บทที่ 1417 กับดัก

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

บทที่ 1417 กับดัก Ink Stone_Fantasy

เขาเองก็เข้าใจเช่นกัน ตอนที่เดินออกจากงานขายประมูล เกรงว่าตอนนั้นคงจะถึงเวลาแห่งความยุ่งยากแล้ว

แต่ไม่นานก็สงบสติอารมณ์ได้ เพราะเห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้มีเงื่อนงำ ในเมื่อตำหนักสวรรค์ตั้งใจเตรียมการแบบนี้ ก็แสดงว่ามีแผนสำรองแน่นอน คงไม่ถึงขั้นปล่อยธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์หนึ่งแสนคันออกมาเพื่อให้คนอื่นเล่นงานพวกเขาจนตายหรอก ในเมื่อไม่ได้พุ่งเป้ามาที่พวกเขา ก็แสดงว่าพุ่งเป้าไปหาคนที่มาเพื่อซื้อธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์

แต่เขาเองก็คิดไม่ตก ว่าทำไมตำหนักสวรรค์ไม่ส่งยอดฝีมือสักหลายๆ คนมาจัดการเรื่องนี้ แต่ให้คนที่มีวรยุทธ์แบบพวกเขามาทรมาน? โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การส่งเรื่องนี้ให้จ้านหรูอี้ที่มาจากตระกูลอิ๋งเป็นคนออกหน้า ไม่ว่าจะดูจากความสามารถหรือจากด้านอื่นๆ จ้านหรูอี้ก็ไม่เหมาะจะทำเรื่องนี้เลย มีเจตนาอะไรกันแน่?

ขนาดเหยียนซิวที่อยู่ข้างกันยังถ่ายทอดเสียงถามเขาเลยว่า “นายท่าน นี่คงไม่ใช่กับดักที่ตำหนักสวรรค์วางไว้หรอกใช่มั้ย?”

เหมียวอี้ถอนหายใจแล้วตอบว่า “ไม่ว่าจะเป็นกับดักหรือไม่ แต่พอการขายประมูลจบลง พวกเราก็จะต้องประสบปัญหายุ่งยาก ไม่รู้เหมือนกันว่าตำหนักสวรรค์เตรียมการไว้มากแค่ไหน ไม่อย่างนั้นพวกเราต้องติดกับดักตายแน่”

ในตำหนักดาราจักร ประมุขชิงเดินเข้ามาในชั้นหนังสือที่มีม้วนหนังสือโบราณมากมายราวกับมหาสมุทร เกาก้วนที่เดินอยู่ข้างๆ เก็บระฆังดารา แล้วรายงานว่า “ฝ่าบาท ถึงเวลานำธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์หนึ่งแสนคันขึ้นเวทีขายประมูลแล้วขอรับ”

การที่ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์หนึ่งแสนคันนั้นไปโผล่อยู่ที่งานขายประมูลก็เป็นกับดักจริงๆ จากการตรวจสอบตลาดผีแบบรอบด้านของหน่วยตรวจการฝ่ายขวาในช่วงเวลานี้ พบว่าพวกเสือสิงห์กระทิงแรดที่จ้องอยากได้ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์เก้าล้านคันนั่นมีค่อนข้างเยอะ อำนาจอิทธิพลที่อยู่เบื้องหลังของแต่ละคนก็มีปรากฏให้เห็นบ้างเช่นกัน

ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์เป็นอาวุธทรงประสิทธิภาพที่ตำหนักสวรรค์ใช้ควบคุมใต้หล้า! ประมุขชิงเดือดดาลมาก คนพวกนั้นจะอยากได้อาวุธชุดนี้ไปทำไมกัน? คิดอยากจะก่อกบฏกันหมดเลยเหรอ?

นี่เป็นการล้ำประมุขชิงแล้ว เขาจึงสั่งให้หน่วยตรวจการฝ่ายขวาตรวจสอบ เพราะอยากจะเห็นว่ามีคนในของตำหนักสวรรค์มากเท่าไรที่เข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้

ทว่าเกาก้วนบอกว่าเกี่ยวข้องกับวงกว้างมากเกินไป การสืบต่อไปแบบนี้ไม่ใช่แผนการที่ยั่งยืน ถ้าธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ชุดนั้นไม่โผล่ออกมาสักทีจะทำอย่างไร?

ประมุขชิงถามเขาว่ามีแผนรับมืออะไร?

เกาก้วนเสนอแผนการว่า ให้นำธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์มาเป็นเหยื่อล่อ วางกับดักล่องูออกจากถ้ำ จากนั้นก็ค่อยหว่านแหจับในรวดเดียว จับตัวคนมาสืบสวนอย่างช้าๆ ต่อให้จะไม่สามารถหว่านแหจับได้ทั้งหมดในรวดเดียว แต่ก็ต้องทำให้คนอื่นลูบหน้าปะจมูก ทำให้คนที่คิดอยากจะได้ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์อีกต้องชั่งน้ำหนัก ให้พวกเขาไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามเพราะเป็นกังวลว่าสิ่งนี้คือกับดักของตำหนักสวรรค์ ทำแบบนี้เพื่อถ่วงเวลาให้ตำหนักสวรรค์หาธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์เก้าล้านคันนั่นกลับมา

ที่สำคัญที่สุดก็คือ เป็นไปได้สูงว่าจะสามารถล่อผู้รอดชีวิตของหกลัทธิออกมาด้วย ขอเพียงจับตัวได้ ก็จะสามารถสืบหาเบาะแสได้ ไม่แน่ว่าอาจจะหว่านแหจับผู้รอดชีวิตหกลัทธิที่อยู่ข้างนอกได้หมดในรวดเดียวก็ได้

เป็นแผนที่ดีมาก! ประมุขชิงอนุมัติแล้ว ดังนั้นจึงมีกับดักนี้โผล่มา

ในตอนนี้ ประมุขชิงหยิบม้วนหนังสือออกมาม้วนหนึ่ง แล้วเปิดอ่านในมือพลางกล่าวอย่างเนิบนาบว่า “ต้องติดต่อกับฝั่งกองทัพองครักษ์เอาไว้เสมอ อย่าให้เกิดเรื่องกับจ้านหรูอี้”

“หน่วยองครักษ์ซ้ายขวาส่งผู้ตรวจการใหญ่หกคนไปด้วยตัวเอง ไม่น่าจะเกิดเรื่องขึ้นขอรับ” เกาก้วนตอบ

ประมุขชิงสั่งอีกว่า “ก่อนลงมือจะต้องเตรียมรักษาความลับให้ดี ข้าเฝ้ารอมากว่าเจ้าจะสามารถล่อผู้รอดชีวิตของหกลัทธิออกมาได้”

เกาก้วนตอบว่า “คนที่รู้เรื่องภารกิจครั้งนี้มีน้อยจนนับนิ้วได้ คนที่ปฏิบัติงภารกิจอยู่ตรงนั้นก็มีเพียงจ้านหรูอี้ที่รู้ แม้แต่หนิวโหย่วเต๋อที่ร่วมเดินทางไปด้วยก็ไม่รู้สถานการณ์เบื้องลึก ข้าน้อยเพียงกังวลฝั่งจ้านหรูอี้นิดหน่อย ไม่รู้ว่านางจะเผยความลับให้ตระกูลอิ๋งรู้หรือเปล่า?”

ประมุขชิงกล่าวกลั้วหัวเราะว่า “นี่ก็คือสาเหตุที่ข้าให้หนิวโหย่วเต๋อร่วมเดินทางไปด้วย นางหนูนั่นหยิ่งผยองรักศักดิ์ศรี ถ้ามีหนิวโหย่วเต๋ออยู่ด้วย นางจะอยากเอาชนะ ต่อให้นางจะเปิดเผยให้ตระกูลอิ๋งรู้ก็ไม่เป็นไร…” พอพูดถึงตรงนี้ก็เงียบแล้ว เพียงอมยิ้มพลางชำเลืองมองเกาก้วนแวบหนึ่ง ทำสีหน้าเหมือนกำลังบอกว่า ‘เจ้ารอดูละครสนุกๆ ได้เลย’

เกาก้วนงงไปชั่วขณะ แปลกใจนิดหน่อย ทั้งที่รู้อยู่แจ่มแจ้งว่าการให้จ้านหรูอี้ออกหน้าทำภารกิจนี้อาจจะมีความลับรั่วไหล แต่ทำไมประมุขชิงยังต้องให้จ้านหรูอี้แสดงความสามารถนี้ด้วยล่ะ?

เพียงแต่ประมุขชิงเหมือนจงใจจะปิดบัง เขาจึงไม่สะดวกจะถามอีก…

ในชั้นบนของตึกศาลาสัตยพรตที่อยู่เหนือน้ำ ในชั้นที่อยู่ตรงกลาง หน้าประตูห้องห้องหนึ่งที่ปิดสนิท ชายชราชุดเขียวเร่งฝีเท้าเดินเข้ามา แล้วเคาะประตูบานที่ปิดสนิทนั้น

“เข้ามา” ในห้องมีน้ำเสียงที่หนักแน่นดังออกมา

ในห้องกว้างขวางใหญ่โต ตกแต่งอย่างเรียบง่ายแต่แฝงความหรูหรา บนเตียงเตี้ยมีชายวัยกลางคนรูปร่างกำยำล่ำสันที่สวมชุดคลุมสีเทากำลังนั่งขัดสมาธิ ใบหน้าหยาบคายและดูผ่านโลกมาอย่างโชกโชน ดวงตาทั้งคู่เปิดลืมอย่างช้าๆ สายตาที่ล้ำลึกกำลังมองชายชราชุดเขียวผลักประตูเดินเข้ามา เมื่อเห็นอีกฝ่ายรีบร้อน เขาก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยพร้อมถามว่า “ตาเฒ่าชี มีเรื่องอะไรรีบร้อนขนาดนี้?”

เขาไม่ใช่ใครที่ไหน เฉาหม่าน เถ้าแก่ของตึกศาลาสัตยพรตนั่นเอง และเป็นมือมืดที่ควบคุมอยู่เบื้องหลังตลาดผีด้วย

“เถ้าแก่…” ชายชราชุดเขียวรีบเดินมาข้างกายเขา แล้วเล่าเรื่องธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์โผล่มาที่งานขายประมูลให้ฟังรอบหนึ่ง

เฉาหม่านได้ยินแล้วตกใจทันที หย่อยเท้าสองข้างลงจากเตียง เดินวนพลางครุ่นคิดรอบหนึ่ง แล้วถามว่า “คนที่ปล่อยขายมีประวัติที่มาเป็นยังไง?”

“ยังไม่ทราบขอรับ สั่งให้คนไปตรวจสอบแล้ว คุณหนูเฟิ่งฉือกำลังถ่วงเวลาอยู่ นางบอกใบ้บ่าวชรามาถาม ว่าจะฮุบธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ชุดนี้ไว้หรือไม่ขอรับ!” บ่าวชราชุดเขียวตอบ

เฉาหม่านแทบจะตะคอกโดยไม่ต้องคิดอะไร “ของที่มีที่มาไม่ชัดเจน จะฮุบได้ยังไง? ใครก็แตะต้องของชุดนี้ได้ แต่มีแค่พวกเราเท่านั้นที่ห้ามแตะ เจ้าคิดว่าตำหนักสวรรค์ไม่รู้จักเบื้องหลังของพวกเราเหรอ? แล้วอีกอย่าง ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์หนึ่งแสนคันไม่มีประโยชน์ต่อพวกเราสักนิด ถ้าจะฮุบก็ต้องฮุบเก้าล้านคัน ไปบอกเฟิ่งฉือ ว่าอย่าอยากได้ ให้ขายประมูลตามปกติ!”

“ขอรับ!” บ่าวชราชุดเขียวรีบออกไป

และในงานขายประมูลในตอนนี้ พิธีกรหญิงที่อยู่บนเวทีรับธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์มาจากมือจ้านหรูอี้แล้ว ลูกธนูดาวตกสามดอกวางอยู่บนสาย พอร่ายอิทธิฤทธิ์ดึงสายธนูอย่างช้าๆ บนธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ก็มีลำแสงไหลเวียนทันที สายธนูเริ่มตึงขึ้นทีละนิดราวกับพระจันทร์เต็มดวง กำลังสะสมพลังเตรียมยิงไปบนเพดาน

ทุกคนในงานกำลังตั้งหน้าตั้งตารอ แต่ใครจะคิดว่าพิธีกรหญิงจะแค่ทดลองดึงเท่านั้น จากนั้นก็ถอนพลังอิทธิฤทธิ์กลับมาที่สายธนู แล้วพยักหน้าบอกใบ้ว่าเป็นธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์จริงๆ จากนั้นก็วางธนูไว้บนถาดของผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ แล้วยื่นมือเชิญให้จ้านหรูอี้กลับไปก่อน

หลังจากจ้านหรูอี้ลงเวทีมาแล้ว ก็กลับไปนั่งตรงที่นั่งของตัวเองท่ามกลางสายตาของทุกคน หางตานางรู้สึกได้ว่าพวกเหมียวอี้ที่อยู่สองฝั่งกำลังจ้องนางอยู่ นางรู้สึกตื่นเต้นนิดหน่อย นึกไม่ถึงว่าเบื้องบนจะมอบภารกิจที่สำคัญขนาดนี้ให้นางทำได้ พอคิดว่าตัวเองได้สร้างผลงานใหญ่ขนาดนี้จนเหมียวอี้เหม่องงง นางก็แอบรู้สึกสะใจอยู่พักหนึ่ง เมื่อสร้างผลงานนี้แล้ว การเลื่อนขั้นก็เป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้ ต่อให้ในภายหลังนางจะแต่งงานกับเขา แต่ตำแหน่งของนางก็สูงกว่าเขาอยู่ดี ไม่แน่ว่านางอาจจะกลายเป็นผู้บังคับบัญชาของเขาก็ได้ ชายเป็นใหญ่กว่าหญิงเสียที่ไหนล่ะ? เอาไว้ในภายหลังนางค่อยไปคิดบัญชีเรื่องผู้หญิงที่หอนางโลมกับเขา!

คังเต้าผิงที่นั่งอยู่ข้างๆ กันเรียกได้ว่ามีสีหน้าขื่นขม ก่อนจะมาที่นี่ จ้านหรูอี้เก็บระฆังดาราที่เขาจะใช้ติดต่อกับภายนอกเอาไว้แล้ว  ตอนแรกเขายังไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่มาเข้าใจตอนนี้ก็สายไปแล้ว นึกไม่ถึงว่าคุณหนูใหญ่จะทำเรื่องใหญ่โตขนาดนี้ ที่นางเก็บระฆังดาราของเขาก็เพราะไม่อยากให้เขาติดต่อกับทางตระกูลจ้าน!

“คุณหนู ตระกูลอิ๋งที่อยู่ที่ตลาดผีอาจจะได้ยินข่าวนี้แล้วก็ได้…” คังเต้าผิงจำเป็นต้องแอบถ่ายทอดเสียงเตือน

จ้านหรูอี้ไม่ได้สนใจเขา นางเองก็ไม่ใช่คนโง่ มีหรือที่จะปล่อยให้เรื่องแบบนี้มาทำให้ตระกูลอิ๋งลำบากไปด้วย สาเหตุที่เก็บยึดระฆังดาราของคังเต้าผิงเอาไว้ ก็เพื่อที่จะล่อให้ตระกูลอิ๋งกับตระกูลจ้านออกมา ไม่อย่างนั้นหลังจากจบเรื่องแล้ว ถ้ามีเพียงตระกูลของนางที่ไม่เป็นอะไร นางก็สงสัยว่าคังเต้าผิงจะทนรับการสืบสวนจากเบื้องบนได้หรือเปล่า เรื่องบางเรื่องนางไม่อาจให้คนนอกรู้ได้ นางย่อมแอบบอกครอบครัวตัวเองไว้แล้ว

เหมียวอี้ที่ข่มไฟโกรธไว้ในใจ ในที่สุดก็ทนไม่ไหวแล้วเช่นกัน “จ้านหรูอี้ เจ้ารู้ถึงผลที่จะตามมาหรือเปล่า?”

“ติดต่อให้คนของเจ้ามาที่นี่เดี๋ยวนี้” จ้านหรูอี้สั่ง

“ยังไม่รู้เลยว่าต่อไปจะมีใครมาหาถึงประตูที่พัก เจ้าแน่ใจนะว่าพวกเจาจะต้านทานไหว?” เหมียวอี้โมโห

“ไม่ได้เรียกให้มาต้านทานให้พวกเรา แต่ให้พวกเขาแต่งตัวแบบนี้ ลอกเลียนแบบเพื่อช่วยให้พวกเราออกไปจากที่นี่” จ้านหรูอี้กล่าว

เหมียวอี้เข้าใจแล้ว สงสัยจะเรียกทุกคนที่ว่างงานมาอยู่รอบๆ ก็เพราะสาเหตุนี้

หลังจากพิธีกรหญิงที่อยู่ด้านบนเตรียมตัวแล้ว ก็ประกาศอย่างเป็นทางการว่า “การขายประมูลรั้งท้ายรอบสุดท้าย ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ขั้นห้าหนึ่งแสนคัน ราคาเริ่มต้นสองหมื่นล้านล้านผลึกแดง ป้ายราคาหนึ่งพันล้านผลึกแดง ผู้ที่อยากได้กรุณาแสดงป้าย” พูดจบก็เขย่าเชือก “ติ๊ง” การขายประมูลรั้งท้ายเริ่มต้นอย่างเป็นทางการ

ในงานมีคนจำนวนไม่น้อยที่สูดหายใจอย่างตกตะลึง เป็นธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์หนึ่งแสนคันจริงๆ ด้วย!

ด้านล่างมีคนชูป้ายทันที ระฆังที่เขย่าเพิ่มเพิ่มราคาก็ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เหมียวอี้มองดูเหตุการณ์รอบๆ แล้วถ่ายทอดเสียงถามจ้านหรูอี้อีก “ถ้าธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์หนึ่งแสนคันนี้ไปตกอยู่ในมือคนอื่นจะทำยังไง?”

“เจ้าวางใจเถอะ คนอื่นเอาไปไม่ได้หรอก เจ้ารีบเตรียมงานของเจ้าให้ดีเถอะ อย่าให้ตอนหลังพวกเราหนีไปไม่ได้” จ้านหรูอี้ตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

สงสัยจะมีการเตรียมตัวไว้แล้ว! เหมียวอี้กลับตึงเครียดในใจ เขาสัมผัสได้แล้วว่าในงานมีคลื่นพลังอิทธิฤทธิ์เคลื่อนไหวไม่หยุด เห็นได้ชัดว่ามีคนกำลังเร่งติดต่อกับภายนอก เขาพลันนึกขึ้นได้ถึงเรื่องบางอย่าง อวิ๋นจือชิวบอกว่าที่ตลาดผีจะต้องมีคนของหกลัทธิแน่นอน ถ้าหกลัทธิอยากได้ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ มีหรือที่จะพลาดโอกาสนี้!

แดนอเวจี ดาวอู๋เลี่ยง ริมหน้าผานอกตำหนักอู๋เลี่ยง จินม่านที่สวมกระโปรงยาวสีทองทั้งตัวกำลังยืนอยู่ริมหน้าผา ทอดสายตามองทะเลสีเขียวมรกตอันกว้างใหญ่ไร้ขอบเขต

อ๋าวเถี่ยกับกงซุนลี่เต้ายืนอยู่ข้างหลังนาง ในมือทั้งสองล้วนถือระฆังดารา ไม่รู้ว่ากำลังติดต่อไปที่ไหน ผ่านไปครู่เดียว อ๋าวเถี่ยก็หันมารายงานจินม่านที่กำลังหันหลังให้ “ประมุขขุนพล ไม่ผิดหรอกขอรับ เป็นธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์หนึ่งแสนคัน เป็นไปได้สูงว่าไป๋เฟิ่งหวงจะเป็นคนปล่อยออกมา”

จินม่านหันตัวมา แล้วกล่าวเสียงต่ำว่า “บอกพี่น้องที่อยู่ทางตลาดผีเดี๋ยวนี้ จะต้องหาเบาะแสที่สาวไปถึงตัวไป๋เฟิ่งหวงให้ได้”

กงซุนลี่เต้าคว้าระฆังดาราทันที “ประมุขขุนพล อีกห้าลัทธิล้วนจ้องอยากได้ของชุดนี้ ไม่ได้มีแค่พวกเรา ไม่รู้ว่ามีคนตั้งมากมายเท่าไรที่เข้าร่วม กลัวว่าพี่น้องลัทธิเราที่อยู่ทางนั้นจะหัวเดียวกระเทียมลีบ ขณะเดียวกันเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เข้าใจผิดพวกเดียวกัน ขอแนะนำให้หกลัทธิร่วมมือกัน แล้วของที่ได้มาก็เฉลี่ยแบ่งขอรับ”

“ตอบพวกเขาไป ตกลง!” จินม่านตอบอย่างไม่ลังเล

ในขณะนี้เอง นางก็อึ้งไปชั่วขณะ หยิบระฆังดาราที่ใช้ติดต่อกับเหมียวอี้ออกมาแล้ว ไม่รู้ว่าการที่เหมียวอี้ติดต่อมาอย่างกะทันหันหมายความว่าอย่างไร

ทว่าหลังจากติดต่อกันแล้ว นางก็สีหน้าเปลี่ยนไปมา ตกใจจนเหงื่อแทบแตก กระทืบเท้าพร้อมบอกว่า “มันน่านัก ทำไมลืมไปได้ว่า ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ไม่ได้อยู่ในมือไป๋เฟิ่งหวงคนเดียว! รีบแจ้งคนของพวกเราให้หยุดเคลื่อนไหวเดี๋ยวนี้ ที่คือกับดักของตำหนักสวรรค์!”

ขุนพลใหญ่ทั้งสองตกใจทันที “ทำไมคิดอย่างนั้น?”

จินม่านชูระฆังดาราในมือ พร้อมกล่าวอย่างกระวนกระวายว่า “ประมุขปราชญ์กำลังอยู่ในงานขายประมูล เขาเป็นผู้เข้าร่วมงานนี้ ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์หนึ่งแสนคันนั่นเป็นของที่ตำหนักสวรรค์นำออกมาขายประมูล ประมุขปราชญ์เป็นห่วงกลัวพวกเราจะเข้าไปเกี่ยวข้อง ให้อีกห้าลัทธิรีบถอนกำลังด้วยเหมือนกัน”

อ๋าวเถี่ยกับกงซุนลี่เต้ารีบรีบติดต่อคนของอีกห้าลัทธิทันที

หลังจากส่งข่าวไปขอบคุณเหมียวอี้แล้ว จินม่านก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก แล้วกล่าวด้วยสีหน้าที่ยังหวาดกลัวไม่หายว่า “ประมุขปราชญ์ช่างมีปรีชาญาณ ช่วยหกลัทธิให้รอดพ้นจากความสูญเสียครั้งใหญ่!”

…………………………