บทที่ 813 ตระกูลเซียวตกต่ำลง

Mars เจ้าสงครามครองโลก

Mars เจ้าสงครามครองโลก บทที่ 813 ตระกูลเซียวตกต่ำลง
ณ ตระกูลเซียว

เซียวเจิ้นเดินไปมาอย่างไม่หยุดหย่อน มักจะรู้สึกว่าจิตใจไม่สงบ

พวกผู้อาวุโสไปกว่าหลายชั่วโมงแล้ว จนถึงตอนนี้ยังไม่มีข่าวคราวแผ่ซ่านมาเลย

ทางฝั่งตระกูลฉินก็ไม่ได้มีข่าวคราวใดๆเลย ไม่รู้ว่าเรื่องราวมันเป็นอย่างไรกันแน่ เย่เซิ่งเทียนตายแล้วเหรอ?

สำเร็จแล้วไหม?

เซียวเจิ้นจิตใจสับสนวุ่นวาย มักจะรู้สึกว่าเรื่องราวไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น

“เกิดล้มเหลวฉันควรทำอย่างไรดี?ตั้งตัวเป็นศัตรูกับเย่เซิ่งเทียนต่อเหรอ?”

เซียวเจิ้นขมวดคิ้วแน่น เย่เซิ่งเทียนฆ่าลูกชายของเขาแล้ว แต่ถ้าหากเย่เซิ่งเทียนชนะในการต่อสู้ครั้งนี้ตัวเองควรทำอย่างไรดี?

เพื่อแก้แค้นให้ลูกชายหลังจากนั้นพลอยทำให้ทั้งตระกูลเซียวเดือดร้อนไปด้วยเหรอ?

แน่นอน ถ้าหากทางฝั่งพวกเขาชนะแล้ว สิ่งที่เป็นกังวลเหล่านี้ก็ไม่มีทางเกิดขึ้น

แต่ถ้าเผื่อว่าล่ะ?

ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้

นัยน์ตาของเซียวเจิ้นสาดส่องระยิบระยับ เขาใจเย็นลงแล้วโดยสิ้นเชิง

แน่นอนว่าผู้ร้ายในการตายของลูกคือเย่เซิ่งเทียน แต่ในเวลานี้ถ้าหากพวกผู้อาวุโสลงมือ ลูกชายของเขาก็ไม่มีทางตาย

ในเวลานี้ถ้าหากไม่มีพวกคำสั่งของชายชราของสรวงสวรรค์เหล่านั้น เขาก็เริ่มแก้แค้นตรงนั้นแล้ว

เพราะงั้น เขาเกลียดเย่เซิ่งเทียน และเขาก็เกลียดพวกผู้อาวุโสของตระกูลเหล่านั้น พวกไอ้แก่ของสรวงสวรรค์เหล่านั้น เขาก็ยิ่งเกลียด!

และในเวลานี้ เซียวเจิ้นได้ยินเพียงเสียง“ระเบิดดังปัง”จากข้างนอก เหมือนว่าสิ่งของอะไรบางอย่างล้มลงแล้ว

เขารีบออกไป ตึกสัญญาลักษณ์ที่อยู่ระหว่างหน้าประตูระหว่างคฤหาสน์ตระกูลเซียวของพวกเขา ถูกคนทุบพังเสียหายเลย

และหลังจากนั้น เขาก็เห็นเย่เซิ่งเทียนแล้ว

“เขายังมีชีวิตอยู่!งั้นคนที่ตาย……”

อารมณ์ของเซียวเจิ้นดิ่งลงอย่างกับตกลงไปในอุโมงค์น้ำแข็ง

เย่เซิ่งเทียนยังมีชีวิตอยู่ แถมยังพาคนมาแก้แค้นแล้ว

นี่ก็พูดได้ว่าอะไร?

พูดได้ว่านักบู๊เหนือโลกีย์สิบกว่าคนนั่นตายหมดแล้ว!

เย่เซิ่งเทียนทำได้อย่างไรกัน?

ผู้ช่วยของเขาคือใคร?

ในที่สุดเรื่องที่เป็นกังวลมากที่สุดก็เกิดขึ้นแล้ว ตอนนี้ตัวเองควรจะทำยังไงดีละ?

ต่อต้านกับเย่เซิ่งเทียนต่อไปให้ถึงที่สุดเหรอ?

ถ้าเป็นแบบนั้น เกรงว่าวันนี้ตระกูลเซียวจะต้องถูกฆ่าตายยกตระกูลแล้ว!

เห็นคนสามสี่คนนั่นที่อยู่เบื้องหลังของเย่เซิ่งเทียน เซียวเจิ้นก็ยิ่งรู้สึกหมดหวัง

เดิมทีเขาเป็นคนยุดสมัยเดียวกันกับเย่หลง ตอนนั้นก็เป็นเพราะพรสวรรค์ของตระกูลเซียว ถูกเย่หลงตบล้มลงกับพื้นฉาดหนึ่งผลฝึกตนแตกสลายแล้ว ตั้งแต่นั้นมาจึงหลงเหลือเงามืดในใจอย่างรุนแรงตลอดมา

การตายของลูกชายเซียวจ้าน เป็นแรงกระตุ้นที่ทำให้เขาสร้างความมั่นใจขึ้นมาอีกครั้ง

แต่นี่เพิ่งจะผ่านไปนานแค่ไหนกันเชียว ไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ เย่เซิ่งเทียนก็พาคนของหอมังกรเทพมาฆ่าเลย!

ควรจะทำอย่างไรดี?

เกิดความคิดต่างๆ นาๆขึ้นมาพร้อมกัน เซียวเจิ้นค่อนข้างตะขิดตะขวงใจ

ทางด้านหนึ่งคือฆ่าศัตรูคู่อาฆาต

ทางด้านหนึ่งคือความเป็นความตายของตระกูลเซียว

ในฐานะที่เป็นพ่อ เขาจะต้องแก้แค้นให้ลูกชาย

แต่สติปัญญาบอกเขาว่า ตอนนี้จะตั้งตัวเป็นศัตรูกับเย่เซิ่งเทียนไม่ได้ ไม่เช่นนี้วันนี้ตระกูลเซียวจะต้องถูกฆ่ายกตระกูลแน่นอน

“เซียวเจิ้น ยังคงรอพวกไอ้แก่ของตระกูลเซียวเหล่านั้นของพวกแกกลับมาเหรอ?พวกเขา กลับมาไม่ได้แล้ว”

เย่เซิ่งเทียนเริ่มเอ่ยปากพูดก่อน สายตาจ้องมองไปยังเซียวเจิ้นอย่างไม่สนใจใยดี

“เย่เซิ่งเทียน คุณคิดจะเอายังไง?”

เซียวเจิ้นสิ้นหวังแล้ว เย่เซิ่งเทียนไม่ตาย งั้นก็แสดงให้เห็นว่านักบู๊เหนือโลกีย์ที่สามสี่ตระกูลเก่าแก่ของพวกเขาส่งตัวไป ตายหมดแล้ว

เย่เซิ่งเทียนพูดอย่างนิ่งๆว่า “ตาย หรือไม่ก็ ยอมจำนน”

เซียวเจิ้น ไม่พูดไม่จาอยู่สักพัก

เย่เซิ่งเทียนยิ้มอย่างเยือกเย็นพร้อมพูดว่า “แกไม่ใช่แดนลอยเมฆสินะ?แม้ว่าแกจะอวดเก่งอย่างไอ้หมาแก่ฉินมิ่งนั่น ก็ไม่เป็นไร ตีแกให้ตาย ก็จัดการเรื่องราวได้ไปโดยปริยายแล้ว”

เซียวเจิ้นตกใจสุดขีด

ฉินมิ่งตายแล้ว

เขารู้ว่า พละกำลังของฉินมิ่งไม่ธรรมดา เมื่อก่อนก็คือแดนเหนือโลกีย์ขั้นสูงสุด ถ้าหากไม่ได้ฝ่าทะลวงแดนลอยเมฆ เขาไม่มีทางเชื่อ

แต่ตอนนี้สิ่งที่ทำให้เขาหวาดกลัวคือ ฉินมิ่งแดนลอยเมฆ ถูกเย่เซิ่งเทียนฆ่าตายแล้ว

งั้นเย่เซิ่งเทียนล่ะ?

หรือว่าเขาก็ฝ่าทะลวงแดนลอยเมฆแล้วงั้นเหรอ?

เย่เซิ่งเทียนเข้าสู่วิถีแห่งนักบู๊ไม่กี่ปีเอง!

สีปีกว่านะ?

เซียวเจิ้นรู้สึกช็อกในใจ

จู่สี่ปีก็ทะลวงแดนลอยเมฆ นี่ก็คือกำลังที่ซ่อนของเลือดเทพเหรอ?

เย่หลงในปีนั้น ก็ไม่ได้เร็วขนาดนี้!

“เจ้าบ้าน พวกเราควรทำอย่างไรดี?”

พวกเทพบู๊เหล่านั้นที่ตระกูลเซียวแอบซ่อนไว้ ในเวลานี้ก็ปรากฏตัวแล้ว

ทั้งหมด5คน

ในเวลานี้ก็ตื่นเต้นอย่างไม่อาจจะเทียบได้

แม้แต่นักบู๊เหนือโลกีย์ก็ถูกเย่เซิ่งเทียนฆ่าตายแล้ว พวกเขาเหล่านี้ ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเย่เซิ่งเทียนเลยด้วยซ้ำ เพราะงั้นไม่มีความคิดที่จะสู้สุดชีวิตเลย

ในเมื่อรู้ว่าเป็นการส่งตัวเองไปตาย ทำไมยังจะต้องไปด้วย

“เย่เซิ่งเทียน ถ้าหากว่าฉันยอมแพ้ คุณจะไม่ถือสาเรื่องที่ผ่านมาได้ไหม?”

นี่ต่างหากที่เป็นเรื่องที่เซียวเจิ้นเป็นกังวลมากที่สุด เขาไม่เก็บมาใส่ใจแล้ว การตายของลูกชายไม่มีทางเลือกอื่น

ตอนนี้เขาอยากจะรู้ ถ้าหากเขายอมแพ้แล้ว เย่เซิ่งเทียนจะชำระสะสางบัญชีแค้นหรือเปล่า

จ้านอู๋ซวงพูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นว่า “แกถือว่าเป็นอะไรกัน กล้ามาเสนอเงื่อนไขกับเจ้าเทพ”

เหลิ่งเจว๋ซื่อพูดอย่างมืดครึ้มน่าสะพรึงกลัวว่า “เจ้าเทพ ฆ่าทั้งหมดเลยเถอะ พวกเศษสวะเหล่านี้ไม่ได้เป็นผู้บริสุทธิ์สักคน”

เซียวเจิ้นกั๋วพูดเสียงขรึมว่า “เจ้าเทพ ข้าน้อยขอแนะนำให้ฆ่าคนที่บาปหนา”

เย่เซิ่งเทียนไม่ได้สนใจพวกเขาสามคน พูดอย่างนิ่งๆว่า “เซียวเจิ้น ทำยังไง นั่นมันเป็นเรื่องของฉัน แกยอมแพ้หรือไม่ นั่นมันเป็นเรื่องของแก ตายทั้งหมด หรือไม่ก็ยอมแพ้ ฉันไม่ได้มีความอดทนมากมาย ”

เซียวเจิ้นราวกับถูกดึงกำลังทั้งตัวแล้ว พูดอย่างยอมรับชะตากรรมว่า “ฉันยินยอมที่จะยอมแพ้ และในขณะเดียวกันฉันก็ยินดีที่จะบอกทุกอย่างที่ฉันรู้ทั้งหมด เพียงแค่หวังว่าจะเก็บผู้สืบวงศ์ตระกูลของตระกูลเซียวไว้ ”