ตอนที่ 850 คนตระกูลจงหลี
ถังชวนและเทพมารหลินไม่ใช่คู่ต่อสู้ในระดับเดียวกันจริงๆ ไม่เช่นนั้นจะแพ้อย่างราบคาบเช่นนี้ได้อย่างไร
เพิ่งจะเริ่มต่อสู้เท่านั้น ก็ถูกสยบอย่างง่ายดายเพียงพลิกมือ นี่ไม่ต่างอะไรกับมดแดงที่อาจหาญจะขย่มต้นไม้ใหญ่!
ทุกคนในบริเวณใจสะท้าน เสียงสูดหายใจด้วยความตกใจดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ก่อนหน้านี้มีเพียงแค่ในข่าวลือบรรยายว่าเทพมารหลินแข็งแกร่งไร้ขีดจำกัด หลายคนต่างเชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง ถึงอย่างไรก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยได้ยินว่าในแดนฐิติประจิมมีบุคคลเช่นนี้ จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะทำให้ผู้คนสงสัยในความจริงของข่าวลือ
แต่ตอนนี้ด้วยเรื่องที่ซาหลู่ถูกฆ่า และถังชวนพ่ายแพ้อย่างราบคาบ ทำให้ทุกคนในที่นั้นต่างตระหนักได้ว่า แม้ข่าวลือจะเกินจริงไปบ้าง แต่พลังต่อสู้ของเทพมารหลินก็แข็งแกร่งไร้ข้อกังขาอย่างแน่นอน!
สีหน้าของซาหลิวฉานเปลี่ยนไปเล็กน้อย ในสายตาวูบไหวประกายเย็นเยียบ
ทีแรกเขาคิดจะยืมมือถังชวนหยั่งเชิงพลังของหลินสวินสักหน่อย กลับคิดไม่ถึงว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นนี้
ยังไม่ทันหยั่งเชิงพลังอย่างเต็มที่ถังชวนก็ถูกกำราบแล้ว นี่เป็นการยืนยันว่าแม้ในบรรดาผู้กล้า เทพมารหลินก็เรียกได้ว่าเป็นบุคคลชั้นยอดอย่างไม่ต้องสงสัย ส่วนจะเป็นถึงระดับไร้เทียมทานหรือไม่นั้น ยังไม่สามารถตัดสินได้
และผู้กล้าหลายคนที่เมื่อครู่นี้เพิ่งจะดูถูกและเย้ยหยันหลินสวิน ตอนนี้ล้วนมีความคิดไม่ต่างจากซาหลิวฉานนัก
ต่างคิดไม่ถึงว่าเทพมารหลินจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้!
ไป่เฟิงหลิวตื่นเต้นมาก เขาบันทึกทุกฉากที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ลงไปหมดแล้ว เพียงแต่ไม่นานเขาก็ผิดหวังขึ้นมา
เพราะเขาพบว่าในที่นั้นมีผู้ฝึกปราณมากมายกำลังใช้วิธีที่แตกต่างกัน บันทึกทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้เช่นเดียวกับเขา
นี่ก็หมายความว่าข่าวที่เขาไป่เฟิงหลิวได้มา ไม่ถือว่าใหม่ที่สุดแล้ว ไม่สามารถเป็นหนึ่งเดียวและบรรลุผลอย่างที่เขาพอใจได้
ในใจเยวี่ยเจี้ยนหมิงเองก็รู้สึกสลดมาก ยามพบหลินสวินครั้งแรกที่ภูเขาโคม่วง เขาก็ตระหนักได้แล้วว่าหลินสวินไม่ธรรมดา
เพียงแต่ไม่คิดว่าผ่านไปไม่ถึงครึ่งปี หลินสวินก็เติบใหญ่มาถึงขั้นนี้แล้ว พลิกฟ้าเกินไปแล้วจริงๆ
“ชนะง่ายๆ แบบนี้เลยหรือ” ชั้นเก้าของหอวสันตสารท ผู้สืบทอดแดนพิสุทธิ์อมตะหลายคนเบิกตาโพลง ยากจะเชื่อได้
“ศิษย์พี่ทุกท่าน ไหนว่าจะไม่ตื่นตูมโวยวาย” ริมหน้าต่าง ไป๋หลิงซีในชุดที่ขาวยิ่งกว่าหิมะ ใบหน้างดงามยังคงเรียบเฉย เพียงแต่มุมปากกลับเผยความเย้ยหยันที่คล้ายมีแต่ไม่มี
นางคิดอยู่แล้วว่าต้องเป็นเช่นนี้ แต่ในใจก็อึ้งอยู่บ้างจริงๆ เมื่อเปรียบกับตอนที่อยู่จักรวรรดิจื่อเย่า หลินสวินในตอนนี้เทียบกันไม่ได้แล้ว
“หึ แค่ชนะคนธรรมดาคนหนึ่งในบรรดาผู้กล้าก็เท่านั้น มีอะไรน่าตื่นเต้น”
หญิงสาวเสื้อคลุมกระเรียนสีเพลิงแค่นเสียงเย็นเยียบ ดูถูกอย่างยิ่ง “เปลี่ยนเป็นผู้สืบทอดคนใดๆ ของแดนพิสุทธิ์อมตะของพวกเราก็ล้วนทำได้ นี่ไม่สามารถพิสูจน์ความแข็งแกร่งของเทพมารหลินได้ เพียงแค่คู่ต่อสู้ของเขาอ่อนหัดเกินไปก็เท่านั้น!”
“ไม่ผิด คำพูดศิษย์พี่เยี่ยนสยามีเหตุผล” คนอื่นๆ เองก็เสริมขึ้น
ไป๋หลิงซีไม่แสดงความคิดเห็น ในใจกลับแอบพูดว่า หากถังชวนด้อยขนาดนั้นจริงๆ จะถูกมองว่าเป็นผู้กล้าได้อย่างไร และจะมีสิทธิ์เข้ามาในหอวสันตสารทแห่งนี้ได้อย่างไร
แต่จะว่าไป แม้แต่ไป๋หลิงซีเองก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า ในบรรดาคนรุ่นเยาว์ของแดนพิสุทธิ์อมตะของพวกเขา คนที่สามารถเอาชนะถังชวนได้มีถมไป
ถึงขั้นที่หากพูดอย่างเคร่งครัด ในสายตาของแดนพิสุทธิ์อมตะซึ่งยิ่งใหญ่และเก่าแก่โดดเด่นแล้ว คนอย่างถังชวนยังไม่ถือว่าเป็นผู้กล้าที่แท้จริง แค่พอจะฝืนนับได้ว่าเป็นหนึ่งในบุคคลชั้นยอดในบรรดาคนรุ่นเยาว์ก็เท่านั้น
……
ในที่นั้นเงียบสงัด มีเพียงถังชวนที่ร่างกายกระตุกไม่หยุดอยู่ในหลุมร้องโอดครวญอยู่ เขาได้รับบาดเจ็บหนักเกินไปจึงลุกไม่ขึ้น
เมื่อเทียบกับความบ้าบิ่นทะลวงฟ้าเมื่อครู่นี้ของเขาแล้วดูต่างกันมากเกินไป
“ชั่วดีเป็นตรา วสันตสารทตัดสิน คำพูดของอริยะบรรพกาลนั้นถูกต้อง อาศัยฝีมืออย่างเจ้าก็คู่ควรมาดูถูกและท้าทายข้าแล้วหรือ”
หลินสวินในตอนนี้ยังคงสงบนิ่ง นัยน์ตาดำเยียบเย็นไร้อารมณ์ เพียงแต่ในสายตาของทุกคนกลับแฝงความดูถูกและแข็งกร้าว
“ได้ยินว่าเจ้าเกี้ยวพาพี่สะใภ้ของเจ้าอย่างไร้ยางอายตั้งแต่ตอนอายุยังน้อยแล้ว ขัดหลักคุณธรรม น่าขยะแขยง คนอย่างเจ้ามีคุณสมบัติอะไรให้ถูกยกย่องว่าเป็นผู้กล้า”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ของหลินสวินดังออกมา ทุกคนในที่นั้นก็ฮือฮา สีหน้าแต่ละคนแปลกพิกลขึ้นมา สายตาที่มองถังชวนก็เปลี่ยนไป
เกี้ยวพาพี่สะใภ้ ผิดคุณธรรมร้ายแรง หากเป็นเช่นนี้จริงๆ ก็น่าโมโหอย่างยิ่ง!
“เจ้าๆๆ… อย่าใส่ความกัน!”
ส่วนถังชวนที่เดิมทีก็ถูกกำราบไปแล้ว ในใจเต็มไปด้วยความอับอายยามได้ยินคำพูดนี้ โกรธจนหยัดตัวขึ้น แต่กลับกระอักเลือดและหมดสติไป
เห็นเช่นนี้ทุกคนต่างถอนหายใจในใจ ไม่ว่าตอนเด็กถังชวนเคยทำเรื่องผิดศีลธรรมหรือไม่ เพียงแค่ความพ่ายแพ้อย่างอนาถของเขาในวันนี้ ก็ถูกกำหนดแล้วว่าต่อไปคงยากที่เขาจะเชิดหน้าในแดนฐิติประจิมได้อีก!
พูดอีกนัยหนึ่ง ผู้กล้าอย่างถังชวน หลังจากผ่านความพ่ายแพ้ในครั้งนี้ ชื่อเสียงก็จะป่นปี้ ถูกลบชื่อออกจากตำแหน่งผู้กล้า!
หลังจากนี้หากพูดถึงเขาถังชวน ย่อมหนีไม่พ้นเรื่องที่เขาพ่ายแพ้ภายใต้น้ำมือเทพมารหลินในครั้งนี้ นี่เป็นเงามืดหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย
นอกเสียจากวันหน้าถังชวนจะสามารถเอาชนะหลินสวินได้ ไม่เช่นนั้นความพ่ายแพ้ในวันนี้ก็จะถูกกำหนดให้เป็นความอับอายที่สะบัดไม่หลุด ตามติดบนเส้นทางฝึกปราณของเขา
“ตาเจ้าแล้ว!”
แต่ในตอนที่ทุกคนกำลังทอดถอนใจ หลินสวินหมุนตัว ดวงตาเยียบเย็นดุจสายฟ้าจับจ้องซาหลิวฉานโดยพลัน
เทพมารหลินกลับเป็นฝ่ายสร้างความลำบากใจก่อน!
นี่ทำให้หลายคนประหลาดใจและตกใจ ทั้งยังรู้สึกตื่นเต้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน นี่สิถึงจะเป็นมาดของเทพมารในคำร่ำลือ!
หลินสวินก่อนหน้านี้แม้จะแข็งแกร่งและหยิ่งผยอง ทว่าถึงอย่างไรก็ไม่เคยเป็นฝ่ายเริ่มก่อน แต่ตอนนี้เขาต้องการโจมตีแล้ว จึงชี้นิ้วไปที่ซาหลิวฉาน
“คราวนี้มีเรื่องสนุกให้ดูแล้ว ซาหลิวฉานหาใช่คนที่ถังชวนเทียบได้ เป็นผู้กล้าไร้เทียมทานที่แท้จริงคนหนึ่ง ชื่อเสียงเลื่องลือไปทั้งแดนฐิติประจิมตั้งนานแล้ว พลังต่อสู้โดดเด่น มีพลานุภาพที่หมื่นคนเกินต้านทาน”
“เทศกาลโคมกถามรรคยังไม่ทันเริ่มด้วยซ้ำ เพราะการปรากฏตัวของเทพมารหลินก็จะเกิดการประลองตะลึงโลกระดับนี้แล้ว เหนือความคาดหมายเกินไปแล้วจริงๆ”
“ก็ไม่รู้ว่าเทพมารหลินจะยังสามารถแข็งกร้าวเหมือนเมื่อครู่นี้ได้อีกหรือไม่”
ในบริเวณนั้นเดือดพล่านขึ้นมาอย่างที่สุด อีกทั้งตอนนี้มีผู้ฝึกปราณที่ได้ยินข่าวเดินทางมามากขึ้นเรื่อยๆ ล้อมบริเวณรอบๆ จนแม้แต่น้ำยังลอดไหลผ่านไปไม่ได้
ในบริเวณที่ไกลกว่านั้น ถึงขั้นมีผู้ฝึกปราณที่บ้างยืนอยู่ในอาคารสูงใหญ่ บ้างยืนอยู่กลางอากาศ คอยติดตามสถานการณ์ทางนี้อย่างใกล้ชิด
นี่เป็นเรื่องปกติมาก เทศกาลโคมกถามรรคที่ผ่านๆ มา ใครกล้าสร้างปัญหาหน้าหอวสันตสารทบ้าง เบื่อชีวิตจนทนไม่ไหวแล้วหรือ
แต่วันนี้แตกต่างอย่างเห็นได้ชัด เทพมารหลินที่ช่วงนี้สร้างเรื่องจนแดนฐิติประจิมเดือดพล่านขึ้นมาปรากฏตัว เผชิญหน้ากับกลุ่มผู้กล้าหน้าหอวสันตสารท เป็นเรื่องใหญ่ที่เพียงพอจะสร้างความฮือฮาให้กับแดนฐิติประจิม อยากไม่เป็นที่สนใจคงยาก
ในลานบริเวณนั้นเดือดพล่าน สีหน้าของซาหลิวฉานเย็นเยียบลง
ก่อนหน้านี้หลินสวินฆ่าผู้ติดตามของพวกเขา เขายังไม่ได้คิดบัญชีเลย คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายกลับกล้าประกาศศึกเอง นี่เป็นการท้าทายศักดิ์ศรีของเขาอย่างไม่ต้องสงสัย!
“คิดว่าเอาชนะถังชวนแล้ว ก็ไม่มีใครสามารถทำอะไรเจ้าได้แล้วจริงๆ หรือ” เสียงของซาหลิวฉานเยียบเย็น ราวกับไหลออกจากธารน้ำแข็ง แฝงกลิ่นอายเข่นฆ่าอันน่าหวาดหวั่น
บนร่างกายสูงใหญ่เกรียงไกรของเขาเต็มไปด้วยพลังน่ากลัวที่แผ่กระจายออกมา ทำให้เสียงฮือฮาในที่นั้นเงียบสงัดโดยพลัน ผู้ฝึกปราณหลายคนตัวสั่น ราวกับตกไปอยู่ในถ้ำน้ำแข็ง รู้สึกถึงความกดดันอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
นี่ก็คือผู้กล้าไร้เทียมทาน!
เมื่อขับเคลื่อนพลังทั่วร่าง เพียงแค่อานุภาพเท่านั้นก็สามารถทำให้โลกตะลึง กดข่มจักรวาล มีบุคลิกและความน่าเกรงขามที่โดดเด่นกว่าคนในรุ่นเดียวกันมาก
“ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ยังไม่รีบมาคุกเข่าขอขมาอีก” เหล่าผู้แข็งแกร่งเผ่าฉลามสมุทรซึ่งอยู่ข้างๆ ซาหลิวฉานต่างตะโกนขึ้นมา สีหน้าอึมครึม สายตาที่มองหลินสวินราวกับจ้องคนตายคนหนึ่ง
“คราวนี้เพื่อนคนนั้นของเจ้าเดือดร้อนแน่”
“ซาหลิวฉานคนนี้แข็งแกร่งมาก หากพวกเราดวลกับเขายังยากจะประเมินแพ้ชนะ บางทีอาจมีเพียงศิษย์พี่อวี่หลิงคงที่จะสามารถกำราบเขาได้อย่างง่ายดาย”
“เทพมารหลินนี่ประสบหายนะแล้ว ศิษย์น้องหลิงซี อีกเดี๋ยวเจ้าอย่าวู่วามไปช่วยเชียวนะ พวกเราไม่อยากเดือดร้อนเพราะเรื่องนี้”
ในหอวสันตสารท เหล่าผู้สืบทอดแดนพิสุทธิ์อมตะต่างพูดขึ้น สีหน้ากลับคืนสู่ความเย่อหยิ่งสูงส่งอีกครั้ง เจือนัยเย้ยหยัน
“คอยดูต่อไปก็พอแล้ว” ไป๋หลิงซีนิ่งสงบไร้อารมณ์
ส่วนเหล่าผู้กล้าที่อยู่บริเวณรอบๆ หอวสันตสารทต่างเผยท่าทีชมดูความครึกครื้น สายตาที่มองหลินสวินก็แฝงความเวทนา
เจ้าหมอนี่คิดว่าชนะถังชวนแล้ว จะสามารถไปท้าทายผู้กล้าไร้เทียมทานได้จริงๆ หรือ
อย่าว่าแต่เขา ก่อนที่เทศกาลโคมกถามรรคจะเริ่มขึ้น แม้แต่เหล่าผู้กล้าไร้เทียมทานคนอื่นๆ ในแดนฐิติประจิม ยังไม่อยากหาเรื่องผู้กล้าไร้เทียมทานอีกคนง่ายๆ!
และซาหลิวฉานเป็นผู้กล้าชั้นยอดอย่างไม่ต้องสงสัย!
มีผู้กล้าหลายคนที่ในใจรู้สึกอึดอัดและไม่พอใจเพราะความพ่ายแพ้ของถังชวน ยามนี้เห็นหลินสวินชี้นิ้วมาที่ซาหลิวฉาน ทำให้พวกเขารู้สึกมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่นอย่างอดไม่ได้
นี่หมายความว่า การที่เมื่อครู่นี้หลินสวินกำราบถังชวนอย่างแข็งกร้าว ไม่ได้นำพาความระแวงและหวาดกลัวมาให้พวกเขาเท่าไหร่
นี่ก็เป็นเรื่องปกติ ไม่ว่าใครที่สามารถถูกผู้คนบนโลกยกย่องให้เป็นผู้กล้าได้ แต่ละคนล้วนมีความเย่อหยิ่งและทะนงตัวมากกว่าปกติ ความแข็งแกร่งของสภาวะจิต แน่นอนว่าไม่มีทางถูกกระทบง่ายๆ
“บางทีบนโลกนี้อาจจะมีคนปราบข้าได้ แต่ไม่มีทางเป็นเจ้าแน่”
หลินสวินไม่ได้สนใจเสียงวิพากษ์วิจารณ์รอบๆ นัยน์ตาดำดุจประจุไฟ จับจ้องซาหลิวฉานพลางพูดง่ายๆ แต่ยังคงแข็งกร้าวเหมือนเมื่อครู่นี้
“เหอะๆ เจ้าช่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงจริงๆ!”
ซาหลิวฉานยิ้ม แต่รอยยิ้มกลับเผยไอสังหาร พาให้หนังหัวชาวาบ เขาควบคุมไอสังหารในใจไม่อยู่แล้ว
เพียงแต่ยังไม่ทันที่เขาจะลงมือ ก็เห็นบนถนนซึ่งอยู่ห่างออกไปเกิดความฮือฮา เสียงปานฟ้าคำรามดังขึ้น
“สหายเผ่าฉลามสมุทรอย่าได้ลงมือ นายน้อยตระกูลจงหลีของข้ากำลังเร่งเดินทางมาอย่างเร็วที่สุด โปรดมอบเทพมารหลินนี่ให้นายน้อยตระกูลข้ามากำราบ!”
พร้อมกันกับเสียงนั้น สัตว์ใหญ่ยักษ์ราวกับเทือกเขาตัวหนึ่งเคลื่อนไหวกลางอากาศ พุ่งทะยานเข้ามา เสียงคำรามสะเทือนฟ้า กลิ่นคาวตีจมูก ผู้ฝึกปราณที่ยืนอยู่ข้างทางหลายคนหลบไม่ทัน ถูกชนจนกระเด็นไปทั้งอย่างนั้น ส่งเสียงโอดครวญ
นี่คือสัตว์พาหนะคชสารมังกรหยกดำตัวหนึ่ง ดวงตาใหญ่ราวกับหินโม่ สี่ขาปานเสาหิน อานุภาพดุดันคับฟ้า หยิ่งผยองอย่างที่สุด
บนหลังบรรทุกหนุ่มสาวกลุ่มหนึ่ง กำลังมุ่งหน้ามาทางนี้
เหล่าผู้ฝึกปราณในบริเวณนั้นต่างตกใจ รีบเปิดทางเส้นหนึ่งให้พวกเขา
เพราะต่างจำได้ว่านั่นเป็นคนตระกูลจงหลี และนายน้อยที่พวกเขาพูดถึง ก็คือจงหลีอู๋จี้ที่มีผลงานการต่อสู้โดดเด่น และชื่อเสียงอื้อฉาวไปทั้งแดนฐิติประจิม