ตอนที่ 761: การยอมจำนนของวัตถุจิตวิญญาณ
แปะ !
ทันใดนั้นเอง ชายวัยกลางคนก็ทรุดแล้วคุกเข่าลง เขาเริ่มยกมือขึ้นอ้อนวอนจือหยิง “เจ้าเหนือหัว ได้โปรดไว้ชีวิตข้าด้วย ได้โปรดไว้ชีวิตข้าด้วย ข้ามีตาหามีแววไม่ ที่ไปทำให้เจ้าเหนือหัวโกรธ เจ้าเหนือหัวได้โปรดเมตตาและไว้ชีวิตข้าด้วย” ในตอนนั้น ชายนั้นก็ได้เข้าใจแล้วว่า ชายหนุ่มที่อยู่ในชุดม่วงนั้นแปลงกายมาจากจิตวิญญาณของกระบี่ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นสิ่งที่มีอยู่ที่ทรงพลังและระดับความแข็งแกร่งนั้นเหนือจินตนาการ ต่อหน้าเขาแล้ว เขาไม่แม้แต่จะมีสิทธิ์ที่จะช่วยจือหยิงใส่รองเท้าเลย เขาต้องไม่ทำให้คนผู้นี้โกรธเป็นอันขาด
จือหยิงถอนพลังของเขาออกและจ้องไปที่ชายนั้นอย่างเย็นชา “ลุกขึ้น ข้าจะปล่อยเจ้าไปในครั้งนี้ แต่มันจะไม่มีอีกเป็นครั้งที่ 2 “
“ขอบคุณเจ้าเหนือหัว ขอบคุณที่ไว้ชีวิตข้า ! ” ชายนั้นทำตัวดีเหมือนเพิ่งได้รับการอภัยโทษและค่อย ๆ ลุกขึ้นจากพื้นช้า ๆ ในหัวของเขา เขาอดไม่ได้ที่จะคิดถึงภาพที่ไม่คุ้นเคยที่อยู่ดี ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาก่อนหน้านี้ เขารู้ว่าทุก ๆ อย่างนั้นคือเรื่องจริง และรู้ดีไปกว่านั้นอีกว่ากระบี่สวรรค์สีม่วง-ฟ้า ทั้งสองที่ดูเหมือนจะแยกสวรรค์ออกได้คือสิ่งที่อยู่ในชุดสีม่วงและสีฟ้าต่อหน้าของเขาทั้งคู่ นี้ทำให้ชายคนนั้นหวาดกลัวว่าจิตวิญญาณกระบี่จะถึงขีดสุด แม้ว่าเขาจะอยู่ในโลกของเขาตอนนี้ และเขาเป็นบางอย่างที่เหมือนกับเทพเจ้าในโลกนี้ แต่ชายนั้นก็ไม่กล้าแม้แต่คิดที่จะล่วงเกินจิตวิญญาณกระบี่ทั้งสองนี้
แม้ว่าเขาจะรู้ดีว่าจิตวิญญาณกระบี่ทั้งสองนั้นได้อ่อนแอลงกว่าเดิมและไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา แต่เขาก็ไม่กล้าแสดงอาการต่อต้านเลยแม้แต่น้อย ทั้งหมดที่อยู่ภายในจิตใจของเขาคือ ความน่ากลัวที่ทรงพลัง
จือหยิงจ้องมองชายที่กำลังสั่นเทาสักพัก ก่อนที่จะหมดความสนใจลงในไม่ช้า เขาหันไปหาฉิงโซวที่อยู่ในชุดสีคราม ตาของเขาเต็มไปด้วยแสงที่อ่อนโยนและเขาพูด “ฉิงโซว กลับไปหานายท่านเถอะ เราจะให้เขาจัดการที่เหลือ”
“ได้” ฉิงโซวพยักหน้ารับเล็กน้อย หลังจากนั้น นางก็กลายเป็นลำแสงพร้อมพร้อมกับจือหยิงในเวลาเดียวกัน และหายไปในหัวของเจี้ยนเฉิน การค้นพบว่ามีวัตถุจิตวิญญาณอยู่ที่นี่เมื่อเร็ว ๆ นี้ทำให้พวกเขาประหลาดใจ แต่ก็แค่ประหลาดใจเท่านั้น ด้วยฐานะและความแข็งแกร่งในอดีตของพวกเขา พวกเขามองข้ามจิตวิญญาณของวัตถุดั้งเดิมไปโดยสิ้นเชิง
เมื่อได้ยินจือหยิงพูดคำว่า ‘กลับ’ ชายนั้นก็เริ่มผ่อนคลายจากความวิตกกังวล อย่างไรก็ตามก่อนที่เขาจะรู้สึกดีใจ มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้เขากลัวขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเขานึกถึงคำที่จือหยิงพูดว่า ‘นายท่าน’ แม้แต่ร่างกายของเขาก็สั่นอย่างรุนแรง สายตาที่เขามองไปที่เจี้ยนเฉินนั้นเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“เขาสามารถเป็นเจ้านายของกระบี่สวรรค์ทั้งสองที่ไร้ผู้เทียมทานได้ เขาต้องไม่ธรรมดาเป็นแน่ ข้าจะต้องไม่ทำให้เขาโกรธไม่ว่าจะยังไงก็ตาม แม้ว่าเขาจะอ่อนแอ แต่ข้าก็ไม่อาจเอื้อมไปดูถูกเขาได้แม้แต่น้อย ! ” ชายผู้นั้นเตือนตัวเองในใจ เขาได้ขวัญหนีดีฝ่อจากภาพที่ปรากฏขึ้นภายในจิตใจของเขาไปแล้ว ทุกอย่างที่เกี่ยวกับกระบี่สวรรค์ได้อยู่ในรายการของสิ่งที่เขาจะไม่พยายามทำให้โกรธ
ชายนั้นมองไปที่เจี้ยนเฉินด้วยความหวาดกลัว ก่อนที่จะเดินเข้ามาอย่างระมัดระวัง เขาก้มโค้งต่ำให้เจี้ยนเฉินและพูดอย่างเคารพมาก “ข้าน้อยขอคารวะเจ้าเหนือหัว”
เจี้ยนเฉินสำรวจวัตถุจิตวิญญาณด้วยสายตาแปลก ๆ แต่ในใจของเขา เขาค่อนข้างตลกกับสิ่งที่จิตวิญญาณนั้นใช้เรียกเขา อย่างไรก็ตามเจี้ยนเฉินก็ไม่ได้ไปแก้ไขอะไร เขาถามขึ้นมาแทน “จะให้ข้าเรียกเจ้าว่าอย่างไร ? “
“ขอตอบเจ้าเหนือหัว ข้าน้อยนี้ยังไม่มีชื่อเลย แต่พวกเขาเรียกข้าว่าจ้าวแห่งวัตถุจิตวิญญาณ ! ” ชายผู้นั้นพูด
“พวกเขา ! ” สายตาของเจี้ยนเฉินแสดงความสนใจ “ใครกันที่เจ้าหมายถึง ‘พวกเขา’ ? “
“ขอตอบเจ้าเหนือหัว พวกเขาคือท่านประธานของสมาคมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสง” ชายผู้นั้นตอบกลับ
เจี้ยนเฉินครุ่นคิดอยู่สักครู่และไม่ได้สนทนาในเรื่องนี้ต่อ เขาจ้องไปที่ชายนั่นด้วยดวงตาที่เจิดจ้า “จุดประสงค์ที่ข้ามาที่นี่ในเวลานี้คือการมาเอาพลังงานดั้งเดิมเพื่อจะสำเร็จเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 7 ในเมื่อเจ้าเป็นวัตถุจิตวิญญาณแล้ว เจ้าต้องสามารถควบคุมพลังดั้งเดิมได้”
เมื่อได้ยินดังนั้น ท่าทางแสดงถึงความมีปัญหาก็ปรากฏขึ้นที่ใบหน้าของชายคนนั้น เขาพูด “เจ้าเหนือหัวอาจจะยังไม่รู้ว่าพลังดั้งเดิมทั้งหมดในวัตถุเซียนนั้นถูกผนึกไว้ด้วยม่านพลังที่ทรงพลัง แม้ว่าจะเป็นความจริงที่ข้าเป็นวัตถุจิตวิญญาณและข้าสามารถควบคุมทุกอย่างได้ภายในมิตินี้ แต่ม่านพลังนั้นมีอยู่มานานมากจนข้าไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไรและแข็งแกร่งมาก แม้ว่าข้าน้อยจะใช้พลังงานทั้งหมดในวัตถุเซียนนี้ ข้าน้อยก็ไม่สามารถทำลายเกราะป้องกันได้”
เมื่อได้ยินดังนั้น เจี้ยนเฉินก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
บางทีเขาตระหนักได้ว่าเจี้ยนเฉินไม่ค่อยพอใจนัก ชายคนนั้นจึงรีบพูดต่อ “ฝ่าบาท แม้ว่าข้าน้อยจะไม่สามารถทำลายเกราะป้องกันได้ แต่มันจะเปิดทุก ๆ 50 ปี ยังเหลือเวลาอีก 1 ปีก่อนที่มันจะเปิดในครั้งต่อไป เมื่อมันเปิดออก ฝ่าบาทก็จะดูดเอาพลังงานจากมันได้”
เมื่อได้ยินดังนั้น เจี้ยนเฉินก็ถอนหายใจในใจ มันเหมือนกับว่าถ้าเขาต้องการที่จะสำเร็จระดับ 7 เขาจำเป็นที่จะต้องปฏิบัติตามกฎของสมาคมและทำตามไปทีละขั้นตอน
เจี้ยนเฉินร่ำลาชายวัยกลางคนและจากไปบนเมฆขาว เขาบินไปไกลเพื่อหาผู้เข้าแข่งขันคนอื่น ๆ เพื่อที่จะเอาคะแนน
50 กิโลเมตรข้างหน้าเจี้ยนเฉิน มีเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสง 5 คนในชุดขาวบนเมฆ บินอยู่ข้างหน้าเจี้ยนเฉิน
ในกลุ่มทั้งห้าคนนั้น สองคนเป็นชายวัยกลางคนในขณะที่เหลืออีกสามคนเป็นชายชรา พวกเขาทั้งหมดมาจากตระกูลที่มีอยู่ในเมืองราชาในจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์
“ในครั้งนี้ เราอาจจะสามารถสู้ได้กับเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงที่ติดหนึ่งในสิบด้วยการร่วมมือของพวกเราทั้งห้าคน แม้ว่าถ้าเราไม่อาจเอาชนะได้ การหนีก็คงไม่ใช่ปัญหา เมื่อเราเจอคนที่เดินทางคนเดียวหรือกลุ่มเล็ก ๆ แล้ว เราจะเข้าไปเอาคะแนนทันที เราต้องพยายามอย่างหนักเพื่อที่เราจะผลักดันใครคนใดคนหนึ่งในนี้ให้ติดหนึ่งในสิบให้ได้” คนที่พูดเป็นชายชรา คนที่มั่นใจในความแข็งแกร่งของผู้คนที่อยู่กับเขามาก นี้เป็นเพราะพวกเขาทั้งห้าคนนั้นมีทักษะธาตุแสงอยู่ในระดับ 3 และถ้าพวกเขาร่วมมือกัน มันคงจะไม่มีปัญหาถ้าต้องสู้กับผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ในระดับ 4
“ข้าหวังว่ามันคงจะเกิดขึ้น แต่มิติในวัตถุเซียนนั้นใหญ่มากเกินไป เราเดินทางมากว่ายี่สิบกิโลเมตรแล้วและเรายังไม่เจอใครเลยแม้แต่คนเดียว” หนึ่งในชายวัยกลางคนพูดออกมาอย่างไม่พอใจ ซึ่งทำให้เขาบ่นออกมา
“หืม ? ดูสิ มีคนอยู่ข้างหน้าใช่หรือไม่นั่น ? ” ทันใดนั้น ชายวับกลางคนก็แสดงท่าทียินดีออกมา เขาร้องพร้อมกับชี้มองออกไปในที่ไกล ๆ
เมื่อได้ยินดังนั้น ทุกคนก็เงยหน้าขึ้นและมองไปข้างหน้า ตรงหน้าของพวกเขา มีเส้นแสงสีขาวพุ่งอย่างเร็วมาใกล้ที่ที่พวกเขาอยู่
เมื่อเป็นแบบนี้ คนทั้งห้าที่เคยคร่ำครวญว่าเขาไม่พบใครเลยแม้แต่คนเดียวก็มีความสุขขึ้นมา หนึ่งในชายชราพูดออกมาอย่างรวดเร็ว “มีแค่คนเดียวเอง เราจะปล่อยให้ปลาตัวนี้หนีไปไม่ได้ ทุก ๆ คนรีบล้อมเขาไว้ก่อนที่เขาจะหนีเร็ว”
ชายทั้งห้าไม่ลังเลแม้แต่น้อย ทุกคนเพิ่มความเร็วและพุ่งไปที่ไกล ๆ ที่เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงคนนั้นจะมุ่งหน้าไปทันที
ชายที่เดินทางคนเดียวรู้ตัวแล้ว แต่เขาก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงความเร็วเลย เขายังคงใช้เส้นทางเดิมและบินออกไปไกลด้วยความเร็วที่ไม่ช้าและไม่เร็วจนเกินไป
ในไม่ช้า กลุ่มห้าคนนั้นก็ได้อยู่รอบเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงที่มีตัวคนเดียว ในเวลาเดียวกันนั้น ชั้นของเกราะพลังเซียนธาตุแสงที่ควบรวมมาจากพลังเซียนธาตุแสงก็ได้มาปรากฏบนพวกเขา และห่อหุ้มพวกเขาไว้ด้านใน เหลือพื้นที่ไว้เพียงตาของพวกเขาเท่านั้น
เจี้ยนเฉินจ้องไปที่ชายทั้งห้าคนนั้นที่ล้อมเขาอยู่อย่างเยือกเย็นและรอยยิ้มเย็นชาก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา “เจ้ากำลังพยายามจะทำอะไร ? “
“พวกเรากำลังจะทำอะไรเช่นงั้นหรือ ? ฮาฮ่า อะไรที่เจ้าคิดว่าพวกเรากำลังจะทำล่ะ ? เจ้าหนู ข้าจะไม่เสียเวลาพูดเรื่องไร้สาระหรอก ข้าแนะนำให้เจ้าถอนตัวซะ ข้าจะได้ไม่ต้องทำให้เจ้าเจ็บปวดมาก” ชายชราจ้องไปที่เจี้ยนเฉินอย่างเลือดเย็น และหัวเราะออกมาเสียงดัง
“เจ้าเหนือหัว ท่านต้องการให้ข้าน้อยลงโทษพวกนี้ให้สาสมกับที่พวกมันทำให้ท่านโกรธหรือไม่ ? ” เจี้ยนเฉินได้ยินเสียงของวัตถุจิตวิญญาณซึ่งเต็มไปด้วยโทสะ
เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงขั้นที่ 6 ทั้งห้าที่อยู่รอบ ๆ เจี้ยนเฉินไม่คิดเลยว่า พวกเขาไม่เพียงทำให้คนที่ไม่สมควรทำให้โกรธ โกรธในสิ่งที่พวกเขาทำเท่านั้น แต่พวกเขายังทำให้จิตวิญญาณที่อยู่ในวัตถุเซียนดั้งเดิมโกรธอีกด้วย
เจี้ยนเฉินส่ายหน้าอย่างนุ่มนวลและพึมพำเหมือนว่ากำลังคุยกับตัวเอง “ไม่จำเป็น เจ้าไม่จำเป็นต้องเข้ามาแทรกในเรื่องที่ข้าทำ ทำในสิ่งที่เจ้าจำเป็นต้องทำ ในอีกสักพัก ถ้าพวกเขากำลังเผชิญกับความตาย ส่งพวกเขาออกไปทันที”
“ขอรับ เจ้าเหนือหัว ! ” วัตถุวิญญาณตอบกลับอย่างเคารพ เขาทำตามทุกอย่างที่เจี้ยนเฉินพูด เหมือนว่าเจี้ยนเฉินเป็นนายของเขา
“เจ้าหนู เจ้าพึมพำอะไร เจ้ายังไม่ได้คิดเรื่องที่ข้าได้พูดไปอย่างนั้นหรือ ? ถ้าเจ้าไม่ถอยตัวใน 3 ลมหายใจนี้ อย่าหาว่าข้าไม่สุภาพล่ะ” ชายวัยกลางคนพูดออกมาอย่างค่อนข้างหมดความอดทน ถ้าไม่ใช่ความจริงที่ว่าพวกเขาต้องการที่จะประหยัดพลังงานให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้วละก็ พวกเขาคงเป็นฝ่ายเปิดฉากเข้าไปโจมตีเจี้ยนเฉินก่อนนานแล้ว
เจี้ยนเฉินจ้องมองไปที่คนรอบ ๆ ตัวเขาอย่างยิ้มเยาะและพูดอย่างเย็นชา “แม้แต่พวกเจ้ายังพยายามให้ข้า หยางยู่เทียน ถอนตัวอย่างนั้นหรือ ? ฝันลม ๆ แล้ง ๆ ” เจี้ยนเฉินคว้าไปที่มิติที่ว่างและในเวลาที่สั้นมาก เขาก็ควบรวมกระบี่พลังเซียนธาตุแสง 5 เล่มออกมา ซึ่งเปล่งประกายไปด้วยพลังที่รุนแรง
“อะไรนะ ! ? เจ้าคือหยางยู่เทียนอย่างนั้นหรือ ! ? ” ท่าทีของคนทั้งห้าเปลี่ยนไปอย่างมาก และกำลังจ้องไปที่เจี้ยนเฉินอย่างเหลือเชื่อและเต็มไปด้วยความตกใจ
ชื่อ ‘หยางยู่เทียน’ เหมือนฟ้าร้องในหูของพวกเขา ในตอนนี้ในเมืองแห่งเทพเจ้า ชื่อ ‘หยางยู่เทียน’ นั้นไม่ได้ไม่เป็นที่ไม่คุ้นเคยสำหรับเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 ทุกคนอีกแล้ว เพราะว่าเขาเป็นบุคคลสำคัญที่น่ามหัศจรรย์ในหมู่เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 เหมือนกัน ไม่เพียงแต่เขาจะสำเร็จระดับ 6 ด้วยอายุเพียง 24 ปีเท่านั้น แต่ความสามารถในการควบคุมทักษะธาตุแสงของเขายังอยู่ในระดับที่สูงมาก ที่แม่น้ำน้ำหอมนอกเมืองแห่งเทพเจ้า เขาได้สังหารเซียนสวรรค์ไปมากกว่าสามสิบคนด้วยตัวของเขาเอง ซึ่งทำให้เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 ทุกคนตกตะลึง
เจี้ยนเฉินไม่ได้ให้โอกาสพวกนั้นได้การเสียใจหรือวิงวอนขอให้ยกโทษ ด้วยสายตาของเขาที่เป็นประกายดุร้าย กระบี่พลังเซียนธาตุแสงทั้งห้าก็เปลี่ยนเป็นแสงสีขาว และพุ่งไปที่คนทั้งห้าคนนั้น
คนทั้งห้านั้นค่อนข้างตกใจกลัวกับชื่อที่เจี้ยนเฉินเอ่ยไป พวกเขารู้สึกสิ้นหวังเล็กน้อย ทำให้กระบี่พลังเซียนธาตุแสงกระทบอย่างจังไปที่หน้าอกของพวกเขา
พรวด !
คนทั้งห้ากระอักเลือดออกมา ละถูกกระแทกถอยไปจากแรงผลักของกระบี่ ใบหน้าของพวกเขาซีด แม้ว่าพวกเขาจะมีเกราะพลังเซียนธาตุแสง แต่มันก็มีรอยแตกเป็นใยแมงมุมอยู่บนหน้าอกของพวกเขา ในท้ายที่สุด ด้วยเสียงระเบิดดัง เกราะที่อยู่บนตัวของคนทั้งห้าก็แตกกระจายออกจากการโจมตีของเจี้ยนเฉิน