บทที่ 1577 หรือว่าฉันคือผู้นำอาชูร่าจริงๆ / บทที่ 1578 เตรียมตัวกลับจีน

แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี

บทที่ 1577 หรือว่าฉันคือผู้นำอาชูร่าจริงๆ

“คุณแม่พูดมา หนูจะจำให้ขึ้นใจค่ะ” เยี่ยหวันหวั่นพยักหน้า

“ห้ามให้เงินเนี่ยอู๋หมิงสักแดงเดียวเป็นอันขาด” คุณนายเนี่ยเอ่ย

เยี่ยหวันหวั่นนิ่งเงียบ

เนี่ยอู๋หมิงพูดไม่ออก

“พี่ใหญ่ลูกเคยสาบานว่าจะไม่ใช่เงินตระกูลเนี่ยสักแดง ถ้าเขาใช้จะตายทั้งตระกูล พวกเราตระกูลเนี่ยแต่ไหนแต่ไรให้ความสำคัญกับคำสาบาน ลูกต้องเข้าใจ” คุณนายเนี่ยเอ่ย

“อืม หนูเข้าใจแล้ว…” เยี่ยหวันหวั่นพยักหน้า

กฎนี้ ตรงใจเธอเกินไปแล้วจริงๆ!

“แม่! งั้นผมกับแม่แล้วก็พ่อมาตัดสายสัมพันธ์พ่อแม่ลูกกันดีกว่า แบบนี้พวกเราก็ไม่ใช่ครอบครัวเดียวกันแล้ว…แม่ ไอเดียผมเป็นยังไง” เนี่ยอู๋หมิงรีบเอ่ยปาก

“ไสหัวไป!”

คุณนายเนี่ยโมโหทันที

“ผมก็แค่ล้อเล่นน่า ทำไมมองเป็นจริงเป็นจังไปได้” เนี่ยอู๋หมิงหัวเราะแหะๆ ก่อนรีบหุบปาก

“คิกๆ หวันหวั่น จากนี้พวกเราก็เป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนะ” จู่ๆ ‘เนี่ยอู๋โยว’ ก็ขึ้นหน้ามามองเยี่ยหวันหวั่นแล้วหัวเราะเบาๆ เอ่ย

“ใช่ อู๋โยว พวกเราจากนี้คือครอบครัวเดียวกัน ก่อนหน้านี้ถ้ามีจุดที่ล่วงเกินไปช่วยให้อภัยทีนะ” เยี่ยหวันหวั่นก็ใช้รอยยิ้มตอบรับ

ตอนนี้เธอยอมรับคุณนายเนี่ยเป็นแม่บุญธรรม ก็เท่ากับว่าเป็นกึ่งลูกสาวของตระกูลเนี่ย ไม่ต้องห่วงว่าจะไม่มีโอกาสทำให้ตระกูลเนี่ยรู้ความจริง เพียงแต่ผู้หญิงคนนี้ก็กลับไม่โง่ รู้จักรุกรู้จักถอย

หลังเดินออกจากโถงใหญ่ เนี่ยอู๋หมิงรีบตามมาแล้วจ้องเยี่ยหวันหวั่น “น้องสาวแสนดี แม่ฉันให้อั่งเปาเธอ มีเงินเท่าไรเหรอ”

ได้ยินดังนั้นเยี่ยหวันหวั่นพลันชะงักก่อนจะชำเลืองมองเนี่ยอู๋หมิง “ถามทำไม”

“น้องสาวแสนดี…ตอนนี้ฉันเป็นพี่ใหญ่เธอนะ พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน แบ่งฉันหน่อยสิ…” เนี่ยอู๋หมิงยิ้มประจบประแจงเกลื่อนใบหน้า

“ไม่ได้ แม่บอกแล้วว่าตอนนี้ฉันเป็นคนตระกูลเนี่ย ห้ามแบ่งเงินให้คุณ” เยี่ยหวันหวั่นปฏิเสธเฉียบขาด

“ดูพูดเข้าสิ เธอยังแซ่เยี่ยอยู่ไม่ใช่เหรอ ไม่ใช่แซ่เนี่ยสักหน่อย ต่อให้ฉันตายทั้งตระกูลเธอก็ไม่ตายหรอก ไม่เห็นเสียหายตรงไหน” เนี่ยอู๋หมิงยิ้มเอ่ย

ได้ยินดังนั้น หลังครุ่นคิดชั่วครู เยี่ยหวันหวั่นจึงมองเนี่ยอู๋หมิง “ฉันเสียเงิน”

หลังไล่เนี่ยอู๋หมิงแล้ว เยี่ยหวันหวั่นกลับไปที่ห้องนอนแขก

คืนนี้ ภายใต้การเรียกร้องแรงกล้าของ ‘เนี่ยอู๋โยว’ ให้เยี่ยหวันหวั่นอยู่ห้องคนเดียว เธอจึงไม่ได้อยู่ด้วยกันกับถังถัง

เดิมทีถังถังไม่ยอมแต่เยี่ยหวันหวั่นกลับให้ถังถังเชื่อฟัง

ถ้าถังถังงอแงขึ้นมาจริงๆ ตัวปลอมนั่นก็จะแสร้งทำตัวน่าสงสารร้องไร้เดียงสาได้อีก และจะทำให้คุณนายเนี่ยคิดว่าเป็นเพราะเธอถึงทำให้ถังถังกับตัวปลอมไม่ลงรอยกัน

ตอนนี้การโต้กลับอย่างเงียบๆ ของตัวปลอมเริ่มต้นขึ้นแล้ว แต่เยี่ยหวันหวั่นกลับไม่ใส่ใจแม้แต่น้อย อนาคตยังอีกยาวไกล ยังคงเป็นประโยคนั้น อยากเล่น งั้นก็เล่นให้เต็มที่ อย่ายอมแพ้ถึงจะดี

ช่วงกลางดึก ไม่รู้ว่าเพราะเปลี่ยนเตียงใหม่หรือเปล่า เยี่ยหวันหวั่นกลับอยู่ในสภาพนอนไม่หลับ

เยี่ยหวันหวั่นสงสัยในตัวตนของตัวเองมากขึ้นทุกที แท้จริงแล้วเธอเป็นใครกัน

สถานที่หลายแห่งในรัฐอิสระเธอมองแล้วรู้สึกคุ้นเคยรางๆ เหมือนกับว่าเคยมารัฐอิสระมาก่อน…

หรือว่าเธอเป็นชาวรัฐอิสระจริงๆ?

ปัจจุบันผู้นำอาชูร่าไม่ยอมรับว่าตัวเองก็คือซือเยี่ยหาน เยี่ยหวันหวั่นก็จนหนทาง ยิ่งจนปัญญาจะรู้ความจริงจากปากเขา

ตั้งแต่มาถึงรัฐอิสระก็เหมือนกับฝันฉากหนึ่ง ที่ยิ่งห่างไกลความเป็นจริงคือ หลังจากเธอดื่มเหล้าครั้งก่อน ไม่รู้ทำไมทั่วทั้งพันธมิตรอู๋เว่ยถึงหมดความสงสัยในตัวตนแบดเจอร์ของเธอ เรื่องนี้ควรค่าแก่การขบคิดจริงๆ ถ้าเธอไม่ใช่ผู้นำพันธมิตรอู๋เว่ย ด้วยสไตล์พฤติกรรมของพันธมิตรอู๋เว่ยแล้ว พันธมิตรอู๋เว่ยจะยอมสวามิภักดิ์กับเธอได้ยังไง

—————————————————————————————–

บทที่ 1578 เตรียมตัวกลับจีน

ผู้อาวุโสสามหลี่ซือนั้นเป็นคนโหดเหี้ยมขนาดไหน แม้แต่ลูกชายตัวเองยังฆ่าได้ลง แต่ตอนนี้กลับเรียกตัวเองอย่างเคารพ ดูจากภายนอกแล้วไม่มีไม่ซื่อสัตย์สักนิด หลี่ซือน่าจะยอมรับตัวเองโดยสมบูรณ์แล้ว

รวมถึงพวกผู้อาวุโสใหญ่กับผู้อาวุโสรองก็เคารพนอบน้อมเธอเช่นกัน กระทั่งว่าบางครั้งยังยิ้มอย่างไร้พิษภัยด้วย…

ทั้งหมดนี้ทำให้เยี่ยหวันหวั่นไม่อยากเชื่อ

เธอเป็นใครกันแน่…หรือว่า ก่อนสูญเสียความทรงจำ เธอเป็นแบดเจอร์ผู้นำอาชูร่าจริงๆ?

หลังผ่านไปชั่วครู่ เยี่ยหวันหวั่นก็โทรศัพท์หาเป่ยโต่ว

“พี่เฟิง ดึกขนาดนี้โทรมามีอะไรจะชี้แนะเหรอ” เป่ยโต่วรับสายทันที

“นายอยู่ไหน” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยถาม

“ผมอยู่เป็นเพื่อนแม่ที่โรงพยาบาลน่ะ” เป่ยโต่วเอ่ย

“อยู่เป็นเพื่อนแม่ที่โรงพยาบาล? ” เยี่ยหวันหวั่นงุนงงเล็กน้อย

“ใช่ ก่อนหน้านี้ผมบอกแล้วไม่ใช่เหรอ แม่ผมถูกรถชนเลยอยู่โรงพยาบาล” เป่ยโต่วเอ่ย

เยี่ยหวันหวั่นอดกุมหน้าผากไม่ได้ แม่ของเป่ยโต่วดันถูกรถชนจริงๆ ซะงั้น ก่อนหน้านี้เธอนึกมาตลอดว่าเป่ยโต่วโกหกพกลมทุกคำพูด แต่ตอนนี้ดูท่าแล้วกลับเป็นเธอที่เข้าใจเขาผิดไปแล้ว…

แต่นี่ก็โทษเธอไม่ได้ ทุกคำพูดที่เป่ยโต่วพูดดูไม่เหมือนความจริงทั้งนั้น…

“เป่ยโต่ว ตอนนี้ฉันเขียนอัตชีวประวัติอยู่…แต่รายละเอียดบางส่วนยังไม่ค่อยชัดเจน…ถามนายหน่อย นายยังจำได้ไหมว่าฉันออกจากรัฐอิสระเมื่อกี่ปีก่อน”

“สี่ปีก่อนนะ” เป่ยโต่วพูดตามความจริง “พี่เฟิง พี่เขียนอัตชีวประวัติอะไร เขียนผมเข้าไปด้วยสิ!”

“สี่ปี…” เยี่ยหวันหวั่นพึมพำในลำคอ ไม่เปิดโอกาสให้เป่ยโต่วจ้อต่อก็ตัดสายทันที

เยี่ยหวันหวั่นจำได้รางๆ ว่า สี่ปีก่อนก็เป็นช่วงที่คุณหนูรองตระกูลเยี่ย เนี่ยอู๋โยวหายตัวไป…

หรือก็หมายความว่า เนี่ยอู๋โยวกับแบดเจอร์ หายตัวไปพร้อมกัน?

“หรือว่า…เนี่ยอู๋โยวก็คือแบดเจอร์!? ” เยี่ยหวันหวั่นหน้าเปลี่ยนสี

ถ้าเธอคือแบดเจอร์ละก็…งั้นตัวเธอ…

แต่ความคิดนี้เพิ่งผุดขึ้นมาก็กลับถูกทำลายลงในพริบตา

ไม่สมเหตุสมผลแม้แต่น้อย ถ้าเนี่ยอู๋โยวคือแบดเจอร์จริง คุณนายเนี่ยกับเนี่ยอู๋หมิง กระทั่งว่าทั้งตระกูลเนี่ยจะไม่รู้เชียวเหรอ

อีกอย่าง แบดเจอร์ยังเคยลงมือกับตระกูลเนี่ยเมื่อหลายปีก่อน…

เรื่องบังเอิญมีมากมายเกินไปจริงๆ เยี่ยหวันหวั่นรู้สึกแค่ว่าสมองตัวเองเริ่มจะไม่พอใช้แล้ว

ส่วนตัวเองแท้จริงใช่แบดเจอร์หรือไม่ เธอไม่อาจตัดสินอย่างแม่นยำที่สุดได้

“หวังว่าผู้อำนวยการโรงเรียนชื่อเยี่ยนจะช่วยฉันฟื้นคืนความทรงจำได้…” เยี่ยหวันหวั่นถอนหายใจเบาๆ ก่อนพึมพำในลำคอ

ตอนนี้ทุกอย่างที่ทำมานั้นสูญเปล่า มีแค่ตัวเธอฟื้นคืนความทรงจำ จึงอาจจะเปิดเผยความจริงเรื่องราวทั้งหมดได้

และความหวังทั้งหมดในการฟื้นความทรงจำ ก็มีแค่โรงเรียนชื่อเยี่ยน…!

นอกจากนี้เยี่ยหวันหวั่นยังแอบตัดสินใจว่า ช่วงใกล้ๆ นี้เธออาจจะต้องกลับไปประเทศจีนสักครั้งก่อน

เรื่องของเยี่ยเส่าอันกับเยี่ยมู่ฝานยากจะยืดเยื้อเวลาออกไป อีกทั้งเธอในตอนนี้ก็ควบคุมพันธมิตรอู๋เว่ยได้โดยสมบูรณ์แล้ว

ถ้าเธอสามารถพากำลังของพันธมิตรอู๋เว่ยกลับประเทศจีนได้ เรื่องการหักหลังของตระกูลซือก็จะสามารถแก้ไขได้อย่างง่ายดาย

ส่วนพวกเยี่ยอีอี ก็ให้พวกหล่อนล้างคอรอตัวเองได้เลย

เยี่ยหวันหวั่นตัดสินใจว่ารอไปรายงานตัวที่โรงเรียนชื่อเยี่ยนแล้วกลายเป็นนักเรียนใหม่ของโรงเรียนชื่อเยี่ยนก่อน ก็จะสามารถกลับประเทศจีนได้

ค่ำคืนผ่านไปอย่างไร้เสียง

ยามเช้าวันถัดมา

เยี่ยหวันหวั่นดวงตาง่วงงุน สะลึมสะลือได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังจึงกดรับสายโดยไม่รู้ตัว

“อรุณสวัสดิ์”

เสียงอ่อนโยนสายหนึ่งดังออกมาจากในมือถือของตัวเอง

“จี้ซิวหร่าน…”

เยี่ยหวันหวั่นพลันยืดตัวตรง แววง่วงงุนหายเกลี้ยง

“เสี่ยวเฟิง คุณควรไปรายงานตัวที่โรงเรียนชื่อเยี่ยนได้แล้ว” จี้ซิวหร่านเอ่ยเสียงเบา