บทที่ 1052 ทำลายล้าง

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰

บทที่ 1052 ทำลายล้าง

แสงสีเงินพุ่งผ่านขอบฟ้า

ยิงไปยังเหล่าอสูรวิญญาณที่ไล่กวดตามมา รัศมีแห่งการทำลายล้างอัดแน่นอยู่ในแสงสีเงินนั้น

แสงสีเงินพุ่งผ่าน ถึงแม้จะดูไม่โดดเด่น แต่ก็ทำให้ร่างอสูรวิญญาณขั้นเก้าหยุดชะงักลงตามสัญชาตญาณ ดวงตากลวงโบ๋จ้องมองไปที่แสงสีเงิน แม้ว่ามันจะไม่มีสติปัญญา แต่สัญชาตญาณของมันก็รับรู้ถึงรัศมีแห่งการทำลายล้างจากแสงที่ไม่โดดเด่น

แม้ว่ามันจะตายไปแล้ว แต่ถ้าถูกแสงสีเงินนี้เข้าละก็ได้กลายเป็นเถ้าธุลีหายไปตลอดกาลแน่…

ดังนั้นอสูรวิญญาณขั้นเก้าจึงถอยกลับทันท่วงทีตามสัญชาตญาณที่บอกว่าให้หนี มิฉะนั้นวันนี้คงจะถูกทำลายสิ้นซากอย่างแท้จริง

ปัง!

ทว่าถึงสัญชาตญาณของอสูรวิญญาณขั้นเก้าเฉียบคม แต่อสูรวิญญาณขั้นแปดที่อยู่ด้านหลังกลับด้อยกว่าหลายส่วน ดังนั้นพวกมันยังคงมุ่งมั่นพุ่งเข้ามาแบบไม่คิดชีวิต เมื่ออสูรวิญญาณขั้นเก้าถอยหลังกลับก็ชนเข้ากับกลุ่มอสูรวิญญาณขั้นแปด ทุกอย่างสับสนอลหม่านไปหมด

ในขณะนั้นเองที่ร่างอสูรวิญญาณขั้นเก้าที่ถอยกลับก็หยุดลง

ฮึ่ม! ฮึ่ม!

ในช่วงเวลาสั้นๆ แสงสีเงินก็ปรากฏตรงหน้า มันสั่นเบาๆ อึดใจเสียงระเบิดน่าสะพรึงก็ปะทุจากแสงสีเงิน

ครืน!

ราวกับว่าเทพสายฟ้าแห่งการทำลายล้างยาตราลงมาเองพร้อมกับเสียงกึกก้องน่ากลัวดันพื้นดินเบื้องล่างขึ้น คลื่นเสียงพุ่งผ่านไปหมื่นจั้ง ในเวลาเพียงไม่กี่อึดใจเสียงดังก้องก็สามารถได้ยินอย่างชัดเจนในทุกที่รัศมีหมื่นลี้

ประกายสายฟ้าบนท้องฟ้าเหมือนของเหลวสายฟ้าที่ควบแน่นตกลงมาจากท้องฟ้า ทันใดนั้นทั่วบริเวณเปลี่ยนเป็นเงิน มากจนกระทั่งเมฆรัศมีความตายหนาทึบก็ถูกสายฟ้าเจาะทะลวงแล้วเหือดหายไป

ความผันผวนที่น่ากลัวพวยพุ่งและระเบิดออกมา

สายฟ้าสะท้อนให้เห็นในม่านตาของมู่เฉิน เขามองการสั่นสะเทือนโลก แววหวาดผวาก็ปรากฏในดวงตา เห็นได้ชัดว่าพลังหัวใจพาฬกินสายฟ้าเกินความคาดหมายของเขาไปมาก

พลังช่างทำลายล้างแบบสุดยอด

ไม่มีจอมยุทธ์ที่อยู่ใต้ระดับตี้จื้อจุนสามารถต้านทานการโจมตีที่น่ากลัวนี้ได้

ดังนั้นมู่เฉินจึงตัดสินใจอย่างรวดเร็ว ปีกหงส์ฟ้ากระพือส่งเขาไปในทางตรงกันข้ามกับหัวใจพาฬกินสายฟ้า หากเขาอยู่ใกล้กับผลกระทบมากเกินไป ก็จะถูกลากเข้าไปในวังวนหายนะแน่

เมื่อถอยออกมา ตราประทับก็เปลี่ยนไป ร่างกายของเขาถูกห่อหุ้มด้วยริ้วแสงแวววาวสีทอง เสียงคำรามของมังกรและหงส์ฟ้าดังก้อง เทพอสูรทั้งสองพุ่งออกจากร่างเขากลายเป็นภาพมายาขดอยู่รอบตัวเขา ก่อร่างเป็นปราการป้องกันทรงประสิทธิภาพ

แต่หลังจากเร้ากายามังกรหงส์ออกมาแล้ว มู่เฉินก็ยังไม่ไว้ใจ เขาเร้าร่างเทพสุริยะห่อหุ้มตัวเองไว้อีกชั้น

ตู้ม!

เมื่อมู่เฉินใช้การป้องกันเต็มรูปแบบแล้ว หัวใจพาฬกินสายฟ้าที่อยู่ไกลก็ระเบิด ภายใต้การกระตุ้นของเขา

นี่เป็นพลังงานสายฟ้าจากพาฬกินสายฟ้าโบราณที่สะสมมาเป็นเวลายาวนาน

เสียงฟ้าคำรนกวาดออกราวกับลอนคลื่นนับไม่ถ้วนพัดกระจายไปในระยะไกล ในเส้นทางที่พาดผ่าน มิติแตกสลาย รอยแตกแผ่ซ่านบนพื้นดิน ล้อมรอบหุบเขาขนาดใหญ่ทั้งหมด

ในเส้นทางที่สายฟ้ากวาดผ่านทุกสรรพสิ่งกลายเป็นเถ้าถ่าน

กลุ่มอสูรวิญญาณขั้นแปดโดนเป็นกลุ่มแรก ร่างตายซากของพวกเขาช่างไร้ประโยชน์ที่เบื้องหน้าคลื่นกระแทก เมื่อสายฟ้าแลบแปลบปลาบร่างพวกมันก็สั่นเทิ้มก่อนที่จะสลายกลายเป็นเถ้าถ่าน

ร่างสุดท้ายที่ยังคงอยู่คืออสูรวิญญาณขั้นเก้า รัศมีความตายมหึมาพวยพุ่งออกมาจากร่างมัน แต่ก็สามารถขัดขวางคลื่นสายฟ้าได้แค่พริบตา จากนั้นสายฟ้าก็โหมกระหน่ำทำลายรัศมีความตายปกคลุมร่างมันเอาไว้

ยามนี้ทั่วบริเวณราวกับโลกสายฟ้า

ขณะที่กลุ่มอสูรวิญญาณถูกกลืนกิน มู่เฉินก็ไม่ได้มีช่วงเวลาที่ดีเช่นกัน แม้ว่าเขาจะถอยกลับออกไป แต่เขาก็ยังประเมินพลังของพาฬกินสายฟ้าน้อยไป

ดังนั้นถึงเขาจะใช้ความเร็วเต็มที่ในการถอยก็ยังสามารถเห็นคลื่นกระแทกสายฟ้าไร้ขอบเขตพุ่งใกล้เข้ามาหาจากระยะไกล สุดท้ายก็กระแทกกับร่างเทพสุริยะจังใหญ่

ปัง!

วินาทีนั้นฟ้าดินสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น รอยร้าวเริ่มแผ่กระจายไปทั่วร่างเทพสุริยะก่อนที่จะระเบิดและจางหายไป

อ็อก!

ต่อให้มีร่างเทพสุริยะคุ้มครอง มู่เฉินก็ยังกระอักเลือดเต็มปาก ร่างกายราวกับจะแตกสลาย สุดท้ายก็ดิ่งพสุธาตกลงสู่พื้น กระดูกเหมือนจะแตกเป็นเสี่ยง

สายฟ้ายังคงครอบงำชำระล้างหุบเขาใหญ่ทั้งหมดจนสะอาด…

พื้นที่ไกลจากหุบเขา เมื่อจิ่วโยวและคนอื่นๆ ที่กำลังถอยห่างเห็นคลื่นกระแทกที่น่าสะพรึงกลัวร่างกายก็หยุดชะงักลงพลางจ้องมองไปด้วยสายตาเคร่งเครียด

“น่ากลัวอะไรแบบนี้” หานซันอึ้งไป แม้จากตรงนี้เขายังรู้สึกว่าคลื่นกระแทกน่ากลัวเพียงใด ถ้าเขาอยู่ใกล้คงตายคาที่แน่นอน

จิ่วโยวกัดริมฝีปากเบาๆ แววกังวลพลุ่งพล่านในดวงตา แต่จากนั้นนางก็หายใจลึก “ระวังรอบๆ อย่าปล่อยให้ใครมาใกล้”

มั่วเฟิงและคนอื่นๆ พยักหน้ารับรู้ ตอนนี้พวกเขาได้แต่หวังว่ามู่เฉินจะไม่เป็นไร

ขณะที่จิ่วโยวหยุดอยู่บริเวณนี้เพื่อเฝ้าระวัง ชายชุดสีฟ้าบนยอดเขาทางเหนือก็มองไปที่ทิศทางนั้นแล้วขมวดคิ้ว นั่นเป็นเพราะเมื่อสักครู่เขารู้สึกถึงคลื่นกระแทกของพลังงานหลิงรุนแรง

ชายคนนี้ก็คือไป๋หมิงแห่งเผ่าหงส์ฟ้า

“พี่ใหญ่ไป๋หมิง นั่นมันพลังงาน?” ที่ด้านข้าง ไป๋ปิงก็ปรากฏขึ้นด้วยอาการหวาดกลัว เขาสามารถรู้สึกได้ถึงความรุนแรงของพลังงานในฟ้าดิน

“พลังงานรุนแรงนี้น่าจะเป็นของสายฟ้า กระทั่งจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าก็คงไม่สามารถต้านทานพลังนั้นได้” ไป๋หมิงหรี่ตาลง ก่อนที่แววตาจะวูบไหวด้วยความเข้าใจ เขายิ้มอ่อน “ดูเหมือนว่าข้าประเมินค่าไอ้บ้านั่นมากเกินไป ถูกอสูรวิญญาณขั้นแปดบีบจนถึงขั้นนี้เชียว”

ในมุมมองของเขา การรวมกลุ่มของพวกมู่เฉินไม่ง่ายนักที่จะฆ่าอสูรวิญญาณขั้นแปด หากพวกเขาต้องการที่จะฆ่ามันโดยไม่บาดเจ็บล้มตายก็จะต้องใช้หัวใจพาฬกินสายฟ้าอย่างเดียว

ไป๋ปิงอึ้งไปจากนั้นก็เอ่ยอย่างดีใจ “มันใช้หัวใจพาฬกินสายฟ้าแล้วรึ?”

“พลังงานดังกล่าวเป็นสิ่งที่ไม่มีกลุ่มใดที่เข้ามาในดินแดนเสินโซ่มี นอกเหนือจากหัวใจพาฬกินสายฟ้าในมือมันแล้ว ก็น่าจะไม่มีคนอื่นอีก”

ไป๋หมิงผงกหัวขณะที่ความเคร่งเครียดวูบไหวในดวงตาก่อนที่จะพูดต่อ “แต่พลังของมันช่างน่ากลัวจริงๆ หากไอ้เหลือขอนั่นใช้กับข้า ข้าก็คงไม่รอด”

“หึ แต่จากนี้ไปไอ้บ้านั่นจะทำอะไรได้ในมือของพี่ใหญ่ไป๋หมิงอีก?” ไป๋ปิงแสยะยิ้ม

ไป๋หมิงยิ้มบาง เมื่อไม่มีหัวใจพาฬกินสายฟ้า มู่เฉินก็เปรียบเสมือนมดตัวหนึ่งในสายตาของเขา หากพบกันอีกครั้ง เขาจะบอกอีกฝ่ายว่าโง่เง่าแค่ไหนที่ทำให้เขาขุ่นเคือง

“จัดการกับอสูรวิญญาณขั้นแปดตรงหน้าเราก่อน” ไป๋หมิงส่ายหัว เลิกสนใจเกี่ยวกับการดำรงอยู่ของมด เขาเงยหน้ามองออกไป ฝูงอสูรวิญญาณถูกกำจัดโดยจอมยุทธ์เผ่าหงส์ฟ้าหมดแล้ว มีเพียงอสูรวิญญาณขั้นแปดที่ยังคงอยู่พยายามหลบหนีอยู่

เขากำมือ พัดน้ำแข็งสีฟ้าก็ปรากฏขึ้นในพริบตา จากนั้นร่างของเขาหายไป เมื่อเผยตัวขึ้นอีกครั้งก็ยืนค้ำอยู่เหนือร่างอสูรวิญญาณขั้นแปดแล้ว

ฟิ้ว!

รัศมีสีฟ้าน้ำแข็งเย็นเยือกกวาดออกมาราวกับหงส์ฟ้าสยายปีก เปลี่ยนเป็นกระแสคลื่นกลืนกินอสูรวิญญาณขั้นแปด รัศมีเย็นเยือกกวาดผ่าน ก็เหลือเพียงรูปปั้นน้ำแข็งถูกทิ้งไว้

ไป๋หมิงพลิ้วลงมาบนหัวของรูปปั้นเบาๆ ด้วยสีหน้าไม่แยแส จากนั้นก็ใช้ปลายเท้าเตะเบาๆ รูปปั้นน้ำแข็งแตกเป็นเสี่ยง ก่อนจะสลายกลายเป็นเกล็ดน้ำแข็ง

หัวใจที่เต็มไปด้วยรัศมีความตายลอยขึ้นมาแล้วถูกไป๋หมิงคว้าไป เขาเคล้าคลึงหัวใจไปมา สายตากลับจ้องมองไปยังระยะไกล รอยยิ้มเย้ยหยันผุดขึ้นที่มุมปาก

หวังว่ามู่เฉินจะยังกล้ามุ่งหน้าเข้าสู่ส่วนใน เขาอยากบอกให้มันรู้ว่ามดที่กล้าแหย่สัตว์ใหญ่โตน่าเศร้าแค่ไหน

ในหุบเขาที่วินาศสันตะโรผาหินและยอดเขาโดยรอบถูกปรับให้ราบเตียนเหมือนพื้นเรียบ มีรอยแตกยาวนับไม่ถ้วนแผ่กระจายไปทั่วพื้นดินราวกับเหว

หุบเขาขนาดใหญ่แห่งนี้ถูกทำลายล้างไปอย่างสิ้นเชิง

ปัง!

บนดินแดนวิปโยค ก้อนหินก้อนใหญ่กระเด็นออกไป ร่างเงาหนึ่งทะยานขึ้นไปบนฟ้า จากนั้นก็พลิ้วตัวลงมาบนพื้นดิน เสื้อผ้าของเขาขาดวิ่นร่างเต็มไปด้วยบาดแผล มีรอยเลือดที่มุมปาก รูปร่างหน้าตาดูสะบักสะบอมอย่างยิ่ง

นี่ก็คือมู่เฉินนั่นเอง

เขาเช็ดรอยเลือดพลางก้มศีรษะลงมองหุบเขาที่พังทลายด้วยความหวาดผวาฉายในดวงตา พลังสายฟ้าของพาฬกินสายฟ้าทรงพลังเกินไป

มู่เฉินกวาดสายตาออกไป ไม่มีร่องรอยอสูรวิญญาณอีก ชัดว่าพวกมันถูกทำลายล้างอย่างสมบูรณ์

“ไม่รู้ว่าดอกบัวมรกตเก้าโคจรเป็นยังไงบ้างแล้ว?”

เมื่อนึกถึงสิ่งล้ำค่านี้ใบหน้าของมู่เฉินก็เปลี่ยนไป เขาทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว เขามาที่นี่เพื่อดอกบัวมรกตเก้าโคจรและยังใช้หัวใจพาฬกินสายฟ้า หากผลกระทบจากคลื่นกระแทกของหัวใจพาฬทำลายมันไป ตับไตไส้พุงของเขาคงกลายเป็นสีเขียวคล้ำจากการตรอมตรม

ฟิ้ว!

มู่เฉินทะยานข้ามพื้นที่วิปโยค จากนั้นก็ไปปรากฏตัวอยู่ในบึงรัศมีความตาย แต่ในเวลานี้บึงถูกทำลายลงอย่างมากพร้อมกับรัศมีความตาย

เมื่อเห็นภาพนี้หัวใจของมู่เฉินก็ดิ่งลง เขาเพิ่มความเร็วยิ่งขึ้นไปอีก พุ่งไปที่ใจกลางบึงพลางกวาดสายตาไปทั่ว จากนั้นเขาก็เห็นบ่อน้ำใสยังคงเงียบสงบอยู่ในบึง โดยรอบมีมวลน้ำสีดำซึ่งแบ่งแยกออกจากกันอย่างชัดเจน

ที่ส่วนลึกของบึงดอกบัวสีเขียวมรกตกระเพื่อมเบาๆ เปล่งประกายแสงสีเขียวที่เต็มไปด้วยพลังชีวิตไร้ขอบเขต