นักรบของประเทศอเมที่มีหนวดเครา เดินออกมาทันที
เขายืนอยู่ตรงหน้าเฉินโม่ มองเฉินโม่ด้วยดวงตาดุร้าย และกล่าวว่า “เจ้าหนูจากประเทศหัวเซี่ย ฉันจะต่อสู้กับแกเอง!”
เกียร์หยิบขวานขนาดใหญ่ออกมาจากด้านหลัง ซึ่งใหญ่กว่าร่างกายของเฉินโม่
“เจ้าหนู มาลองขวานของฉัน!”
หลังจากเกียร์กล่าวจบ เขาก็ยกขวานใหญ่ขึ้น และพุ่งไปหาเฉินโม่
เฉินโม่ไม่ได้ลงมือทันที แต่รอให้เกียร์ข้ามเส้นที่เขาวาดไว้ แล้วกล่าวอย่างเย็นชา “ผมบอกแล้ว คนที่ล้ำเส้นจะต้องตาย!”
หลังจากกล่าวจบ ก็ยังไม่เห็นเฉินโม่เคลื่อนไหว แต่แสงสีทองประกายผ่านลำคอของเกียร์อย่างรวดเร็ว
เกียร์หยุดฝีเท้าทันที สีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก จากนั้นร่างใหญ่ของเขาล้มลงพร้อมกับเสียงดังโครมคราม ฝุ่นกระจายไปทั่ว
“ตายแล้ว!”
ทุกคนมองภาพนี้ด้วยความตกใจ สมาชิกของสี่ประเทศตะโกนออกมา สีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
แม้แต่หัวหน้าทีมอย่างอแมนดัส พอลและคนอื่น ๆ ของสี่ประเทศ ก็มองเฉินโม่ด้วยความตกใจ และสีหน้าเคร่งขรึม
เหลยจ้านอ้าปากกว้างจนใหญ่พอที่จะยัดไข่เข้าไปได้ ผ่านไปสักครู่ ถึงได้สติกลับมาจากความตกใจ เขากล่าวพึมพำด้วยความไม่อยากจะเชื่อ “ไอ้ตัวโตนั่นตายแล้ว!”
“ตายแล้ว!” ลี่เซี่ยวกล่าวพึมพำด้วยสีหน้าตกตะลึงเช่นเดียวกัน
“เขาตายได้อย่างไร? นี่…นี่มันเป็นไปได้ยังไง! เมื่อสักครู่ผมต่อสู้กับเกียร์ เขาแข็งแกร่งกว่าผม เขาถูกเฉินโม่ฆ่าตายด้วยกระบวนท่าเดียวแบบนี้เหรอ?”
เหลยจ้านไม่เชื่อ และไม่สามารถยอมรับได้ สิ่งที่ทำให้เขาไม่สามารถยอมรับได้มากที่สุดคือ เฉินโม่สามารถฆ่าเขาตายด้วยกระบวนท่าเดียวได้ใช่ไหม?
ยกตัวอย่างเช่นอาจารย์คนหนึ่ง เขามักจะสอนลูกศิษย์ของตนเองว่าต้องทำอย่างไร แต่วันหนึ่งจู่ ๆ เขาก็พบว่าลูกศิษย์เก่งมากกว่าตนเอง และเหนือกว่าตนเองมาก
แล้วอาจารย์คนนั้นจะยอมรับได้อย่างไร?
ตอนนี้เหลยจ้านรู้สึกเช่นนั้น กระทั่งเขาลืมไปด้วยซ้ำว่าตอนนี้ตนเองยังอยู่ในสถานการณ์ที่อันตราย ตอนนี้เขามีเพียงความคิดเดียว นั่นก็คือทำไมเฉินโม่ถึงแข็งแกร่งมากขนาดนี้?
จางเจิ้นตกใจไม่น้อยไปกว่าเหลยจ้าน และตกใจมากว่าเหลยจ้านหลายสิบเท่า เพราะเขาเป็นคนที่ดูถูกเฉินโม่มากที่สุดมาตลอดทาง และคอยยั่วยุเฉินโม่ตลอดทางเช่นกัน
ตอนนี้เมื่อเห็นเฉินโม่แสดงความแข็งแกร่งออกมา สามารถใช้เพียงคำว่าแม่งฉิบหายมาพรรณนาอารมณ์ความรู้สึกของจางเจิ้นได้เท่านั้น เหมือนคนที่กำลังกินเค้กวันเกิด และทันใดนั้น ก็มีแมลงวันบินเข้าปาก
ตอนนี้จางเจิ้นรู้สึกขยะแขยงมาก แต่คนที่เขาขยะแขยงไม่ใช่คนอื่น แต่เป็นตนเอง เขาขยะแขยงตนเอง รู้สึกขยะแขยงตนเองที่เจตนาพุ่งเป้าไปที่เฉินโม่ และดูถูกเฉินโม่ต่าง ๆ นานา
ตอนนี้เมื่อคิดแล้ว ตอนนั้นเขาเหมือนตัวตลก เหมือนลิงที่กระโดดไปมาอยู่ตรงหน้าเฉินโม่ ความจริงแล้วเฉินโม่เป็นเสือ และขี้เกียจเกินกว่าที่จะสนใจเชา กลับทำให้เขารู้สึกดีใจเพราะคิดว่าเฉินโม่กลัวเขา
จางเจิ้นแทบอยากจะหารอยแตกบนพื้นแล้วมุดเข้าไปทันที ถึงแม้เฉินโม่จะไม่พูดอะไร จีอู๋หยาและคนอื่น ๆ ก็ไม่พูดอะไรเช่นนั้น แต่ใบหน้าแก่ชราของจางเจิ้นแดงก่ำอย่างยิ่ง
เซี่ยไห่หลงหัวเราะอย่างมีความสุข “ผมบอกตั้งนานแล้ว เฉินโม่ไม่ทำให้พวกคุณผิดหวังหรอก!”
ลี่เซี่ยวพูดบั่นทอนกำลังใจ “อย่าดีใจเร็วเกินไป ถึงแม้เฉินโม่จะฆ่าเกียร์ตาย แต่ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ คราวหน้าพวกเขาจะไม่ส่งคนออกมาเพียงคนเดียว!”
หลังจากลี่เซี่ยวกล่าวจบ อแมนดัสก็ตะโกนว่า “พวกคุณ ลุยพร้อมกัน!”
คนที่อแมนดัสชี้ ไม่ใช่สมาชิกในทีมของตนเอง แต่เป็นคนประเทศอินและประเทศฟา
ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหล่าของประเทศอินกล่าวเย้ยหยัน “อแมนดัส คุณมีสิทธิ์อะไรมาสั่งพวกเรา?”
ชายประเทศฟาที่แบกโลงศพ มองอแมนดัสด้วยความเย็นชา และกำลังรอคำตอบของเขา