ราชันเร้นลับ 788 : ทางลับ Ink Stone_Fantasy
“ไม่มีอะไร” ไคลน์ยิ้มอ่อนโยน
ทำท่าเหมือนคนไม่สังเกตเห็น แต่ภายในใจกำลังประมวลผลอย่างรวดเร็ว ลองพิจารณาว่าการเปลี่ยนแปลงเมื่อครู่หมายถึงสิ่งใด
ก่อนหน้านี้ บรรดาผู้คุมมักใช้งานบันไดใกล้ๆ เพื่อขึ้นไปยังชั้นบน อาจอนุมานได้ว่า พวกเขาอาศัยอยู่ที่นั่น และเมื่อนำไปรวมกับตำแหน่งที่เกิดความเปลี่ยนแปลงเมื่อครู่… สภาพของผู้คุม เดิมทีก็ไม่ค่อยมั่นคงอยู่แล้ว โอกาสคลุ้มคลั่งย่อมมากกว่าผู้วิเศษทั่วไป ส่งผลให้เผยความคิดชั่วร้ายออกมากะทันหัน?
หลังจากนั้นจึงถูกระงับไว้ หรือทำให้สงบ โดยแก่นผนึกด้านหลังประตูยานิสใต้ดิน?
หากเป็นเช่นนั้น มีความเป็นไปได้สองประการ หนึ่งคือ แก่นผนึกด้านหลังประตูยานิสสามารถสัมผัสถึงความผิดปรกติทั้งหมดภายในวิหารนักบุญแซมมวล และตอบสนองตามสัญชาตญาณ ประการที่สอง ผู้คุมภายในซึ่งต้องทำหน้าที่ตลอดทั้งปี ถูกกัดกร่อนอย่างต่อเนื่องโดยพลังจากแก่นผนึก กลายเป็นส่วนหนึ่งของผนึกในบางแง่มุม หรือไม่ก็พกพาสมบัติวิเศษที่เกี่ยวข้อง เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลง สิ่งนั้นจะกระตุ้นให้ผนึกลงมือแทรกแซง…
หากเป็นอย่างแรก หมายความว่า ถ้าเราทำให้ผู้คุมหมดสติและสวมรอย แก่นผนึกหลังประตูยานิสก็จะพบความผิดปรกติทันที ลงมือสร้างความเปลี่ยนแปลงเหมือนกับเมื่อครู่ แผนการพังไม่เป็นท่าตั้งแต่เริ่ม… หากเป็นอย่างหลัง เมื่อเข้าไปในประตูยานิส เราที่ปลอมตัวเป็นผู้คุมก็จะถูกแก่นผนึกปฏิเสธ…
ต้องหาคำตอบของเรื่องนี้ให้ได้ก่อน จะได้วางแผนได้อย่างเหมาะสม…
การขโมยสมบัติปิดผนึกภายในวิหารไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่แปลกใจว่าทำไมไม่มีใครอยากทำ…
ไคลน์ครุ่นคิดหลายสิ่ง ภายนอกดูเหมือนตั้งใจฟังเรื่องราวที่บิชอปอีเล็คตร้าเล่าเกี่ยวกับจดหมายของนักบุญแซมมวล จนกระทั่งถึงเวลากลับ มันกล่าวคำอำลาอย่างสุภาพ
กลับถึงบ้านเลขที่ 160 ถนนเบ็คลันด์ ชายหนุ่มส่งหมวกและไม้ค้ำให้ริชาร์ดสัน เห็นพ่อบ้านเดินเข้ามาทักทาย
“นายท่าน คุณต้องการจัดงานเลี้ยงเต้นรำหรืองานเลี้ยงรับประทานอาหารในสัปดาห์หน้า และชวนเพื่อนบ้านในละแวกใกล้เคียงมาเข้าร่วมหรือไม่?” วอลเตอร์ไม่ได้ใช้น้ำเสียงเชิงแนะนำ คล้ายกับเป็นการไต่ถามอย่างซื่อตรง
แต่ไคลน์มั่นใจ หากมิสเตอร์พ่อบ้านเอ่ยถึงเรื่องนี้ หมายความว่าถึงเวลาที่ต้องทำแล้ว
ชายหนุ่มพยักหน้า
“คืนวันเสาร์ งานเลี้ยงเต้นรำ… คงต้องรบกวนให้คุณและทาเนญ่าช่วยเตรียมงานล่วงหน้า… ยังมีเงินเหลือพอไหม?”
ขณะกล่าวประโยคสุดท้าย ไคลน์หันไปทางแม่บ้าน
ทาเนญ่าผงกศีรษะรับและกล่าวเสียงขรึม
“เพียงพอค่ะ… เครื่องดื่มแอลกอฮอล์จำนวนมากในห้องใต้ดินของนายท่าน เพียงพอที่จะจัดงานเลี้ยงได้หลายครั้ง”
ในตอนที่ย้ายเข้าบ้านเลขที่ 160 ถนนเบิร์คลุน ไคลน์มอบเงินสดให้เธอหนึ่งพันปอนด์เพื่อใช้ในครัวเรือน จนกระทั่งตอนนี้ แม้จะมีการซื้อไวน์ ชา เมล็ดกาแฟ และอื่นๆ เข้ามาเพิ่มเติม แต่ดูเหมือนเงินก้อนดังกล่าวจะไม่หมดลงภายในหนึ่งเดือน
ทองปอนด์มีมูลค่าสูงจนน่าเหลือเชื่อ… ไคลน์พยักหน้า ยิ้มและกล่าว
“ครั้งแรกอย่าใช้ไวน์ราคาแพงเกินไป ชาวโลเอ็นมักมีนิสัยอ้อมค้อม”
“ครับ นายท่าน” แม้วอลเตอร์จะทราบขั้นตอนการจัดงานเลี้ยงเต้นรำ แต่ก็เต็มใจรับฟังคำสั่งของนายจ้าง
มันเว้นวรรค หันมากล่าว
“มีเพียงสองสิ่งที่นายท่านต้องทำ หนึ่งก็คือ พวกเราจะเตรียมข้อมูลมาให้ และคุณคอยกำหนดรายชื่อแขก คิดถึงบทสนทนาที่แตกต่างกันสำหรับแต่ละคน จับคู่ให้สอดคล้องกับตัวตนและประสบการณ์ของอีกฝ่าย อีกหนึ่งเรื่องคือ สั่งชุดเดรสสำหรับเต้นรำเข้ามาเพิ่ม”
วุ่นวายชะมัด… ในตอนที่ทักทายเฮเซล เราคิดแล้วได้หนึ่งประโยค… ท่อระบายน้ำของที่นี่สะอาดกว่าจัตุรัสในทวีปใต้เสียอีก คุณคิดแบบนั้นไหม? ไคลน์ถอนหายใจพลางรำพัน พยักหน้าและกล่าว
“ไม่มีปัญหา”
…
กลางดึกสงัด จันทร์แดงลอยสูงบนท้องฟ้า – กรุงเบ็คลันด์ เมืองหลวงที่หมวกควันเบาบางลง มอบบรรยากาศอันแสนสงบสุข
ภายในห้องนอนใหญ่ของดอน·ดันเตส ไคลน์ประกอบพิธีกรรมอัญเชิญตัวเอง
คืนนี้มันเตรียมจะลงไปสำรวจท่อระบายน้ำ ก่อนอื่น จ้องตรวจสอบว่าทริสซี่ไปหรือยัง หลังจากนั้นจะไปตรวจสอบทางแยกที่อีกฝ่ายเคยกล่าวถึง สำรวจสิ่งที่เรียกว่าทางลับ มองหาเบาะแสที่น่าสนใจ
ไคลน์ไม่ได้คาดหวังว่าตนจะค้นพบอะไร เพียงกังวลว่า ภายในทางลับของท่อระบายน้ำจะมีอันตรายใหญ่หลวงซ่อนอยู่ และสักวันมันจะระเบิดออก ส่งผลกระทบกับดอน·ดันเตส ชายผู้อาศัยในบริเวณใกล้เคียง ทำลายแผนการขโมยสมุดบันทึกตระกูลอันทีโกนัส
ในสถานการณ์เช่นนี้ คนเราไม่ควรทำตัวเป็นนอกกระจอกเทศ เอาแต่ฝังศีรษะอยู่ในทราย แสร้งทำเป็นไม่เห็นอะไร… ต้องระบุปัญหาให้ได้ตั้งแต่เนิ่นๆ ก่อนที่จะสายเกินแก้ ทำลายมันทิ้ง หรือไม่ก็รายงานให้ทางการ นี่คือตัวเลือกที่ดีที่สุด… แน่นอน เรายังต้องคอยระมัดระวัง อย่าปล่อยให้การสำรวจของตัวเองนำมาซึ่งปัญหา… ร่างวิญญาณไคลน์ปรากฏขึ้นจากแสงเทียน อาศัยความช่วยเหลือจากนกหวีดทองแดงของมิสเตอร์อะซิก ชายหนุ่มเข้าสิ่งร่างเนื้อดอน·ดันเตสตรงหน้า บังคับให้เดินไปยังขอบๆ กำแพงวิญญาณ นั่งบนเก้าอี้เอนหลัง
หากมองจากภายนอก จะดูเหมือนกำลังอ่านหนังสือพิมพ์และเผลอหลับไป ลืมกลับไปนอนบนเตียง
การอัญเชิญร่างวิญญาณออกมาควบคุมร่างเนื้อตัวเอง เทียบกับการควบคุมร่างตามปรกติ ให้ความรู้สึกแตกต่างมาก สัมผัสได้ถึงความแปลกแยกอย่างชัดเจน… เปรียบเทียบสถานการณ์เสร็จ ไคลน์ลอยกลับไปที่โต๊ะอ่านหนังสือ เก็บวัตถุเกือบทั้งหมดที่ตนวางไว้บนแท่นบูชา เหลือเพียงเทียนไขสำหรับการอัญเชิญ ปล่อยให้ลุกไหม้อย่างเงียบงัน
จัดการทั้งหมดเรียบร้อย ไคลน์สวมยุบพองหิวโหย รวมถึงนกหวีดทองแดงอะซิก ลูกโม่ลางมรณะ และเหรียญทองของเซนอล บินออกจากห้องนอนใหญ่ ลอยออกจากบ้านเลขที่ 160 ถนนเบิร์คลุนกลางอากาศ เข้าไปในท่อระบายน้ำ
เมื่อไคลน์เข้ามาในสภาพแวดล้อมที่เปียกชื้นและสกปรก ‘วิญญาณอาฆาต’ เซนอลถูกปลดปล่อยทันที มันวางแผนจะจัดการทุกสิ่งด้วยหุ่นเชิด จะได้ไม่ต้องนำพาตัวเองไปเผชิญปัญหา
เซนอลเดินไปตามทางจนกระทั่งถึงจุดที่ทริสซี่เคยอยู่ จากนั้นก็เลี้ยว
ทันใดนั้น ไคลน์พบว่าจุดที่เคยสะอาดสะอ้านจนดูไม่เหมือนท่อระบายน้ำ กลับมาสกปรกอีกครั้ง มีหนูวิ่งเล่นไปมา
“ทริสซี่ไปแล้วสินะ…” ไคลน์ที่คอยควบคุมจากระยะไกล ถอนหายใจโล่งอก
ในฐานะวิญญาณ มันไม่จำเป็นต้องหายใจ ไม่ต้องเดินเท้า ดังนั้น จึงไม่ต้องสนใจว่าสภาพแวดล้อมจะแย่แค่ไหน
‘วิญญาณอาฆาต’ เซนอลหันหลังเดินออกจากจุดดังกล่าว ก้าวไปเรื่อยๆ จนพบทางแยกที่หกจากซ้าย ไคลน์รักษาระยะห่างระหว่างตัวเองกับหุ่นเชิดไม่ต่ำกว่าห้าสิบเมตรเสมอ สวมบทบาทการเป็นผู้ชักใยอยู่เบื้องหลัง
ณ จุดสิ้นสุดของทางแยก ที่นี่เต็มไปด้วยตะไคร่น้ำ ผนังสึกกร่อน หากมองผิวเผิน ไม่มีสิ่งใดผิดปรกติ ถ้าไม่ใช่เพราะทริสซี่เอ่ยถึง ไคลน์จะไม่สั่งให้หุ่นเชิดสำรวจทุกตารางนิ้วของที่นี่อย่างละเอียดเด็ดขาด
ผ่านไปไม่กี่นาที เซนอลในแจ็คเก็ตสีแดงยืดตัวขึ้น ก้าวไปข้างหน้า เดินเข้าไปในกำแพง
หลังทะลุผ่านสิ่งกีดขวางหนาๆ หลายชั้น ดวงตาไคลน์พลันเบิกกว้าง ในการมองเห็นของหุ่นเชิด มันเห็นถ้ำกึ่งธรรมชาติกึ่งฝีมือมนุษย์ สูงเกือบ 1.8 เมตร กว้างสามเมตร บนพื้นมีพลั่วและเครื่องใช้อื่นๆ ที่ถูกห่อด้วยผ้าใบกันน้ำ ซ้อนทับด้วยสิ่งสกปรกและก้อนกรวดจำนวนมาก ด้านหน้ามีทางเดินลับสองช่อง ลาดลงไปยังใต้ดิน
ทางซ้ายลึกเพียงห้าถึงหกเมตร ทางขวาลึกเกือบสิบเมตร แต่ไม่มีอะไรอยู่เลย ดูเหมือนว่าจะอยู่ระหว่างการขุด
นี่มัน… ฝีมือเฮเซล? ระหว่างวัน เธอวางตัวเป็นกุลสตรีชนชั้นสูงที่หยิ่งผยอง พอตกกลางคืน เธอกลายเป็นคนขุดท่อน้ำทิ้ง และต้องคอยขนถ่ายสิ่งสกปรกกับกรวดทีละถัง? เธอเดินไปเดินมาเพื่อค้นหาตำแหน่งที่แน่นอน และขั้นตอนต่อไปคือการลงมือขุด? หมายความว่า บนผนังควรจะมีประตูลับซ่อนอยู่… ไคลน์เอนตัวไปกลับไปที่ทางเดินบนทางแยก บังคับให้เซนอลมองไปรอบๆ อย่างระมัดระวัง
จากนั้น ชายหนุ่มบังคับ ‘วิญญาณอาฆาต’ เข้าไปในทางลับด้านซ้าย เดินไปจนสุดทางที่มีชั้นโคลนและหินอัดแน่น
ร่างของเซนอลค่อยๆ เลือนหายไป ไม่หลงเหลือเค้าโครงเดิม มันทะลุผ่านสิ่งสกปรกตรงหน้าด้วยร่างวิญญาณที่กระจัดกระจาย สำรวจลึกเข้าไปในชั้นดินหิน
จนกระทั่งใกล้ถึงขีดจำกัดหนึ่งร้อยเมตร ชายหนุ่มไม่พบสิ่งใดที่น่าสนใจ เห็นเพียงแมลงธรรมดาบางชนิด
ไคลน์บังคับให้หุ่นเชิดของตนเปลี่ยนทิศทาง ‘แหวกว่าย’ ผ่านอะไรหลายสิ่ง แต่ก็ยังไม่พบจุดที่น่าสงสัย
‘วิญญาณอาฆาต’ เซนอลย้อนกลับไปทางปากถ้ำ ลอยเข้าไปในทางลับฝั่งขวา ผ่านทุกอุปสรรคอย่างง่ายดาย
“ก็ยังไม่มีอะไรผิดปรกติ… ทริสซี่พูดถูก การจะค้นพบความลับ จำเป็นต้องอยู่บนเส้นทางใดเส้นทางหนึ่ง หรือไม่ก็ต้องมีสมบัติวิเศษในเส้นทางนั้น… อา เธอคงลองสำรวจด้วยใยแมงมุมล่องหนของแม่มดสุขสมไปแล้ว… เสียดายถุงมืออินธน์… ไม่แน่ใจว่าหมอกสีเทาบนร่างกายจะใช้แทนได้ไหม เพราะออร่าของหมอกมักดึงดูดเส้นทางนักจารกรรมเข้าหาเสมอ” ไคลน์พึมพำกับตัวเอง ครุ่นคิดว่า ตนควรใช้ประโยชน์จาก ‘หมอก’ บนร่างวิญญาณเพื่อสำรวจทางลับที่เฮเซลขุดขึ้นหรือไม่
ทว่า มันยับยั้งความต้องการดังกล่าว ในฐานะ ‘นักเชิดหุ่น’ หากสิ่งใดไม่จำเป็น ไม่ควรทำด้วยตัวเอง การเปิดเผยตัวตน ถือเป็นการละเมิดกฎเหล็กการสวมบทบาท
“ไม่มีหมอกสีเทาก็ไม่เป็นอะไร บ่ายวันพรุ่งนี้ ในชุมนุมทาโรต์ แค่เราซื้อสมบัติวิเศษจากเส้นทางนักจารกรรมในราคาที่ไม่แพงเกินไป จะเป็นลำดับ 9 หรือ 8 ก็ได้… น่าเสียดาย เข็มกลัดของลาเนวุสเป็นแค่เครื่องรับสัญญาณ ไม่ใช่สมบัติวิเศษบนเส้นทาง… ไม่ว่าจะมีสิ่งใดซ่อนอยู่ในส่วนลึกของทางลับ การใช้ร่างวิญญาณของตัวเองสำรวจอย่างบุ่มบ่าม อาจนำพาไปสู่การเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดลำดับสูง… ต้องประเมินตัวเองให้ต่ำไว้เสมอ” ไคลน์ถอนหายใจเงียบ เรียกคืน ‘วิญญาณอาฆาต’ เซนอล
มันมิได้กังวลว่าเฮเซลจะลงมาในเร็วๆ นี้ เพราะจนกว่าเธอจะค้นพบวิธีรับมืออันตรายจากคราวก่อน มนุษย์ที่มีสติปัญญาครบถ้วนสมบูรณ์ ตามปรกติแล้วไม่จะวิ่งเข้าหาอันตรายโดยไม่มีอุปกรณ์ป้องกันตัว!
โดยเฉพาะเฮเซลที่มีความรู้ในเชิงศาสตร์เร้นลับพอสมควร… ถึงจะเธอค้นพบวิธีแก้ปัญหาแล้ว แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะตามหาสมบัติวิเศษในเส้นทางสุริยัน เพราะเหนือสิ่งอื่นใด เบ็คลันด์คือสำนักงานใหญ่ของโบสถ์วายุสลาตัน… แต่เรามีอยู่หนึ่งชิ้น และตอนนี้ก็ไม่ค่อยได้ใช่งานสักเท่าไร หึหึ หาโอกาสขายให้เธอดีไหม? ให้เธอย้อนกลับมาทำร้ายหุ่นเชิดของเรา? ไคลน์จิกกัดตัวเอง ยิ้มและส่ายหน้า
ชายหนุ่มตัดขาดการเชื่อมต่อ ส่งตัวเองกลับไปยังสายหมอกสีเทา หายไปจากท่อน้ำทิ้ง
…
เช้าวันจันทร์ แสงแดดอันเจิดจ้าส่องทะลุผ่านชั้นเมฆบาง ปกคลุมทั่วทุกมุมของเบ็คลันด์
เอ็มลิน·ไวท์ดึงหมวกไหมพรมลง หลังจากลงจากรถม้าและตรงไปยังวิหารฤดูเก็บเกี่ยว มันพึมพำพลางหลับตา
“อากาศแย่มาก… ฤดูกาลที่เลวร้ายที่สุดของเบ็คลันด์กำลังจะมาถึง”
ขณะเตรียมเดินอีกหนึ่งก้าว เด็กส่งหนังสือพิมพ์คนหนึ่งเดินเข้ามาใกล้ ยื่นฉบับ ‘ทัสซอค’ ให้และกล่าว
“มิสเตอร์ หนังสือพิมพ์ของเช้าวันนี้!”
เอ็มลินเตรียมปฏิเสธ แต่ทันใดนั้นก็พบว่าอีกฝ่ายแนบกระดาษแผ่นเล็กมาด้วย
เอ็มลินล้วงหยิบเหรียญทองแดงหนึ่งเพนนีและส่งให้ รับหนังสือพิมพ์ทัสซอคพร้อมกับกระดาษแผ่นเล็กมาถือ
ก่อนจะเข้าสู่วิหารฤดูเก็บเกี่ยว มันคลี่กระดาษอ่าน กวาดสายตาอย่างรวดเร็ว
“พบเบาะแสคนที่คุณกำลังตามหาแล้ว… มาที่ผับวีรบุรุษ”
………………………………………………