ตอนที่ 2054 บททดสอบที่สาม หายนะที่สอง

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน

ตอนที่ 2054 บททดสอบที่สาม หายนะที่สอง โดย Ink Stone_Fantasy

ทั่วทั้งเผ่าเทพมีอารามบรรพชนอยู่เพียงแค่สามแห่งเท่านั้น ซึ่งอยู่ในเมืองหลวงของแต่ละราชวงศ์และตั้งอยู่ใต้เท้าของรูปปั้นในเมืองหลวง

เหล่าผู้คนของเผ่าโบราณที่โตเต็มวัยมักต้องการมาที่อารามบรรพชนในช่วงบททดสอบที่สาม ทว่าพวกเขาคงไม่ได้เข้าไปลึกมากนักและมีแต่ตระกูลราชวงศ์เท่านั้นที่อนุญาตให้เข้าไปในพื้นที่ด้านในได้

นับตั้งแต่ยุคโบราณเป็นต้นมามีน้อยคนมากที่มีคุณสมบัติพอที่จะเข้าไปปิดด่านบ่มเพาะในอารามบรรพชน เรื่องนี้ยังหาได้ยากแม้แต่เหล่ามหาชั้นฟ้าก็ตามเพราะอำนาจอยู่ในมือของจักรพรรดิในแต่ละรุ่น มีเพียงแค่เชื้อราชวงศ์เท่านั้นถึงจะเข้าไปในส่วนลึกของอารามเพื่อผ่านบททดสอบ

หวังหลินในตอนนี้กำลังยืนอยู่ใจกลางเมืองหลวงอาณาเขตฉี เขาอยู่ใต้รูปปั้นโบราณ จ้องมองข้างหน้าอย่างเงียบงัน

รูปปั้นนี้ก็เหมือนกับรูปปั้นในอาณาเขตเต๋า บรรพชนโบราณแหงนมองฟ้าดินด้วยความดูถูกและเหยียดหยาม ก่อนที่หวังหลินจะข้ามสะพานย่ำสวรรค์ทั้งสามไปได้ เขาไม่รู้สึกอะไรนักตอนที่เห็นรูปปั้นของบรรพชนโบราณในอาณาเขตเต๋า

แต่ในตอนนี้ รูปปั้นกลับแตกต่างในสายตาเขาเหลือเกิน

ความดูถูกและเหยียดหยามเพียงแต่แสดงเผยออกมาบนใบหน้า ลึกลงไปข้างในหวังหลินกลับเห็นความเศร้าที่ตรงเข้าหาเขาและสิ่งมีชีวิตทั้งหมด

หวังหลินเอ่ยขึ้น “ใครเป็นคนแกะสลักรูปปั้นของบรรพชนโบราณ?”

ซ่งเทียนยืนอยู่ข้างหวังหลินพลางมองรูปปั้นและเอ่ยขึ้น “มหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าว…”

“หลังจากบรรพชนโบราณหายตัวไป มหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าวได้นำภูเขาสามแห่งจากที่ไหนไม่ทราบเข้ามา เขาเป็นคนแกะสลักรูปปั้นทั้งสามด้วยตัวเองและสร้างไว้ในเมืองหลวงทั้งสามอาณาเขต”

“เป็นเพราะเหตุนี้ พวกเราเหล่าลูกหลานจึงจดจำบรรพชนโบราณได้และไม่ลืมเรื่องราวที่ผ่านมา”

หวังหลินพยักหน้าเบาๆ เขารู้ว่าในเผ่าต้องมีสัญลักษณ์แห่งความหวัง หากไม่มีเลยก็คงอยู่ได้ไม่นานและจะเสื่อมสลายไปอย่างช้าๆ

เห็นได้ชัดว่ารูปปั้นของบรรพชนโบราณและตำนานของเขาเป็นสัญลักษณ์ที่เผ่าโบราณเชื่อถือ! มหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าว องครักษ์แห่งเผ่าโบราณ เพียงแค่ชื่อนี้ก็สามารถมองเห็นความคิดสติปัญญาของเขาได้แล้ว

หวังหลินและซ่งเทียนยืนอยู่ด้านล่างรูปปั้นราวกับกำลังรอคอยบางอย่าง

หลังจากนั้นไม่นาน มีเสียงพึมพำดังออกมาจากทางวังหลวง ลำแสงสีดำหนึ่งสายพุ่งเข้ามาทางนี้ หมุนวนรอบรูปปั้นบรรพชนโบราณจนกลายเป็นวงแหวนสีดำ

ด้านล่างตรงรองเท้ารูปปั้นปรากฏเป็นประตูขนาดใหญ่ขึ้นมา ประตูบานนี้ปิดอยู่ แต่พอวงแหวนสีดำปรากฏขึ้น ประตูจึงค่อยๆ เปิดออก

“พี่หวัง อารามบรรพชนเปิดแล้ว ข้าจะไม่เข้าไปข้างใน ระวังด้วยตัวเองด้วย!” ซ่งเทียนคำนับฝ่ามือให้หวังหลิน

หวังหลินมองประตูที่กำลังเปิดและเผยท่าทีสุขุม เขาจะทำให้ลี่มู่หวานเข้าสู่แดนเทพบรรพกาลได้อย่างปลอดภัยหรือไม่ล้วนขึ้นอยู่กับเขาจะได้รับโลหิตวิญญาณเพิ่มมากขึ้นอีกสองหยดในบททดสอบที่สาม

หวังหลินคำนับฝ่ามือให้ซ่งเทียนก่อนจะสูดหายใจลึกและก้าวเดินเข้าสู่อารามบรรพชน

จังหวะก้าวของเขาไม่เร็วแต่มั่นคง หวังหลินมาถึงเบื้องหน้าประตูและก้าวเดินเข้าไปข้างในโดยไม่ลังเล

เมื่อเขาเข้าไปได้แล้ว ประตูจึงปิดลงอย่างช้าๆ หลังจากผ่านไปครึ่งก้านธูปไหม้ ประตูก็ปิดสนิท

แสงสีดำบนรูปปั้นบรรพชนโบราณค่อยๆ หมองลง มันเปลี่ยนกลายเป็นลำแสงและหายกลับเข้าไปในวังหลวง

ซ่งเทียนยืนอยู่ตรงนั้นไปสักพักก่อนจะถอนหายใจและจากไป

เหล่าผู้คนอาณาเขตฉีล้วนเห็นกลิ่นอายรอบรูปปั้นแต่มีไม่กี่คนที่รู้ว่าหวังหลินเป็นคนเข้าไป ข่าวเรื่องนี้จักรพรรดิฉีสั่งให้ปิดเอาไว้เพื่อให้ผู้คนค่อยๆ ลืมเลือนอย่างช้าๆ

ทั่วทั้งอาณาเขตฉีไม่แตกต่างจากก่อนหน้านี้ แต่ผู้คนได้ให้ความสนใจองค์ชายจี้ตูมากขึ้น ซึ่งองค์ชายมักจะอยู่ห่างไกลจากเมืองหลวง ทว่าตอนนี้เขากลับมาอาศัยอยู่ในวังแล้ว

ส่วนรัชทายาทที่ได้รับตำแหน่งราชาเมื่อสิบปีก่อนจึงถูกส่งออกไปคุ้มกันที่ชายแดน

อีกห้าปีต่อมา องค์ชายฉีหมานผู้มีโอกาสเป็นจักรพรรดิคนถัดไปมากที่สุดก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นราชาและถูกส่งออกไปนอกเมืองหลวง

อีกสิบห้าปีต่อมาเหล่าองค์ชายต่างก็ไดัรับการแต่งตั้งเป็นราชาและถูกส่งออกไปทีละคน ผ่านไปสามสิบปีเหลือเพียงองค์ชายจี้ตูอยู่ในเมืองหลวงคนเดียว!

ตลอดเวลาสามสิบปี องค์ชายจี้ตูเงียบสงัดและไม่ยุ่งเกี่ยวกับโลกภายนอกมากนัก สถานะของเขาถูกกำหนดไว้แล้วว่าคือจักรพรรดิคนถัดไปและจึงไม่ทำอะไรลับๆ อีกต่อไป เขาเพียงแค่ต้องรอเวลา

หลังจากเหล่าองค์ชายคนอื่นได้รับตำแหน่งราชาและถูกส่งออกไป ผู้คนในอาณาเขตฉีจึงรู้ว่าใครจะได้เป็นจักรพรรดิในอนาคต

จี้ตูค่อยๆ เริ่มสื่อสารกับขุมอำนาจทั้งหมดที่เป็นของจักรพรรดิ ในเวลาที่เหลืออยู่อีกเจ็ดสิบปี พ่อของเขากำลังจะส่งพลังอำนาจเหล่านั้นมาให้อย่างช้าๆ

นี่คือสิ่งที่เหล่าจักรพรรดิคนใหม่ทุกคนในเผ่าโบราณต้องทำ และเป็นช่วงเวลาที่สงบสุขที่สุด

ทุกอย่างดำเนินไปตามแผนและจี้ตูยังคงประคับประคองสถานการณ์ไปได้ด้วยดี แทบทุกเช้าที่เขาตื่นขึ้นมา มักจะมองไปทางอารามบรรพชนอย่างเงียบๆ

เขาไม่รู้ว่าเมื่อใดจะได้เจอพ่อบุญธรรมอีกครั้ง แต่เขาทำแบบนี้มาตลอด เหล่าคนที่ติดตามจี้ตูทีหลังต่างก็สังเกตเรื่องนี้ได้และงุนงงยิ่ง แม้จะสอบถามก็ยังไม่เจอเบาะแสอะไร

วันเวลาผ่านไปอย่างช้าๆ และเรื่องนี้ก็กลายเป็นความลับไป

นอกจากนิสัยนี้ ในช่วงเวลาสามสิบปีเขาไม่ลืมที่หวังหลินสั่งการเอาไว้ เขาส่งผู้คนทรงพลังจำนวนมากไปที่เมืองศิลาหินเพื่อคุ้มกันหญิงสาวนางหนึ่งอย่างเงียบๆ นางผู้ถูกเรียกว่าซ่งจื่อ

หลังจากผ่านมามากกว่าร้อยปี ซ่งจื่อไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปและมีริ้วรอยเหี่ยวย่น นางไม่เคยรู้ว่าจ้าวเมืองศิลาดำและผู้คนทรงพลังนับไม่ถ้วนมีภารกิจลับเพื่อมาดูแลนาง

พริบตาเดียวผ่านไปอีกยี่สิบปี ในปีที่ห้าสิบนับตั้งแต่ที่หวังหลินเข้าไปในอารามบรรพชน ในอาณาเขตฉีได้มีพิธีอันยิ่งใหญ่ขึ้น

พิธีนี้ไม่ใช่เพื่อเฉลิมฉลองตำแหน่งของจี้ตูแต่เป็นงานสมรส เขาได้เลือกลูกหลานของซ่งเทียนมาเป็นภรรยา นางชื่อว่าซ่งยู่

นางเป็นคนที่ซ่งเทียนทะนุถนอมมากและเป็นลูกหลานไม่กี่คนที่สามารถฟังคำสอนของเขาได้เป็นการส่วนตัว

เทศกาลครั้งใหญ่นี้กินเวลาอยู่หลายเดือน ช่วงเวลานี้เหล่าผู้คนอีกสองอาณาเขตเป็นเกียรติเข้ามาเยือน อาณาเขตเต๋ามีชายวัยกลางคนมา หากหวังหลินเห็นคงรู้ว่าคนผู้นี้คล้ายกับเย่โม่เหลือเกิน

เขาคือลูกหลานของเย่โม่

หลังจากงานเลี้ยงฉลองจบลงและทุกคนจากไป จี้ตูพาภรรยาของเขามาเบื้องหน้าอารามบรรพชนในวันที่ดวงตะวันลอยสูงตระหง่านในท้องฟ้า

แสงจันทราบางเบาและส่องกระทบรูปปั้นบรรพชน จี้ตูจับมือภรรยาที่กำลังงุนงงเข้าหาอารามบรรพชนอย่างเงียบๆ และหยุดอยู่ห่างออกไปร้อยฟุต

เขามองอารามบรรพชนและเข้าสู่ภวังค์ หลังจากนั้นสักพักจึงคุกเข่าลงเงียบๆ ภรรยาด้านข้างถึงจะสับสนแต่ก็ไม่ถามและคุกเข่าไปพร้อมกับเขาด้วยเช่นกัน

จี้ตูพูดขึ้นเบาๆ “ซ่งยู่ เราไม่ได้โค้งคำนับบรรพชนโบราณ”

นางตกตะลึง

“เรากำลังโค้งคำนับพ่อบุญธรรมของข้า”

“พ่อบุญธรรม?” นางประหลาดใจ

“พ่อบุญธรรม ลูกได้รับลูกหลานของท่านซ่งมาเป็นภรรยา นางจะเป็นจักรพรรดินีในอนาคตของอาณาเขตฉี วันนี้ลูกพานางมาที่นี่เพื่อทำความเคารพพ่อบุญธรรม!” จี้ตูเคารพยิ่ง สิ่งนี้ออกมาจากหัวใจและเขาก็จริงใจมาก

เขาไม่มีวันลืมทุกอย่างที่เขาได้รับมาจากหวังหลิน เขามักจะย้ำเตือนตัวเองเสมอว่าหากไม่มีหวังหลิน เขาคงไม่มีโอกาสได้กลายเป็นจักรพรรดิ

แม้กระทั่งสตรีด้านข้างเขาก็อาจไม่ใช่ภรรยา นางคงเป็นของฉีหมานไปแทน

“พ่อบุญธรรม อีกห้าสิบปีจะถึงวันที่ลูกผู้นี้ได้กลายเป็นจักรพรรดิ ลูกหวังว่าจะได้เห็นพ่อบุญธรรมในวันนั้น…”

สตรีด้านข้างคล้ายกับจำอะไรบางอย่างได้และมองอารามบรรพชนด้วยความตกตะลึง นางค่อยๆ นึกถึงเรื่องที่ท่านซ่งผู้เป็นบรรพชนแห่งตระกูลซ่งได้เอ่ยถึงชื่อของคนผู้หนึ่งโดยไม่ได้ตั้งใจ

ตอนที่ชื่อนี้ถูกยกขึ้นมากล่าวถึง ซ่งเทียนมีใบหน้าซับซ้อนและแฝงความเคารพ

นางกระซิบ “หวัง…ท่านหวัง…”

จี้ตูไม่ได้พูดสิ่งใดแต่คุกเข่าอยู่นานก่อนจะลุกขึ้นและจากไปพร้อมกับภรรยาอย่างเงียบๆ ทว่าตอนที่เขาออกไปได้หลายร้อยฟุตแล้ว น้ำเสียงหนึ่งดังออกมาจากอารามบรรพชน

“เมื่อเจ้าได้กลายเป็นจักรพรรดิ ข้าจะอยู่ที่นั่นด้วย”

ร่างจี้ตูสั่นเทาและหันกลับมา เขามองอารามบรรพชนและเผยรอยยิ้ม

หวังหลินนั่งอยู่ในส่วนลึกของอารามบรรพชน ร่างกายกำลังปลดปล่อยกลิ่นเน่าเหม็นและเหี่ยวแห้งอย่างรุนแรง เขาดูเหมือนซากศพไปแล้ว

ทว่าดวงตายังคงเปล่งประกายดุจดวงดารา

“สามบททดสอบเจ็ดหายนะของเผ่าโบราณ ในโลกถ้ำข้าได้ผ่านไปแล้วสองบททดสอบสี่หายนะ กระทั่งได้ผ่านหายนะที่ห้าซึ่งเป็นหายนะแรกของบททดสอบที่สาม!”

“หายนะแรกของบททดสอบที่สามคือโลหิตสวรรค์เผ่าโบราณ!”

“หายนะที่สองคือแยกสามวิญญาณเต๋าโบราณ!”

“หายนะที่สามซึ่งเป็นหายนะสุดท้ายนั่นคือ คำอวยพรบรรพชนโบราณ!” หวังหลินพึมพำพร้อมกับมองออกไป เบื้องหน้ามีแผ่นหินจารึกและแกะสลักข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับ สามบททดสอบเจ็ดหายนะแห่งเผ่าโบราณเอาไว้

ผ่านไปสักพักหวังหลินจึงหลับตา เสียงที่หนึ่งที่ปรากฏขึ้นตอนที่เขาผ่านหายนะแรกของบททดสอบที่สามและเป็นเสียงตอนที่ได้โลหิตวิญญาณกำลังดังกึกก้องในใจ

“หากข้าต้องการให้ท้องฟ้านี้พังทลาย มันก็จะพังทลาย หากข้าต้องการให้พื้นดินถล่ม มันก็จะถล่ม! หากข้าต้องการให้ใครตาย จะไม่มีใครกล้าหยุดยั้งข้าได้ หากข้าต้องการให้ไม่มีเทพตนใดรอดชีวิต ใครจะกล้ามาช่วยพวกมัน…”

……………………………………………………..