ตอนที่ 754: นักฆ่าที่เป็นเซียนผู้คุมกฎ

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 754: นักฆ่าที่เป็นเซียนผู้คุมกฎ

ด้วยการตายของคนขับรถม้า หยางหลิงจึงมีหน้าที่ซึ่งจะต้องขับรถม้าต่อไปโดยปริยาย หยางหลิงขับรถม้าผ่านหายไปไกลอย่างรวดเร็ว ศพของพวกนักฆ่าสิบกว่าศพ สิ่งที่หลงเหลืออยู่คือเลือดที่สาดกระเด็นไปทุกที่และศพเกลื่อนกลาด แสดงให้เห็นถึงสิ่งที่เกิดขึ้นมาก่อน

ในจุดที่ห่างออกไป ผู้คนที่มารวมตัวกันต่างเปิดทางให้แก่รถม้า พวกเขาจ้องมองไปที่คนในรถม้าอย่างชื่นชม เห็นได้ชัดว่า พวกเขาได้ประจักษ์ถึงความสามารถของเจี้ยนเฉินซึ่งฆ่าเซียนสวรรค์หลายคนอย่างต่อเนื่อง และทั้งหมดนั้นชื่นชมความแข็งแกร่งที่เจี้ยนเฉินนั้นได้แสดงออกมา

ในขณะนี้เอง คลื่นพลังได้เพิ่มขึ้นในที่ห่างไกลออกไป ลูกธนูที่มองไม่เห็นซึ่งทำมากจากพลังแห่งธรรมชาติพุ่งมาที่รถม้าด้วยความเร็วที่หาใดเปรียบได้ เหมือนว่ามันหลอมรวมเข้ากับสิ่งรอบข้าง

เจี้ยนเฉินที่นั่งขัดสมาธิอยู่ในรถม้าลืมตาตื่นขึ้นทันทีและตาของเขาเป็นประกาย เขานั้นเป็นเซียนผู้คุมกฎ ดังนั้นเขาจึงรู้สึกถึงพลังธรรมชาติที่มองไม่เห็นได้อย่างชัดเจนเป็นธรรมดา

“มีเซียนผู้คุมกฎที่ทรงพลังพยายามที่จะสังหารข้า ! ” เจี้ยนเฉินคิดกับตนเอง เขาไม่ว้าวุ่นใจเลยแม้แต่น้อยในตอนที่เขาเผชิญหน้ากับนักฆ่าสิบกว่าคนก่อนหน้านี้ แค่ในตอนนี้ เขาเริ่มรู้สึกเคร่งเครียดในที่สุด สิ่งที่ทำให้เขาคิดตอนนี้อาจจะเป็นการที่จะหนีไปให้ได้โดยไม่ต้องเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง

ธนูพลังธรรมชาติพุ่งไปที่รถม้าอย่างเงียบเชียบ ในขณะที่เจี้ยนเฉินนั่งอยู่ในรถม้าอย่างเจ็บปวด นี่เป็นเพราะเขาไม่สามารถตอบโต้ในรูปแบบใด ๆ ได้ ในฐานะที่เขาเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 และเขาไม่ควรจะรู้สึกได้ถึงพลังแห่งธรรมชาตินี้ซึ่งสามารถควบคุมได้โดยเซียนผู้คุมกฎเท่านั้น

ในวินาทีหน้าสิ่วหน้าขวานนั้น บรรยากาศรอบ ๆ ก็แข็งตัวทันทีทันใด มันทำให้ลูกธนูที่มองไม่เห็นซึ่งยิงไปที่รถม้าช้าลงเหมือนกับว่ามันพุ่งเข้าไปในโคลน ความเร็วที่พุ่งไปของมันไม่เร็วเหมือนตอนแรกอีกแล้ว

หลังจากนั้นไม่นาน ชายวัยกลางคนในชุดสีเทาได้พุ่งมาดุจดั่งสายฟ้าด้วยความเร็วที่ไม่น่าเชื่อเหมือนว่าเขาหลอมรวมกับบรรยากาศรอบ ๆ เขายืนอยู่ต่อหน้าลูกธนูที่มองไม่เห็นนั้น และป้องกันมันด้วยร่างกายของเขา ในขณะที่เขากำหมัดแน่น พลังธรรมชาติที่มองไม่เห็นก็ได้มารวมกันที่มือของชายผู้นั้นอย่างรวกเร็วและกลายเป็นดาบล่องหนขนาดใหญ่ เขาเหวี่ยงมันไปเพื่อรับลูกธนูที่พุ่งเข้ามา

ดาบใหญ่นั้นปะทะกับลูกธนูกลางอากาศ มันไม่ได้ระเบิดเสียงดังออกมา แต่มันทำให้อากาศรอบ ๆ บริเวณนั้นสั่นไหวอย่างรุนแรง ลูกธนูที่มองไม่เห็นนั้นกระจายหายไปและดาบใหญ่ที่มองไม่เห็นนั่นที่ถูกสร้างขึ้นมาจากชายผู้นั้นก็พุ่งต่อไปไกลโดยความเร็วไม่ลดลงเลย แค่ขนาดของมันลดลงบ้างเล็กน้อย

หลายกิโลเมตรห่างออกไป ชายชุดดำลอยตัวอยู่เงียบ ๆ กลางอากาศ เขาจ้องอย่างเคร่งขรึมไปที่ชายในเสื้อชุดเทา และธนูคันยาวก็ปรากฏขึ้นมาที่มือของเขาไม่นานหลังจากนั้น เขาง้างคันธนูและยิงลูกธนูที่มองไม่เห็นไปที่ดาบนั้น ก่อนที่เขาจะหลอมรวมเข้ากับมิติโดยไม่สนใจถึงผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นกับลูกธนูที่ยิงออกไป เขาหันกลับและหนีไปไกล จากนั้นก็หายไปทันที

“หืม เจ้ากล้าล่วงเกินสมาคมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงของข้าและเจ้าคิดว่าเจ้าจะหนีไปได้ง่ายดายแบบนี้หรือ ? หยุดอยู่ตรงนั้นนะ ! ” จิตสังหารรุนแรงปรากฏขึ้นที่ตาของชายผู้นั้น ก่อนที่เขาจะเริ่มไล่ตามชายที่หนีไปทันที

ในขณะที่ชายนั้นเริ่มที่จะไล่ตามไป ลูกธนูที่มองไม่เห็นอีก 3 ดอกที่สร้างมาจากพลังแห่งธรรมชาติได้ยิงมาที่รถม้าจากทางเหนือ ใต้ และตะวันออก พวกลูกธนูนั้นเร็วมาก

ท่าทีของชายวัยกลางคนเปลี่ยนไปอย่างมาก เขาหยุดการไล่ตามชายแก่อย่างทันทีทันใด และหันหลังกลับไปด้วยความพยายามทั้งหมดของเขาที่จุหยุดลูกธนูทั้งสามนั้น

ในขณะที่ชายนั้นกำลังพุ่งไปในอากาศ เขาคว้าไปที่พื้นที่ว่าง ๆ และดาบใหญ่ที่มองไม่เห็นที่สร้างมาจากพลังแห่งธรรมชาติก็ได้ควบรวมอยู่ในมือของเขา มันพุ่งไปที่ลูกธนูดอกแรกทันที ในตอนนี้ เขามาถึงทางที่ลูกธนูที่สองกำลังพุ่งเข้ามาแล้ว และเขาเหวี่ยงหมัดที่มีแสงสีขาวสว่างจ้าซึ่งทำให้ลูกธนูดอกที่สองหายไปออกไป อย่างไรก็ตาม ลูกธนูดอกที่สามได้เข้าใกล้รถม้าแล้ว ชายนั่นไม่มีเวลาที่จะหยุดมันได้ทันเวลาและได้แต่มองอย่างช่วยไม่ได้ในขณะที่ลูกธนูชนไปที่รถม้าด้วยความเร็วสูง

ในตอนนั้นเอง สายตาของเจี้ยนเฉินที่นั่งอยู่ในรถม้าก็เปล่งประกาย ภายในจุดรวมลมปราณของเขา ตันเถียนของเขาเริ่มปล่อยพลังบรรพกาลออกมาอย่างรุนแรง ครอบคลุมไปทั่วทุกอณูของร่างกายเขา มันทำให้พลังป้องกันที่มหาศาลของร่างบรรพกาลทำงานอย่างสมบูรณ์

ปัง !

ลูกธนูดอกที่สามที่ควบรวมมาจากพลังแห่งธรรมชาติที่ยิงเข้าไปที่รถม้า ปะทะเข้าที่หน้าอกของเจี้ยนเฉินด้วยความแม่นยำ ด้วยเสียงระเบิดที่รุนแรงนั้น พลังงานที่มองไม่เห็นได้ทำลายรถม้าที่หรูหรานั้นไปอย่างหมดสิ้น ในขณะที่พลังงานที่แผ่ออกมานั้นทำให้หยางหลิงที่ขับรถม้าอยู่กระเด็นลอยไป เขากระอักเลือดออกมา

ในขณะที่เจี้ยนเฉินพุ่งออกมาเหมือนกระสุนปืนใหญ่และทะลุผ่านกำแพงที่มั่นคงของร้านค้าไปหลายร้านก่อนที่จะหยุดอยู่ห่างออกไปหลายกิโลเมตร เสื้อขาวราคาแพงที่เขาใส่นั้นได้ขาดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เผยให้เห็นถึงเกราะไหมสีทองที่ส่องแสงอยู่เล็กน้อย เกราะนี้เป็นสมบัติแห่งการป้องกันที่ทำมาจากเส้นไหมของเทพหนอนไหมบรรพกาล

เจี้ยนเฉินลุกขึ้นมาจากพื้นด้วยสภาพน่าสงสาร เขาจ้องอย่างอยากรู้อยากเห็นไปที่เกราะทองที่ทำมาจากเส้นไหมของเทพหนอนไหมบรรพกาล ตาของเขาเป็นประกาย นี่เป็นเพราะพลังจากลูกธนูที่ยิงเข้ามาก่อนหน้านี้ถูกป้องกันได้อย่างสมบูรณ์จากเกราะทองนี้ ร่างบรรพกาลของเขาไม่ได้ทำอะไรเลย เขาใช้มันออกมาโดยเปล่าประโยชน์

“เจ้าเป็นอะไรหรือไม่ ? ” เสียงหนักแน่นดังมาจากใกล้ใกล้ ชายวัยกลางคนในชุดเทามาถึงจุดที่ใกล้ ๆ เจี้ยนเฉิน เขาลอยอยู่ 3 เมตรเหนือพื้น เขาจ้องไปที่เกราะด้วยความอยากรู้อยากเห็น

“ข้าไม่เป็นอะไร ขอบคุณท่านมากที่ช่วยข้า ! ” เจี้ยนเฉินป้องมือไปที่ชายวัยกลางคน

ชายคนนั้นจ้องไปที่เกราะสีทองของเจี้ยนเฉินสักพัก ก่อนที่จะละสายตาออกไปในทิศทางไกล ๆ “ถ้าเจ้าไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว แต่นักฆ่าจากนิกายใต้พิภพจะถูกปล่อยไปง่าย ๆ แบบนี้ไม่ได้” ชายนั่นไม่ได้สนใจที่เจี้ยนเฉินอีกต่อไป จากนั้นก็หายไปอย่างรวดเร็ว เขาไล่ตามนักฆ่าที่อยู่ไกลออกไปด้วยความเร็วสูง

ไม่นานหลังจากนั้น พลังมหาศาลก็ระเบิดแผ่ออกมาจากที่ไกลไกล ชายวัยกลางคนตามพวกนักฆ่าทันและพัวพันอยู่ในการต่อสู้ที่หนักหน่วง

ในเวลาเดียวกันนั้น คนกลุ่มใหญ่ได้บินเข้ามาจากที่ไกลไกล นำโดยชายชรา 2 คนบนเมฆขาวที่อยู่ในชุดคลุมยาวสีขาว พวกเขาดูเหมือนเป็นอมตะและด้านหลังเขามีชายวัยกลางคน 3 คนตามมาในชุดพอดีตัว

คนทั้งห้ามุ่งหน้าตรงมาที่เจี้ยนเฉิน ก่อนที่จะร่อนลงมาข้าง ๆ เจี้ยนเฉิน ชายชราที่นำหน้ามาสองคนนั้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคือ ท่านประธานของสมาคมและผู้อาวุโสสูงสุด

“หยางยู่เทียนคารวะท่านอาจารย์และท่านผู้อาวุโสสูงสุด” เจี้ยนเฉินป้องมือออกมาทันที ก่อนที่จะเหลือบมองข้ามไปที่ชายวัยกลางคนทั้งสามคนหลังท่านประธานและผู้อาวุโสสูงสุด เขาสามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าทั้งสามคนนั้นเป็นเซียนผู้คุมกฎ

ท่านประธาน ผู้อาวุโสสูงสุดและชายทั้งสามจ้องไปที่เกราะสีทองของเจี้ยนเฉินด้วยความสงสัย อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ละสายตาออกไปจากมันในไม่ช้า ก่อนที่จะมองไปที่เจี้ยนเฉินอย่างปกติ

“หยางยู่เทียน เจ้าเป็นอะไรหรือไม่ ? ” ท่านประธานถามอย่างอ่อนโยนและเต็มไปด้วยความห่วงใย

“ข้าขอบคุณท่านอาจารย์มากที่ห่วงใย ข้าสบายดี ! ” เจี้ยนเฉินตอบกลับ หลังจากนั้น เขาก็มองไปที่เกราะสีทองที่เขาใส่อยู่อย่างรวดเร็วและอดไม่ได้ที่จะกังวลภายในใจ เขาไม่รู้ว่าท่านประธานสนใจในเกราะนี้หรือไม่

“ช่างเป็นเกราะที่มหัศจรรย์อะไรเช่นนี้ มันสามารถป้องกันการโจมตีจากเซียนผู้คุมกฎได้และเจ้าของที่ใส่มันก็ไม่ได้รับบาดเจ็บเลย ดูเหมือนการป้องกันการโจมตีเมื่อครู่นี้จะยังไม่ถึงขีดจำกัดที่จะรับได้ของมัน ข้าสงสัยเหลือเกินว่ามันมีพลังป้องกันแค่ไหน หยางยู่เทียน ด้วยเกราะตัวนี้ มันดูเหมือนคงจะเป็นไปได้ยากที่เซียนผู้คุมกฎจะทำอันตรายแก่เจ้าได้ และข้าก็สามารถโล่งใจในความปลอดภัยของเจ้าไปได้เล็กน้อย” ผู้อาวุโสสูงสุดพูดอย่างประหลาดใน ในไม่ช้า เขาก็เริ่มถลึงตาและพูดด้วยเสียงทุ้ม “แต่พวกนักฆ่าเหล่านั้นจะหนีไปจากที่นี่ไม่ได้”

ในตอนนี้ การต่อสู้ในที่ห่างออกไปเริ่มดุเดือดขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งสี่ทิศทาง นักฆ่าที่เป็นเซียนผู้คุมกฎทั้งสี่คนได้เข้ามาขัดขวางการไล่ตามของชายชุดเทาที่ตามไป

ร่าง 2-3 ร่างปรากฏขึ้นมาและเข้ามาใกล้ที่ที่เจี้ยนเฉินอยู่ด้วยความเร็วสูง พวกเขามาถึงที่ถนนในไม่ช้า มีคนทั้งหมด 8 คนที่มา ทั้งหมดมีอายุต่างกัน บ้างหนุ่มบ้างแก่

ทันทีที่คนทั้งแปดมาถึง พวกเขามองไปที่เจี้ยนเฉินก่อนโดยเฉพาะอย่างยิ่งมองไปที่เกราะซึ่งเจี้ยนเฉินสวมใส่อยู่ ซึ่งทำให้พวกเขาตาลุกวาวเล็กน้อย หลังจากนั้น คนทั้งแปดก็ป้องมือไปที่ท่านประธาน และพูดอย่างค่อนข้างสุภาพ “ขอคารวะท่านประธาน ! “

หลังจากนั้น พวกเขาทั้งแปดก็เห็นท่านผู้อาวุโสสูงสุดดและพวกเขาทั้งหมดก็ยืนอึ้ง หนึ่งในนั้นพูดออกมาทันที “นี่คงเป็นท่านผู้อาวุโสสูงสุด ข้าได้ยินมาหลายปีแล้วว่า ท่านผู้อาวุโสสูงสุดได้รับบาดเจ็บและรักษาตัวอยู่ในสำนักงานใหญ่ ซึ่งมันทำให้พวกเรากังวลมาก แต่ดูเหมือนตอนนี้ ท่านผู้อาวุโสสูงสุดจะดูแข็งแรงดีแล้ว ช่างเป็นเรื่องที่น่ายินดี”

ผู้อาวุโสสูงสุดมองผ่านไปที่คนทั้งแปดอย่างเฉยเมยและไม่ได้กล่าวถึงเรื่องการบาดเจ็บ เขาพูดพร้อมรอยยิ้มเล็กน้อย “ใครจะคิดล่ะว่าหัวหน้าตระกูลของตระกูลทั้งแปดจะมากัน”

“ท่านผู้อาวุโสสูงสุด เมืองแห่งเทพเจ้านั้นถูกบริหารโดยพวกเราตระกูลทั้งแปด ตอนนี้มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น จะไม่ให้พวกเราออกมาได้อย่างไร ? ” ชายชราหัวเราะคิกคัก ก่อนที่จะมองไปที่เจี้ยนเฉิน เขาพูดพร้อมรอยยิ้ม “ข้าได้ยินมาว่ามีอัจฉริยะปรากฏตัวขึ้นมาที่สมาคมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงและอยู่ในระดับ 6 ด้วยอายุที่ยังน้อย ข้าเชื่อว่าเจ้าคือคนนั้นใช่หรือไม่ ? เจ้านี่ช่างสุดยอดจริง ๆ ที่รับการโจมตีและไม่มีรอยขีดข่วนใดใดเลยจากเซียนผู้คุมกฎทั้งที่เจ้าเป็นแค่เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 เท่านั้น นับว่าข้าได้เปิดหูเปิดตาจริง ๆ ” ในขณะที่เขาพูด ชายชราก็จ้องไปที่เกราะสีทองบนตัวเจี้ยนเฉินแทน สายตาแปลก ๆ ปรากฏขึ้นซึ่งไม่สามารถปกปิดความโลภที่อยู่ลึก ๆ ของเขาได้

ก่อนที่เจี้ยนเฉินจะตอนกลับไป ผู้อาวุโสสูงสุดก็พูดขึ้นมา “ในเมื่อการรักษาความสงบสุขของเมืองแห่งเทพเจ้าเป็นของตระกูลทั้งแปดแล้ว ทำไมพวกเจ้าไม่ไปรับมือกับพวกนักฆ่าล่ะ ? “

“ท่านผู้อาวุโสสูงสุดกล่าวถูกแล้ว มันควรจะเป็นคนของตระกูลทั้งแปดที่จะต้องจัดการกับมัน” คนพูดเป็นชายวัยกลางคน หลังจากที่เขาพูดจบ เขาก็บินออกไปไกล

หลังจากนั้นไม่นาน คนที่เหลือทั้งเจ็ดก็ตามออกไปด้วย พวกเขาแยกออกเป็นกลุ่มละ 2 คน 4 กลุ่ม และไล่ตามนักฆ่าที่เป็นเซียนผู้คุมกฎไปใน 4 ทิศทาง ไม่นานนัก การต่อสู้ที่อยู่ไกล ๆ ก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นไปอีก