ตอนที่ 860 ผู้อพยพ

นายน้อยเจ้าสำราญ

ตอนที่ 860 ผู้อพยพ

เรือนใหญ่ตระกูลเฉิน เขตเฟิ่งหยาง ณ ป๋ายโจว หนึ่งในแปดรัฐแห่งหนานชาง

เดิมทีเรือนอันกว้างใหญ่และเต็มไปด้วยเสียงดังครึกครื้น บัดนี้หลงเหลืออยู่เพียงมิกี่คน

เฉินตงเซิงหัวหน้าตระกูลเฉินยืนอยู่ที่สวนดอกไม้ด้านหลังเรือน เขาจ้องมองกลีบดอกไม้ที่ร่วงหล่นลงสู่พื้น จากนั้นก็เอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบาว่า

“เมื่อเทศกาลฉงหยาง1มาถึง เบญจมาศบานชื่น ผกาอื่นร่วงโรย

กลิ่นยวนยั่วทั่วเมืองฉางอัน กลีบเกสรปลิวว่อนเหลืองอร่าม ! ”

แน่นอนว่ากวีบทนี้เขามิได้ประพันธ์ขึ้นมาด้วยตนเอง แต่เป็นบทกวีที่จักรพรรดิเต๋อจงฝากเอาไว้ในจดหมายที่ให้โจวถงถงนำมามอบให้หลังจากหลานชายเฉินหลินยวนและโจวหยูตานบุตรสาวแห่งตระกูลโจวสมรสกัน

“จักรพรรดิพระองค์นี้ช่างเก่งกาจเสียจริง ! ”

ผู้ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขาคือเฉินซูหยวนที่เพิ่งกลับมาจากเมืองกวนหยุนเมื่อเดือนสี่

“หัวหน้าตระกูล ฝ่าบาทกำลังข่มขู่พวกเราเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

เฉินตงเซิงฉีกยิ้มออกมา จากนั้นก็ส่ายหน้าแล้วเอ่ยว่า “พวกเรามิมีค่าพอให้ฝ่าบาทข่มขู่หรอก จริงสิ ! บ่อเกลือที่เหลืออยู่จัดการเรียบร้อยแล้วหรือยัง ? ”

“เรียนหัวหน้าตระกูล ข้าจัดการเรียบร้อยแล้วเมื่อคืนนี้ บ่อเกลือทุกบ่อได้ขายให้ชายแซ่หลี่ในราคา 3 ล้านตำลึง…ว่าแต่หลี่ก้วนผู้นี้เป็นผู้ใดมาจากที่ใดกัน ? บ่อเกลือทั้งสิ้น 6 บ่อรวมเป็นเงินมากถึง 18 ล้านตำลึง เขาสามารถซื้อมันได้อย่างง่ายดาย หรือจะเป็นคนของจักรพรรดิกัน ? ”

“มิใช่เรื่องสำคัญหรอก พวกหลินยวนได้ติดตามคนจากภูเขาเสียนหยุนไปถึงเมืองจินหลิงแล้ว บุตรหลานในตระกูลจำนวนทั้งสิ้น 120,000 คนก็ได้ทยอยเดินทางไปยังมณฑลทั้งห้าของราชวงศ์หยูซึ่งเป็นแหล่งผลิตเกลือสำคัญเรียบร้อยแล้ว สมาชิกคนสำคัญต่าง ๆ ของตระกูลโจวก็ได้เดินทางใกล้ถึงราชวงศ์หยูแล้วเช่นกัน ทว่าตระกูลหลู่ว่องไวกว่าผู้อื่นหนึ่งก้าว จุดมุ่งหมายของพวกเขาคือเมืองหลินเจียง ที่นั่นมีท่าเรือและอู่ต่อเรือที่ยอดเยี่ยมอยู่”

“ประเดี๋ยวเจ้าจงไปบอกทุกคนที่เหลืออยู่ในตระกูลว่า วันที่แปดเดือนสิบนี้ให้มารวมตัวกันที่เจียงเฉิงเพื่อนั่งเรือของตระกูลหลู่ไปยังราชวงศ์หยู”

“ส่วนเจ้าก็กลับไปยังเมืองกวนหยุนและพาครอบครัวทั้งหมดเดินทางไปด้วยกันเถิด”

อยู่ ๆ เฉินซูหยวนก็รู้สึกหดหู่ขึ้นมา เพราะตามแผนการเดิมของหนานกงอี้หยู่คือเขาควรกลับมาชักจูงหัวหน้าตระกูลให้ละวางประโยชน์จากนาเกลือนั้นเสีย ให้ทำตามตระกูลจัวและตระกูลหนานกงที่นำผลกำไรไปถวายให้แด่องค์จักรพรรดิเพื่อรักษาความปลอดภัยให้แก่คนในตระกูล

แต่คาดมิถึงว่าท่านหัวหน้าตระกูลจะขายทุกสิ่งทุกอย่างในตระกูลทิ้ง แล้วพาคนอพยพไปยังราชวงศ์หยู !

เขาเป็นกังวลเสียเหลือเกินว่า การกระทำนี้จะทำให้จักรพรรดิทรงกริ้วจนส่งกองทัพเข้าจัดการตระกูลเฉินที่สืบทอดกันมานานนับพันปี

ทว่าบัดนี้คุณชายใหญ่เฉินหลินหยวนได้นำทรัพย์สินกว่าครึ่งอพยพไปถึงเมืองจินหลิงอย่างปลอดภัยแล้ว มิได้ติดขัดแม้แต่น้อยราวกับว่าองค์จักรพรรดิมิรู้เรื่องอันใดเลย

เหตุใดพระองค์ถึงต้องทำเช่นนี้ ?

คำถามนี้เขาเคยเอ่ยถามท่านหัวหน้าตระกูลแล้ว ทว่าก็ไร้ซึ่งคำตอบ

“การเดินทางไปเจียงเฉิงมีหนทางยาวไกลมากยิ่งนัก ท่านหัวหน้าตระกูลควรล่วงหน้าไปก่อน”

เฉินตงเซิงยกมือขึ้นโบกไปมา “ข้าชรามากแล้ว ข้ามิเดินทางไปที่ใดหรอก เรือนใหญ่นี้จะต้องมีคนคอยดูแล ศาลประจำตระกูลเฉินต้องมีคนคอยปัดกวาด พวกเจ้าไปกันเถิด”

“ส่วนเรื่องผู้สืบทอดตำแหน่งหัวหน้าตระกูล ข้าได้มอบหมายให้บุตรชายคนโตเฉินฉือแล้ว เขาทราบดีว่าควรทำเยี่ยงไรเมื่อไปถึงราชวงศ์หยู ส่วนเจ้า…เคยเป็นถึงขุนนางขั้นสี่ เมื่อไปถึงเมืองจินหลิงก็จงอยู่ข้างกายเฉินฉือเพื่อคอยช่วยเหลือเขาในการทำการค้า”

“…พวกเราจะทำการค้าอันใดที่นั่นเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

“แน่นอนว่ายังคงเป็นนาเกลือ ! ”

“……”

เฉินซูหยวนนั่งอยู่ในรถม้ามุ่งหน้ากลับเมืองกวนหยุน ทว่าในใจกลับมีคำถามมากมายเสียเหลือเกิน

เขามิเข้าใจว่าเหตุใดท่านหัวหน้าตระกูลถึงมิอพยพไปด้วยทั้งที่ก็สามารถทำได้ ?

เขามิเข้าใจว่าตระกูลเฉินซื้อบ่อเกลือในราชวงศ์หยูไว้ตั้งแต่เมื่อใด หัวหน้าตระกูลเอ่ยว่าเมื่อคนในตระกูลเฉินทั้งหนึ่งแสนสองหมื่นคนเดินทางไปยังราชวงศ์หยูแล้ว พวกเขาจะแยกย้ายไปยังนาเกลือสำคัญทั้งห้ามณฑล หมายความว่าอย่างน้อยต้องซื้อบ่อเกลือเอาไว้ถึง 5 แห่ง

เฉินซูหยวนทราบว่าบัดนี้เกลือเขียวของราชวงศ์หยูโดนเกลือขาวแย่งส่วนแบ่งตลาดมากกว่าสามในสิบส่วน ในอนาคตเกลือขาวอาจจะเข้ามาแทนที่ทั้งหมดก็เป็นได้ หากตระกูลเฉินมิทราบถึงกรรมวิธีผลิตเกลือขาว มันจะไปมีประโยชน์อันใดกัน ?

ยังมีที่ปรึกษาแห่งภูเขาเสียนหยุนผู้ลึกลับนั่นอยู่อีก เขาเคยพบอยู่คราหนึ่งซึ่งก็ดูสง่างามและฉลาดเฉลียวมากเสียทีเดียว

การสมรสกับตระกูลโจวก็เป็นความคิดของที่ปรึกษาผู้นั้น เรื่องการอพยพไปยังราชวงศ์หยูก็เป็นความคิดของเขาเช่นกัน

อีกฝ่ายได้หว่านล้อมตระกูลโจวและตระกูลหลู่ทั้งยังช่วยวางแผนเรื่องการย้ายถิ่นฐานให้สามในเจ็ดตระกูลใหญ่แห่งราชวงศ์อู๋อีกด้วย เขาต้องการทำสิ่งใดกันแน่ ?

แน่นอนว่าจากสถานการณ์ปัจจุบัน แท้ที่จริงการย้ายถิ่นฐานไปยังราชวงศ์หยูมิใช่เรื่องที่เป็นไปมิได้ ท่านหัวหน้าตระกูลเอ่ยว่าฮ่องเต้แห่งราชวงศ์หยูยินดีต้อนรับพวกเขาเป็นอย่างยิ่ง แน่นอนว่าต้องต้อนรับอยู่แล้ว เพราะเพียงแค่ตระกูลเฉินตระกูลเดียวก็เกรงว่าจะนำเงินทองไปยังราชวงศ์หยูมากกว่า 100 ล้านตำลึง !

ทั้งสามตระกูลใหญ่จะไปตั้งรกรากที่ราชวงศ์หยู จำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมหาศาลในการสร้างธุรกิจขึ้นมาใหม่ เช่น ตระกูลเฉินต้องการซื้อนาเกลือ ตระกูลโจวต้องการซื้อเหมืองบนภูเขา และตระกูลหลู่ต้องการซื้อไม้เพื่อสร้างเรือเป็นต้น

การกระทำของพวกเขามิน่าจะปิดบังสายพระเนตรของจักรพรรดิเต๋อจงได้ เฉินซูหยวนทราบดีว่าฝูงมดน่ากลัวเพียงใด ทว่าเงินจำนวน 300 ล้านกลับถูกขนย้ายไปยังราชวงศ์หยูได้อย่างง่ายดาย…องค์จักรพรรดิทรงมีเมตตาถึงเพียงนั้นเชียวหรือ ?

……

……

“เหตุใดเขาถึงปล่อยให้ทั้งสามตระกูลใหญ่เดินทางมายังราชวงศ์หยูได้อย่างง่ายดายกัน ? ”

เยี่ยนซือเต้าทูลถามหยูเวิ่นเต้าด้วยความประหลาดใจเช่นเดียวกัน

“ตระกูลเฉินนำเงินมาลงทุนซื้อนาเกลือทั้งสิบแห่งในห้ามณฑล ตระกูลโจวซื้อเหมืองแร่เหล็กจำนวน 8 แห่งจากสามมณฑล ตระกูลหลู่ก็ได้ขยับขยายท่าเรือให้ใหญ่โตขึ้นกว่าเดิมถึงสิบเท่า ! และยังมีแผนการที่จะสร้างอู่ต่อเรือขนาดมหึมาจำนวน 10 แห่งขึ้นมาอีกด้วย ดังนั้นจำเป็นต้องซื้อไม้จำนวนมาก…”

“ฝ่าบาท เรื่องนี้ดีต่อราชวงศ์หยูอย่างแท้จริง แต่กระหม่อมก็คิดมิตกว่าเหตุใดฟู่เสี่ยวกวนถึงต้องทำเช่นนี้ แน่นอนว่าเขาย่อมรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี แต่ก็ยังปล่อยพวกนั้นออกมา เขามีวัตถุประสงค์ใดซ่อนอยู่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ ? ”

หยูเวิ่นเต้าหัวเราะออกมา “เขาเขียนจดหมายถึงข้าหนึ่งฉบับ กล่าวว่าของเหล่านี้เขามอบให้แก่ข้าเป็นของขวัญเนื่องในโอกาสขึ้นครองบัลลังก์”

เยี่ยนซือเต้าตกตะลึงขึ้นมาทันใด ของขวัญนี้ช่าง…มีค่ามหาศาล !

จัวหลิวหวินที่นั่งอยู่ด้านข้างครุ่นคิดและเอ่ยออกมาว่า “ทั้งสามตระกูลใหญ่ได้ติดต่อมาเป็นการส่วนตัวว่าพวกเขาไร้หนทางในราชวงศ์อู๋ จากรายงานของหอซี่หยู่ จะเห็นได้ว่าฟู่เสี่ยวกวนกว้านซื้อนาเกลือทั้งหมดในแคว้นอี๋และยังควบคุมนาเกลือทั้งภายในราชวงศ์อู๋ จากนั้นก็นำเข้าเกลือขาวมายังตลาดราชวงศ์อู๋มากมาย อีกทั้งยังมิยอมให้ผู้ใดขึ้นราคาเกลืออีกด้วย นี่หมายความว่าจะขายได้ในราคา 500 อีแปะต่อ 1 ชั่งเท่านั้น”

“เมื่อเป็นเช่นนี้เกลือเขียวของตระกูลเฉินจะเดินต่อไปเยี่ยงไรเล่า ? เช่นเดียวกับเหมืองแร่ของตระกูลโจว ฟู่เสี่ยวกวนซื้อเหมืองแร่ไว้มากมายอีกทั้งยังลงนามในข้อตกลงทางการค้าทวิภาคีกับแคว้นฝานอีกด้วย ดังนั้นแคว้นฝานจะส่งออกแร่หินจำนวนมากไปยังราชวงศ์อู๋ แล้วตระกูลโจวจะทำการค้าต่อไปได้เยี่ยงไร ? ”

“การขนส่งทางเรือของตระกูลหลู่ เนื่องจากฟู่เสี่ยวกวนประกาศยกเลิกข้อบังคับในการขนส่งทางเรือ ทำให้ชาวบ้านพากันสร้างเรือขึ้นมามากมายและค่าขนส่งของชาวบ้านยังต่ำกว่าของตระกูลหลู่ถึงสองส่วน ในตอนแรกเริ่มมีขุนนางเข้ามาแทรกแซง แต่ก็ถูกฝ่ายตรวจการสังหารทิ้งมากกว่า 12 คน หลังจากนั้นก็มิมีผู้ใดกล้ายื่นมือเข้าไปแทรกแซงอีก ตระกูลหลู่จึงทำธุรกิจด้านขนส่งทางน้ำได้ยากลำบากมากยิ่งขึ้น”

“จากที่เอ่ยมานี้ ทั้งสามตระกูลทำได้เพียงละทิ้งกิจการ หรือไม่ก็หาหนทางอื่น”

“หากพวกเขาละทิ้งกิจการไปแล้ว ตระกูลจะเอาอันใดมาดำรงชีพต่อไปกัน ? พวกเขาจึงเลือกได้เพียงทางเดียวคือหาหนทางใหม่ และนี่คือเหตุผลที่แท้จริง ที่พวกเขาเดินทางมายังราชวงศ์หยู”

“ส่วนเรื่องที่ว่าเหตุใดฟู่เสี่ยวกวนมิเข้ามาขัดขวาง… กระหม่อมคิดไปคิดมาก็เกรงว่าเขามิกล้าเสี่ยง เขาเป็นถึงจักรพรรดิหากสังหารราษฎรจำนวนกว่าแสนคน ย่อมจะทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงอย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”

อืม…ฟังดูแล้วมีเหตุมีผลพอสมควร

ทว่าเหตุใดเยี่ยนซือเต้ายิ่งฟังก็ยิ่งกังวลใจมากกว่าเดิมเล่า

1เทศกาลฉงหยาง เป็นเทศกาลที่จัดขึ้นในวันที่ 9 เดือน 9 ตามปฏิทินจันทรคติของจีน