กระแสลมสีดำพัดไปยังฝูงค้างคาวสีแดงเพลิง

ฝูงค้างคาวมารกรีดร้อง จากนั้นฝูงค้างคาวครึ่งหนึ่งจึงหันมาพร้อมทั้งพ่นเปลวเพลิงสีเขียวไปทางหานลี่

ก่อนที่เปลวเพลิงสีเขียวจะพุ่งชนหานลี่ กลิ่นเหม็นเน่าที่แทบจะทำให้อ้วกกลับพุ่งปะทะจมูกเขาเสียก่อน

หานลี่หัวเราะออกมาเสียงยาว แขนเสื้อทั้งสองข้างสะบัดพร้อมกัน ทันใดนั้นสายลมสีเขียวก็พุ่งออกมาจากแขนเสื้ออย่างรุนแรง ทำให้เปลวเพลิงสีเขียวไม่สามารถประชิดตัวเขาได้

ในเวลาเดียวกันนั้น หานลี่สาวเท้าก้าวไปข้างหน้า ‘วูบ’ ร่างกายของเขาหายวับไปในพริบตา

วินาทีต่อมา ร่างหนึ่งก็สั่นไหวอยู่ข้างฝูงค้างคาวสีแดงเพลิง เมื่อเกิดแสงสว่างวาบ ทันใดนั้นหานลี่จึงปรากฏตัว แขนทั้งสองข้างขยับเพียงน้อย เงากรงเล็บใสวาววับ ส่งเสียง ‘ขวับ’ ดังกลางอากาศ

ฝูงค้างคาวสีแดงเพลิงไม่มีโอกาสแม้จะกรีดร้อง ทันใดนั้น เลือดของมันก็โปรยปรายลงมาจากฟ้าราวกับสายฝน

ค้างคาวมารที่อยู่ใกล้เคียงต่างประหลาดใจ พวกมันรีบหันกลับมาโจมตีอีกครั้ง ทว่ากลับสายเกินไป

หานลี่สะบัดไหล่ของเขา ทำให้จุดดำกลายเป็นภาพติดตาและเขาก็หายไป จากนั้นจึงปรากฏตัวข้างค้างคาวมารที่อยู่ห่างออกไปหลายสิบจั้ง

กรงเล็บอันเดิมส่งเสียง ทันใดนั้นร่างของอสูรมารตัวนี้ถูกฉีกเป็นชิ้นๆ นับไม่ถ้วน

ในเวลาต่อมา หานลี่โผล่เข้าโผล่ออกฝูงค้างคาวมาร ทุกครั้งที่โจมตี อสูรมารจะต้องถูกสังหาร

ด้วยการเคลื่อนไหวอันน่าสะพรึงกลัวของเขา แม้ค้างคาวมารสีแดงเพลิงจะพ่นเปลวไฟสีเขียวออกมา ทว่าพวกมันกลับตกลงไปกลางอากาศ การโจมตีหนึ่งถึงสองครั้งเป็นครั้งคราว กลับไม่สะทกสะท้านร่างกายของหานลี่ เขามีเกราะกำบังสีดำขวางกั้นราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น และยังคงสร้างหายนะให้กับค้างคาวมารต่อไป

เวลาผ่านไปไม่กี่อึดใจ ค้างคาวมารมากกว่าสิบตัวก็ตายด้วยเงื้อมมือของหานลี่

เมื่อเห็นเช่นนั้น เผ่ามารที่ดิ้นรนต้านทานทะเลเพลิงสีเขียว อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง

สาวสวยระดับหลอมสุญตาคนนั้น มองไปยังหานลี่ด้วยสีหน้าตกใจ

คนอื่นไม่รู้ว่าพวกเขาต่อสู้กับฝูงค้างคาวมารสีแดงเพลิงนี้มานานแล้ว พวกเขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าอสูรมารนี้มีผิวหนังแข็งกระด้างดั่งเหล็กกล้า แม้แต่อาวุธอาคมธรรมดาก็ไม่สามารถทำร้ายพวกมันได้ มีเพียงอาวุธอาคมระดับสูงเพียงไม่กี่อย่างเท่านั้นที่สามารถโจมตีพวกมันได้ มิเช่นนั้นพวกเขาคงไม่ถูกกักขังอยู่ที่นี่เป็นเวลานานถึงเพียงนี้

แต่หานลี่มีเพียงกรงเล็บคู่เดียว กลับสามารถแยกร่างค้างคาวมารที่พวกเขาไม่สามารถกำจัดมันได้ พวกเขาจึงต้องตื่นตระหนกเป็นเรื่องธรรมดา

“คนผู้นี้มีพละกำลังแข็งแกร่งมาก เขาฝึกฝนพลังถึงระดับใดกันแน่ หรือว่าใช้วิชาโบราณที่ล่ำลือกัน” หญิงสาวครุ่นคิดด้วยความตกตะลึง

ครั้นเมื่ออสูรค้างคาวเห็นหานลี่แข็งแกร่งและหยิ่งยโส อีกทั้งยังดุร้าย พวกมันจึงอดไม่ได้ที่จะแสดงความหวาดกลัวออกมา

ทว่าในขณะนั้น ทันใดนั้นก็มีเสียงร้องคำรามออกมาจากฝูงค้างคาวมาร จากนั้นพวกมันพลันแยกออกด้านข้างซ้ายขวา เผยให้เห็นค้างคาวมารยักษ์ที่มีขนาดใหญ่กว่าพวกมันมาก

อสูรมารตัวนี้ไม่เพียงแต่มีพลังที่แข็งแกร่ง บนหัวของมันยังมีเขาหนึ่งคู่สีม่วงอ่อน มีแสงไฟอยู่รอบตัว ครั้นเห็นหานลี่ก็ไม่พูดไม่จา พ่นเปลวไฟสีเขียวขนาดใหญ่พุ่งตรงไปหาหานลี่ แผดเผาที่ว่างกลางอากาศไปกว่าหนึ่งร้อยจั้ง

หานลี่สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง เพียงแค่ใช้มือข้างหนึ่งตบบนร่างกาย ทันใดนั้นเกราะอาคมสีดำก็ปรากฏขึ้น และภายในชั่วพริบตา อักขระอาคมสีดำพลันก่อตัวหนาแน่นกลายเป็นม่านแสงและขวางอยู่ด้านหน้าเขา

ทันทีที่เปลวไฟสีเขียวสัมผัสกับม่านแสงสีดำ มันส่งเสียงคำรามและแยกออกจากกัน และไม่สามารถเข้าใกล้หานลี่ได้

มันโกรธเกรี้ยวเมื่อเห็นเช่นนั้น และด้วยเสียงกรีดร้องที่แหลมคมของมัน เขาคู่หนึ่งบนหัวปล่อยประจุสายฟ้าสีเงินฟาดใส่หานลี่ในทันที

หานลี่มีสีหน้าตกตะลึง เมื่อเขายกแขนขึ้น นิ้วสองนิ้วก็พุ่งไปด้านหน้าของเขา

เสียงฟ้าร้องดังกระหึ่ม!

ประจุสายฟ้าสีขาวและสีเขียวของสายพุ่งออกมาจากปลายนิ้ว และหายเข้าไปในความว่างเปล่าพร้อมกับประจุสายฟ้าสีเงิน

ด้วยโอกาสนี้ ไหล่ของหานลี่สั่นไหว และก้าวไปในอากาศ ทันใดนั้นเขาปรากฏตัวเหนือค้างคาวยักษ์ในทันที และกรงเล็บมารของเขาก็คว้าไปยังความว่างเปล่า

แสงกรงเล็บสีดำห้าเส้นยาวครึ่งฉื่อพุ่งลงมา

ค้างคาวมารยักษ์ตื่นตระหนก มันกระพือปีก ทว่าลำตัวของมันกลับถูกฟาดไปครึ่งหนึ่ง

อสูรมารตัวนี้มีขนาดใหญ่มาก ทว่าการเคลื่อนไหวกลับว่องไวอย่างหน้าประหลาด

หานลี่ถอนหายใจอย่างเยือกเย็นเมื่อเห็นเช่นนั้น

ห้านิ้วที่ฟาดลงมาเกร็งแน่น และความเร็วของกรงเล็บก็เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว หลังจากนั้นไม่นานกรงเล็บก็ฟาดลงไปบนปีกเนื้อของมันอย่างรุนแรง เฉือนร่างกายของมันออกเป็นเสี่ยงๆ สายเหลือดหลั่งไหลราวกับสายฝน

ค้างคาวยักษ์กรีดร้องในทันที แต่เดิมที่สายตาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น บัดนี้กลับกลายเป็นความหวาดกลัว ปีกเนื้อที่เหลือกระพืออย่างรวดเร็ว ทำให้เลือดพุ่งสาดกระเซ็นไปทุกทิศทาง

เลือดสีแดงสดใสแวววาว ทันทีที่พุ่งออกมา ทันใดนั้นจึงระเบิดเป็นหมอกเลือด ปกคลุมร่างของค้างคาวยักษ์

สีหน้าของหานลี่เปลี่ยนไป แขนอีกข้างหนึ่งกลายเป็นภาพลวงตา จากนั้นคว้าร่างของมันลงมา

กรงเล็บนับไม่ถ้วนปรากฏออกมา แล้วพุ่งเข้าไปในหมอก ละอองเลือดกระจัดกระจายดั่งสายฝน

ทันใดนั้นหมอกเลือดก็เต็มไปด้วยรูพรุน!

ในขณะนั้น เกิดเสียงระเบิดในหมอกเลือดดังออกมา จากนั้นจึงมีแสงสีเลือดสาดส่องออกมาปรากฏขึ้นในความว่างเปล่าที่อยู่ห่างออกไปกว่าหนึ่งพันจั้ง จากนั้นก็พร่ามัว และในที่สุดก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

“เงาโลหิตหลีกหนี!”

ความแปลกใจปรากฏบนใบหน้าของหานลี่ เขาจำวิธีการหลบหนีของค้างคาวยักษ์ได้ ทว่าสีหน้าของเขากลับมาสงบเช่นเดิมในทันที และเหลือบมองไปยังฝูงค้างคาวสีแดงเพลิงที่เหลือ

เมื่อปราศจากคำสั่งของค้างคาวยักษ์ และความจริงที่ว่าหานลี่ได้สังหารค้างคาวจำนวนมากในระยะประชิด ดังนั้นในตอนนี่ทะเลเพลิงสีเขียวที่ถูกกระตุ้นโดยค้างคาวมารที่เหลือ ไม่สามารถกดดันเผ่ามารได้อีกต่อไป

เผ่ามารจึงใช้โอกาสนี้ ผลักทะเลเพลิงให้ถอยกลับไปทีละน้อยภายใต้การนำของมารระดับหลอมสุญตาทั้งสาม จนเกือบจะหลุดจากพื้นที่กักขัง

เมื่อหานลี่เห็นดังนั้น เขาจึงยืนนิ่งในอากาศและไม่คิดจะลงมือใดๆ อีก

ค้างคางอสูรตัวอื่นๆ หลีกเลี่ยงที่จะอยู่ใกล้หานลี่ และไม่กล้าที่จะเข้ามาก่อกวน

เวลาผ่านไปหนึ่งกาน้ำชา ในที่สุดทะเลเพลิงก็แตกออก เผ่ามารจึงเข้าไปสังหารค้างคาวมารระยะประชิด

อสูรมารที่เหลือรีบหนีไปอย่างรวดเร็ว และไม่กล้าอยู่ใกล้ต้นไม้ยักษ์อีก

“ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของสหาย ข้าไป๋อวิ๋นซิน นี่คือพี่น้องทั้งสองของข้า ไป๋อิ่นและไป๋อิง ข้าขอถามแซ่สหายได้หรือไม่”

เห็นได้ชัดว่าหญิงงามผู้นี้คือผู้นำของมารเหล่านี้ หลังจากที่จัดการกับค้างคาวมาร นางก็พุ่งมาหาหานลี่ในทันที จากนั้นจึงรีบแนะนำมารระดับหลอมสุญตาสองคนที่เหลือด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

หญิงสาวผู้นี้สุภาพกับหานลี่มากเกินปกติ!

ส่วนมารระดับหลอมสุญตาสองคน ผู้ที่ชื่อไป๋อิ่นคือชายวัยกลางคน หน้าตาธรรมดา ส่วนไป๋อิงคือนักปราชญ์วัยกลางคน สวมชุดบัณฑิต พวกเขาเพิ่งเห็นพลังอันแข็งแกร่งของหานลี่ และไม่กล้าที่จะละเลยในการกล่าวขอบคุณ

“ข้าแซ่หาน เป็นเพียงผู้บำเพ็ญเพียรสันโดษ แต่ได้ยินชื่อเสียงของตระกูลไป๋แห่งเมืองฮ่วนเย่มานานแล้ว ได้ยินมาว่าเฉวียนเซียวก่อตั้งตระกูลท่านมาอย่างลับๆ และมีการขับไล่วิญญาณชั่วร้ายซึ่งมีผลลัพธ์ที่น่าอัศจรรย์ใจ ข้าอยากรู้เกี่ยวกับมันจริงๆ” หานลี่คารวะ พลางพูดอย่างใจเย็น

“ผู้บำเพ็ญเพียรสันโดษ? สหายหานฆ่าค้างคาวจำนวนมากด้วยพลังของตนเอง เป็นอทธิฤทธิ์ที่ลึกล้ำจริงๆ ดูเหมือนว่าสหายหานจะเป็นยอดยุทธ์ที่ไม่ค่อยเดินทาง มิเช่นนั้น ข้าคงได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของสหายอยู่บ้าง” ดวงตาของไป๋อวิ๋นซิน พร้อมทั้งพูดด้วยรอบยิ้ม

“เป็นการยากที่จะบอกว่าข้าคือยอดยุทธ์ ทว่าความจริงข้าไม่ค่อยได้เดินทางไปไหนมาไหนบ่อยนัก แต่สถานที่แห่งนี้ก็ถือว่าไกลจากเมืองฮ่วนเย่ ท่านเซียนและคนอื่นๆ นำเหล่าอนุชนมาที่นี่ เป็นไปได้หรือไม่ว่าพวกท่านจะมาเก็บผลวิญญาณม่วง!” หานลี่พูดอย่างสุภาพ พร้อมทั้งเหลือบมองใบหน้าของหญิงสาว และถามอย่างเรียบเฉย

“ตระกูลไป๋ของพวกเราวางแผนที่จะหลอมโอสถวิญญาณ และผลวิญญาณม่วงนี้คือวัตุดิบหลัก ข้านำคนออกตามหาในดินแดนรกร้างหลายปี และโชคดีที่ได้พบต้นแสงม่วงต้นนี้ หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากสหายหานในครั้งนี้ ข้าและคนอื่นๆ จะไม่สามารถเก็บผลวิญญาณม่วงได้เลย ข้าควรจะแบ่งให้สหายหานครึ่งหนึ่ง ทว่าผลวิญญาณม่วงนี้สำคัญต่อตระกูลไป๋ของข้ามาก ข้ายินดีแลกผลไม้วิญญาณครึ่งหนึ่งกับศิลามาร ไม่ทราบว่าสหายหานคิดอย่างไร” สีหน้าของไป๋อวิ๋นซินเปลี่ยนไปเล็กน้อย ทว่านางกลับตอบอย่างใจเย็นในทันที และในคำพูดมีการหยั่งเชิงเล็กน้อย

“ฮ่าๆ ท่านเซียนไป๋ทำตัวตามสบายเถิด ผลวิญญาณม่วงนี้ไม่มีประโยชน์อะไรกับข้าอยู่แล้ว จงทำตามความปรารถนาของท่านเถิด” หานลี่หัวเราะเมื่อได้ยิน และตอบแบบไม่ออกความเห็นมากนัก

“ขอบคุณสหายหานที่ยอมเสียสละ ข้าจะให้พวกเขารวบรวมศิลามารให้ท่านทันที” หญิงสาวโล่งใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น พลางตอบด้วยรอยยิ้ม

จากนั้นหญิงสาวจึงเรียกคนอื่นๆ และส่งให้คนไปเก็บผลวิญญาณม่วงจากต้นไม้ยักษ์ หลังจากผลไม้วิญญาณถูกเก็บอย่างระมัดระวัง และวางลงในกล่องไม้พิเศษ ไป๋อวิ๋นซินจึงมอบสร้อยข้อมือที่เต็มไปด้วยศิลามารให้หานลี่

หานลี่รับสร้อยข้อมือ จากนั้นจึงส่งจิตสัมผัสเข้าไปตรวจสอบ จากนันจึงเก็บมันอย่างสบายๆ

เมื่อไป๋อวิ๋นซินเห็นเช่นนั้น นางจึงยิ้มและกล่าวอย่างเชื้อเชิญ “ไม่รู้ว่าสหายหานจะไปที่ใดต่อ หากเป็นไปได้ ข้าอยากให้ท่านกลับเมืองฮ่วนเย่กับข้า ประการแรก เมืองฮ่วนเย่ของพวกเราพอจะมีชื่อเสียงอยู่เล็กน้อยในแดนศักดิ์สิทธิ์ มีอสูรวิญญาณที่มีลักษณะเฉพาะหลายชนิด น่าจะเป็นประโยชน์ต่อสหายหาน ประการที่สอง ข้าได้สาบานด้วยจิตมารแล้ว หลังจากกลับไปที่ตระกูล ข้าต้องรายงานอาวุโสของตระกูล และอยากขอบคุณสหายหานสำหรับความช่วยเหลือ ข้าหวังว่าสหายจะไม่ปฏิเสธ”

เห็นได้ชัดว่าตระกูลไป๋ผู้นี้อยากดึงหานลี่มาเป็นพวกเมื่อเห็นพลังอันแข็งแกร่งของเขา

“ตระกูลไป๋ของพวกเรามีบรรพชนท่านหนึ่งที่ฝึกฝนวิชาหลอมร่างเช่นกัน สหายหานควรให้ท่านบรรพชนชี้แนะ จะได้รับประโยชน์อย่างมากแน่นอน และด้วยความกรุณาที่สหายมีต่อพวกข้า บรรพชนตระกูลไป๋ของพวกเราจะไม่วันปฏิเสธแน่นอน” ไป๋อิงในชุดบัณฑิต รีบชักชวนเขา