ตอนที่ 2900 อาวุธระดับตำนานที่สมบูรณ์

เมื่อหมอกสีม่วงหายไป ซือเฟิงนั้นก็อดไม่ได้ที่จะทรุดตัวนั่งลงกับพื้นด้วยความเหนื่อยอ่อน และหลังจากผ่านไปกว่าสิบนาทีในที่สุดซือเฟิงก็ค่อยๆลุกขึ้นยืน พลางสูดหายใจเข้าลึกๆได้

“มันอันตรายมากๆ !!!” ซือเฟิงมองไปที่ดวงตาของเทพโบราณในมือของเขาด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชม และยินดี “ถ้าวิญญาณของฉันยังไม่ได้อยู่ในระดับขั้นกลางของขั้นห้า ฉันเกรงว่าฉันคงจะไม่สามารถรับมรดกนี้ได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แน่นอน”

มรดกของเทพโบราณนั้นมันมีขนาดใหญ่และซับซ้อนเกินไป ขณะเดียวกันถ้าไม่ใช่เพราะวิญญาณของเขานั้นอยู่ที่ขั้นกลางของขั้นห้าแล้ว เขาก็คงจะไม่สามารถแบกรับมรดกความทรงจำของเทพโบราณชิ้นนี้ได้ทั้งหมดแน่นอน

ซึ่งหากเป็นแบบนั้นจริงๆ การรับ และเรียนรู้มรดกของเทพโบราณชิ้นนี้มันก็จะเท่ากับว่าล้มเหลวไปหนึ่งครั้งเลย

“อย่างไรก็ตาม ฉันไม่คิดเลยจริงๆว่ากุญแจสำคัญในการเลื่อนขั้นไปสู่ขั้นหกนั้นจะเป็นคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่ ….” เมื่อซือเฟิงนึกถึงสิ่งที่มรดกของเทพโบราณบอกเขานั้น เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอับอาย

คริสตัลเจ็ดลูมินาลี่นั้นเป็นทรัพยากรที่หายากมากๆ แม้แต่ในโลก God domain ยุคโบราณ ….

แม้ว่าเขาจะรู้มานานแล้วว่าพวกขั้นหก ขอบเขตพระเจ้าในชีวิตที่แล้วของเขานั้นล้วนพยายามรวบรวมคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่กันอย่างบ้าคลั่ง แต่เขาก็ไม่ได้คิดเลยว่านอกเหนือจากการนำมันไปแลกเปลี่ยนเป็นทรัพยากรกับบริษัทกรีนก๊อด และใช้สร้างพื้นที่ส่วนตัวนั้น มันจะมีผลแบบนี้ใน God domain ด้วย

สิ่งนี้ทำให้ซือเฟิงรู้สึกเสียใจเล็กน้อยที่เขาได้ตัดสินใจทำธุรกรรมจำนวนมากที่เกี่ยวข้องกับคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่ไปก่อนหน้านี้

เนื่องจากสิ่งที่เขารู้มาจากมรดกของเทพโบราณชิ้นนี้นั้นมันบอกอย่างชัดเจนว่า ผู้เล่นที่ต้องการจะเลื่อนขั้นจากขั้นห้าไปสู่ขั้นหกนั้น นอกเหนือจากจะต้องมีค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจอยู่ที่ขั้นหก และสามารถควบคุมกฎของโลกได้ พวกเขาก็ยังจะต้องการคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่อีกจำนวนมากด้วย

เนื่องจากการสร้างร่างเทพโดยทั่วไปนั้นจำเป็นจะต้องใข้คริสตัลเจ็ดลูมินาลี่อย่างน้อยห้าหมื่นชิ้น !!!

และนี่มันก็จัดเป็นแค่การสร้างร่างเทพทั่วไปเท่านั้น ตามที่มรดกของเทพโบราณชิ้นนี้บอก ดูเหมือนว่าร่างเทพนั้นจะแบ่งออกเป็นสองประเภทคือ ร่างเทพทั่วไป และร่างเทพขั้นสูง

ขณะเดียวกันระดับชนชั้นของเทพนั้นก็จะถูกแบ่งอย่างคร่าวตามร่างเทพนี่แหละ โดยเก้าสิบเก้าเปอเซ็นต์ของผู้เล่นนั้นก็มักจะสร้างได้แค่ร่างเทพทั่วไป และเป็นได้แค่เทพทั่วไป โดยผู้เล่นส่วนใหญ่ก็มักจะทำได้ผ่านการเรียนรู้เศษเสี้ยวมรดกของเทพหลายองค์ด้วย

ในส่วนของเทพขั้นสูง ซึ่งเป็นผู้ที่มีร่างเทพขั้นสูงนั้นหายากอย่างมาก เพราะท้ายที่สุดแล้วการที่จะสร้างร่างแบบนี้ขึ้นมาได้นั้นมันจำเป็นจะต้องมีความเข้าใจในกฎของโลกบางอย่างถึงขั้นสูงสุดเลยทีเดียว และเท่าที่ซือเฟิงได้ยินมานั้น มันมีแต่เทพระดับตำนานอย่างพวกเทพสงครามเท่านั้นที่จะมีร่างแบบนี้

อย่างไรก็ตามเทื่อพูดมาถึงตรงนี้นั้นมันก็จำเป็นที่จะต้องอธิบายในบางส่วนเพิ่มสักหน่อย ซึ่งนั่นก็คือเรื่องของพวกฮีโร่ที่ล้วนแล้วแต่แข็งแกร่งกว่าพวกขั้นห้าโดยทั่วไป และมีพลังมากพอจะต่อกรกับเทพบางส่วน โดยที่พวกฮีโร่สามารถทำแบบนี้ได้นั้น นอกเหนือจากการได้รับพรจากเทพโบราณแล้ว มันก็เป็นเพราะพวกเขามีความเข้าใจในกฎบางอย่างของโลกแบบถึงที่สุดนั่นเอง

และหากผู้เล่นคนหนึ่งต้องการจะสร้างร่างเทพขั้นสูงแบบนี้นั้น มันก็จำเป็นที่จะต้องมีคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่หนึ่งแสนชิ้น แต่อย่างไรก็ตามหากการสร้างร่างเทพขั้นสูงล้มเหลวนั้น ผู้เล่นคนนั้นก็จะต้องสูญเสียคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่หนึ่งแสนชิ้นไปทันที ซึ่งมันไม่ใช่อะไรที่จะสามารถทนรับได้ง่ายๆเลย แม้แต่กับผู้เชี่ยวชาญระดับสัตว์ประหลาดเก่าแก่ของซุเปอร์กิลก็ตาม

ขณะที่ร่างเทพทั่วไปนั้นมันต้องใช้คริสตัลเจ็ดลูมินาลี่ในการสร้างขึ้นมาน้อยกว่าร่างเทพขั้นสูงถึงครึ่งหนึ่ง นอกเหนือจากนี้แล้วมันยังเป็นการที่ต้องค่อยๆจ่ายไปทีละน้อยในทุกขั้นตอนด้วย ซึ่งหากล้มเหลวมันก็จะเท่ากับว่าผู้เล่นสูญเสียคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่ไปแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น และผู้เล่นก็จะรู้ด้วยว่าพวกเขาพลาดในช่วงไหน ….

ในตอนนี้ซือเฟิงก็ได้เริ่มคิดถึงวิธีการที่จะทำให้เขาได้รับคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่จำนวนมาก ….

“สำหรับมหาอำนาจต่างๆส่วนใหญ่ในปัจจุบัน คริสตัลเจ็ดลูมินาลี่นั้นเป็นเพียงไอเทมที่จำเป็นต่อการใช้สร้างพื้นที่ส่วนตัวเท่านั้น ในส่วนของมหาอำนาจบางส่วนเต็มที่พวกเขาก็รู้แค่ว่ามันเป็นสิ่งที่สามารถใช้แลกเปลี่ยนทรัพยากรจากบริษัทกรีนก๊อดได้เท่านั้น ดังนั้นตอนนี้มันจึงไม่น่าจะใช่เรื่องยากเลยที่จะได้รับพวกมันจำนวนมาก” เมื่อซือเฟิงนึกถึงความจำเป็นของคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่ เขาก็เริ่มพึมพำและร่างแผนการคร่าวๆสำหรับเรื่องนี้ขึ้นในหัว “ตอนนี้การสร้างร่างเทพทั่วไปเพื่อจะให้ตัวเองเลื่อนขั้นไปสู่ขั้นได้นั้นมันไม่ใช่เรื่องยากเลยสำหรับฉัน แต่อย่างไรก็ตามการจะสร้างร่างเทพขั้นสูงขึ้นมาให้ได้นั้นมันก็ยังคงจัดว่ายากมากๆ นี่ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องการต้องควบคุมกฎของโลกให้ได้ และการที่ฉันจำเป็นจะต้องมีค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจที่ขั้นหกด้วย

โดยกฎของโลกที่ถูกกล่าวถึงในมรดกของเทพโบราณนั้นซือเฟิงก็รู้อยู่แล้วว่ามันคืออะไร ….

กฎของโลกนั้นแท้จริงแล้วมันก็คือการใช้องค์ประกอบธาตุเวทย์มนต์ และมานาในขั้นสูงนั่นแหละ ซึ่งมันก็คล้ายกับวิธีการใช้เทคนิคมานาที่นักบุญสวรรค์น้ำเงินมอบให้เขา

ซึ่งถ้าผู้เล่นสามารถทำอย่างที่กล่าวมาได้แล้วนั้น ผู้เล่นก็จะได้รับการยกย่องให้เป็นผู้เชี่ยวชาญกฎของโลกในทันที

แม้ว่าในขณะนี้ซือเฟิงจะยังมีค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจไม่ถึงขั้นหก แต่เขาก็อยู่ใกล้เคียงแล้ว ดังนั้นเท่าที่เขาคำณวน เมื่อเขาเก็บรวบรวมคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่ที่จำเป็นได้ครบ เขาก็น่าจะมีคุณสมบัติในการจะท้าทายเพื่อเลื่อนขั้นไปเป็นขั้นหกได้

กฎของโลกของนักบุญสวรรค์น้ำเงินนั้นคือกฎแห่งการทำลายล้างทุกสิ่ง โดยมันสามารถจะทำลายได้แม้แต่องค์ประกอบธาตุเวทย์ขั้นพื้นฐานทั้งหมด นี่จึงเป็นเหตุผลที่มันสามารถก้าวข้ามผ่านกาลเวลาอันยาวนานมาได้ ไม่งั้นนักบุญสวรรค์น้ำเงินก็อาจจะต้องติดอยู่ที่ตรงนั้นไปตลอดชีวิต

โดยหลังจากที่เชี่ยวชาญเรื่องกฎของโลก และสามารถควบคุมมันได้แล้วนั้น คนๆหนึ่งก็จะกลายเป็นพวกครึ่งเทพ แต่อย่างไรก็ตามเมื่อมาถึงขั้นตอนนี้นั้นคนส่วนใหญ่ก็มักจะติดอยู่ที่นี่ เพราะการจะสร้างร่างเทพตามกฎของโลกที่พวกเขาเชี่ยวชาญนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

แต่แน่นอนว่านี่มันก็แค่สำหรับคนอื่นเท่านั้น แต่สำหรับซือเฟิงนั้นความยากในเรื่องนี้มันลดลงไปมาก ….

เนื่องจากในมรดกของเทพโบราณที่ซือเฟิงพึ่งเรียนรู้ไปนั้น มันได้บอกวิธีการสร้างร่างเทพเอาไว้ด้วย และตราบใดที่ซือเฟิงปฎิบัติตามแผนผังกฎขั้นพื้นฐานได้เป็นอย่างน้อย อัตราความสำเร็จในการสร้างร่างเทพของเขาก็จะเพิ่มขึ้นราวสามสิบถึงสี่สิบเปอเซ็นต์เลยทีเดียว

ซึ่งนี่มันเป็นสิ่งที่จะมีแต่เพียงในมรดกของเทพโบราณเท่านั้น มรดกของมนุษย์ หรือเผ่าอื่นๆที่เข้าสู่ขั้นหกได้ทั่วไปจะไม่มี

“ตอนนี้ฉันยังไม่มีวิธีดีๆในการพัฒนาค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของฉันเลย แต่อย่างไรก็ตามฉันสามารถเริ่มต้นได้ด้วยการดูดซับแหล่งพลังศักสิทธิ์ แล้วมาลองดูว่าฉันจะสามารถใช้งาน และควบคุมองค์ประกอบธาตุเวทย์มนต์ และมานาในขั้นสูงได้ไหม …”

ซือเฟิงนั้นไม่แน่ใจมากนักถึงอัตราความสำเร็จของเขาในการสร้างร่างเทพขั้นสูง แต่อย่างไรก็ตามเขาก็มีความมั่นใจอย่างมากในการจะใช้งานและควบคุมองค์ประกอบธาตุเวทย์มนต์กับมานาในขั้นสูงให้ได้ เพราะท้ายที่สุดแล้วแหล่งพลังศักสิทธิ์ที่เขาได้รับมานั้นมันเป็นของเทพโบราณ ดังนั้นมันจึงน่าจะช่วยให้เขาเข้าถึงการใช้ และควบคุมองค์ประกอบธาตุเวทย์มนต์ กับมานาขั้นสูงได้แน่นอน

อย่างไรก็ตามเมื่อซือเฟิงนำแหล่งพลังศักสิทธิ์ที่เขาได้รับมาออกมาจากกระเป๋านั้น เขาก็เริ่มรู้สึกลังเล

ตามที่มรดกของเทพโบราณบอกนั้น แหล่งพลังศักสิทธิ์ของเทพโบราณที่เขามีนี้มันถือกำเนิดขึ้นมาเองตามธรรมชาติ ซึ่งมันมีพลังของโลกอยู่ ดังนั้นมันจึงสามารถช่วยในการเรียนรู้กฎของโลกได้เป็นอย่างดี

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นสิ่งที่ทำให้ซือเฟิงรู้สึกลังเลนั่นเป็นเพราะการต่อสู้มันกำลังใกล้เข้ามาแล้ว ดังนั้นเขาจึงจำเป็นที่จะต้องเลือกว่าจะเพิ่มความแข็งแกร่งแบบระยะยาวให้กับตัวเอง หรือเพิ่มความแข็งแกร่งแบบตรงหน้าเพื่อเตรียมทำสงครามก่อน

“ในตอนนี้สงครามมันใกล้เข้ามามากๆแล้ว …. และดูเหมือนว่าฉันจะต้องทำการปรับปรุงความแข็งแกร่งของตัวเองแบบเร็วที่สุดก่อน” ซือเฟิงกล่าวพลางกัดฟันของเขา ก่อนที่เขาจะเลือกให้ดาบแสงแห่งสองโลกได้ดูดซับแหล่งพลังศักสิทธิ์แทน

สำหรับสงครามโลกในทวีปหลักของ God domain นั้นเขาไม่ได้อ่านทุกอย่างออกอย่างสมบูรณ์ เขาเพียงแต่มีแผนการรับมือที่ดีเท่านั้น เพราะท้ายที่สุดสิ่งที่พวกเขากำลังจะต้องเผชิญนั้นมันไม่ใช่แค่กองทัพผู้เล่นจากโลกอื่น แต่มันยังมีกองทัพ NPC จากโลกอื่นด้วย

โดยในบรรดา NPC จากโลกอื่นนั้น แม้ว่ามันอาจจะไม่มีเทพขั้นหก แต่มันก็จะต้องมี NPC ขั้นห้าอยู่มากมายแน่นอน และสำหรับ NPC ขั้นห้านั้นตราบใดที่พวกเขามีสถานะสูงพอ การจะได้รับอาวุธหรืออุปกรณ์ระดับตำนานมาสักหนึ่งชิ้นมันก็ไม่ใช่เรื่องยากเลย ….

หลังจากที่ดาบแสงแห่งสองโลกได้ดูดซับแหล่งพลังศักสิทธิ์ชิ้นนี้เรียบร้อย รูนศักสิทธิ์บนใบดาบก็เริ่มสว่างขึ้น ก่อนที่มันจะทำการเชื่อมต่อกันเข้ากับบริเวณด้ามจับอย่างสมบูรณ์

ตู้ม !

เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยนั้นดาบแสงแห่งสองโลกก็ระเบิดออร่าที่รุนแรงออกมาจนทำให้แม้แต่ซือเฟิงก็ยังต้องถูกบังคับให้ถอยไปหลายก้าว

“แน่นอนเลยว่ามันแข็งแกร่งมากจริงๆ และสมควรแล้วที่มันได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในสิบอาวุธระดับตำนานที่ทรงพลังที่สุดใน God domain” หลังจากตั้งตัว และได้ตรงเข้ามาตรวจสอบข้อมูลของดาบแสงแห่งสองโลกนั้น ซือเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง

(แสงแห่งสองโลก (ดาบทองทลายโลก)) (ดาบมือเดียว ไอเทมระดับตำนาน)

ความต้องการอุปกรณ์ : ค่า STR 20,000 แต้ม และมีขั้นอย่างน้อยขั้นสาม
พลังโจมตี (คิดเป็น 450 เปอเซ็นต์ของค่า STR)

ความเร็วในการโจมตีเพิ่มขึ้นอีกสี่เปอเซ็นต์ของค่า AGI

ค่าสถานะทั้งหมด (เพิ่มขึ้นตามเลเวลของผู้เล่น)

ไม่สนใจเลเวลของมอนสเตอร์ +100 เมื่อทำการโจมตี และเมื่อโจมตีมันก็จะมีเอฟเฟคเวทย์มนต์แห่งการทำลายล้างของตัวเอง ซึ่งจะทำให้เกิดการยุบตัวลงของพื้นที่ในรัศมี 4*100 หลา และมีโอกาสห้าสิบเปอเซ็นต์ที่จะสร้างความเสียหายได้เพิ่มขึ้นสามเท่า มีโอกาสยี่สิบเปอเซ็นต์ที่จะสร้างความเสียหายได้เพิ่มขึ้นห้าเท่า เมื่อโจมตี …. และมีเอฟเฟคที่จะสร้างความเสียหายได้เพิ่มขึ้นสามร้อยเปอเซ็นต์แก่ศัตรูที่อยู่ในระดับต่ำกว่าขั้นหกทั้งหมด

โดยดาบเล่มนี้จะช่วยให้มีค่า STR เพิ่มขึ้นสองร้อยสี่สิบเปอเซ็นต์ ค่า AGI เพิ่มขึ้นสองร้อยสิบเปอเซ็นต์ ค่า INT เพิ่มขึ้นหนึ่งร้อยแปดสิบเปอเซ็นต์ ค่า Endurance เพิ่มขึ้นหกสิบเปอเซ็นต์ ความเร็วในการโจมตีเพิ่มขึ้นสองร้อยเปอเซ็นต์ และพลังทั้งหมดของสกิลดาบจะเพิ่มขึ้นสองขั้น (สูงสุดที่ขั้นหก) รวมไปถึงสกิลดาบทุกสกิลจะมีเลเวลเพิ่มขึ้นสองเลเวล ขณะที่ผลของการใช้เวทย์มนต์ก็จะเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งร้อยห้าสิบเปอเซ็นต์

และด้วยพลังของสกิลพาสซีฟ ดาบแห่งโลกของมัน มันก็จะช่วยปรับปรุงชนชั้นของสิ่งมีชีวิตที่ใช้มันได้

สกิลใช้งานเพิ่มเติม 1 : ทลายขีดจำกัด (ขั้นหก) เพิ่มค่าสถานะของผู้ใช้ขึ้นหนึ่งพันห้าร้อยเปอเซ็นต์ และเพิ่มขั้นได้สูงสุดหนึ่งขั้น (ที่สูงสุดของของขั้นหก) และเพิ่มระยะการโจมตีขึ้นอีกสองพันหลา

คูลดาวน์ : 30 วินาที

สกิลใช้งานเพิ่มเติม 2 : วิญญาณทอง (ขั้นหก) การรับรู้ธาตุเวทย์มนต์ทั้งหมดจะเพิ่มขึ้นสองร้อยเปอเซ็นต์ และอำนาจของโลกจะเพิ่มขึ้นแบบสุ่มหนึ่งถึงสามขั้น รวมทั้งการควบคุมมานาจะดีขึ้นสามร้อยเปอเซ็นต์ ขณะที่อัตราการผลาญค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจทั้งหมดจะลดลงเก้าสิบเปอเซ็นต์เป็นเวลาสองนาที

คูลดาวน์ : 1 ชั่วโมง
สกิลใช้งานเพิ่มเติม 3 : แสงทลายโลก (ขั้นหก) ใช้ค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจ และมานาของผู้เล่นหนึ่งในสิบเพื่อสร้างใบดาบทลายโลกขึ้นมา โดยใบดาบนี้จะมีพลังเพิ่มขึ้นหนึ่งขั้น (สูงสุดที่ขั้นหก)

คูลดาวน์ : 30 นาที

สิ่งนี้ถูกสร้างขึ้นโดยเทพโบราณซึ่งเป็นเทพแห่งแสง โดยมันมีพลังในการจะตัดผ่าน และบดขยี้ทุกสิ่งทุกอย่าง

ในเวลานี้คุณสมบัติ และค่าสถานะทั้งหมดของแสงแห่งสองโลกนั้นมันอยู่เหนือจินตนาการของซือเฟิงไปมาก ซึ่งนี่มันก็ทำให้ซือเฟิงได้เข้าใจแล้วว่าทำไมผู้ที่มีอาวุธระดับตำนานถึงสามารถจะต่อสู้ข้ามขั้นได้ แม้ว่ามันจะเป็นการต่อสู้กันของขั้นห้ากับขั้นหกก็ตาม

“ถ้าผู้เล่นขั้นสามได้ใช้แสงแห่งสองโลก ฉันคิดว่าผู้เล่นขั้นสามน่าจะฆ่าผู้เล่นขั้นสี่ได้ในไม่กี่การเคลื่อนไหวเลย …” ซือเฟิงพึมพำด้วยความไม่อยากจะเชื่อ เพราะเท่าที่เขาคำณวน หากผู้เล่นขั้นสี่ไม่มีเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานติดตัวสองถึงสามชิ้นนั้น พวกเขาจะไม่สามารถสู้กับผู้เล่นขั้นสามที่มีอาวุธระดับตำนานได้แน่นอน

หลังจากที่ซือเฟิงทำการติดตั้งแสงแห่งสองโลกแล้ว ค่าสถานะของเขาก็พุ่งทะลุเกินหนึ่งแสนเก้าหมื่นแต้มไป ซึ่งนี่มันทำให้เขามีค่าสถานะแย่กว่าพวกขั้นหกทั่วไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

“ในตอนนี้แม้ว่าฉันจะต้องเผชิญหน้ากับเทพขั้นหกตัวจริง แต่ฉันก็จะมีพลังในการต่อกรด้วยแน่นอน …” ซือเฟิงมองไปที่แสงแห่งสองโลกที่ตอนนี้อยู่ในมือของเขาด้วยความรู้สึกมั่นใจอย่างมาก

และในเวลานี้แม้ว่าเขาจะต้องเผชิญหน้ากับชายหนุ่มลึกลับอีกครั้ง แต่เขาก็จะไม่จำเป็นต้องกลัวแล้ว

หลังจากนั้นซือเฟิงก็ได้ลองฝึกใช้ดาบแสงแห่งสองโลกที่สมบูรณ์นี้เพื่อทำความเคยชินกับมัน แต่อย่างไรก็ตามหลังจากฝึกไปได้ราวสี่ถึงห้าชั่วโมง ไฟเออร์แดนซ์ก็ได้ติดต่อเขาเข้ามา

“หัวหน้ากิล ฉันพบสถานที่รวมพลของพวกเขาแล้ว มันอยู่ที่ป่าเงานอกอาณาจักร
ทวินทาวเวอร์”