บทที่ 1047 ล้อมล่า

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰

บทที่ 1047 ล้อมล่า

เมื่อมู่เฉินเตรียมการพร้อมทุกอย่าง

เสียงลมฉีกอากาศก็ดังก้องที่ด้านหลังก่อนที่คนอื่นๆ จะทะยานเข้ามา

ทั้งสี่คนกระจายความสุขบนใบหน้า เมื่อครู่ที่พวกเขาจัดการกับอสูรวิญญาณขั้นเจ็ดสิบกว่าร่าง พวกเขาได้สัมผัสประสบการณ์แล้วว่าอาวุธเสมือนมหหสวรรค์ทรงพลังแค่ไหน

ด้วยวัตถุเหล่านี้ ต่อให้เป็นจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดระยะปลายสุด พวกเขาก็ไม่ต้องกลัวแล้ว

เมื่อมู่เฉินเห็นความมั่นใจของพรรคพวกก็ยิ้มให้ก่อนที่จะมองเข้าไปในป่าส่วนลึก รัศมีความตายเริ่มหนาแน่นขึ้น ดูเหมือนว่าอสูรวิญญาณขั้นแปดก็สัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวที่เปลี่ยนแปร

“ต่อไปเรามากำจัดเจ้าตัวใหญ่นี่กันดีกว่า”

เมื่อได้ยินคำพูดของมู่เฉิน ใบหน้าของคนที่เหลือก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด พวกเขารู้ชัดว่าอสูรวิญญาณขั้นแปดไม่เหมือนกับขั้นเจ็ดเลย เช่นเดียวกับจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นแปดที่แข็งแกร่งกว่าขั้นเจ็ดหลายขุม

ด้วยอาวุธเสมือนมหสวรรค์ พวกเขาสามารถอยู่ยงคงกระพันในระดับจื้อจุนขั้นเจ็ดได้อย่างสบาย แต่ถ้าพวกเขาประมือกับระดับจื้อจุนขั้นแปดของแท้ ก็คงไม่ไหวเหมือนกัน

แต่เวลานี้ไม่ใช่เรื่องที่จะทำตัวหงออีกแล้ว พวกเขาแลกเปลี่ยนสายตากันก็พยักหน้าหนักแน่น ส่วนจอมยุทธ์เผ่าแรดอสูรทั้งสามคนก็หลบฉากไปด้านหลัง การต่อสู้ที่กำลังจะระเบิดขึ้นจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดธรรมดาอย่างพวกเขาไม่สามารถให้ความช่วยเหลือได้

เมื่อเห็นทุกคนเตรียมพร้อม มู่เฉินก็ไม่ชักช้าสะบัดมือออกไป ร่างเปลี่ยนเป็นลำแสงพุ่งเข้าไป ไม่กี่วินาทีก็ทะยานเข้าไปในป่าส่วนลึก

พรรคพวกสี่คนก็ติดตามมาอย่างใกล้ชิด

ซ่า! ซ่า!

มู่เฉินพลิ้วตัวลงตรงเบื้องหน้าต้นไม้ใหญ่ รัศมีความตายที่นี่หนาแน่นมากจนดูเหมือนข้นเหนียวไปจนถึงจุดที่ทำให้รู้สึกเหมือนกับอยู่ในบึงโคลน

สายตาเขาจับจ้องอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่มีร่างเงาสีดำนั่งอยู่เงียบๆ รัศมีความตายน่าสะพรึงกลัวหลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายเมื่อมันสูดดม

นอกจากนี้ยังมีแรงกดดันทรงพลังกำจายออกจากร่างมันด้วย

ภายใต้สายตาของพวกเขาที่จ้องมองไป ร่างเงาสีดำก็เปิดดวงตาขึ้น ดวงตาคู่นั้นกลวงโบ๋ มีเพียงรัศมีความตายหมุนคว้างราวกับหลุมดำ หากคนทั่วไปถูกจ้องมองนานเกิน กระทั่งพลังชีวิตที่มีก็จะถูกดึงออกจากร่างและถูกกลืนกินจากวิญญาณร้าย

ไม่มีสติปัญญาใดในสายตามีแต่ความรู้สึกชั่วร้าย ภัยคุกคามที่ปล่อยออกมายิ่งกว่าอสูรวิญญาณที่พวกเขาเคยพบมามาก

สีหน้าของพวกจิ่วโยวเคร่งขรึมลงมาก ชัดว่าสัมผัสได้ถึงความยากในการจัดการของอสูรวิญญาณขั้นแปดที่ยืนอยู่ตรงหน้า

ร่างนั้นยืนขึ้นช้าๆ ร่างกายของมันดูเหมือนจะแข็งทื่อ แต่ไม่มีความรู้สึกเฉื่อยชาใดๆ กลับเหมือนสามารถพุ่งทะยานประหนึ่งสายฟ้าฟาดทันทีที่เคลื่อนไหว

“โฮก!”

เสียงคำรามลึกต่ำสะท้อนจากลำคอ ขณะที่อสูรวิญญาณมองกลุ่มมู่เฉินด้วยม่านตาหลุมดำ เสียงคำรามช่างเต็มไปด้วยการข่มขู่คุกคาม

“แม้ว่าจะไม่มีสติปัญญา แต่สัญชาตญาณไม่ต่ำเลย” มู่เฉินอึ้งไป มีบาดแผลฉกรรจ์ทั่วร่างมันและมันรู้ว่านี่ไม่ใช่เวลาที่ดีที่สุดในการต่อสู้ ดังนั้นจึงส่งเสียงคำรามข่มขู่พวกเขา

“แต่วันนี้ข้าต้องได้หัวใจแก”

แม้ว่าอสูรวิญญาณตัวนี้จะไม่เข้าใจคำพูดของมู่เฉิน แต่มันสามารถสัมผัสได้จากสัญชาตญาณ ทันใดนั้นรูม่านตาสีเทาดำก็ถูกห่อหุ้มด้วยรัศมีความตาย เสียงคำรามดังกึกก้องยิ่งขึ้น

ตู้ม!

รัศมีความตายเชี่ยวกรากกวาดออก ต้นไม้รอบด้านล้มระเนระนาด ก่อนที่อสูรวิญญาณจะกลายเป็นลำแสงสีเทาพุ่งออกมา

ความเร็วของมันราวกับเสียงฟ้าร้อง พริบตาก็ปรากฏขึ้นไม่ไกลจากพวกเขา จากนั้นซัดหมัดออกมา รัศมีความตายรุนแรงกวาดออก มองจากที่ไกลราวกับมังกรขนาดพันจั้งที่สร้างขึ้นจากรัศมีความตาย

มังกรคลื่นความตายพุ่งใส่ ฉีกเหวลึกขึ้นบนพื้น ทุกสิ่งที่ขัดขวางจะสลายกลายเป็นเถ้าถ่านโดยรัศมีความตาย

เมื่ออสูรวิญญาณขั้นแปดโจมตีก็แสดงถึงพลังอันน่าสะพรึงกลัว

ใบหน้าของจิ่วโยวเคร่งเครียด นางก้าวออกไปเป็นคนแรก คลื่นหลิงในร่างกายไหลเวียนโดยไร้การหน่วงเหนี่ยวใดๆ ไม้เทพโทษาในมือยิงลำแสงสีดำออกมา ความมืดมิดกลืนแสงรอบข้างอย่างสมบูรณ์

ฮึ่ม! ฮึ่ม!

ไม้เทพโทษาสั่นไหว ขณะที่แสงสีดำไหลเวียนก็ขยายขนาดอย่างรวดเร็ว เมื่อมีความยาวประมาณสิบจั้งก็ฟาดลงมา ทันใดนั้นดวงจันทร์สีดำก็ลอยขึ้นในสวรรค์และโลก แสงทั้งหมดหายไปภายใต้ดวงจันทร์สีดำนี้

เมื่อดวงจันทร์สีดำเคลื่อนลงมาพร้อมกับไม้สีดำก็ทะลุผ่านมังกรคลื่นความตาย จากนั้นร่างใหญ่โตก็หดตัวลงเกือบครึ่งด้วยความเร็วที่เห็นได้ชัด

ทว่าแม้มันจะหดลงเหลือครึ่งหนึ่ง รัศมีความตายที่เหลือก็ยังคงมีขนาดใหญ่ พลังที่ครอบครองน่าอัศจรรย์ใจนัก

“กระดิ่งทิพย์เพลิงแดง!”

แต่ในเวลาเดียวกัน เสียงร้องแผ่วเบาก็ดังกึกก้อง กระดิ่งสีแดงลอยอยู่บนท้องฟ้า ตัวกระดิ่งสั่นไหวส่งเสียงก้องกังวาน เปลวไฟเอนกอนันต์กวาดออกมา ทันใดนั้นมหาสมุทรเพลิงก็แผดเผาฟ้าดิน อุณหภูมิในมิติเพิ่มสูงขึ้นทันที แม้กระทั่งอากาศก็เผาไหม้

ปัง!

มหาสมุทรเพลิงโหมกระหน่ำใส่ร่างมังกรยักษ์ ทันใดนั้นการระเบิดที่น่ากลัวและรุนแรงก็ดังสนั่นหวั่นไหว อุณหภูมิสูงขึ้นมาก แม้แต่ป่าไม้สีเทาซีดก็ลุกไหม้อยู่ด้านล่าง

โฮก!

รัศมีความตายพุ่งออกมาจากปากของมังกรขณะพยายามดับมหาสมุทรเพลิง

ตู้ม!

พลองสีดำและหอกทองคำโบราณพุ่งเข้ามาในจังหวะนี้ตามด้วยแรงเคลื่อนไหวเชี่ยวกราก ประสานพลังฉีกทึ้งมังกรคลื่นความตายออกจากกันจนสลายกลายเป็นแสงสีเทา

ที่เบื้องหลังมู่เฉินมองทั้งสี่ประสานพลังแล้วสามารถสลายการโจมตีของอสูรวิญญาณขั้นแปดได้ ริ้วความตื่นตะลึงก็วูบไหวในดวงตา ด้วยพลังอาวุธเสมือนมหสวรรค์สี่ชิ้น ชัดว่าพวกจิ่วโยวพอมีคุณสมบัติที่จะเผชิญหน้ากับระดับจื้อจุนขั้นแปดได้แล้ว

ทว่านี่น่าจะเป็นแค่ชั่วคราวเนื่องจากอสูรวิญญาณยังไม่ได้แสดงพลังอย่างเต็มที่

โฮก!

ขณะที่ความคิดนี้พล่านไปในหัวใจของมู่เฉิน ทันใดนั้นเสียงคำรามความตายก็ดังกึกก้อง ลำแสงสีดำพุ่งออกมาจากรัศมีความตายบนท้องฟ้า ปรากฏตรงหน้ากลุ่มของจิ่วโยวแล้วซัดฝ่ามือออกไปฉับพลัน

ครืน!

นี่เป็นฝ่ามือที่ดำราวกับน้ำหมึก กระทั่งท้องฟ้ายังมืดมิดลงทันใด ลวดลายแห่งความตายแผ่กระจายไปทั่วท้องฟ้า หากสิ่งเหล่านี้บุกรุกเข้าไปในร่างกายของใครละก็ คนคนนั้นจะต้องตายอย่างแน่นอน

ทั้งสี่คนสีหน้าเปลี่ยนแปรทันที โดยไม่ลังเลพวกเขาก็เร้าอาวุธเสมือนมหสวรรค์ในมือ แสงที่กำจายออกช่วยต้านทานลวดลายแห่งความตายไว้ได้

แต่การต่อต้านก็กินเวลาไม่กี่อึดใจก่อนที่รัศมีหลิงรอบตัวพวกเขาจะมืดลง ฝ่ามือที่ปกคลุมด้วยคลื่นความตายซัดลง ทั้งสี่คนได้รับบาดเจ็บกระเด็นออกไปในสภาพสะบักสะบอม

อ็อก! อ็อก!

เลือดกบปาก พวกเขาดูน่าอนาถอย่างมาก ทว่าโชคดีที่แต่ละคนมีอาวุธเสมือนมหสวรรค์ปกป้องร่างจากรัศมีความตาย

ตอนนี้พวกเขาเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าอสูรวิญญาณขั้นแปดร่างนี้ทรงพลังเพียงใด แม้จะมีอาวุธเสมือนมหสวรรค์ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถเอาชนะได้

โฮก!

อสูรวิญญาณคำราม รัศมีความตายหนาแน่นกลายเป็นลูกคลื่นขนาดมโหฬารกวาดมาทางด้านหลังพวกเขา เงาร่างสีเทาดำก็ทะยานออกมาอีกครั้ง เห็นได้ชัดว่ามันตั้งใจจะฆ่าผู้บุกรุกให้ได้โดยเร็วที่สุด

ตู้ม!

แต่ขณะที่มันซัดพลังเข้าหาทั้งสี่ แสงสีทองก็เบ่งบานขึ้นบนท้องฟ้าฉับพลัน ร่างเทพสุริยะปรากฏขึ้นพร้อมกับฝ่ามือสีทองกดลงมา เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว

ตึง!

เผชิญหน้ากับการโจมตีฉับพลันของมู่เฉิน อสูรวิญญาณก็เหวี่ยงหมัดออก รัศมีความตายดุเดือดปะทะกับฝ่ามือทองคำที่กดทับลงมา

คลื่นกระแทกรุนแรงระเบิดขึ้น ฝ่ามือทองคำขนาดใหญ่ไม่สามารถทำอะไรอสูรวิญญาณได้แม้แต่น้อย

โฮก!

ม่านตาสีเทาดำจับจ้องอยู่ที่มู่เฉินก่อนที่มันจะแผดเสียงคำรามลึก มันสามารถรู้สึกได้ว่าภัยคุกคามที่มู่เฉินปล่อยออกมาแข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มคนพวกนี้

ดังนั้นมันจึงไม่ได้ไล่ตามทั้งสี่คน พริบตาก็กลายเป็นร่างแสงยิงเข้าใส่ร่างเทพสุริยะ อสูรวิญญาณอ้าปากกว้าง รัศมีความตายรวมตัวกันรุนแรง ก่อนที่จะบีบอัดราวกับเป็นลูกระเบิดความตาย

แม้แต่มิติรอบปากก็บิดเบี้ยว

เมื่อมู่เฉินเห็นฉากนี้ก็อดไม่ได้ที่จะหดตาลง อสูรวิญญาณขั้นแปดจัดการลำบากจริงๆ แม้ว่าจิงฉิงเทียนจะมาอยู่ที่นี่ ก็คงจะถูกฆ่าตายในไม่กี่กระบวนท่า

ครืน!

รัศมีความตายควบแน่นจนถึงขีดสุดในปากอสูรวิญญาณ สุดท้ายก็กลายเป็นลำแสงมรณะยิงทะลุมิติพุ่งเข้าหามู่เฉิน

ตู้ม! ตู้ม!

ประจันหน้ากับการโจมตีที่น่ากลัวของอสูรวิญญาณ มู่เฉินก็ไม่กล้าที่จะประมาท ดวงอาทิตย์สีทองลุกโชนขึ้นในร่างเทพสุริยะ ก่อนที่จะระเบิดเป็นของเหลวสีทองพุ่งออกมา

ของเหลวสีทองก่อตัวเป็นคทาทองคำในมือมู่เฉิน จากนั้นก็โบกมันลงปะทะกับลำแสงมรณะ

เสียงกัมปนาทดังขึ้นบนท้องฟ้าพร้อมกับคลื่นกระแทกที่น่าสะพรึงกลัวระเบิดออกมา ป่าเบื้องล่างถูกถอนรากถอนโคน ต้นไม้น้อยใหญ่แตกกระจายจากแรงกระแทก

ทั้งสี่คนมองไปที่ท้องฟ้าด้วยสายตากังวล มู่เฉินเป็นจอมยุทธ์ที่มีพลังต่อสู้แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มพวกเขา ถ้ากระทั่งเขายังไม่สามารถจัดการกับอสูรวิญญาณขั้นแปดได้ ภารกิจของพวกเขาจะต้องลำบากยิ่งแน่นอน

ตู้ม!

แสงสีทองกวาดออกบนท้องฟ้า ร่างเทพสุริยะถลาออกไปพร้อมกับรอยแตกปรากฏบนพื้นผิวก่อนที่จะระเบิดเป็นประกายแสงสีทองปกคลุมท้องฟ้า

ส่วนอสูรวิญญาณก็แค่ถอยออกไปไม่กี่ร้อยจั้งเท่านั้น แม้ว่ารัศมีความตายรอบตัวจะไม่เสถียรครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่ได้รับความเสียหายมากนัก

เมื่อเห็นฉากนี้หัวใจของพวจิ่วโยวก็ดิ่งลง ความแข็งแกร่งของอสูรวิญญาณขั้นแปดเกินความคาดหมายของพวกเขา นั่นเป็นเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเห็นร่างเทห์สวรรค์ของมู่เฉินถูกทำลายลงอย่างรวดเร็ว

ภายใต้สายตาเป็นกังวล เงาร่างของมู่เฉินก็ปรากฏตัวขึ้นบนท้องฟ้าสีทองพร้อมกับสีหน้าเคร่งเครียด ขณะมองไปที่อสูรวิญญาณซึ่งถูกห่อหุ้มด้วยรัศมีความตายเชี่ยวกราก จากนั้นเขาก็ถอยออกมาโดยไม่ลังเล

โฮก!

ขณะที่มู่เฉินถอยกลับ อสูรวิญญาณก็คำรามเสียงบาดหู มันกระทืบเท้าลงบนพื้น ร่างกลายเป็นลำแสงสีดำพุ่งเข้าไล่ล่ามู่เฉิน

ความเร็วของอสูรวิญญาณขั้นแปดรวดเร็วมาก เพียงไม่กี่อึดใจก็ไล่ตามมู่เฉินทันแล้ว แต่ขณะที่มันกำลังจะหมุนเวียนรัศมีความตายเพื่อโจมตี มู่เฉินก็หยุดชะงักลงทันที แสงสีดำวูบไหวในดวงตาเขาขณะมองศัตรู จากนั้นเขาก็คลี่ยิ้ม มือสร้างตราประทับทันที

ฮึ่ม! ฮึ่ม

เมื่อตราประทับสร้างขึ้น สัญลักษณ์หลิงยิ่งนับไม่ถ้วนก็พวยพุ่งบนท้องฟ้าเปล่งแสงพราว ลวดลายเส้นสายปรากฏขึ้นในบริเวณนี้ เส้นสายเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน ก่อตัวเป็นค่ายกลขนาดใหญ่หลายค่ายกล…

กะจำนวนค่ายกลคงมีไม่ต่ำกว่าสิบค่ายกลเลยทีเดียว

เพื่อล่าอสูรวิญญาณขั้นแปด ชัดว่ามู่เฉินเทหมดหน้าตัก สร้างทุกค่ายกลที่ศึกษามาแล้วใช้ประโยชน์ได้!