คุณสามี แห่ง ปาฏิหาริย์ บทที่ 1181
เมื่อเป็นเช่นนั้นแดร์ริลจึงตัดสินใจได้ทันที
เมื่อจักรพรรดินี้ไม่สามารถทำตามคำขอของแดร์ริลได้ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงหาโอกาสขโมยแก่นแท้ของมังกรจากควินซีกลับคืนมา
‘ดูเจ้าหมอนั่นสิ!’ ในเวลานั้น บรรดาข้าราชการที่อยู่ที่นั่นต่างก็รู้สึกเดือดดาล เมื่อได้เห็นการกระทำของแดร์ริล
“ดูขันทีผู้นั้นสิ ช่างไร้มารยาทเสียจริง!”
“จักรพรรดินีอนุญาตให้เขาไม่ต้องคุกเข่าเมื่อพบเห็นเธอ แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ควรจะคุกเข่าลงในเวลานี้เพื่อแสดงความขอบคุณต่อจักรพรรดินี เขากล้าดียังไงนั่งลงบนเก้าอี้อย่างไม่มียางอาย? ไร้มารยาทเสียจริง ๆ!”
แม้แต่จักรพรรดินีเองก็ขมวดคิ้ว แต่เนื่องจากว่าเธอเป็นคนใจกว้าง ดังนั้นเธอจึงไม่ได้ตำหนิเขา
จักรพรรดินีหันมองดูข้าราชการหลายคนที่กำลังนั่งจิบชาอยู่ เธอยิ้มและพูดกับพวกเขาว่า “วันนี้พวกท่านมีบทกวีมาท่องให้ข้าฟังหรือเปล่า?”
จักรพรรดินีถามพวกเขาอย่างเร่งรีบ
เมื่อสองวันก่อน หิมะได้ตกในช่วงฤดูใบไม้ผลิซึ่งเป็นโอกาสที่หาชมได้ยาก ทั้งพระราชวังถูกปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวบริสุทธิ์
จักรพรรดินีชื่นชอบบทกวีมาก ดังนั้น เธอมักจะเชิญข้าราชการมาที่นี่ เพื่อให้พวกเขาได้เพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์และการแต่งบทกวี
‘บทกวีอีกแล้วเหรอวะ?’ แดร์ริลนั่งจิบชาอย่างรู้สึกเบื่อหน่ายเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขารู้สึกเป็นกังวล
แดร์ริลไม่มีอารมณ์จะฟังบทกวีของใครทั้งนั้น สิ่งเดียวที่เขาต้องการในตอนนี้คือ แก่นแท้ของมังกร แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ไม่สามารถหนีออกไปเสียตอนนี้ได้ เนื่องจากว่าจักรพรรดินีเพิ่งจะมอบข้อยกเว้นให้แก่เขา และยังเชิญให้เขานั่งลงบนเก้าอี้เพื่อชมดวงจันทร์และดื่มชากับเธออีกด้วย
เขารู้สึกกระสับกระส่ายและอยากจะหนีออกไปเต็มแก่ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็จะต้องรอให้เธออนุญาตเสียก่อน
“ฝ่าบาท!”
ในเวลานั้นข้าราชการผู้หนึ่งซึ่งไว้เคราแพะก็ยืนขึ้นและกล่าวด้วยความเคารพว่า “ข้าได้เตรียมบทกวี มาให้ท่าน ได้โปรดท่านจงรับฟัง!”
ชายผู้นั้นเป็นนักกวีที่มีชื่อเสียงในทวีปโลกใต้เมฆี เขามีชื่อว่า สแตนลีย์ ปาร์ค เขามีความโดดเด่นท่ามกลางข้าราชการหลายร้อยคนและเขาก็ยังได้รับคำชื่นชมจากจักรพรรดินีอยู่เสมอ
“ดี!” จักรพรรดินียิ้มบาง ๆ จากนั้นเธอก็ยกมือขึ้นเพื่อส่งสัญญาณให้สแตนลีย์เริ่มท่องบทกวี
ในเวลานั้น ข้าราชการคนอื่น ๆ ต่างก็จ้องมองเขาอย่างภาคภูมิใจ
ว่ากันว่าสแตนลีย์เริ่มแต่งบทกวีตั้งแต่ที่เขาอายุได้ 7 ขวบ และเขาก็กลายมาเป็นข้าราชการพลเรือนระดับสูงได้เมื่ออายุ 20 ปี ด้วยความมีคารมคมคายและความกระตือรือร้นของเขา ดังนั้น เขาจึงถูกขนานนามว่าเป็นอัจฉริยะทางวรรณกรรมผู้ยิ่งใหญ่แห่งโลกใต้เมฆี
บทกวีใด ๆ ที่ออกมาจากปากของเขาย่อมเป็นบทกวีที่โดดเด่นอยู่เสมอ
แดร์ริลนั่งอยู่ที่นั่นด้วยใบหน้าที่เฉยเมยและไม่ได้สนใจที่จะรับฟังแต่อย่างใด เขารินน้ำชาให้ตัวเองก่อนจะจิบชาราวกับว่าไม่มีผู้ใดเฝ้าดูเขาอยู่
สแตนลีย์ยิ้มและกระแอมออกมาเบา ๆ จากนั้นเขาก็เริ่มท่องบทกวีภายใต้ความสนใจของทุกคนอย่างช้า ๆ
“เมื่อคืนก่อนหิมะตกในวังหลวง
“เธอเดินย่างกายอยู่บนสะพานทางด้านทิศตะวันตก
“เธออยู่ในชุดสีขาวบริสุทธิ์
“ช่างเป็นความงดงามภายใต้ความหนาวเหน็บ”
เมื่อสแตนลีย์ท่องบทกวีจบ เขาก็แสดงความภาคภูมิใจราวกับว่าไม่มีใครในที่นี้แต่งบทกวีได้ดีไปกว่าเขาอีกแล้ว
ทุกคนตกตะลึง!
จากนั้นพวกเขาก็โห่ร้องสรรเสริญพร้อมปรบมือยกย่องสแตนลีย์ในทันที
“ช่างไพเราะจริง ๆ ยอดเยี่ยมจริง ๆ!”
“ช่างเป็นบทกวีที่น่าทึ่งมาก คุณแต่งแต้มอารมณ์ได้ดีมาก!”
“ใช่แล้ว! ในยุคของเรามีเพียงเจ้าหน้าที่สแตนลีย์เท่านั้นที่สามารถแต่งบทกวีที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ได้!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น จักรพรรดินีก็พยักหน้าเห็นด้วย เธอเองก็ไม่สามารถซ่อนคำสรรเสริญเยินยอเอาไว้ในใจได้ เธอมองไปที่สแตนลีย์ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มและพูดขึ้นว่า “เจ้าหน้าที่สแตนลีย์ คุณเป็นอัจฉริยะทางวรรณกรรมผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในราชวงศ์ของฉันจริง ๆ บทกวีของคุณช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก!”
“พรวด!” ทันใดนั้น น้ำชาที่แดร์ริลจิบเข้าไปก็พุ่งออกมาจากปากของเขา
‘ฮ่าฮ่า! นี่พวกเขาเรียกบทกวีบ้า ๆ นี้ว่าบทกวีอันไพเราะอย่างนั้นเหรอ? มันฟังดูธรรมดามากจริง ๆ! มาตรฐานวรรณกรรมในทวีปโลกใต้เมฆีต่ำขนาดนี้เลยเหรอ?’
พรึบ!
สายตาของจักรพรรดินี บรรดาข้าราชการ รวมไปถึงสาวใช้ทุกคนต่างก็จับจ้องไปที่แดร์ริล!