บทที่ 587 ดอกบัวเพลิงพิพากษา

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)

บทที่ 587 ดอกบัวเพลิงพิพากษา

หลิงตู้ฉิงได้พาคนของเขาออกจากห้องหลอมสมบัติทันที เนื่องจากในห้องนั้นไม่มีสมบัติใด ๆ เหลืออีกแล้วเพราะว่าคนของสำนักสวรรค์สัประยุทธ์ได้เอาพวกมันไปจนหมด

ไม่นานหลังจากนั้น พวกของหลิงตู้ฉิงก็เดินออกไปถึงเรือนหลังหนึ่งที่อยู่ในสวนด้านหลังตำหนัก

เรือนหลังนี้น่าจะเป็นสถานที่ที่เจ้าตำหนักศักดิ์สิทธิ์หลีเทียนไว้ใช้หลับนอน ซึ่งเย่ชิงเฉิงและคนอื่น ๆ ต่างก็พบกับเครื่องประดับมากมายที่น่าจะเป็นของผู้หญิงวางอยู่ในเรือน

แน่นอนว่าเครื่องประดับเหล่านี้ของสมบัติวิเศษที่มีพลังอำนาจแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก

เมื่อเห็นเช่นนี้ เย่ชิงเฉิงและคนอื่น ๆ ต่างก็แบ่งกันหยิบสิ่งของไปเรื่อย ๆ จนสุดท้ายพวกเขาก็มองไปที่ผ้าห่มที่อยู่บนเตียง ซึ่งหลิงตู้ฉิงก็พูดขึ้นทันที “พวกเจ้าหยิบพอแล้ว เหลือของเอาไว้ที่นี่บ้าง ไม่เช่นนั้นใครบางคนได้ร้องไห้ไม่หยุดแน่”

ของเหล่านี้มันคือของส่วนตัวของเย่เจียงไห่ การที่พวกเขาจะเอาไปแม้กระทั่งผ้าห่มมันออกจะดูเกินไปสักหน่อย

หลักจากนั้นหลิงตู้ฉิงก็พาทุกคนเดินออกจากเรือนไปยังบ่อน้ำด้านหลัง

ที่ตรงกลางของบ่อน้ำนั้น มีดอกบัวดอกหนึ่งกำลังบานสะพรั่งอยู่ แต่สิ่งที่ทำให้ดอกบัวนี้ดูประหลาดก็คือมันมีเพลิงสีดำทมิฬลุกท่วมมันอยู่ด้วย

“นายท่าน พวกเราเก็บมันได้ไหม?” หลงเฉินถามขึ้น

“อย่าเด็ดขาดนะ!” เสี่ยหนานเทียนรีบพูดขึ้นทันที

ตั้งแต่เสี่ยหนานเทียนติดตามหลิงตู้ฉิง เขาก็เก็บสมบัติมาได้มากมาย ซึ่งแน่นอนว่าเขาไม่ได้เปิดเผยกับใครว่าสิ่งที่เขาเก็บไปมันคืออะไรบ้าง

แต่ตอนนี้เมื่อเขาเห็น ดอกบัวนี้เขาก็รู้สึกตกตะลึงทันที

โดยเฉพาะตอนที่หลงเฉินเอ่ยขึ้นถามว่าจะเก็บมันได้ไหม เขาจึงยิ่งต้องรีบเอ่ยปากห้ามขึ้นทันที

หลงเฉินมองไปที่เสี่ยหนานเทียน และคิดในใจว่า ‘เจ้าเป็นแค่ผู้ที่มาขอพึ่งใบบุญเจ้านายของข้าเพื่อเก็บสมบัติ เจ้าจะมาทำตัววุ่นวายทำไมกัน?’

เสี่ยหนานเทียนไม่สนใจสายตาของหลงเฉิน และพูดต่อ “จากในบันทึกของสำนักของข้าที่ข้าเคยอ่านมา ดอกบัวนี้มันคือดอกบัวเพลิงพิพากษา ใครก็ตามที่มีบาปติดตัวและไปแตะต้องมัน คนผู้นั้นจะถูกมันเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่านทันที ซึ่งมันจะมีสักกี่คนกันในโลกใบนี้ที่ไม่มีบาปติดตัว? ดังนั้นหากเราไปเก็บมันเราจะต้องถูกมันเผาอย่างแน่นอน”

หลงเฉินอ้าปากค้างทันทีเมื่อได้ยินเช่นนี้ เขานึกไม่ถึงว่าบนโลกนี้จะมีของแบบนี้ด้วย

หลิงตู้ฉิงพูดขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “เจ้าเอาแต่สนใจดอกบัวจนลืมมองไปแล้วเหรอว่าน้ำในสระนี้มันคือน้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งความเมตตา ชีวิตที่แล้วของเจ้าเด็กนั่นช่างร่ำรวยจริง ๆ ที่มีแม้กระทั่งดอกบัวเพลิงพิพากษาและยังมีสระที่เต็มไปด้วยน้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งความเมตตาแบบนี้”

“สหายเต๋า ข้าต้องการตักน้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งความเมตตาไปสักหน่อย และถ้าหากเจ้าต้องการ ข้าสามารถแลกเปลี่ยนกับเจ้าได้ ข้ามีวิถีแห่งการชำระบาป ซึ่งข้าต้องการแลกมันกับเม็ดบัวของเจ้า”

ดอกบัวเพลิงพิพากษาที่เงียบมาตลอด จู่ ๆ มันก็ส่งเสียงขึ้นว่า “ได้พานพบกันเช่นนี้นับได้ว่าเรามีชะตาที่ต้องกัน พวกเจ้าทุกคนสามารถตักน้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งความเมตตาไปได้ส่วนหนึ่ง ส่วนวิถีแห่งการชำระบาปนั้นข้าต้องการมัน ข้าจะแลกมันด้วยเม็ดบัวของข้า 3 เม็ด!”

หลิงตู้ฉิงพยักหน้า และพูดกับเหล่าคนของเขาว่า “ถอยห่างออกไปจากข้าก่อน”

ถึงแม้ว่าทุกคนจะไม่เข้าใจว่าหลิงตู้ฉิงจะทำอะไร แต่เมื่อได้ยินคำสั่งพวกเขาก็รีบถอยออกมาทันที จากนั้นหลิงตู้ฉิงก็โทรจิตไปบอกกับเตาเพลิงศักดิ์สิทธิ์ว่า “จงปิดกั้นพื้นที่โดยรอบของข้ากับดอกบัวเพลิงพิพากษาเอาไว้ ห้ามให้แม้แต่พลังวิญญาณเพียงเศษเสี้ยวเล็ดรอดออกไปได้”

เตาเพลิงศักดิ์สิทธิ์รีบทำตามที่สั่งทันที มันใช้อำนาจของค่ายกลในตำหนักปิดกั้นพื้นที่บริเวณที่หลิงตู้ฉิงและดอกบัวเพลิงพิพากษายืนอยู่ทันที

เมื่อเห็นว่าทุกอย่างพร้อมแล้ว หลิงตู้ฉิงจึงปลดปล่อยกลิ่นอายอันน่าขนลุกออกจากร่างของตัวเองทันที

ดอกบัวเพลิงพิพากษาถอนหายใจ “เฮ้อ บาปของสหายที่สั่งสมไว้มันช่างมหาศาลยิ่งนัก ไม่แปลกใจเลยจริง ๆ ว่าทำไมสหายที่ถึงต้องการน้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งความเมตตา”

ในตอนนี้บุคลิกของหลิงตู้ฉิงเหมือนกับว่ากลายเป็นคนละคนไปเลย เขามองไปที่ดอกบัวเพลิงพิพากษาด้วยสีหน้าจริงจังและพูดว่า “ไม่จำเป็นต้องพูดถึงเรื่องบาปของข้า ส่วนน้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งความเมตตานั้นการที่ข้านำมันไป ข้าจะเอามันไปใช้กับสิ่งอื่น เอาล่ะ ตอนนี้เจ้าจงมองดูให้ดี ๆ อย่าให้คลาดสายตา ด้วยความสามารถของข้าในตอนนี้ข้าสามารถแสดงมันให้เจ้าดูได้เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น และข้ายังต้องแสดงมันแบบเร็วที่สุดด้วย”

เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงก็ใช้พลังวิญญาณของตนเองฉายภาพต่าง ๆ ออกมาร่างกายของเขา ซึ่งภาพเหล่านั้นมันคงอยู่เพียงครู่เดียวเท่านั้นก็จางหายไป

ทางด้านของดอกบัวเพลิงพิพากษา มันมองไปที่หลิงตู้ฉิงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นมันก็ใช้กลีบของมันค่อย ๆ ตักน้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งความเมตตารดลงไปที่ตัวของหลิงตู้ฉิงอย่างแผ่วเบา ซึ่งมันทำให้กลิ่นอายอันน่าขนลุกเบาบางลงไปเป็นอย่างมาก

ดอกบัวเพลิงพิพากษาถอนหายใจและพูดว่า “สหายเต๋า มันถือเป็นเรื่องประเสริฐอย่างยิ่งที่ในชีวิตนี้ของสหายสามารถกลับใจเปลี่ยนเส้นทางเดินของสหายได้ ดังนั้นข้าขอมอบน้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งความเมตตาทั้งหมดนี้ให้กับสหาย เอาล่ะในเมื่อตอนนี้ข้าได้รับวิถีแห่งการชำระบาปแล้ว ข้าคงต้องขอตัวไปทำการชำระล้างก่อนก็แล้วกัน!”

เมื่อพูดจบ ดอกบัวเพลิงพิพากษาก็ส่งเม็ดบัว 3 เม็ดไปให้กับหลิงตู้ฉิง จากนั้นมันก็บินออกจากบ่อน้ำไปยังสถานที่แห่งหนึ่งที่อยู่ใต้พิภพ

หลิงตู้ฉิงเก็บเม็ดบัวทั้งสามเม็ดลงในแหวนมิติ และจากนั้นเขาก็โทรจิตไปหาเตาเพลิงศักดิ์สิทธิ์ “เจ้าทำหน้าที่ได้ดีมาก หลังจากนี้ข้าจะมอบเศษประกายเพลิงแห่งบาปให้กับเจ้า ซึ่งมันจะทำให้เจ้าเกิดการาเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่”

เตาเพลิงศักดิ์สิทธิ์รีบตอบกลับทันที “ขอบคุณนายท่าน!”

หลิงตู้ฉิงยิ้มและส่งโทรจิตไปว่า “ในตอนนี้เจ้าควรจะเข้าใจได้แล้วใช่ไหมว่าข้าไม่ใช่เจ้านายที่แท้จริงของเจ้า”

เตาเพลิงศักดิ์สิทธิ์เผยกายเป็นร่างวิญญาณปรากฏขึ้นตรงหน้าหลิงตู้ฉิง พร้อมกับหัวเราะและพูดว่า “ไม่ว่าจะยังไงในตอนนี้ท่านยังคงเป็นเจ้านายของข้า ข้าสามารถสัมผัสได้ถึงจิตใจของท่านได้และข้าก็ชมชอบเป็นอย่างมาก หากเจ้านายเก่าของข้าไม่ปรากฏตัวตอนนี้ ข้าคงจะขอติดตามท่านไปแล้ว เพราะว่าท่านจะต้องสามารถพาข้าไปอยู่ถึงจุดที่ข้าไม่สามารถไปถึงด้วยตัวเองได้แน่นอน”

หลิงตู้ฉิงยิ้มตอบกลับว่า “เอาล่ะ ตอนนี้เจ้าจงปล่อยให้เจ้าหนูนั่นให้บ่มเพาะเพลิงหนานหมิงให้เสร็จได้แล้ว ไม่เช่นนั้นหลังจากนี้เขาอาจจะไม่สามารถสยบผู้คนอื่น ๆ ที่อยู่ที่นี่ได้ทั้งหมด”

“รับทราบนายท่าน!” เตาเพลิงศักดิ์สิทธิ์ตอบกลับ และหลังจากนั้นร่างของมันก็หายไปจากตรงหน้าของหลิงตู้ฉิง

ในเวลาเดียวกัน เย่เจียงไห่ที่กำลังบ่มเพาะเพลิงหนานหมิงอยู่ในห้องฝึกก็สัมผัสได้ว่าจู่ ๆ พลังวิญญาณในห้องฝึกกลับหนาแน่นมากขึ้นกว่าเดิมหลายร้อยเท่าและพุ่งเข้าใส่ตัวเขาอย่างไม่รู้จบ ส่งผลให้ระดับการบ่มเพาะของเขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วยิ่งกว่าเดิม

หลังจากเตาเพลิงศักดิ์สิทธิ์หายไปแล้ว หลิงตู้ฉิงก็เดินไปหาเหล่าคนของเขาและพูดว่า “เอาล่ะ พวกเจ้าทุกคนจงไปตักน้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งความเมตตาในสระได้แล้ว ส่วนใครจะตักได้มากเท่าไหร่นั้นมันขึ้นอยู่กับโชคของพวกเจ้าเอง”

เสี่ยหนานเทียนรีบเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าตื่นเต้นทันที “พี่หลิง พวกเราตักได้แล้วจริง ๆ เหรอ? ว่าแต่ดอกบัวนั่นไปไหนแล้วล่ะ?”

หลิงตู้ฉิงเหลือบไปมองเสี่ยหนานเทียน และพูดว่า “ข้าบอกเจ้าก่อนหน้านี้แล้วใช่ไหมว่าให้เจ้าอย่าพูดอะไรให้มันมากนัก! สำหรับบทลงโทษในการที่เจ้าพูดมาก เจ้าสามารถตักน้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งความเมตตาได้แค่ 1 ชั่ง* เท่านั้น!”

*1 ชั่ง หรือ 1/2ลิตร

เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของเสี่ยหนานเทียนก็กลายเป็นสลดทันที แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะพูดเถียงอะไรออกมา

เขาเข้าใจดีว่าเป็นเพราะเขาที่พูดมาก ทุกคนที่อยู่รอบ ๆ เขาจึงได้รู้จักชื่อของดอกบัว ซึ่งมันอาจมีผลกระกับชะตากรรมของแต่ละคนในอนาคตที่เขาเองก็ไม่สามารถเดาได้

เขาหยิบขวดหยกจากในแหวนมิติออกมาและตักน้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งความเมตตาด้วยรอยยิ้มอันขมขื่น เขาตั้งมั่นไว้ในใจแล้วว่าต่อไปนี้เขาจะไม่พูดอะไรออกมาอีกแน่นอน

หลังจากนั้นไม่นานทุกคนก็ตักน้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งความเมตตากันจนครบ ซึ่งเหลือหลิงตู้ฉิงเป็นคนสุดท้ายที่ยังไม่ได้ตัก

ในขณะเดียวกับที่หลิงตู้ฉิงหยิบขวดหยกขึ้นมาและกำลังจะตักน้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งความเมตตาที่เหลือนั้น หยูชี่หลงก็เดินเข้ามาพอดีพร้อมกับกลุ่มคนของตระกูลหยู

เมื่อเห็นการกระทำของหลิงตู้ฉิง หยูชี่หลงก็รีบตะโกนขึ้นทันที “เหลือไว้ให้พวกข้าด้วย!”

แต่เมื่อเขาเห็นว่าหลิงตู้ฉิงไม่มีท่าทีที่จะหยุดเลย หยูชี่หลงจึงรีบหยิบขวดหยกของตัวเองขึ้นมาพร้อมกับพุ่งตัวมาที่บ่อน้ำเพื่อแย่งตักน้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งความเมตตา!