บทที่ 589 ต้นเทวะศาสตรา

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)

บทที่ 589 ต้นเทวะศาสตรา

มู่หลงหยานอดไม่ได้ที่จะถอยหายใจเมื่อได้ยินคำพูดของหลิงตู้ฉิง

ทุกอย่างมันเป็นเช่นที่หลิงตู้ฉิงเอ่ยจริง ๆ ในอดีตสำนักโอสถนิรันตร์นั้นแข็งแกร่งกว่าสำนักของนางมากนัก แต่ด้วยความแข็งแกร่งที่พวกเขามีอยู่มันจึงทำให้ยิ่งนานวันเข้าพวกเขาก็เริ่มแสดงท่าทีไม่เห็นหัวใครทั้งนั้นจนในท้ายที่สุดพวกเขาก็ถูกทำลายด้วยความหยิ่งผยองของตนเอง

และยิ่งโดยเฉพาะในสถานการณ์ตอนนี้ของสำนักนางที่สามีของนางถูกขังไว้ในเขตแดนหมอกเป็นเวลานับพันปี ซึ่งมันทำให้สถานการณ์ภายในสำนักไม่มั่นคงส่งผลให้ความคิดของผู้คนในสำนักเริ่มที่จะแปรเปลี่ยน

หากสถานการณ์เช่นนี้ยังดำเนินต่อไปไม่ได้รับการแก้ไขโดยเร็ว มันคงมีสักวันที่สำนักของนางจะต้องเผชิญกับหายนะไม่ต่างอะไรจากสำนักโอสถนิรันดร์

แต่ไม่ว่าจะยังไง ปัญหาภายในสำนักของนางมันไม่ได้เพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ ปัญหานี้มันสั่งสมมาเป็นเวลานานแล้ว ดังนั้นมันจะแก้ไขง่าย ๆ ได้ยังไง?

ส่วนคำพูดที่หลิงตู้ฉิงบอกว่าสำนักของนางยังมีโอกาสนั้นไม่ว่านางจะคิดเท่าไหร่นางก็มองไม่เห็นหนทาง

หลิงตู้ฉิงไม่สนใจมู่หลงหยานที่กำลังจดจ่ออยู่ในห้วงความคิด เขาพูดกับทุกคนว่า “จะเป็นการดีที่สุดถ้าพวกเจ้าจะไม่เล่าสิ่งที่พวกเจ้าเห็นเมื่อครู่ให้ใครฟังแม้แต่คนเดียว ไม่เช่นนั้นหากในอนาคตพวกเจ้าเผชิญกับหายนะขึ้นมา พวกเจ้าก็อย่าได้โทษคนอื่น”

“เอาล่ะ ตอนนี้เรายังเหลืออีกสถานที่หนึ่งให้พวกเราได้เก็บเกี่ยวสมบัติ พวกเราจะไปที่นั่นกันต่อ และนั่นจะเป็นการจบการเดินทางครั้งนี้”

เมื่อได้ยินว่ายังมีสมบัติให้พวกเขาได้รับอีก ทุกคนก็รู้สึกตื่นเต้นทันที

ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาพวกเขาได้เข้าไปยังห้องต่าง ๆ และได้รับผลประโยชน์และสมบัติมาแล้วก็จริง แต่พวกเขายังไม่ได้เห็นคลังเก็บสมบัติของตำหนักแห่งนี้เลย ดังนั้นเมื่อหลิงตู้ฉิงพูดถึงสถานที่เก็บเกี่ยวสมบัติสุดท้าย พวกเขาจึงเข้าใจว่าหลิงตู้ฉิงจะต้องพาพวกเขาไปคลังสมบัติแน่นอน

หลิงตู้ฉิงเดินนำคนของเขาอ้อมบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งความเมตตา ซึ่งไม่ไกลนัก เขาก็พาทุกคนเดินไปยังด้านหลังภูเขาจำลองลูกหนึ่ง ซึ่งด้านหลังภูเขาจำลองนั้นมีต้นไม้ประหลาดต้นหนึ่งยืนต้นอยู่

ต้นไม้ต้นนี้มีความสูงเพียงแค่ 3 เมตรเท่านั้น ลำต้นของมันมีความหนาประมาณชามข้าว กิ่งก้านของมันก็ดูเล็กและบอบบางแถมใบของมันยังเป็นสีดำ แต่สิ่งที่ทำให้ดูแปลกประหลาดและน่าตื่นตะลึงมากที่สุดก็คือแทนที่ผลของมันจะเหมือนต้นไม้ทั่ว ๆ ไป แต่ผลของมันกลับเป็นบรรดาสมบัติและอาวุธต่าง ๆ มากมายห้อยอยู่ตามกิ่งก้านสาขาเต็มไปหมด

สมบัติที่รายล้อมอยู่ทั้งหมดนี้ระดับต่ำที่สุดก็คือระดับราชัน!

เมื่อทุกคนเห็นภาพเช่นนี้ พวกเขาทั้งตกตะลึงและเกิดความอยากที่จะพุ่งไปเด็ดเอาเหล่าสมบัติที่ห้อยติดอยู่กับกิ่งของต้นไม้ประหลาดนี้ทันที

แต่เมื่อพวกเขานึกถึงภาพของดอกบัวที่พวกเขาเจอมา พวกเขาจึงยังไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม และมองไปยังหลิงตู้ฉิงแทน

ในระหว่างที่ทุกคนกำลังไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อ จู่ ๆ ก็มีกลุ่มผู้เชี่ยวชาญกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามายังจุดที่พวกเขาอยู่พอดี เมื่อพวกเขาหันไปมองพวกเขาก็เห็นว่าคนกลุ่มใหม่ที่เดินเข้ามาคือเหล่าคนของสำนักเบญจธาตุที่ถูกนำมาด้วยผู้อาวุโสขอบเขตจักรพรรดิ

ในทันทีที่ผู้อาวุโสขอบเขตจักรพรรดิและคนอื่น ๆ ในกลุ่มที่มากับเขาเห็นต้นไม้ที่เต็มไปด้วยสมบัติต้นนี้ พวกเขาก็พุ่งตัวไปที่ต้นไม้ด้วยสีหน้าลิงโลดทันที

“เดี๋ยว…” เสี่ยหนานเทียนตะโกนขึ้นทันที

ตั้งแต่แรกที่เสี่ยหนานเทียนเห็นต้นไม้นี้ และเห็นว่าหลิงตู้ฉิงยังไม่ได้เอ่ยอะไร เขาก็รู้ได้ทันทีว่าต้นไม้นี้มันไม่ธรรมดา

ในตอนนี้คนของสำนักเขากลับพุ่งตัวไปยังต้นไม้ประหลาดนี้โดยประมาท เขาจึงอดไม่ได้ที่จะต้องตะโกนเตือน

แต่น่าเสียดายที่เขาเตือนช้าไป

แต่มันอาจจะพูดได้ว่าถึงแม้เขาจะตะโกนเตือนทัน กลุ่มคนของสำนักเขาก็คงจะไม่ฟังเขาอยู่ดีเพราะถูกความโลภบดบังความคิดอ่านไปหมดแล้ว

ซึ่งมันก็ตามที่เสี่ยหนานเทียนคิดว่าต้นไม้นี้มันไม่ธรรมดา เนื่องจากในตอนนี้กลุ่มคนของเบญจธาตุที่พุ่งตัวเข้าไปหาต้นไม้ประหลาดนั่นได้ถูกเขมือบเข้าไปในลำต้นจนหมดแล้ว

ส่วนต้นไม้นั่นหลังจากที่เขมือบผู้คนเข้าไปเสร็จมันก็ไม่เคลื่อนไหวอะไรต่อ

หลิงตู้ฉิงหันกลับไปพูดกับทุกคนทันที “รอข้าอยู่นี่ ห้ามเดินเข้ามาใกล้เด็ดขาด!”

ทุกคนที่ได้ยินเช่นนี้ต่างก็พยักหน้ากันอย่างรวดเร็วพลางคิดในใจ เมื่อเห็นชะตากรรมของกลุ่มคนของสำนักเบญจธาตุไปแล้วพวกเขาจะกล้าทำอะไรบุ่มบ่ามได้ยังไง?

หลิงตู้ฉิงค่อย ๆ เดินไปหาต้นไม้และพูดขึ้นว่า “ข้าไม่นึกเลยว่าสหายเต๋าจะมาอยู่ที่นี่”

หลิงตู้ฉิงรู้ว่าต้นไม้ต้นนี้คืออะไร

ต้นไม้ต้นนี้ถูกขนานนามว่า ‘ต้นเทวะศาสตรา’ ส่วนที่มาและความสามารถของมันนั้นเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันมีอะไรบ้าง แต่สิ่งที่เขารู้ก็คือต้นไม้ต้นนี้สามารถให้กำเนิดเหล่าสมบัติและอาวุธระดับสูงได้เรื่อย ๆ

หากใครที่ได้พบกับต้นเทวะศาสตรา มันก็หมายถึงว่าคนผู้นั้นถูกชะตาลิขิตให้ได้มาพบมัน ซึ่งสามารถขอสมบัติจากมันได้

แต่จะเป็นสมบัติแบบไหนที่ได้รับนั้น มันขึ้นอยู่กับดวงของคนผู้นั้นเอง

ในตอนนี้หลิงตู้ฉิงเริ่มชักจะสงสัยแล้วว่าภูมิหลังของเจ้าตำหนักหลีเทียนนั้นมาจากไหนกันแน่ ทำไมถึงได้มีทั้งดอกบัวเพลิงพิพากษาและต้นเทวะศาสตราอยู่ตำหนักของตัวเองแบบนี้?

“ข้าเคยเจอท่านมาก่อน!” ต้นเทวะศาสตราเอ่ยขึ้น

“อ๋อ!” หลิงตู้ฉิงตอบกลับ

ต้นเทวะศาสตราพูดต่อด้วยน้ำเสียงหดหู่ “ข้าเคยเห็นท่านที่ยอดเขาเทวะ แต่ข้าไม่แน่ใจว่าท่านเห็นข้าแต่ไม่สนใจข้ารึเปล่า หรือว่าข้าอยู่ไกลเกินไปจนท่านไม่ได้สังเกตเห็นกันแน่”

หลิงตู้ฉิงพยักหน้าและพูดว่า “ในตอนนั้นข้าเห็นเจ้าและข้าไม่ได้สนใจเจ้าแม้แต่น้อย แต่ข้าไม่คาดคิดเลยว่าจะมาเจอเจ้าอีกครั้งที่นี่”

ต้นเทวะศาสตราหัวเราะ “เป็นความตั้งใจของข้าเองที่มารอท่านอยู่ที่นี่”

หลิงตู้ฉิงยิ้ม “เจ้าอยากติดตามข้างั้นเหรอ?”

ต้นเทวะศาสตราส่ายไปมาเล็กราวกับว่ามันส่ายหัวและพูดว่า “ข้าไม่ได้จะติดตามท่านไป แต่ข้าอยากให้ท่านช่วยอุปการะบุตรของข้าให้สักหน่อย”

หลิงตู้ฉิงเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็พยักหน้าและพูดว่า “ตกลง!”

หลังจากได้รับคำยืนยันจากหลิงตู้ฉิง ต้นเทวะศาสตราก็ส่งต้นกล้าต้นหนึ่งที่มีขนาดแค่ 3 นิ้วลอยมาหาหลิงตู้ฉิง

ต้นกล้าต้นนี้ที่ลอยมามันดูอ่อนแอมากจนราวกับว่ามันอาจจะตายได้ทุกวินาที

เมื่อหลิงตู้ฉิงเห็นภาพเช่นนี้ เขาก็รีบหยิบกงล้อเบญจธาตุออกมาทันทีและให้ต้นกล้าลอยเข้าไปด้านในเพื่อหยั่งราก

ซึ่งหลังจากที่ต้นกล้าได้ลอยเข้าไปในกงล้อเบญจธาตุและหยั่งรากของมันลงไปในดินแรกกำเนิดแล้ว ลำต้นเล็ก ๆ ของมันก็ดูมีชีวิตชีวาขึ้นทันที แสดงให้เห็นได้ชดว่ามันรอดพ้นจากความตาย

เมื่อเห็นว่าต้นกล้ารอดพ้นจากความตาย ต้นเทวะศาสตราก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงโล่งอก “ท่านมีวิธีทำให้บุตรของข้าอยู่รอดจริง ๆ ในอนาคตข้าขอฝากให้ท่านช่วยทะนุถนอมเขาด้วย”

หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “ไม่มีปัญหา”

เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงก็หันกลับไปมองกลุ่มคนของเขาและจากนั้นหันกลับมาที่ต้นเทวะศาสตราและพูดว่า “ในเมื่อพวกเขาได้เห็นเจ้าแล้ว ดังนั้นก็ให้พวกเขามาคารวะเจ้าหน่อยก็แล้วกัน”

ต้นเทวะศาสตราตอบกลับทันที “ได้! และอีกอย่างเนื่องจากข้าได้ยืมสถานที่แห่งนี้เพื่อรอท่าน ข้าจึงติดค้างเจ้าตำหนักแห่งนี้ ดังนั้นข้าขอฝากกิ่งไม้นี้ไว้กับท่านให้ท่านช่วยไปมอบให้กับเขาทีเพื่อตอบแทนบุคุณที่ข้าติดค้างเขาไว้”

เมื่อพูดจบ ต้นเทวะศาสตราก็ส่งกิ่งที่เต็มไปด้วยใบไม้ของตัวเองที่ยาวประมาณ 3 ฟุต ไปให้กับหลิงตู้ฉิง