ตอนที่ 1961

War sovereign Soaring The Heavens

WSSTH ตอนที่ 1,961 : เหมืองลำดับที่ 1

 

 

การไปยังแท่นบูชาพยัคฆ์ขาวครั้งนี้ หลี่อันมีเพียงจุดประสงค์เดียวเท่านั้น

 

เพื่อตามหาสหายของต้วนหลิงเทียน จูลู่ฉี!

 

มันยังจดจำได้ที่ว่าตอนต้วนหลิงเทียนมาถึงแท่นบูชาเต่าทมิฬวันแรก ข้างกายมีสหายอยู่ด้วย 2 คน!

 

หลังจากมันไปตรวจสอบดู ก็พบว่าสหายทั้ง 2 คนของต้วนหลิงเทียนเรียกว่า กู่ลี่ กับ จูลู่ฉี!

 

คนแรกอยู่ในแท่นบูชานกไฟ ส่วนคนหลังอยู่แท่นบูชาพยัคฆ์ขาว!

 

“ข้าไม่เชื่อว่ากู่ลี่กับจูลู่ฉีอะไรนั่น…พวกมันจะปิดด่านอยู่แต่ในบ้านเพื่อบ่มเพาะพลังเหมือนต้วนหลิงเทียน!”

 

ระหว่างทางสีหน้าท่าทางของหลี่อันจริงจังขรึมเคร่งนัก

 

ตั้งแต่ที่ต้วนหลิงเทียนสังหารศิษย์หลานของมันอย่างหยวนหงไปเมื่อ 3 เดือนก่อน หลี่อันก็มักไปแอบซุ่มจับตาดูเขตที่พักของเหล่าศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬ

 

มันกำลังรอกระต่ายอย่างต้วนหลิงเทียนออกจากโพรง! หมายจับตัวต้วนหลิงเทียนและใช้ทักษะลับควาญวิญญาณกับต้วนหลิงเทียน!

 

ในลัทธิบูชาไฟ แม้มันจะเกลียดเคียดแค้นต้วนหลิงเทียนเพียงใด มันก็ไม่กล้าฆ่าต้วนหลิงเทียนอย่างวู่วาม

 

วิธีการของหอคุมกฏในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของลัทธิบูชาไฟนั้นแข็งกร้าวนัก ผู้ต้องสงสัยทั้งหมดที่ลงความเห็นว่าอาจเป็นมือสังหารต้วนหลิงเทียน…ไม่พ้นถูกควบคุมตัวมากล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์ทุกคน ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของต้วนหลิงเทียนหรือไม่!!

 

เช่นนั้นมันจึงไม่กล้าเสี่ยง!

 

อย่างไรก็ตามหากเป็นแค่การใช้ทักษะลับควาญวิญญาณกับต้วนหลิงเทียน โดยที่ไม่ให้ใครรู้เห็นล่ะก็ ด้วยฐานะอาวุโสเพลิงเงินอันดับ 1 แห่งแท่นบูชาเต่าทมิฬของมัน ถึงแม้หอคุมกฏจะรู้เรื่องนี้ภายหลังแต่ก็ไม่ลงโทษอะไรมันมาก

 

น่าเสียดายที่ตลอดระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมา ต้วนหลิงเทียนกลับปิดด่านฝึกตนโดยที่ไม่ก้าวออกจากเรือนชั้นรองแม้แต่ก้าวเดียว เช่นนั้นมันจึงไม่อาจหาโอกาสใช้ทักษะควาญวิญญาณกับต้วนหลิงเทียนได้

 

และวันนี้ต้วนหลิงเทียนก็กำลังจะถูกอาวุโสคุมกฏกัวฉงพาส่งไปยังเหมืองลำดับที่ 1 เพื่อรับโทษทัณฑ์ใช้แรงงานเป็นเวลา 10 ปีแล้ว มันจึงตระหนักได้ว่าคงไม่มีทางใช้ทักษะควาญวิญญาณกับต้วนหลิงเทียนได้ในเร็วๆนี้

 

ในเมื่อไม่อาจลงมือกับต้วนหลิงเทียนได้ เช่นนั้นมันจึงเลือกที่จะเบนเป้าไปยังสหายทั้งสองของต้วนหลิงเทียนอย่างกู่ลี่และจูลู่ฉี!

 

และด้วยความที่จูลู่ฉีอยู่ในแท่นบูชาพยัคฆ์ขาวซึ่งใกล้กับแท่นบูชาเต่าทมิฬมากกว่าแท่นบูชานกไฟ มันจึงเลือกจะลงมือกับจูลู่ฉีก่อน…

 

ไม่ทราบว่าหลี่อันที่แท้เป็นคนมีโชคหรืออย่างไร

 

ทันทีที่หลี่อันมาถึงเขตที่พักของเหล่าศิษย์แท่นบูชาพยัคฆ์ขาว มันก็พบว่าจูลู่ฉีกำลังออกจากบ้านพัก หมายไปที่ไหนสักอย่าง อีกทั้งบริเวณละแวกที่พักแถวนี้ผู้อื่นกลับปิดด่านบ่มเพาะกันหมด ไม่มีใครออกมานั่งสนทนากันเลย!

 

ฟุ่บ!

 

ทันใดนั้นร่างหลี่อันก็ไหววูบพุ่งไปดั่งอัสนีฟาดจี้เข้าหาจูลู่ฉีด้วยความเร็วเหนือล้ำ

 

“ผู้ใด!?”

 

ด้านจูลู่ฉีก็หน้าเปลี่ยนสีทันที เพราะมันได้ยินเสียงแหวกอากาศฉับไว ที่สำคัญคือเสียงดังกล่าวกำลังพุ่งมาหามัน!

 

อย่างไรก็ตามแม้หน้าจูลู่ฉีจะเปลี่ยนสี แต่มันก็ไม่มีเวลาตอบสนองอันใดทั้งสิ้น เพราะทันทีที่มันได้ยินเสียงร่างหลี่อันก็บรรลุถึงด้านหลังของมันแล้ว อีกทั้งพลังมหาศาลของหลี่อันก็สะกดร่างมันเอาไว้จนไม่อาจกระดิกได้แม้ปลายนิ้ว

 

มันตกอยู่ในกำมือของหลี่อันโดยสมบูรณ์!

 

หลังจากนั้นจูลู่ฉีก็พบว่าทิวทัศน์รอบกายของมันเปลี่ยนไปไวเกินกว่าที่สายตามันจะมองทัน…จูลู่ฉีถูกลักพาตัวไปเสียแล้ว!

 

หลังจากผ่านไปพักหนึ่ง จูลู่ฉีก็พบว่าผู้ที่ลักพาตัวมันมาค่อยๆชะลอความเร็วลง

 

และในที่สุดอีกฝ่ายก็หยุดลง

 

“หลี่อัน?”

 

ถึงแม้ว่าตั้งแต่ต้นจนจบมันจะมองไม่เห็นหน้าค่าตาผู้ลงมือ แต่ก็ไม่ยากที่จูลู่ฉีจะเดาว่าใครลงมือกับมัน

 

ด้วยพลังฝีมือระดับนี้ อีกทั้งลักพาตัวมันมาที่เปลี่ยวร้างผู้คนเช่นนี้ อยู่ๆจูลู่ฉีพลันนึกถึงคำเตือนที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวบอกไว้เมื่อสามเดื่อนก่อนขึ้นมา…ยังดีที่ต้วนหลิงเทียนถ่ายทอดทักษะลับที่มีไว้ป้องกันทักษะจำพวกสืบค้นวิญญาณเอาไว้แล้ว…

 

ครู่ต่อมาร่างชราหนึ่งก็กระพริบวูบจากด้านหลังมาปรากฏเบื้องหน้าจูลู่ฉี ให้ได้แลเห็นหน้าค่าตาชัดเจน

 

ร่างชรานี้มันย่อมเคยพบเห็นมาแล้วครั้งหนึ่งในวันแรกที่มาถึงลัทธิบูชาไฟ ไม่ใช่ใครที่ไหนเป็นหลี่อัน อาวุโสเพลิงเงินอันดับ 1 ของแท่นบูชาเต่าทมิฬ!

 

เป็นอย่างที่มันเดาไว้ไม่มีผิด

 

‘โชคดีที่ข้าใช้ทักษะลับที่ต้วนหลิงเทียนถ่ายทอดเอาไว้ตลอดเวลา…’

 

เมื่อหลี่อันใช้ทักษะควาญวิญญาณกับจูลู่ฉี สติของจูลู่ฉีก็ดับไปทันที คนคล้ายหุ่นกระบอกตัวหนึ่ง

 

หลี่อันมองจูลู่ฉีเบื้องหน้าที่คล้ายหุ่นกระบอกไปแล้วด้วยสายตาเยียบเย็น กล่าวถามออกไปทันที “เจ้าเป็นผู้ใด”

 

“ข้าคือจูลู่ฉี”

 

ประกายตาจูลู่ฉีหม่นแสงลงไม่ต่างคนตาย ทว่าคนกลับสามารถตอบคำถามของหลี่อันจากจิตใต้สำนึกออกมาอย่างไร้คำโป้ปด

 

“แล้วผู้ใดคือต้วนหลิงเทียน?”

 

หลี่อันกล่าวถามออกมาอีกครั้ง

 

“สหายของข้า”

 

จูลู่ฉีกล่าวตอบอีกรอบ

 

“ภูมิหลังของมันเป็นเช่นไร แล้วมันมาจากที่ใดกันแน่?”

 

ขณะที่หลี่อันยิงคำถามนี้ออกไปลูกตาของมันก็เผยความตื่นเต้นออกชัด เพราะนี่คือสิ่งที่มันอยากรู้มากที่สุด!

 

ตราบใดที่มันสืบค้นภูมิหลังความเป็นมาของต้วนหลิงเทียนได้ล่ะก็ มันส่งข่าวเรื่องนี้ไปให้หยางชงสหายของมันที่วังอุดรไพศาล แน่นอนว่าคราวนี้หยางชงต้องจัดการญาติสนิทมิตรสหายของต้วนหลิงเทียนจนเหี้ยนแน่!

 

กระทั่งหากจับตัวคนสำคัญของต้วนหลิงเทียนไว้ในกำมือ เรื่องจะบีบคั้นให้ต้วนหลิงเทียนออกจากลัทธิบูชาไฟไปช่วยเหลือก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้!

 

และทันทีที่ต้วนหลิงเทียนออกนอกเขตลัทธิบูชาไฟเมื่อใด คนก็ไม่ต่างใดจากปลาบนเขียงให้พวกมันแล่สับได้ตามใจ!

 

“ข้ามิรู้”

 

อย่างไรก็ตามคำตอบของจูลู่ฉีกลับทำให้รอยยิ้มตื่นเต้นบนใบหน้าของหลี่อันชะงักค้างทันที ยังเร่งกล่าวถามออกไปด้วยน้ำเสียงเข้มขรึม “มิใช่เจ้าเป็นสหายของมันหรือไร ไฉนถึงไม่ทราบความเป็นมาของมัน!?”

 

“ข้าพึ่งได้พบกับต้วนหลิงเทียนก่อนที่จะเดินทางมาถึงลัทธิบูชาไฟแค่มิกี่วันเท่านั้น ต้วนหลิงเทียนเองก็มิเคยกล่าวถึงเรื่องนี้ออกมา และข้าก็ไม่เคยถาม…”

 

จูลู่ฉียังกล่าวตอบคำถามของหลี่อันออกมาราวหุ่นยนต์

 

“บัดซบ!”

 

ได้ยินคำตอบนี้ของจูลู่ฉี หลี่อันก็รู้ได้ทันทีว่าครั้งนี้มันดีใจเก้อเสียแล้ว ยังคว้าจับได้แต่น้ำเหลว!

 

จูลู่ฉีผู้นี้ไม่แม้แต่จะรู้ความเป็นมาของต้วนหลิงเทียนด้วยซ้ำ!

 

“เหอะ!”

 

เนื่องจากจูลู่ฉีไม่อาจมอบคำตอบที่ต้องการให้แก่หลี่อันได้ หลี่อันจึงคร้านจะเสียเวลาอะไรกับมันอีก เหินร่างจากไปทันที

 

หลังหลี่อันจากไป แววตาดั่งปลาตายของจูลู่ฉีก็หวนกลับมามีประกายอีกครั้ง

 

และหลังจากที่มันรู้สึกตัว มันก็พบว่าบัดนี้มันได้อยู่ท่ามกลางป่าลึกแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นป่าในเขตพื้นที่ของแท่นบูชาพยัคฆ์ขาวเอง…

 

หลังคืนสติกลับมาได้ไม่ทันไร จูลู่ฉีก็ตระหนักได้ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้า อดไม่ได้ที่จะกล่าวพึมพำออกมาให้ได้ยินคนเดียว “หลี่อันสมควรใช้ทักษะควาญวิญญาณกับข้าไม่ผิดแน่…หวังว่าทักษะลับที่ต้วนหลิงเทียนถ่ายทอดให้ข้าจะใช้การได้ หาไม่แล้วข้าคงได้ทรยศสหายโดยไม่รู้ตัว…”

 

ไม่ต้องกล่าวถึงว่าทักษะลับที่จูลู่ฉีจะได้ผลหรือไม่ ทางด้านหลี่อันเมื่อไม่ได้ ‘คำตอบ’ ที่ต้องการ มันก็รุดร่างมุ่งหน้าออกจากแท่นบูชาพยัคฆ์ขาวทันที

 

คราวนี้มันมุ่งหน้าไปยังแท่นบูชานกไฟ!

 

มันได้ไปแอบซ่อนตัวหมายรอดักกระต่ายออกจากโพรงอีกครั้ง ทว่าคราวนี้กระต่ายที่ว่ากลับเป็นกู่ลี่ แน่นอนว่ามันคิดจะใช้ทักษะควาญวิญญาณกับกู่ลี่เช่นกัน..

 

ทว่าตอนนี้หลี่อันยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ ว่ากู่ลี่ได้ออกจากลัทธิบูชาไฟไปตั้งแต่เมื่อ 3 เดือนก่อนแล้ว…

 

ด้านต้วนหลิงเทียนเป็นธรรมดาว่าไม่อาจล่วงรู้ถึงความเคลื่อนไหวเล็กๆน้อยๆที่หลี่อันลอบกระทำ

 

ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนที่เหินร่างติดตามอยู่ข้างๆอาวุโสกัวฉง ก็ใกล้ถึงเหมือนลำดับที่ 1 ที่แท่นบูชาจตุรลักษณ์รับผิดชอบร่วมกันเต็มที

 

“อาวุโสกัวฉง ข้าได้ยินมาว่าลัทธิบูชาไฟมีเหมืองแร่หินเซียนระดับสูงไว้ในครอบครองหลายแห่ง นอกจากนั้นยังมีเหมืองแร่หินเซียนระดับกึ่งสวรรค์ด้วย…แล้วเหมืองที่ข้าจะต้องไปทำงานมันเป็นเหมืองแร่หินเซียนระดับกึ่งสวรรค์หรือไม่?”

 

ต้วนหลิงเทียนที่สนใจเรื่องนี้อดมองถามกัวฉงออกมาไม่ได้

 

“ย่อมไม่ใช่”

 

กัวฉงส่ายหัวกล่าว “สายแร่หินเซียนระดับกึ่งสวรรค์มีค่ายิ่งนัก ย่อมไม่ได้อยู่ในเขตรับผิดชอบของพวกเราแท่นบูชาจตุรลักษณ์ ทว่ามันตั้งอยู่ในใจกลางดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของลัทธิบูชาไฟเรา”

 

“เพราะสายแร่หินเซียนระดับกึ่งสวรรค์นี้ ยังผลให้แม้ไม่ต้องมีค่ายกลรวมวิญญาณอันใด แต่พลังวิญญาณฟ้าดินที่ถูกมันปลดปล่อยออกมานับว่าหนาแน่นบริบูรณ์นัก สายแร่ดังกล่าวอยู่ลึกลงไปใต้ดินของใจกลางดินแดนศักดิ์สิทธิ์…และมักจะถูกขุดโดยทาสที่พวกเราควบคุมไว้ หรือผู้ที่กระทำผิดในดินแดนศักดิ์สิทธิ์…เรียกว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์เป็นผู้รับผิดชอบเรื่องการขุดเหมืองแร่หินเซียนกึ่งระดับสวรรค์โดยตรง”

 

“นอกจากนั้น ในบริเวณดังกล่าวพวกเรายังจัดตั้งค่ายกลรวมวิญญาณไว้บางส่วน เพื่อสร้างสถานที่บ่มเพาะชั้นเลิศให้ศิษย์ที่โดดเด่นและมีผลงานดีได้เข้าไปใช้บ่มเพาะฝึกปรือพลัง”

 

กัวฉงกล่าวออกมารวดเดียวจบ

 

ต้วนหลิงเทียนเข้าใจได้โดยพลัน

 

ทุกวันนี้หินเซียนระดับกึ่งสวรรค์ก็ไม่ใช่ของแปลกใหม่อะไรสำหรับเขา

 

เพราะในเขตที่พักเหล่าศิษย์ของแท่นบูชาเต่าทมิฬนั้น ขุมพลังที่คอยขับเคลื่อยค่ายกลรวมวิญญาณทั้ง 5 ค่ายของเรือนชั้นรองที่เขาพักอาศัยอยู่ ก็คือหินเซียนระดับกึ่งสวรรค์นั่นเอง

 

ด้วยเหตุนี้การบ่มเพาะพลังในเรือนชั้นรองจึงมีประสิทธิภาพมาก

 

ข้อได้เปรียบเหล่านี้ ขุมพลังมีอันดับอื่นๆในภูมิภาคเบื้องบนของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าไม่อาจเทียบได้เลย

 

มีเพียงอีก 2 ลัทธิเท่านั้น ที่มีสภาพการณ์คล้ายคลึงกับลัทธิบูชาไฟ

 

สืบเนื่องมาจากการดำรงอยู่ของค่ายกลรวมวิญญาณ จึงไม่ต้องลำบากถือหินเซียนระดับกึ่งสวรรค์ไว้ในมือยามบ่มเพาะให้เมื่อยอีกต่อไป เพราะค่ายกลรวมวิญญาณไม่เพียงแต่จะชักนำพลังวิญญาณฟ้าดินโดยรอบมาผนึกไว้ในตัวค่ายกล มันยังจะชักนำพลังวิญญาณฟ้าดินออกจากหินเซียนระดับกึ่งสวรรค์ที่เป็นขุมพลังออกมาให้ฟุ้งตลบในค่ายกลด้วย…

 

“ยกเว้นสายแร่หินเซียนระดับกึ่งสวรรค์แล้ว สายแร่หินเซียนระดับหนึ่งทั้งหมดล้วนอยู่ภายใต้การดูแลจัดการของแท่นบูชาจตุรลักษณ์เรา…เหมืองลำดับ 1 ที่เจ้าจะไป ก็เป็นเหมืองแร่ที่มีสายแร่หินเซียนระดับ 1 ที่ใหญ่โตและบริบูรณ์พร้อมพรั่งมากที่สุดของลัทธิบูชาไฟ

 

กัวฉงกล่าวสืบต่อ

 

ด้วยคำชี้แนะของกัวฉง  ต้วนหลิงเทียนก็ได้เข้าใจเรื่องราวต่างๆมากยิ่งขึ้น กระทั่งได้รับทราบข้อมูลของเหมืองลำดับ 1 ที่เขากำลังจะไปใช้แรงงานเป็นกรรมกรไม่น้อย

 

ในเขตพื้นที่ทำเหมืองของเหมืองแร่ลำดับ 1 นั้น จะถูกแบ่งออกเป็น 2 เขตใหญ่ๆ เขตหนึ่งมีพื้นที่ขนาดใหญ่กว้างขวาง ส่วนอีกเขตนั้นเป็นพื้นที่ขนาดเล็ก

 

พื้นที่ขนาดใหญ่จะถูกเรียกกันว่า ‘เขตทาส’ ซึ่งเต็มไปด้วยข้าทาสที่จับหรือไม่ก็ซื้อหามาทั่วดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า เพื่อใช้ในการทำงานเต็มรูปแบบ

 

เรียกว่าทันทีที่พวกมันถูกพามายังลัทธิบูชาไฟแห่งนี้ ชะตากรรมชั่วชีวิตของพวกมันก็ถูกลิขิตให้จมปลักอยู่ที่นี่เรียบร้อย

 

หากพวกมันไม่อยากตาย พวกมันก็ทำได้แค่ต้องตั้งใจทำงานให้ดี และประพฤติตัวอย่างซื่อสัตย์ทำงานรับใช้ลัทธิบูชาไฟขุดหินเซียนไปชั่วชีวิต!

 

ส่วนเขตพื้นที่ขนาดเล็กนั้นเป็นที่รู้จักกันในนาม ‘เขตลงทัณฑ์’ ผู้ที่มาอาศัยอยู่ที่นี่เพื่อใช้แรงงานขุดเหมือง ล้วนแล้วแต่เป็นศิษย์สาวกของแท่นบูชาจตุรลักษณ์ที่กระทำผิดทั้งสิ้น!

 

พวกมันทั้งหมดจะถูกส่งมาใช้แรงงานที่นี่เพื่อชดใช้ความผิดที่ก่อเอาไว้

 

ศิษย์แท่นบูชาจตุรลักษณ์ที่กระทำความผิดมีบ้างที่ถูกลงโทษเป็นระยะเวลาสั้นๆ เพียงใช้แรงงานขุดหินเซียนเป็นเวลา 3-5 ปีเท่านั้น ส่วนผู้ที่กระทำผิดหนักหนาหน่อยบ้างก็ต้องชดใช้กรรมทำเหมืองอยู่ที่นี่นับร้อยปี…

 

“เขตลงทัณฑ์นั้น มีอยู่แต่ในเหมืองลำดับที่ 1 เท่านั้น ส่วนเหมืองอื่นๆจักใช้แรงงานทาสทั้งสิ้น”

 

กัวฉงกล่าว

 

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับด้วยความเข้าใจ

 

หลังได้รับคำอธิบายลงลึกถึงเรื่องเหมืองแร่ลำดับที่ 1 ต้วนหลิงเทียนก็รับทราบสถานการณ์ของมันไม่น้อย

 

นอกจากนั้นต้วนหลิงเทียนยังรับทราบว่า เหมืองแร่ลำดับที่ 1 นั้น จะมีอาวุโสเพลิงทองเป็นผู้ควบคุมดูแลหลักทั้งสิ้น 2 คน

 

เรียกว่าอาวุโสเพลิงทอง 2 คนนั้น หนึ่งรับผิดชอบเขตพื้นที่ใหญ่คอยควบคุมเหล่าแรงงานทาสทั้งหลาย ส่วนอีกคนก็ประพฤติตัวไม่ต่างอะไรกับพัสดีคอยควบคุมดูแลศิษย์ที่กระทำความผิดในเขตพื้นที่ลงทัณฑ์

 

“ข้างหน้าเจ้าก็ถึงเหมืองลำดับที่ 1 ของลัทธิบูชาไฟเราแล้ว”

 

เสียงกัวฉงดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้ต้วนหลิงเทียนที่เหม่อคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยดึงสติกลับมาอยู่กับตัว