหวเลย!

เหมยเหมยก็ไม่ได้ต้องการเสื้อผ้าชุดใหม่แต่อย่างใด อีกทั้งโรงงานเสื้อผ้าของเหยียนหมิงซุ่นก็ใกล้จะเปิดทำการแล้ว ทั้งหมดคือรูปแบบใหม่สไตล์ฮ่องกง  ต่อจากนี้ไปเธอคงไม่ต้องกลุ้มใจที่จะไม่มีเสื้อผ้าสวยๆใส่แล้ว!

“พ่อคะ หนูอยากกินช็อกโกแลต พ่อซื้อช็อกโกแลตมาให้หนูหน่อยสิคะ อืม ยังมีหนังสือการ์ตูนอีก พ่อซื้อกลับมาให้หนูด้วยสักสองสามเล่มนะคะ!”

ในตอนนี้อุตสาหกรรมแอนิเมชันของบางประเทศถือว่าเป็นที่คุ้นหูคุ้นตาพอสมควร เพียงแต่ในประเทศยังไม่ค่อยเป็นที่นิยมนัก เธอจึงได้ขอให้จ้าวอิงหัวซื้อหนังสือการ์ตูนกลับมาให้ จุดประสงค์หลักก็เพื่อที่จะใช้เรียนรู้

เป็นเพราะเมื่อไม่นานมานี้ เธอเพิ่งนึกได้ว่าในอนาคตเธอจะทำอะไร!

การวาดรูปเป็นสิ่งที่จำเป็น  เพียงแต่เธอต้องการวาดการ์ตูน ไม่ใช่การวาดแบบดั้งเดิม

เพราะตัวเธอเองชอบเขียนเล่าเรื่องราว ทั้งยังชอบการวาดรูป ซึ่งการวาดการ์ตูนสามารถนำเอาทั้งสองสิ่งนั้นมาผสมผสานเข้าด้วยกัน ดังนั้น……

ในอนาคตเธออยากเป็นนักเขียนการ์ตูนผู้ประสบความสำเร็จ แบบนั้นเธอก็สามารถทำในสิ่งที่ตนเองชื่นชอบ ทั้งยังหาเงินได้อีกด้วย ยิงปืนนัดเดียวได้นกตั้งสองตัว ช่างดีนัก!

ในช่วงวันหยุดเหยียนซินหย่าได้พาทั้งลูกสาวและลูกชายไปยังบ้านพักหลังเก่าของเหยียนตานซิงที่ตั้งอยู่บนแถบถนนฮวายห่าย และยังได้สั่งให้จ้าวเสวียหลินนำพลั่วสำหรับขุดดินไปด้วย เหมยเหมยและจ้าวเสวียหลินต่างเกาหัวไปมา และทำตามผู้เป็นแม่สั่งด้วยท่าทีมึนงง

บ้านซอมซ่อหลังนี้ดูอ้างว้าง เหยียนซินหย่าบอกเพียงแค่รอให้อากาศร้อนมากกว่านี้หน่อย เธอจะหาช่างมาซ่อมแซมและบูรณะ หลายปีก่อนพ่อแม่ของเธอถูกกลับคำพิพากษา ทั้งยังได้รับเงินชดเชยคืนมาหนึ่งก้อน เหลือเฟือที่จะใช้สำหรับซ่อมแซม

เหยียนซินหย่าเดินนำพวกเขาตรงเข้าไปยังสวนด้านหลัง และเดินไปหยุดตรงต้นดอกเหมยที่มีลักษณะคดงอ และได้บอกให้จ้าวเสวียหลินขุดหลุมใต้ต้นนั้น

“ในปีนั้นคุณตาของพวกเธอคาดการณ์ไว้ว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น จึงตัดสินใจนำของสะสมทั้งชีวิตและผลงานภาพวาดห่อด้วยกระดาษน้ำมันอย่างละเมียดละไม และซุกซ่อนมันไว้ในโถเคลือบใบนี้ พวกเราทั้งสามคนช่วยกันหามรุ่งหามค่ำฝังกลบมันไว้ใต้ต้นเหมยต้นนี้ ซึ่งวันถัดไปคุณตาคุณยายก็ถูกคนพาตัวออกไป และไม่กลับมาอีกเลย!”

เหยียนซินหย่าหวนนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ดวงตาของเธอแดงก่ำ ช่วงที่พ่อของเธอถูกเอาตัวไป เขาก็เลือกที่จะปิดปากเงียบมาตลอด เธอรู้ดี ว่าพ่อของเธอต้องการให้เธอมีชีวิตที่ดีต่อไป รวมทั้งยังสามารถปกป้องสิ่งของล้ำค่าเหล่านี้!

เหมยเหมยหุนหันเข้าไปหา และค่อยๆตบเบาๆที่แผ่นหลังของเหยียนซินหย่า ในใจเธอเองก็ไม่ได้รู้สึกดีสักท่าไหร่

คุณตาของเธอเสียชีวิตไปด้วยอายุเพียงสี่สิบกว่า ถือว่าอายุยังน้อย อีกทั้งยังเต็มไปด้วยความสามารถ หากตอนนี้ยังมีชีวิตอยู่คงจะดีไม่น้อย คุณตาจะต้องออกแบบผลงานอันเลอค่าออกมาอีกมากเป็นแน่!

“แม่คะ คุณตาคุณยายถูกคนอื่นทำร้ายหรือคะ?” อู่เหมยอดไม่ได้ที่จะถาม

สีหน้าท่าทีของเหยียนซินหย่าเปลี่ยนไปเป็นเย็นชา เธอพูดขึ้นอยากเคียดแค้น “ถูกบุคคลอาชีพเดียวกันกับคุณตารายงานต่อทางการ ทั้งยังมีเด็กนักเรียนของคุณตาอีกสองคนเป็นพยานให้ เขาบอกว่าคุณตาเป็นชาวต่างชาติที่เข้ามาสอดแนม จากนั้นก็ตัดสินให้โทษกับคุณตาเสียแบบนั้น”

“แล้วสามคนนั้นเป็นใคร?” จ้าวเสวียหลินถามขึ้นอย่างโมโห แม่ไม่สั่งสอนหรือไง รอก่อนเถอะไอ้พวกชาติชั่วทั้งสาม ต่อไปนี้พวกมันต้องได้รับการแก้แค้นจากเขา

เหยียนซินหย่าขบเขี้ยวเคี้ยวฟันตอบออกไป “ตานเหอเจิ้ง หร่วนหวาไฉ่ เจิ้งซื่อหลิน ชื่อของพวกมันทั้งสาม จนตายฉันก็ไม่มีวันลืม”

“แม่คะ แล้วตอนนี้สามคนนี้อยู่ที่ไหน?”  เหมยเหมยถาม

“แม่เคยให้พ่อไปถามมา ตอนนี้ ตานเหอเจิ้ง เป็นศาสตราจารย์ประจำมหาลัยQH เป็นบุคคลที่มีเกียรติ มีชื่อเสียงอย่างมากทั้งในและต่างประเทศ และตอนนี้ทั้ง หร่วนหวาไฉ่ และเจิ้งซื่อหลิน ต่างก็เป็นเด็กนักเรียนของเขา หากพูดง่ายๆคือมีชื่อเสียงในวงการภาพเขียน และวงการนักสะสม”

เหยียนซินหย่าเกลียดตัวเองที่ใช้ไม่ได้เอาเสียเลย เธอได้แต่มองดูพวกคนที่ทำร้ายบุพการีของตัวเองจนตาย โดยที่พวกมันยังมีชีวิตอยู่ได้ด้วยความชื่นมื่น เป็นเธอเองที่ไม่สามารถแก้แค้นพวกมันได้เลย ก่อนหน้านั้นจ้าวอิงหัวเคยบอกว่าจะหาคนมาช่วย แต่เธอกลับปฏิเสธออกไป

แม้ว่าตานเหอเจิ้งและพวกเขาทั้งสามจะไม่ใช่นักการเมือง เพียงแต่ในวงการงานศิลปะพวกเขามีฐานะที่ไม่ธรรมดาเลยสักนิด อีกทั้งยังมีเกียรติยศชื่อเสียงมากในต่างประเทศ แม้ว่าตระกูลจ้าวจะเป็นดั่งตะวันค่ำฟ้า แต่คนที่คอยจับตามองพวกเขาอยู่เบื้องหลังกลับไม่น้อย ดังนั้นจะให้ตระกูลจ้าวลงมือง่ายๆ เพราะสามคนนี้ไม่ได้เด็ดขาด

………………………………………………