ตอนที่ 1966

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 1,966 : ข้าต้วนหลิงเทียน ต้องการ!

 

หลังเสียงสูดลมหายใจเข้าด้วยความเหน็บหนาวเบาลง ศิษย์แท่นบูชาจตุรลักษณ์ทั้งหลายอดไม่ได้ที่จะมองหน้าสบตากันเอง และคล้ายต่างฝ่ายต่างเห็นซึ้งถึงคำตอบในแววตาของกันและกัน

 

“ต้วนหลิงเทียน!”

 

ครู่ต่อมาเหล่าศิษย์แท่นบูชาจตุรลักษณ์เหล่านี้ล้วนกระซิบคำตอบออกมาพร้อมเพรียง!

 

“ข้าลืมมันไปได้อย่างไรกัน…3 เดือนที่แล้วเห็นว่ามันบุกไปฆ่าคนของแท่นบูชานกไฟข้าอย่างอุกอาจถึง 2 คน…อีกทั้งหนึ่งในนั้นยังมีพลังฝึกปรือบรรลุถึงขอบเขตเซียนนภาขั้นต้น!”

 

“แม้เจ้านั่นจะยังมีพลังฝึกปรือไม่ถึงขอบเขตเซียนนภาขั้นกลาง แต่ข้าว่ามันคงห่างอีกไม่กี่ก้าวแล้ว!”

 

“กล่าวกันว่าปกติแล้วศิษย์ที่มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีเหลืองนั้นมีโอกาสน้อยนิดนักที่จะลวงถึงขอบเขตเซียนนภา…ทว่าเจ้านั่นมันกลับฆ่าคนที่บรรลุถึงเซียนนภาขั้นต้นได้แล้ว!”

 

“ที่สำคัญจากข่าวที่ได้ยินมา พลังฝึกปรือที่แท้จริงของมันยังไม่บรรลุถึงขอบเขตเซียนนภาด้วยซ้ำ…สาเหตุที่ไฉนพลังฝีมือของมันร้ายกาจได้ถึงขนาดนี้ ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะเวทย์พลังขั้นสูงทั้ง 3 สายที่มันมี!”

 

“หากพวกเราไม่คำนึงถึงพรสวรรค์รากวิญญาณของมัน อาศัยเพียงไหวพริบปฏิภาณที่สามารถแตกฉานเวทย์พลังขั้นสูงได้ 3 สาย…ข้าเกรงว่าในลัทธิบูชาไฟของพวกเราคงมีไม่กี่คนเท่านั้นที่เทียบชั้นมันได้ เพราะอย่างไรนั่นมันก็เวทย์พลังขั้นสูงถึง 3 สายเชียวนะ! กระทั่งเหล่าอาวุโสระดับสูงๆ ยังไม่แน่ว่าจะกระทำได้ด้วยซ้ำ!!”

 

“แต่เรื่องที่ทำให้ข้าทึ่งกว่านั้นก็คือ มันกระทั่งฆ่าศิษย์แท่นบูชานกไฟอีกคนที่ไม่ได้ลงมือต่อมันก่อน ทว่าอาวุโสคุมกฏกลับไม่เพียงไม่คาดโทษตายยังกลายเป็นปกป้องมันไปอีก! ข้ามิเข้าใจจริงๆว่าไฉนคนที่มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีเหลืองเช่นมันจึงได้รับสิทธิพิเศษเช่นนี้!”

 

“นั่นสิ…แม้พลังฝีมือของมันจะสูงส่ง แต่มิใช่ว่าพรสวรรค์รากวิญญาณก็ธรรมดาหรือไร! ข้าว่าไม่พ้นมันต้องมีความเป็นมาใหญ่โตอะไรสักอย่าง ถึงทำให้อาวุโสคุมกฏหลับตาข้างหนึ่งเพื่อมันได้แบบนี้”

 

“ถูกแล้ว หากมิใช่เพราะมีความเป็นมาฐานะใหญ่โต ไหนเลยหอคุมกฏจะดูแลมันเช่นนี้?”

 

 

หลังจากได้รับทราบว่าหน้าใหม่ผู้มาวันนี้ ที่แท้ก็คือต้วนหลิงเทียนศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬที่กำลังโด่งดัง ก็ไม่มีใครสงสัยในพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนอีก

 

เพราะสุดท้ายแล้วพวกมันก็เคยได้ยินมาก่อนว่าต้วนหลิงเทียนร้ายกาจปานใด

 

“ที่แท้มันคือต้วนหลิงเทียนคนนั้น…”

 

รอยยิ้มขื่นขมปรากฏขึ้นที่มุมปากของหนิวคง หากมันรู้มาก่อนแต่แรกว่าอีกฝ่ายคือ ‘ต้วนหลิงเทียน’ คนนั้นล่ะก็ ต่อให้มันมีความกล้ามากกว่านี้อีกร้อยเท่ามันก็ไม่กล้าคิดช่วงชิงตะกร้าใหญ่พิเศษจากมือของอีกฝ่าย

 

ขณะเดียวกัน ทางด้านเหล่าศิษย์แท่นบูชาจตุรลักษณ์ก็เริ่มหันมองไปยังหนิวคงด้วยสายตาสงสาร

 

ถึงแม้พลังฝีมือของหนิวคงจะดี แต่ก็ไม่มีอะไรต่อหน้าต้วนหลิงเทียน

 

ด้านต้วนหลิงเทียนนั้น เขาก็ไม่ได้รู้เลยว่าตอนนี้ตัวตนของเขาถูกเหล่าศิษย์แท่นบูชาจตุรลักษณ์เหล่านี้ล่วงรู้แล้ว

 

หลังจากเข้ามาในส่วนลึกของเหมือง ต้วนหลิงเทียนก็พบสายแร่หินเซียนที่มีหินเซียนแน่นหนา เลยเริ่มลงมือขุดหินเซียนทันที แน่นอนว่าด้วยพลังฝีมือของเขาตอนนี้คิดใช้พลังขุดหินเซียนออกมานับเป็นเรื่องราวอันง่ายดายนัก

 

ไม่นานจะกร้าขนาดใหญ่พิเศษของเขาก็เต็มไปด้วยหินเซียน

 

หินเซียนที่ขุดออกมาสดๆจากเหมืองนั้น ขนาดแน่นอนว่าไม่ได้เท่าเทียมกันไปทุกก้อน แถมยังหม่นคล้ำไร้ประกายเพราะไม่ได้ผ่านการขัดเกลา

 

‘ขุดมาตั้งนานไม่เห็นเจอหินเซียนระดับกึ่งสวรรค์สักก้อนเลย…’

 

หลังขุดหินเซียนมาอยู่นาน แต่ต้วนหลิงเทียนก็ไม่พบหินเซียนระดับกึ่งสวรรค์แม้แต่ก้อนเดียว

 

‘ตอนนี้หินเซียนก็เต็มตะกร้าแล้ว…ดูเหมือนข้าต้องเอามันออกไปส่งก่อน ไม่รู้ว่าวันนี้ข้าต้องขุดอีกกี่ตะกร้าถึงจะครบกำหนด…’

 

ต้วนหลิงเทียนลอบสงสัยในใจ

 

อันที่จริงต้วนหลิงเทียนใช้เวลาในการขุดหินเซียนน้อยมาก

 

แต่เป็นเพราะระหว่างขุดเขาก็แอบส่งหินเซียนที่ขุดได้เข้าไปเก็บไว้ในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ ทำให้ดูเหมือนเขาใช้เวลาขุดอยู่นาน

 

แต่แน่นอนว่ามันก็นานกว่าเดิมไม่มาก

 

หากไม่ใช่เพราะกลัวว่าเขาจะถูกอาวุโสค้นพบว่าใช้เวลาขุดหินเซียนนานผิดปกติ เขาคงขุดพวกมันแล้วเก็บไว้ให้มากกว่านี้…

 

‘ไว้ค่อยเก็บครั้งหน้าแล้วกัน…ตอนนี้พอก่อน’

 

คิดถึงตรงนี้ต้วนหลิงเทียนก็เลือกจะย้อนกลับไปทางเดิม แต่คราวนี้ตะกร้าที่สะพายแบกอยู่ด้านหลังไม่ได้ว่างเปล่าเหมือนขามา มันเต็มไปด้วยหินเซียนที่ขุดได้ และแน่นอนว่าการปรากฏตัวของเขาย่อมดึงดูดความสนใจของทุกคนอีกคกรั้ง

 

“นั่นต้วนหลิงเทียน!”

 

ต้วนหลิงเทียนย่อมได้ยินเสียงกระซิบกระซาบของเหล่าศิษย์ชัดเจน จึงรู้ได้ทันทีว่าตัวตนของเขาถูกเปิดเผยแล้ว

 

‘ไม่คิดเลยว่าจะมีคนจำข้าได้เร็วขนาดนี้…’

 

ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมาเบาๆ

 

ขณะเดียวกันที่ต้วนหลิงเทียนเดินกลับออกมา เขาก็พบว่าตอนนี้ขบวนเล็กๆที่คอยตามเขาแจอย่างตอนแรกไม่มีอีกแล้ว

 

แต่เขาก็ไม่ได้แปลกใจกับเรื่องนี้สักเท่าไหร่

 

เพราะตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมตอนแรกถึงมีคนตามเขามาเป็นพรวน…ที่แท้กลับเป็นเพราะทุกคนหมายตาตะกร้าใบใหญ่พิเศษของเขานั่นเอง

 

อย่างไรก็ตามหลังจากเขาเปิดเผยพลังฝีมือออกไปเล็กน้อย ทั้งหลายที่หมายตาในตะกร้าใบใหญ่พิเศษของเขาก็ไม่มีใครกล้าลองดีอีก…

 

ล้อกันเล่นหรือไร!

 

ตอนนี้หากนับรวมตะกร้าที่อยู่บนหลังของต้วนหลิงเทียน ก็มีตะกร้าใบใหญ่พิเศษอยู่ด้วยกันทั้งสิ้น 90 ใบในเขตลงทัณฑ์ของเหมืองแรกแห่งนี้! อย่างไรก็ตามในเขตลงทัณฑ์แห่งนี้ มีผู้ถือตะกร้าใบใหญ่อยู่เพียง 50-60 คนเท่านั้นที่ด่านพลังบรรลุถึงขอบเขตเซียนนภา!

 

กล่าวอีกอย่างได้ว่า ยังมีคนที่มีตะกร้าใบใหญ่พิเศษที่มีพลังฝึกปรือเพียงขอบเขตเซียนปฐพีให้แย่งชิงอีกหลายสิบคน ใครจะโง่ไปแย่งกับต้วนหลิงเทียน!

 

หากเหล่าศิษย์แท่นบูชาจตุรลักษณ์เหล่านี้อยากได้ตะกร้าใบใหญ่พิเศษมาก พวกมันไปแย่งชิงกับผู้ที่ครองที่มีด่านพลังเซียนปฐพีขั้นสูงสุดไม่ดีกว่าหรือ จะไปหาเรื่องเจ็บตัวทำอะไร…!

 

ต้วนหลิงเทียนคนนี้คือตัวตนที่ฆ่าได้กระทั่งผู้บรรลุเซียนนภาขั้นต้น!

 

เช่นนั้นพลังฝีมือสมควรเทียบได้กับเซียนนภาขั้นกลางกลายๆแล้ว!

 

“ศิษย์พี่ท่านนี้ขอโทษที…แต่ท่านพอจะบอกข้าได้หรือไม่ว่าหินเซียนที่ขุดได้วันนี้ต้องใช้ปริมาณเท่าไหร่ถึงจะครบกำหนด”

 

ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนเดินหลับออกมา เขาก็เห็นศิษย์มากมายสัญจรไปมามากมายอีกครั้ง จึงสุ่มเดินเข้าไปหาคนหนึ่งแล้วหยุดถามอีกฝ่ายด้วยความสุภาพ

 

“ศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียน ท่านเรียกหาข้าว่าศิษย์น้องเถอะ คำศิษย์พี่ของท่านข้ามิบังอาจรับ!”

 

เมื่อชายวัยกลางคนเห็นต้วนหลิงเทียนเข้ามาหยุดถาม พอได้ยินวาจาเรียกหาจากอีกฝ่ายหน้ามันก็เปลี่ยนสีทันที ยังแลดูหวาดกลัวไม่ต่างอะไรจากหนูพบแมว

 

ก่อนหน้านี้ที่ต้วนหลิงเทียนอัดหนิวคงจนหมอบในฝ่ามือเดียว มันก็อยู่ในเหตุการณ์เช่นกัน!

 

ดังนั้นมันย่อมรู้ดีว่าเบื้องหน้าก็คือต้วนหลิงเทียน ที่พึ่งถูกส่งเข้ามารับโทษใช้แรงงานในเขตลงทัณฑ์!

 

มันก็แค่ศิษย์ที่พลังฝึกปรือมีเพียงเซียนปฐพีขั้นกลางเท่านั้น ย่อมเป็นธรรมดาที่มันจะตื่นกลัวยามเผชิญหน้ากับต้วนหลิงเทียน

 

“ปริมาณงานที่ถูกกำหนดมาวันนี้…หากเป็นตะกร้าขนาดใหญ่ของศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียน ท่านเพียงไปส่งอีก 6 รอบก็ครบแล้วขอรับ”

 

ศิษย์ที่ตื่นตระหนกไม่นานก็พยายามระงับความกลัว จากนั้นก็รีบกล่าวตอบออกมาทันทีด้วยกลัวต้วนหลิงเทียนจะรอนานจนมีโมโห ต่อหน้าตัวตนเช่นนี้มันย่อมไม่กล้าละเลย

 

“ขอบคุณเจ้า”

 

หลังเห็นอีกฝ่ายหวาดกลัวเขาขนาดนี้ ต้วนหลิงเทียนก็กล่าวขอบคุณค่อยเดินจากมาพร้อมส่ายหัวเบาๆ

 

ฟุ่บ!

 

หลังจากนั้นร่างต้วนหลิงเทียนก็พุ่งไปคล้ายเงาเลือน พริบตาก็ออกจากอุโมงค์เหมือง ‘อีก 6 ตะกร้างั้นเหรอ…จากความเร็วที่ข้าใช้ขุดหินเซียนเมื่อกี้ อย่างดีก็เพียงเค่อเดียวเท่านั้น…’

 

‘อย่างไรก็ตามข้าใช้เวลาขุดเพิ่มอีกเค่อเพื่อส่งหินเซียนเข้าไปในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ…รวมแล้วก็ราวๆ 2 เค่อ ถ้างั้นเต็มที่ข้าก็ใช้เวลาแค่ชั่วยามครึ่งสำหรับหินเซียน 6 ตะกร้า…’

 

‘6 ตะกร้าชั่วยามครึ่ง…หากรวมกับเวลาที่ต้องใช้ในการเดินทางแล้ว เบ็ดเสร็จก็ตก 2 ชั่วยามกว่าจะทำงานประจำวันเสร็จ’

 

หลังออกจากเหมืองต้วนหลิงเทียนครุ่นคิดในใจ

 

ขณะเดียวกันร่างเขาก็เหินไปตามทางที่เห็นคนคล้ายจะไปส่งหินเซียนเหมือนกัน

 

ด้วยมีตะกร้าขนาดใหญ่พิเศษแน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนย่อมเป็นจุดสนใจอีกครั้ง หลายคนจึงอดไม่ได้ที่จะจับจ้องมองตาเป็นมัน

 

สายตาเหล่านี้ปะปนไปทั้งอิจฉา ริษยา และความโลภ

 

ศิษย์แท่นบูชาจตุรลักษณ์บางคนที่พบว่าหน้าตาของต้วนหลิงเทียนไม่คุ้นตา มันก็คิดว่าอาจเป็นศิษย์ใหม่ที่มีโชคได้รับแจกตะกร้าใบใหญ่จึงคิดจะเข้าไปลองแย่งชิงดูสักครา

 

อย่างไรก็ตามเมื่อศิษย์แท่นบูชาจตุรลักษณ์เหล่านี้ได้รับทราบตัวตนของต้วนหลิงเทียน จากศิษย์ที่อยู่ในเหตุการณ์ก่อนหน้ากล่าวเตือน พวกมันก็ล้มเลิกความคิดดังกล่าวไปทันที

 

ขณะเดียวกันความโลภในแววตาของพวกมันก็หายไปราวกับไม่เคยปรากฏมาก่อน

 

ล้อกันเล่นหรือไร!

 

นั่นคือต้วนหลิงเทียนที่กระทั่งตัวตนขอบเขตเซียนนภาขั้นต้น ยังฆ่าตายคามือมาแล้ว! พวกมันคิดไปแย่งชิงของจากดาวมฤตยูเช่นนี้ไม่ใช่แส่หาเรื่องเจ็บตัวรึไง!

 

เมื่อต้วนหลิงเทียนมาถึงคลังเหมืองเพื่อส่งหินเซียนในตะกร้า เขาก็ได้รับความสนใจจากอาวุโสแท่นบูชาพยัคฆ์ขาวที่ทำหน้าที่ตรวจรับของทันที ‘ตะกร้าใหญ่พิเศษรึ? ไฉนหน้าเจ้าหนุ่มนี่มันไม่คุ้นเลยเล่า…’

 

“หืม? ต้วนหลิงเทียน?”

 

อย่างไรก็ตามเมื่อมันลงทะเบียนตรวจรับของและเห็นชื่อที่แจ้งมาของอีกฝ่าย มันก็รู้ทันทีว่าต้วนหลิงเทียนเป็นใคร

 

เนื่องจากอีกฝ่ายคือต้วนหลิงเทียนคนนั้น จะมีตะกร้าขนาดใหญ่ก็ไม่แปลกอะไร

 

เพราะสุดท้ายแล้วต้วนหลิงเทียนก็มีพลังฝีมือสูงเกินพอจะครอบครอง

 

เช่นเดียวกันกับอาวุโสเพลิงทองแดงของแท่นบูชานกไฟที่รับเรื่องลงทะเบียนมอบสิ่งจำเป็นก่อนหน้า อาวุโสเพลิงทองแดงของแท่นบูชาพยัคฆ์ขาวคนนี้พอทราบตัวตนของต้วนหลิงเทียนก็มีทีท่าสุภาพเช่นกัน

 

“ต้วนหลิงเทียนเจ้าส่งหินเซียนตะกร้านี้ก็พอแล้ว…อย่างไรเจ้าก็พึ่งมาถึงเหมืองลำดับที่ 1 เป็นวันแรก เป็นการดีเสียกว่าที่เจ้าจะไปพักผ่อนเสียก่อน”

 

อาวุโสเพลิงทองแดงคนนี้ยามกล่าวออกอีกครั้ง ก็คิดใช้อำนาจโดยมิชอบ มอบอภิสิทธิ์ให้ต้วนหลิงเทียนทันที

 

“ไม่ต้องหรอกอาวุโส”

 

หากแต่พอได้ยินข้อเสนอให้พักของอีกฝ่าย ต้วนหลิงเทียนกลับปฏิเสธออกไปอย่างไม่ลังเล คิ้วยังขมวดขึ้นด้วยความกังวลเล็กน้อย

 

ล้อกันเล่นหรือไร!

 

เขาไหนเลยจะอยากพัก! กระทั่งยังอยากจะอยู่ขุดหินให้นานกว่านี้ด้วยซ้ำ เพราะยิ่งเขาอยู่ได้นานเท่าไหร่ หินเซียนก็จะถูกส่งเข้าไปในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติมากขึ้นเท่านั้น!

 

ถึงแม้หินเซียนระดับ 1 นี้จะไม่ได้มีค่าอะไรสำหรับเขาที่อยู่ในลัทธิบูชาไฟ

 

อย่างไรก็ตามการลอบ ‘ลักหิน’ ครั้งนี้เขาไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง แต่ทำเพื่อครอบครัวและสหายของเขา!

 

หากมีหินเซียนระดับ 1 เป็นจำนวนมากล่ะก็ สำหรับตำหนักเมฆาครามที่ตั้งอยู่ในภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าแล้ว มันคือรากฐานสำคัญที่จะทำให้ตำหนักพัฒนาครั้งใหญ่ ไม่เพียงแต่ในด้านความมั่งคั่ง กระทั่งพลังฝีมือของเหล่าอาวุโสก็จะสูงขึ้นด้วย…

 

“หือ?” แม้อาวุโสเพลิงทองแดงของแท่นบูชาพยัคฆ์ขาวไม่ทราบว่าทำไมต้วนหลิงเทียนถึงปฏิเสธความหวังดีของมัน แต่มันก็ไม่คิดจะเซ้าซี้อะไรให้มากความในเมื่อเจ้าตัวบอกมาแบบนี้

 

หลังจากนั้น ต้วนหลิงเทียนก็ใช้เวลานานกว่า 3 ชั่วยาม กว่าจะทำงานประจำวันที่ได้รับเสร็จสิ้น

 

‘ต่อไปก็ต้องไปหาที่พักสินะ…เห็นว่าที่พักในเขตลงทัณฑ์แห่งนี้ ก็มีที่พักที่มีสภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะเทียบได้กับตำหนักเอกอุของแท่นบูชาจตุรลักษณ์อยู่ด้วย’

 

‘ที่พักนั่น ข้าต้วนหลิงเทียนจะเอา!’

 

ลูกตาของต้วนหลิงเทียนฉายประกายวูบวาบเผยความมุ่งมั่นออกมา!