ตอนที่ 756: ศิษย์พี่จอมเจ้าเล่ห์ (2)

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 756: ศิษย์พี่จอมเจ้าเล่ห์ (2)

“ช่างเป็นศิษย์พี่ที่เหลี่ยมจัดอะไรเช่นนี้ เขาต้องการที่จะให้ข้ายกเกราะนี้ให้ ข้าสงสัยจริง ๆ ว่ามันเป็นความต้องการของหยุนเทียนหรือของท่านประธานกันแน่” เจี้ยนเฉินคิดอย่างรวดเร็ว แต่เขาไม่รีบร้อนที่จะพูดออกไป เจี้ยนเฉินรู้ดีว่าเกราะนี้มีค่ามากขนาดไหน มันสร้างมาจากเส้นไหมที่ได้มากจากเทพไหมบรรพกาลซึ่งได้ถือกำเนิดมาบนโลกนี้ มันเป็นสมบัติที่มีหนึ่งเดียวซึ่งไม่สามารถได้มาเพราะโชคช่วยหรือจากการค้นหา เขาสามารถยกเกราะชิ้นนี้ให้กับพ่อแม่ของเขาหรือสหายที่เขาไว้ใจได้อย่างไม่ลังเล แต่ไม่ใช่กับท่านประธานของสมาคมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงนี้

เจี้ยนเฉินลังเลอยู่สักพักและซ่อนโทสะไว้ภายในใจของเขา เขาพูดขอโทษขอโพยออกไป “ศิษย์พี่ เกราะนี้ได้ช่วยชีวิตของข้าเอาไว้ ถ้าไม่มีเกราะตัวนี้ บางทีข้าอาจจะตายไปแล้วด้วยน้ำมือของนักฆ่าจากนิกายใต้พิภพและหอยามะ ถ้าข้าสละเกราะนี้ไป บางทีข้าอาจจะไม่สามารถก้าวออกไปจากที่สำนักงานใหญ่นี้ได้เลย ด้วยความรู้และประสบการณ์ของศิษย์พี่ ศิษย์พี่คงจะรู้ดีอยู่แล้วว่าพวกนักฆ่านั้นหลบซ่อนตัวเก่งเพียงใด เป็นไปไม่ได้เลยที่จะป้องกันตัวจากพวกเขา”

หยุนเทียนยังคงยิ้มอยู่และพูดอย่างปกติ “ข้าได้ยินมาว่าศิษย์น้องไปเผชิญหน้ากับนักฆ่ามาก่อน แต่ไม่ต้องเป็นกังวลไป มันเป็นเพียงเรื่องบังเอิญเท่านั้น ข้าเชื่อว่าท่านอาจารย์คงไม่ได้คาดว่าทั้งสององค์กรนั้นจะส่งเซียนผู้คุมกฎตั้งหลายคนมาจัดการกับเจ้า อะไรแบบนั้นจะไม่เกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่ 2” เมื่อพูดจบ หยุนเทียนก็หยุดซักพักก่อนจะพูดต่อ “อีกทั้งยังมีคนตั้งมากมายรู้แล้วว่าศิษย์น้องมีสมบัติแบบนี้อยู่ในตอนนี้ มันต้องมีคนที่โลภอยากได้แน่ ถ้าเซียนผู้คุมกฎมาหาเจ้าละก็ เจ้าจะปกป้องสมบัตินี้ได้อย่างไร ? มันคงจะไปตกอยู่ในมือของพวกนั้น ในท้ายที่สุดและสร้างปัญหาให้กับเจ้าเป็นแน่ ทำไมเจ้าไม่มอบมันให้กับท่านอาจารย์และให้ท่านอาจารย์เก็บไว้ชั่วคราวล่ะ ? เมื่อศิษย์น้องแข็งแกร่งมากพอที่เก็บมันไว้ได้แล้ว ก็ให้อาจารย์คืนมันแก่เจ้าไป ศิษย์น้องคิดว่าอย่างไร ? “

“หืม หยางยู่เทียน เมื่อเจ้ายกเกราะให้ท่านอาจารย์แล้ว ข้าจะยืมมันมาจากท่านอาจารย์ ด้วยเกราะนี้ ข้าก็จะไม่เกรงกลัวเซียนผู้คุมกฎเมื่อข้าอยู่ต่อหน้าพวกมัน ข้า หยุนเทียน ต้องได้เกราะทองนั้นเพื่อต่อต้านการโจมตีของเซียนผู้คุมกฎ” หยุนเทียนยิ้มเยาะในใจและความละโมบอย่างรุนแรงปรากฏขึ้นลึก ๆ ภายในดวงตาของเขา

เจี้ยนเฉินมองไปที่ท่านประธานและถามอย่างสงบ “ท่านอาจารย์ ท่านอยากให้เป็นเช่นนี้หรือไม่ ? ถ้าท่านต้องการ ข้าสามารถให้ท่านอาจารย์เก็บมันไว้ชั่วคราวได้ ไม่เป็นไร” ด้วยการพูดแบบนั้น เจี้ยนเฉินต้องการที่จะรู้ว่ามันเป็นความคิดของหยุนเทียนหรือท่านประธานที่สั่งให้ศิษย์พี่ของเขาทำแบบนั้น

ท่านประธานจิบชาอย่างนุ่มนวลและวางถ้วยลงอย่างช้า ๆ เขามองไปที่เจี้ยนเฉินแล้วพูด “หยางยู่เทียน ข้าอยู่ได้อีกไม่นานนัก มากที่สุดก็ร้อยปี หรืออาจจะแค่ไม่กี่ปีต่อจากนี้ข้าอาจจะกลายเป็นฝุ่นผงและหายไปกับสายลมไปแล้วก็ได้ อีกทั้งความแข็งแกร่งของข้าในตอนนี้ มีคนเพียงนับนิ้วได้เท่านั้นในเมืองแห่งเทพเจ้าที่สามารถทำอันตรายกับข้าได้ ดังนั้นการที่ข้าใส่เกราะไว้ก็ทำให้เกราะไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไร อีกทั้งในตอนนี้เจ้ากำลังเผชิญหน้ากับการลอบสังหารร่วมกันของทั้งสององค์กร ถ้าเจ้าใส่เกราะนั่นไว้ มันจะช่วยชีวิตเจ้าได้ เจ้าไม่ต้องสนใจที่ศิษย์พี่ของเจ้าพูดหรอก”

“ท่านอาจารย์…” หยุนเทียนหมดความอดทนและต้องการที่จะโน้มน้าวเขาต่อ แต่เขาก็หยุดเมื่อท่านประธานยกมือขึ้น ท่านประธานกล่าว “หยุนเทียน เจ้าไม่ต้องพูดอีกแล้ว ศิษย์น้องของเจ้าเป็นอัจฉริยะที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนและจะมาถึงในระดับเดียวกันกับข้าเป็นแน่ หรืออาจจะไปถึงระดับ 8 ในตำนาน ในระหว่างนี้ ความปลอดภัยของศิษย์น้องของเจ้านั้นสำคัญที่สุด มันเหมาะสมแล้วที่ศิษย์น้องของเจ้าจะสวมเกราะนั้นไว้”

เจี้ยนเฉินผ่อนคลายเล็กน้อยและมองไปที่หยุนเทียน “ดูเหมือนนี้จะเป็นเจตนาของศิษย์พี่หยุนเทียน เขาละโมบอยากได้เกราะที่ข้าสวมอยู่” จิตใจของเจี้ยนเฉินเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน เว้นเสียแต่ว่าเซียนผู้คุมกฎวัฏจักรที่ 6 หรือเหนือกว่านั้นจะเคลื่อนไหวเพื่อมาเอาเกราะจากเขา เขาก็ไม่ได้สนใจอะไรกับอีแค่เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 ธรรมดา ๆ คนหนึ่งที่ชื่อหยุนเทียน

ในเมืองแห่งเทพเจ้านี้ ไม่มีเซียนผู้คุมกฎคนไหนกล้าที่จะแทรกซึมเข้ามาที่สำนักงานใหญ่ของสมาคมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสง เว้นเสียแต่ว่าท่านประธานเองมุ่งร้ายและหวังให้มันเป็นแบบนั้น

ตาของหยุนเทียนสั่นไหว จากสิ่งที่ท่านประธานกล่าวมา เขาก็เข้าใจแล้วว่าแผนของเขาที่จะใช้ท่านประธานในการเอาสมบัตินั้นมาล้มเหลวแล้ว

“ดูเหมือนท่านอาจารย์จะให้ความสำคัญกับหยางยู่เทียนมาก ไม่อย่างนั้น ทำไมเขาถึงจะล้มเลิกการที่จะเอาสมบัตินั้นล่ะ ? แต่ข้าจะเอามันมาให้ได้” หยุนเทียนคิด

ในตอนนี้ ท่านประธานเริ่มค่อย ๆ จริงจังขึ้น “หยางยู่เทียน หยุนเทียน เหลืออีกแค่ไม่กี่วันเท่านั้นก็จะถึงการแข่งขัน ข้าเรียกเจ้าทั้งสองคนมาในวันนี้ หลัก ๆ เพราะว่าข้าต้องการให้เจ้าทั้งสองเข้าใจกฎในการแข่งขันล่วงหน้าก่อนเพื่อที่พวกเจ้าจะได้เตรียมการได้”

“ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า การแข่งขันจะจัดขึ้นที่วัตถุเซียนดั้งเดิมในสมาคมของพวกเรา มันมีมิติอีกมิติที่ถูกซ่อนไว้ภายในวัตถุเซียน ผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดต้องอยู่รอดในนั้นให้ได้ครึ่งเดือน ในครึ่งเดือนนั้น แหวนมิติของพวกเจ้าจะถูกผนึกได้โดยวัตถุเซียน เจ้าต้องหาอาหารและน้ำที่เจ้าต้องใช้เองในช่วงเวลานั้น”

“การติดอันดับหนึ่งในสิบจะพิจารณาจากความสามารถในการต่อสู้ของเจ้าในวัตถุเซียน ในนั้น เจ้าต้องฆ่าคนอื่นด้วยกำลังของเจ้าเอง เจ้าจะได้คะแนนทั้งหมดของคนที่เจ้าฆ่า ในท้ายที่สุด 10 คนที่มีคะแนนมากที่สุดจะได้รับโอกาสในการสำเร็จระดับ 7 ดังนั้นเจ้ากำลังที่จะเข้าไปพัวพันในการต่อสู้ที่ตึงเครียดภายในวัตุเซียนนั่น เจ้าต้องอย่าใจอ่อนโดยเด็ดขาด”

ท่าทางของหยุนเทียนไม่ได้เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย เขาเคยเข้าร่วมมาหลายครั้งแล้ว ดังนั้นเขาจึงรู้กฎเป็นอย่างดี

อย่างไรก็ตาม เจี้ยนเฉินไม่สามารถนิ่งสงบเหมือนหยุนเทียนได้ เขาถาม “ท่านอาจารย์ นี่ไม่ได้หมายความว่าจะมีเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 จำนวนมากที่จะต้องตายในช่วงเวลาแห่งการทดสอบนี้หรือ ? “

ท่านประธานหัวเราะอย่างแปลก ๆ “แน่นอนว่าไม่มี แม้ว่าคนที่เข้าไปในวัตถุเซียนจะเข้าไปด้วยร่างจริง แต่เมื่อพวกเขาประสบกับเหตุการณ์ที่เสี่ยงถึงชีวิต พวกเขาจะถูกดึงออกมาด้วยพลังของวัตถุเซียน ดังนั้นเจ้าจึงไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับชีวิตของเจ้า ดังนั้นไม่ว่าการต่อสู้ข้างในจะดุเดือดเพียงใดก็ตาม สำหรับผู้เข้าแข่งขัน มันก็ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต”

“เป็นอย่างนั้นเองรึ ? ” เจี้ยนเฉินเข้าใจและอดไม่ได้ที่จะคิดถึงกลับไปที่การแข่งขันที่เมืองทหารรับจ้าง เทียบกับการรวบรวมทหารรับจ้าง การแข่งขันของสมาคมนั้นดูจะมีมนุษยธรรมและปลอดภัยกว่าเยอะ

“เอาล่ะ ข้าได้พูดสิ่งที่ต้องการจะพูดไปหมดแล้ว เจ้าสองคนไปเตรียมตัวครั้งสุดท้ายสำหรับการแข่งขันที่จะถึงในอีกสองสามวันที่จะถึงนี้เถอะ หยางยู่เทียน อย่าเพิ่งออกไปที่ไหนในช่วงเวลานี้ คนของอีกสองตระกูลใหญ่ของจักรวรรดิก็ได้มาที่นี่แล้ว และคงจะจัดคนเตรียมไว้เพื่อรอเจ้าตอนออกไปจากสำนักงานใหญ่ อย่าติดต่อพวกนั้น เพราะมันอาจจะทำให้เจ้าตกที่นั่งลำบากจากพลังอำนาจของพวกนั้น”

“ขอรับท่านอาจารย์ ! “

หลังจากที่หยางยู่เทียนและหยุนเทียนออกไป ท่าทีของท่านประธานก็ดูมืดมนและสายตาของเขาก็เย็นชา เขาพูด “การต่อสู้ที่ถูกซุกซ่อนอยู่ระหว่างตระกูลทั้งสามเริ่มที่จะร้อนแรงขึ้นแล้ว เมื่อเรื่องสำเร็จระดับ 7 จบลง บางทีการต่อสู้ของพวกเขาอาจจะรุนแรงขึ้น หืม ตระกูลซาร์ ข้า อดามิ จะช่วยให้พวกเจ้ารวมจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์สำเร็จได้อย่างไร ?

เมื่อออกไปจากที่อยู่ของท่านประธานแล้ว เจี้ยนเฉินก็มุ่งตรงไปยังที่ซึ่งเขาอยู่ เมื่อเจี้ยนเฉินเข้าไปในห้อง หยุนเทียนก็ได้ตามมาด้านหลัง เขามองไปที่เจี้ยนเฉินพร้อมรอยยิ้ม “ศิษย์น้อง ศิษย์พี่มีบางอย่างที่ต้องการจะพูดคุยกับเจ้า” เมื่อพูดจบ หยุนเทียนก็ไม่ได้รอที่จะให้เจี้ยนเฉินตบปากรับคำเลย และเขาก็พุ่งตรงเข้ามาในห้อง

เจี้ยนเฉินยังคงสงบนิ่งและไม่สนใจในความไร้มารยาทของหยุนเทียน เขาเอื้อมมือไปปิดประตู และเดินไปที่เตียงของเขาและนั่งลง เขาพูดอย่างไร้อารมณ์ “ศิษย์พี่หยุนเทียน ข้าสงสัยว่าท่านมาหาข้าทำไม”

หยุนเทียนนั่งลงที่เก้าอี้ และลังเลเล็กน้อยก่อนที่จะเริ่มพูด “ศิษย์น้อง ศิษย์พี่ต้องการที่จะขอยืมเกราะนั้นเพื่อการแข่งขันที่จะมาถึงในอีก 2-3 วันนี้ หลังจากที่การแข่งขันจบลง ข้าจะคืนมันให้แก่เจ้าอย่างแน่นอน เพราะว่าในตอนนี้ ข้ารู้สึกได้อย่างรุนแรงเลยว่า ข้าจะติดหนึ่งในสิบเป็นแน่ และข้าจะสำเร็จระดับ 7 ถ้าข้าสำเร็จแล้ว ข้าจะไม่ลืมความกรุณาที่ศิษย์น้องให้ข้ายืมเกราะเลย” หยุนเทียนจ้องเขม็งไปที่เจี้ยนเฉิน

รอยยิ้มแปลก ๆ เกิดขึ้นบนใบหน้าของเจี้ยนเฉินในขณะที่เขาจ้องกลับไปที่หยุนเทียน “ศิษย์พี่หยุนเทียน ข้าจะพูดให้ชัดเจนเลยนะ ศิษย์น้องก็มีความรู้สึกอย่างรุนแรงมากเช่นกันว่าจะติดหนึ่งในสิบ และจะสำเร็จระดับ 7 เพราะฉะนั้น ข้าจะติดหนึ่งในสิบโดยที่เกราะนี้จะเป็นตัวช่วยของข้าที่ดีที่สุด”

“ถ้างั้นก็ง่ายเลย เมื่อเราเข้าไปในวัตถุเซียนแล้ว เรามาร่วมมือกัน ด้วยความแข็งแกร่งของศิษย์พี่ที่เป็นอันดับที่ 8 ของเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 ทั้งหมดแล้ว พวกเราทั้งคู่จะติดหนึ่งในสิบด้วยกัน” หยุนเทียนหัวเราะ

“เยี่ยมไปเลย เราจะร่วมมือกัน แบบนั้นมันคงจะไม่มีปัญหาอะไรในการติดหนึ่งในสิบแน่”

หยุนเทียนเริ่มหัวเราะอย่างมีความสุข “ศิษย์น้องพูดมาถูกแล้ว มันก็ใกล้ที่จะมาถึงการแข่งขันแล้ว ทำไมเจ้าไม่ให้เกราะนั้นแก่ศิษย์พี่ เพื่อที่ศิษย์พี่จะได้ทำความคุ้นเคยกับมันก่อนล่ะ”

รอยยิ้มของเจี้ยนเฉินฉีกกว้างออกเรื่อย ๆ ในขณะที่แววตาล้อเลียนปรากฏขึ้นในตาของเขาราง ๆ เขาพูด “ศิษย์พี่ เอาเกราะไว้ที่ศิษย์น้องนี้แหละ ตราบใดที่เราไปพร้อมพร้อมกัน ศิษย์น้องยืนยันได้เลยว่า ท่านจะติดหนึ่งในสิบแน่แน่ มันไม่สำคัญหรอกว่าท่านจะมีเกราะหรือไม่ ! “

รอยยิ้มของหยุนเทียนหยุดชะงักทันที ในขณะที่ท่าทางของเขาเริ่มน่ารังเกียจ เขาพูดด้วยเสียงทุ้ม “ศิษย์น้อง เจ้าไม่ปรารถนาที่จะให้ศิษย์พี่ยืมเกราะจริงหรือ ? มันจะแสดงประสิทธิภาพได้เต็มที่ก็ต่อเมื่อศิษย์พี่ใช้มันเท่านั้น แบบนี้ โอกาสที่เราจะได้ติดหนึ่งในสิบคงเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากแน่”

“ศิษย์พี่ ข้าไม่รู้ว่าท่านต้องการเกราะนี่หรือต้องการติดหนึ่งในสิบกันแน่ ถ้าเป็นเรื่องติดหนึ่งในสิบนั้น ข้ายืนยันได้ด้วยความแข็งแกร่งของข้า แต่ถ้าเป็นเรื่องเกราะแล้ว ศิษย์พี่คงต้องผิดหวังอย่างแน่นอน”

สิ่งที่เจี้ยนเฉินกล่าวทำให้ท่าทีของหยุนเทียนเริ่มมืดมน เขารู้ว่าโอกาสที่เขาจะได้เกราะนั้นมาเป็นศูนย์แล้ว ดังนั้นเขาจึงแค่นเสียงเย็นชาออกมา ก่อนที่จะหันหลังกลับและออกจากห้องไป