ตอนที่ 458 สู้รบเคียงบ่าเคียงไหล่

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

พระองค์มีลูกแก้ววารีอยู่กับตัว ลูกแก้ววารีผลักดันน้ำทะเลออกไปด้านนอก พระองค์จับมือของตู๋กูซิงหลันเอาไว้ ทอดพระเนตรมองสบตากับนาง 

 

 

“เจ้าไม่ได้อยู่เพียงลำพัง เจ้ามีเรา” พระองค์ตรัสต่อไป “ไม่ว่าจะที่ไหนหรือเมื่อไหร่ จะมีเราคอยปกป้องจากด้านหลังอยู่เสมอ” 

 

 

ตรัสแล้ว ก็ได้ยินเสียงของอสุรกายตัวนั้นคำรามดังมาอีกครั้ง 

 

 

กรงเล็บที่แหลมคมของมันจ้วงลงมาในน้ำทะเล ลาวาที่อยู่บนร่างถูกน้ำทะเลสาดทับจนเกิดเสียงฉี่ฉี่ดังอยู่ตลอดเวลา แต่ว่ามันก็มิได้ใส่ใจ ดวงตาทั้งสามคู่ของมันลุกโชนดังกองเพลิงอยู่ตลอดเวลา จับจ้องไปยังคนทั้งสองที่อยู่ในน้ำทะเล 

 

 

“กี้ กี้ กี้…..” มันทางหนึ่งก็ใช่กรงเล็บจิกตะกุย ทางหนึ่งก็โบกปีกกรีดร้องออกมา 

 

 

ฮืม……..บุรุษที่อยู่ในน้ำทะเลผู้นั้น ในร่างของเขามีกลิ่นอายที่เข้มข้น……ของบุรุษหน้าเหม็นผู้นั้น! 

 

 

ดีนัก สองผู้สืบทอดต่างก็อยู่กันพร้อม! เช่นนั้นก็ฝังร่างอยู่ใต้กรงเล็บของมันเสียเถอะ! 

 

 

หนี้ที่ติดค้างย่อมต้องได้รับการชดใช้! 

 

 

“ตู้มต้าม……” กรงเล็บของมันจ้วงเข้ามา ได้ยินเสียงเหมือนน้ำแข็งมากมายแตกร้าว 

 

 

พอเห็นว่าปลายกรงเล็บของมันใกล้จะสัมผัสโดนกับหน้าผากของจีเฉวียน ทันใดนั้นก็เห็นน้ำทะเลที่หมุนวนอยู่พลันกลายเป็นน้ำแข็ง ผนึกกรงเล็บของมันจนแข็งค้างไป 

 

 

ที่ด้านหลังของจีเฉวียน มีดวงหน้ามนุษย์ขนาดใหญ่ผุดขึ้นจากน้ำทะเล ดวงหน้านั้นดูหยาบกร้าน บึกบึน เส้นผมสีทองทั้งศีรษะ ดวงตาลุกโชนดุจคบเพลิง 

 

 

ท่ามกลางน้ำทะเล เส้นผมที่ยาวสลวยของเขาส่องประกายจนเจิดจ้า สร้างความสว่างไสวไปทั่วระยะสามลี้ 

 

 

อสุรกายโลกันตร์ตกตะลึงไปชั่วขณะ กรงเล็บของมันยังคงถูกผนึกอยู่ในน้ำทะเลที่จับแข็งลึกถึงสิบกว่าเมตร พลังที่เย็นเฉียบนั้นแข็งแกร่งอย่างยิ่ง ทำให้มันไม่อาจขยับเขยื้อนไปไหนได้ชั่วขณะ 

 

 

นอกจากอสุรกายโลกันตร์แล้ว คนอื่นๆรวมทั้งหวาชางสุ่ยต่างก็ตื่นตะลึงกันไปหมด 

 

 

บุรุษชาวมนุษย์ผู้นั้นยังไม่ตาย! เขายังนำกองทัพหนุนมาร่วมต่อสู้ มาช่วยเหลือนังเด็กนั่นอีกด้วย? 

 

 

หวาชางสุ่ยไม่อยากจะเชื่อสายตาของตัวเอง! 

 

 

เยี่ยเฉินขุ่นเคืองขึ้นมาในทันที พอเขาเห็นจีเฉวียน ก็คิดถึงช่วงเวลาที่ตู๋กูซิงหลันกระโดดลงไปยังก้นเหวเพื่อตายตามมันไป 

 

 

ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะไม่ต้องการนางแล้ว แต่ว่าจะอย่างไรก็เคยคิดจะครอบครองนางมาก่อน 

 

 

พอได้เห็นจีเฉวียน ก็ทำให้เขารู้สึกว่าตนที่เป็นถึงองค์ไท่จื่อกลับไม่อาจเปรียบเทียบกับมนุษย์ผู้หนึ่งได้…… 

 

 

ที่หุบเหวไร้ก้นนั่น แม้แต่บุรุษเผ่ามนุษย์ผู้หนึ่งก็ยังไม่ตายหรือ? 

 

 

“สิ่งที่มีใบหน้าของมนุษย์นั่น……คืออะไรกัน?” ชาวมังกรทมิฬต่างก็พากันตกตะลึง 

 

 

แค่อสุรกายโลกันตร์หลุดออกมาตัวหนึ่งก็แทบจะทำลายก้นทะเลลึกจนราบเรียบ แล้วสิ่งที่มีใบหน้าขนาดใหญ่ที่เหมือนกับมนุษย์นั่นเล่า……ดูอย่างไรก็ไม่ใช่เผ่ามนุษย์ เพียงแค่ดูจากกำแพงน้ำแข็งที่หนาถึงเพียงนั้นก็รู้แล้วว่าพลังของมันจะต้องแข็งแกร่งอย่างยิ่งแน่นอน 

 

 

นั่นคือตัวอะไรกันแน่? 

 

 

พวกเขาพึ่งจะถามออกไป ก็ได้เห็นว่าที่อยู่ด้านหลังของใบหน้านั้นก็คือร่างของมังกรสีแดงขนาดใหญ่มหึมาตัวหนึ่ง 

 

 

พอมังกรตัวนั้นเคลื่อนเข้ามาก็เหมือนดั่งภูเขาลูกหนึ่งที่มีใบหน้าของมนุษย์ติดอยู่ด้านล่าง 

 

 

หัวเป็นมนุษย์ตัวเป็นมังกร? ทั้งยังเป็นมังกรสีแดงดุจโลหิต? 

 

 

ชาวเผ่ามังกรทมิฬต่างก็พากันตกตะลึงไปหมดแล้ว….. 

 

 

ตู๋กูซิงหลันที่อยู่ในอ้อมแขนของจีเฉวียนหันกลับไปมองดูแวบหนึ่ง จึงได้เห็นว่าใบหน้ามนุษย์ที่ดูหยาบกร้านนั้นกระพริบตาให้กับนางครั้งหนึ่ง 

 

 

ทำเอานางรู้สึกขนลุกขึ้นมาในทันทีทันใด 

 

 

ตัวประหลาดที่มีศีรษะเป็นมนุษย์ร่างเป็นมังกรนี้ นางไม่เคยเห็นมาก่อน แต่เคยอ่านจากในบันทึกของคำภีร์ซานไห่จินจากในโลกโน้น เจ้าตัวนี้…….คล้ายจะเรียกว่า จู๋หลง! 

 

 

จู๋หลง…….นับได้ว่าเป็นบรรพชนของพวกมังกร! 

 

 

จู๋หลงอยู่ในยุคบรรพกาลของเผ่ามังกร ทรงพลังแข็งแกร่ง เป็นต้นกำเนิดของมังกรทั้งหลาย เป็นสุดยอดในหมู่สัตว์เทพและสัตว์อสูรที่สามารถทำลายล้างโลกได้ 

 

 

เจ้าตัวนี้…..คงจะไม่ใช่ร่างจริงของเขาใช่ไหม? 

 

 

ตู๋กูซิงหลันรู้สึกว่าความเป็นไปได้นี้มีอยู่ไม่มากนัก เพราะว่า จีเฉวียนเป็นคนพามันมา 

 

 

และต่อให้จีเฉวียนจะแข็งแกร่งถึงเพียงไหน มีศักดิ์ฐานะที่พิเศษเพียงไร ก็ไม่อาจจะเปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่าเขาเป็นมนุษย์ไปได้ 

 

 

ตอนที่พึ่งจะรู้จักจีเฉวียนนั้น ยามที่เขาตกลงไปในสุสานของเยี่ยฮูหยิน เขายังเคยหล่นลงไปจนขาหักเลย ……คนที่เป็นเสียขนาดนั้น แล้วจะสามารถควบคุม ‘จู๋หลง’ที่สุดแสนจะน่าสะพรึงกลัวได้อย่างไร? 

 

 

ตู๋กูซิงหลันอดไม่ได้ที่จะชักสายตากลับมา มองดูจีเฉวียนอีกครั้ง…… 

 

 

นางคิดไม่ถึงเคยว่าเขาจะกลับมาปรากฏตัวที่เผ่ามังกรทมิฬอีกครั้ง ทั้งยังพาสัตว์อสูรขนาดยักษ์มาด้วย 

 

 

ตอนแรกที่ขอให้บิดาคนงามส่งเขากลับไปยังต้าโจว ก็เพราะว่าไม่อยากให้เขาต้องมาพัวพันกับเรื่องยุ่งยากเช่นนี้ 

 

 

แต่ว่าสุดท้ายเขาก็ยังคงกลับมา 

 

 

นางอ้าปากเอ่ยออกมา “ท่านไม่ควรมาที่นี่” 

 

 

ที่นี่มีอันตรายมากมาย นางไม่กล้ารับประกันว่าเขายังจะรอดกลับไปได้อีก 

 

 

นางไม่อยากจะติดค้างหนี้ชีวิตของจีเฉวียน 

 

 

“ในเมื่อเจ้าอยู่ที่นี่ ต่อให้ไกลถึงพันภูเขาหมื่นทะเลเราก็จะมา” จีเฉวียนทอดพระเนตรมองดูนาง เห็นบนหลังของนางยังคงแบกร่างของชือหลีที่สลบไปแล้วอยู่ พระองค์ก็ขมวดพระขนงขึ้นมา 

 

 

ชือหลีเป็นถึงเทพธิดาแห่งสายน้ำ เทพผูหนึ่งยังถูกทำร้ายจนเป็นถึงขนาดนี้ พระองค์ไม่กล้าคิดเลยว่า หากว่าคนที่บาดเจ็บเป็นซิงซิง….. 

 

 

ดีที่เขารีบร้อนบุกมาทั้งวันทั้งคืน เกือบจะพลาดไปเสียแล้ว 

 

 

“ไม่ว่าเจ้าจะคือผู้ใด ในสายตาของเรา เจ้าล้วนสมควรได้รับการปกป้อง” พระองค์ยื่นพระหัตถ์ออกไป ลูบไล้ศีรษะของนาง “ซิงซิง เรามิได้อ่อนแออย่างที่เจ้าคิด เรามีคุณสมบัติที่จะสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับเจ้า……” 

 

 

ตรัสแล้ว ก็เห็นด้านหลังของพระองค์พลันปรากฏคนชุดดำนับร้อย 

 

 

จีเฉวียนสั่งให้คนมารับตัวชือหลีไป ส่วนพระองค์ประทับเคียงข้างตู๋กูซิงหลัน 

 

 

อสุรกายโลกันตร์คิดไม่ถึงว่ามันพึ่งจะหลุดออกมาได้ก็ต้องมาทนดูสองคนนี้พร่ำเพ้อหากัน 

 

 

คราวก่อน ก่อนที่จะถูกกักขังเอาไว้มันก็เคยเห็นเรื่องที่น่ารำคาญเช่นนี้มาแล้ว! 

 

 

มันร้องคำรามออกมา ในปากพ่นเปลวเพลิงออกมายาวหลายร้อยเมตร ไฟเหล่านั้นเผาผลาญลงไปบนกำแพงน้ำแข็ง 

 

 

เมื่อกำแพงน้ำแข็งเผชิญกับเปลวเพลิง ก็กลายเป็นไอน้ำจำนวนมากในทันที 

 

 

ตู๋กูซิงหลันกระชับดาบยักษ์เอาไว้ สีหน้าเตรียมพร้อม 

 

 

จีเฉวียนเองก็กุมดาบสีดำทอง เส้นผมยาวพลิ้วออกไป 

 

 

เมื่อคนสองคนที่งดงามจนใต้หล้าต้องตื่นตะลึงยืนอยู่ด้วยกัน ก็กลายเป็นภาพน่าตื่นตาจนบรรยายไม่ถูก! 

 

 

ใบหน้ามนุษย์ขนาดใหญ่นั้นอยู่ด้านหลังของคนทั้งสอง พออสุรกายโลกันตร์พ่นเปลวเพลิงออกมา มันก็อ้าปากขึ้นพ่นน้ำแข็งจำนวนมหาศาลออกมาเช่นกัน 

 

 

อสุรกายโลกันตร์กระชากกรงเล็บของตนเองกลับไป ขยับปีกถอยออกไปด้านหลัง  

 

 

ปีกของมันบดบังดวงอาทิตย์เอาไว้ พอโบกเพียงเบาๆก็สร้างกำแพงเปลวเพลิงขึ้นมาบ้าง 

 

 

น้ำแข็งและเปลวเพลิงกระทบกัน ทางหนึ่งเย็นเฉียบ ทางหนึ่งร้อนระอุ 

 

 

ทำให้ฟ้าดินถึงกับสั่นสะเทือน ทั่วทั้งก้นทะเลลึกสั่นสะท้านอย่างรุนแรง สัตว์ทะเลจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนต่างก็หลบหนีกันอย่างจ้าละหวั่น พวกที่หนีได้ช้าก็ถูกพลังที่แข็งแกร่งเหล่านั้นทำลายจนกลายเป็นผุยผง 

 

 

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับอสุรกายโลกันตร์ จีเฉวียนและตู๋กูซิงหลันต่างก็ไม่มีความคิดจะถอยหนี 

 

 

สายตาของตู๋กูซิงหลันมองไปยังร่างของแม่ลูกหวาชางสุ่ยที่อยู่ไม่ไกลออกไป สายตาของจีเฉวียนก็กวาดตามองตามนางไปเช่นกัน 

 

 

พระองค์ทรงรู้ดีว่า ซิงซิงต้องการล้างแค้น 

 

 

ดังนั้น พระองค์ก็ไม่ได้คิดเพียงจะมาพานางหนีไปตั้งแต่แรกแล้ว 

 

 

พระองค์รักนาง ย่อมคิดจะช่วยเหลือนางทำทุกสิ่ง 

 

 

ดวงเนตรหงส์คู่นั้นปรากฏแววมืดครึ้ม พระองค์หลุบพระเนตรลง มองไปยังสาวน้อยที่อยู่ข้างกาย “ซิงซิง รอข้าอยู่ที่นี่เถอะ” 

 

 

ตรัสแล้ว ทันทีที่สิ้นเสียงก็เห็นพระหัตถ์กุมดาบดำทองเล่มนั้นเอาไว้ สะกิดพระบาทเพียงเล็กน้อย ร่างก็พลิ้วผ่านน้ำแข็งและเปลวเพลิงหายวาบไปราวกับสายฟ้า เพียงแวบเดียวก็ไปปรากฏขึ้นตรงหน้าหวาชางสุ่ย 

 

 

อยู่ๆก็ต้องมาเผชิญหน้ากับจีเฉวียนอย่างกระทันหัน หวาชางสุ่ยแม่ลูกต่างก็พากับตกตะลึงไป 

 

 

เมื่อครู่พวกเขาไม่ทันได้สังเกต ความสนใจทั้งหมดพุ่งไปที่อสุรกายโลกันตร์และตัวประหลาดที่มีใบหน้าเป็นมนุษย์ร่างเป็นมังกร ยังไม่ทันจะได้มีปฏิกริยาใดๆก็เห็นฮ่องเต้ชาวมนุษย์ผู้นั้นปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าเสียแล้ว  

 

 

เขาสวมใส่ชุดยาวสีทองทั้งร่าง ทั่วกายกำจายไอสังหารออกมา 

 

 

ทั้งๆที่เป็นเพียงกลิ่นอายจากร่างของเขา แต่กลับให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าเป็นกองทัพนับพันและทหารม้านับหมื่นบุกเข้ามา 

 

 

จีเฉวียนกวาดพระเนตรมองดูทั้งสองอย่างเย็นชา ดาบในมือสะบัดวูบ อาณาเขตป้องกันของหวาชางสุ่ยก็พังทะลายลงไป รังสีดาบบาดคอของนางจนเป็นแผลแห่งหนึ่ง ได้ยินน้ำเสียงที่สุดจะเย็นชาเอ่ยว่า  

 

 

“คนในดวงใจของเรา ต้องการหัวสุนัขของเจ้า เราจึงมารับแล้ว” 

 

 

 

 

 

 

 

 

………………….. 

 

 

ตอนต่อไป “ใต้หล้านี้มีคนผู้หนึ่งที่ไม่อาจล่วงเกินได้” 

 

 

ไรท์: พี่เต้ จู๋จู๋ มาจากไหน?  

 

 

จีเฉวียน: แคว้นโจว 

 

 

ไรท์: ไม่ช่าย หมายถึงว่าทำไมถึงไม่เคยเห็นมาก่อนเลย? 

 

 

จีเฉวียน: มันนอนเก่ง 

 

 

ไรท์: ……..โอเค …..