“ในเมื่อผู้อาวุโสไม่มีความตั้งใจจะอยู่ที่นี่ ข้าจะพาท่านไปที่อีกชั้นหนึ่งเพื่อดูหุ่นเชิด!” เมื่อชายวัยกลางคนได้ยินหานลี่พูดเช่นนี้ เขาจึงตกลงในทันทีอย่างเชื่อฟัง

จากนั้นเขาก็เดินออกจากห้อง ปิดประตูด้วยการสะบัดแผ่นเหล็กในมือ แล้วเดินไปที่เขตอาคมส่งตัวอีกครั้ง

หานลี่เดินตามหลังเขาอย่างเงียบๆ สีหน้าของเขาไม่เคยเปลี่ยนเช่นเคย

เมื่อทั้งสองคนกำลังจะก้าวเข้าสู่เขตอาคมส่งตัว ทันใดนั้นก็มีเสียงหึ่งๆ ต่อหน้าพวกเขา และแสงสีขาวก็สว่างวาบ จากนั้นร่างหลายร่างก็ปรากฏขึ้น

ชายวัยกลางคนตกตะลึงชั่วไปครู่หนึ่งเมื่อเห็นเช่นนั้น หลังจากมองดูในเขตอาคมอย่างระมัดระวัง สีหน้าของเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นไม่พอใจในทันที

ร่างเหล่านี้เป็นองครักษ์มารทั้งสี่ในชุดเกราะสีดำ ชายชราในชุดผ้าแพร และหญิงสาวในชุดสีเหลือง

ชายชราในชุดผ้าแพรมีผิวสีซีด ใบหน้ามืดมน พลังยุทธ์อยู่ในขั้นเทพแปลง ในขณะที่หญิงสาวในชุดสีเหลืองมีใบหน้ารูปไข่ หน้าตาสะสวย และพลังยุทธ์ในระกับหลอมรวม

ทว่าอักขระอาคมสีดำปรากฏขึ้นอย่างเลือนรางบนผิวกายของหญิงสาว ท่าทางของนางเย็นชา ดูเหมือนว่าถูกสกัดพลังยุทธ์เอาไว้ คิดไม่ถึงว่าจะเป็นทาสใหม่ที่ถูกส่งตัวมา!

หลังจากที่จิตสัมผัสของหานลี่กวาดสำรวจหญิงสาวตามอำเภอใจรอบหนึ่ง รูม่านตาของเขาก็หดตัวลงทันที และแววตาไม่อยากจะเชื่อก็ปรากฏขึ้น

ในเวลานี้ ชายชราในชุดผ้าแพรที่อยู่ตรงข้ามก็เห็นวัยกลางคนตรงหน้า นัยน์ตาหลุบลงและทักทายด้วยรอยยิ้มที่แสแสร้ง “หลงจู๊ฟางนี่เอง! กำลังพาแขกมาเลือกทาสหรือ หากท่านไม่ชอบ ข้ามีทาสมาใหม่พอดี ให้แขกเลือกได้นะ”

“ไม่จำเป็น อาวุโสหานผู้นี้สนใจหุ่นเชิดผลึกมารมากกว่า หลงจู๊หวงทำธุระของตนไปเถิด” ชายวัยกลางคนตอบกลับอย่างเย็นชา เห็นได้ชัดว่ามีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีนักกับชายชรา

“อาวุโสหาน! แขกผู้มีเกียรติมาเยือนแล้ว ข้าเป็นคนหยาบคายเสียจริงๆ หากท่านสนใจหุ่นเชิด ข้ายังมีหุ่นเชิดคุณภาพสูงอยู่สองสามตัว ท่านสามารถไปดูได้” หลังจากที่ชายชราเหลือบมองหานลี่ ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่หลังจากกะพริบตา เขาก็พูดด้วยรอยยิ้มทันที

“หลงจู๊หวง เจ้าหมายความว่าอย่างไร! อาวุโสหานเป็นแขกที่ข้าดูแล ข้ามีหุ่นเชิดผลึกมารมากมาย และข้าจะนำอาวุโสหานไปเลือกเอง หลงจู๊หวงควรไปทำธุระของตนให้เสร็จก่อน เอาทาสใหม่ของเจ้าไป…เอ๋ ทาสผู้นี้ไม่มีแม้แต่ร่องรอยของปราณมาร นางไม่ได้มาจากแดนศักดิ์สิทธิ์ของเรา!” ชายวัยกลางคนขัดจังหวะชายชราในชุดผ้าแพรด้วยสีหน้าไม่พอใจ แต่เมื่อดวงตาของเขาจับจ้องไปยังหญิงสาวในชุดสีเหลือง สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเป็นการแสดงสีหน้าประหลาดใจในทันที

“ฮ่าๆ หลงจู๊ฟางเพิ่งสังเกตเห็นหรือ! หญิงสาวผู้นี้ไม่ใช่ทาสธรรมดาจริงๆ ข้าพยายามอย่างมากเพื่อจะได้นางมา และนางยังมีประโยชน์ดีๆ อีกหลายอย่าง สำหรับเรื่องนี้ เมื่อมีเวลาว่างข้าจะไปคุยกับพี่จ้าว ส่วนหุ่นเชิดผลึกมาร ของอัปลักษณ์ในมือเจ้าเหล่านั้นคิดว่าข้าไม่รู้หรือ หากอยู่ในระดับก่อกำเนิดถือว่าใช้ได้ แต่ถ้าหากเจ้าแสดงให้อาวุโสหานดู ข้าเกรงว่ามันจะไม่เข้าตา” หลงจู๊หวงไม่พูดถึงเรื่องหญิงสาวผู้นั้น ทว่ากลับพยายามพูดกับหานลี่ด้วยความกระตือรือร้น

“คนแซ่หวง เจ้า…” เมื่อชายวัยกลางคนได้ยินเช่นนั้น เส้นเลือดบนหน้าผากของเขาก็ปูดโปนขึ้นมาทันที และกำลังจะพูดอะไรบางอย่างด้วยความโกรธ

แต่ในขณะนั้น หานลี่ยกมือขึ้นขวางข้างหน้าเขาเพื่อหยุดเขา และพูดอะไรบางอย่างกับชายชราที่สวมชุดผ้าแพร ซึ่งนั่นทำให้ทุกคนในที่นั้นตกตะลึง

“เรื่องหุ่นเชิดผลึกมารจะหารือในภายหลัง ผู้หญิงคนนี้ขายอย่างไร ข้าต้องการ!” หานลี่ชี้ไปยังหญิงสาวในชุดสีเหลือง และสีหน้าแปลกประหลาดกะวาบพาดผ่านไปบนใบหน้า

“แม้ผู้อาวุโสจะชอบผู้หญิงคนนี้ แต่ข้าไม่สามารถตอบตกลงได้ มีคนต้องการนางอยู่ก่อนแล้ว ไม่สามารถขายให้ผู้อาวุโสได้” มุมปากของชายชราในชุดผ้าแพรกระตุกน้อยๆ จากนั้นเขาจึงรีบกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ทำไม เจดีย์หมื่นทาสจองทาสไว้ก่อนได้อย่างนั้นหรือ” ดวงตาของหานลี่เป็นประกาย เขาเพิกเฉยต่อชายชรา แต่หันมาถามชายวัยกลางคนเบาๆ

“ทาสของเจดีย์เรา จ่ายเงินมา แล้วนำทาสไปเท่านั้น ไม่มีการจองล่วงหน้าอย่างแน่นอน หลงจู๊หวง ในเมื่อผู้อาวุโสชอบผู้หญิงคนนี้ เหตุใดจึงไม่ขายให้ผู้อาวุโส หรือเจ้ากลัวว่าอาวุโสหานจะมีศิลามารไม่พอจ่าย” ชายวัยกลางคนจ้องมองและพูดกับชายชราด้วยรอยยิ้ม

“เจ้าพูดง่ายเกินไป ผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่อาวุโสจ้าวเหวินห่าวต้องการ ข้าจะขายให้ผู้อื่นง่ายๆ ได้อย่างไร หรือว่าเจ้าจะรับผิดชอบในผลที่ตามมา” ชายชราในชุดผ้าแพรตอบกลับด้วยความโกรธเคือง

“อะไรนะ เป็นทาสที่อาวุโสจ้าวต้องการหรือ!” ชายวัยกลางคนสูดหายใจเข้าลึกๆ เมื่อได้ยินคำพูดนั้น และหลังจากเหลือบมองหญิงสาว เขาก็แสดงท่าทีลังเลทันที

“ใครคือจ้าวเหวินห่าว หรือว่าเป็นคนของตระกูลจ้าว!” หานลี่ขมวดคิ้วพลางถามอย่างสุขุม

“อาวุโสหาน อาวุโสจ้าวไม่เพียงแต่เป็นคนของตระกูลจ้าวเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้นำตระกูลจ้าวในยุคนี้ด้วย ไม่ใช่เรื่องฉลาดที่จะสร้างความแค้นเพียงเพราะทาสในระดับหลอมรวมเพียงคนเดียว” ชายวัยกลางคนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงฝืนยิ้มเพื่อเกลี้ยกล่อมเขา

“ผู้นำตระกูลจ้าว! อย่างมากก็แค่ระดับหลอมสุญตา แต่แล้วอย่างไรล่ะ ไม่ว่าผู้หญิงคนนี้ใครจะต้องการ แต่ตอนนี้ข้าต้องการ หากเขามีความเห็นอย่างไร สามารถมาพบข้าได้ภายหลัง” ดวงตาของหานลี่แสดงความประหลาดใจ แต่หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขากลับเย้ยหยันอย่างไม่เกรงใจ

สีหน้าของชายวัยกลางคนและชายชราในชุดผ้าแพรก็เปลี่ยนไปเมื่อได้ยินคำพูดนั้น

ขณะชายวัยกลางคนต้องการจะพูดอะไรอีก ทันใดนั้นหานลี่ก็ยกขาก้าวไปข้างหน้า เพียงกะพริบวาบก็ปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางองครักษ์มารทั้งสี่ แขนข้างหนึ่งขยับไปคว้าแขนหญิงสาวในชุดสีเหลือง หลังจากที่ร่างกะพริบวาบอีกครั้ง หานลี่ก็พาหญิงสาวกลับมายืนอยู่ที่เดิมในตอนแรกของตน

กระบวนการทั้งหมดเสร็จสิ้นในอึดใจเดียว และการเคลื่อนไหวของหานลี่ก็รวดเร็วราวกับผี

“ผู้อาวุโสหมายความว่าอย่างไร หรือวางแผนจะชิงทาสจากเจดีย์พวกข้าไป แม้ว่าอาวุโสหานจะอยู่ในระดับหลอมสุญตา แต่เจดีย์แห่งนี้ไม่ได้ปราศจากผู้แข็งแกร่ง” ชายชราในชุดผ้าแพรตกใจเมื่อเห็นเช่นนั้น จากนั้นเขาก็พูดด้วยด้วยความโกรธ

องครักษ์มารทั้งสี่คนที่อยู่ข้างๆ ต่างก็รีบยกดาบขึ้น แสดงความตื่นตัว

ชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ข้างหานลี่รีบถอยหลังสองก้าว ขยับอ้าปากสองสามครั้ง แต่สุดท้ายเขาก็ลังเลและไม่พูดอะไร

หญิงสาวในชุดสีเหลืองเงยหน้าขึ้น มองไปยังหานลี่ด้วยสายตาสับสนเล็กน้อย

ทว่าหานลี่ไม่ได้สนใจการคุกคามของชายชราแต่อย่างใด พลังยุทธ์ในร่างกายของเขาพลันแล่นปราด จากนั้นไหลก็เข้าไปในร่างของหญิงสาวในชุดสีเหลืองทันทีผ่านแขนของเขา และเก็บกลับในทันที ทว่าความแปลกประหลาดในแววตาของเขากลับไม่สามารถปกปิดไว้ได้อีกต่อไป

“ไม่ได้มองผิดดังคาด ไม่ใช่ของปลอมดังคาด! หุบปากเสีย หากเจ้าไม่สามารถตัดสินใจได้ ข้าจะไปหาคนที่ตัดสินใจได้เอง”

หานลี่พึมพำกับตัวเอง หลังจากแววตาประกายทีหนึ่ง เขาก็แค่นเสียงเย็นชา ลมปราณที่น่าสะพรึงกลัวก็ปะทุออกมาจากร่างกายในทันใด ลมปราณนั้นแข็งแกร่งมากเสียจนมารระดับเทพแปลงทั้งสองสัมผัสได้เพียงลมกระโชกแรงบ้าคลั่งพุ่งปะทะมาตรงหน้าพวกเขา ในชั่วพริบตา ก็ถูกกระแทกด้วยแรงมหาศาลกระเด็นออกไปไกลกว่าสิบจั้ง

เสียง ‘ตึง’ ดังขึ้นสองเสียง หลังจากที่หลังของพวกเขากระแทกเข้ากับกำแพงเจดีย์หนาทึบ พวกเขาก็แทบจะยืนไม่ไหว ใบหน้าของพวกเขาซีดเผือดและเต็มไปด้วยความหวาดผวา

สำหรับองครักษ์มารทั้งสี่ พวกเขาพลิกตัวล้มลงในทันที และไม่สามารถยืนขึ้นได้เนื่องจากลมปราณอันทรงพลังกดร่างลงกับพื้นโดยตรง

หญิงสาวในชุดสีเหลืองที่อยู่ด้านข้างได้รับการปกป้องจากหานลี่เป็นพิเศษ นางไม่ได้รับผลกระทบใดๆ ทว่านางรู้สึกจกตะลึงเมื่อเห็นสถานการณ์ที่น่าเหลือเชื่อต่อหน้านาง

พลังลมปราณของหานลี่ยังคงทะยานขึ้นภายใต้คำสั่งของเขา ครอบคลุมเจดีย์ยักษ์ทั้งหมด

เขตอาคมต่างๆ ที่วางไว้ในเจดีย์สั่นสะเทือนไปทีละน้อย ภายใต้ลมปราณอันน่าสะพรึงกลัวนี้ และในจุดที่อ่อนไหวบางจุดก็ส่งเสียงเตือนรุนแรงออกมา

ด้วยการเคลื่อนไหวที่ใหญ่โตเช่นนี้ เหล่ามารระดับสูงจึงตื่นตกใจ

มารอาวุโสองคนที่กำลังนั่งสมาธิอยู่ในห้องลับที่ชั้นบนสุดของเจดีย์ยักษ์ เมื่อพวกเขาสัมผัสได้ถึงลมปราณที่ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน ก็กระโดดลงจากพื้นราวกับก้นของพวกเขาถูกไฟไหม้ เกิดแสงสว่างวาบขึ้นโดยไม่พูดอะไร และเขาก็ออกมาจากห้องลับ

หลังจากนั้นไม่นาน ตรงหน้าหานลี่ก็ปรากฏมารชราระดับหลอมสุญตาขึ้นมาอีกสองคน ภายใต้สายตาไม่อยากเชื่อของหลงจู๊ทั้งสองคน มารชราทั้งสองแสดงความเคารพคารวะให้แก่หานลี่ด้วยความนบนอบ และเรียกเขาว่า “อาวุโสจอมมาร”

หานลี่เก็บลมปราณอันน่าสะพรึงกลัวนั่นกลับไปแล้ว เขาเพียงมองไปยังมารระดับหลอมสุญตาสองคนที่มาใหม่อยู่หนึ่ง แล้วชี้ยังไปยังหญิงสาวในชุดสีเหลืองพลางเอ่ยเสียงเรียบ

“ข้าชอบผู้หญิงคนนี้ และต้องการซื้อนาง เจ้าสองคนจะคัดค้านหรือไม่”

“แน่นอนว่าไม่มีปัญหา ใต้เท้าจอมมารชอบหญิงสาวคนนี้ ย่อมเป็นความโชคดีของนาง ถือเสียว่าทางเจดีย์เรามอบทาสหญิงคนนี้ให้ผู้อาวุโสเถิด ไม่อาจกล้ารับศิลามารใดๆ!” ชายชราเขาเดี่ยวคนหนึ่งพูดโดยไม่ลังเล

อีกคนพยักหน้าเห็นด้วย

ทั้งสองคนนี้เคยพบจอมมารเผ่ามารมาก่อนมากมาย ย่อมรู้ว่าตัวตนระดับผสานอินทรีย์เหล่านี้ล้วนเป็นตัวประหลาดเฒ่าที่ไม่รู้ดำรงชีวิตอยู่มากี่ร้อยปีแล้ว ส่วนใหญ่มีนิสัยแปลกประหลาด และพวกเขาไม่เคยกล้าละเลยเด็ดขาด

“หึๆ ศิลามารเพียงเล็กน้อยจะจ่ายไม่ได้เชียวหรือ พวกเจ้ารับไว้เถอะ จะได้ไม่พูดว่าข้าขู่บังคับให้ขาย นอกจากเรื่องนี้ ข้ามีอีกเรื่องที่จะปรึกษาเจ้าทั้งสอง” หานลี่ยิ้มพลางสะบัดแขนเสื้อของเขา และสร้อยข้อมือที่บรรจุศิลามารก็บินออกไป

“หากใต้เท้าจอมมารมีเรื่องให้รับใช้ เพียงแค่ออกคำสั่ง ข้าสองคนจะไม่มีวันปฏิเสธสิ่งที่พวกข้าสามารถทำได้!” ชายชราเขาเดี่ยวคว้าสร้อยข้อมมือเอาไว้ กลับไม่กล้าส่งคืน ทำได้เพียงเก็บมันไว้ในอกเสื้อ และพูดขึ้นอีกครั้ง

“เดี๋ยวค่อยว่ากันทีหลัง ข้ามีเรื่องสำคัญอื่นที่ต้องจัดการก่อน หวังว่าคราวหน้าข้ามาที่นี่ เจดีย์แห่งนี้จะทำให้ข้าพึงพอใจ!” หานลี่ส่ายหน้า พลางพูดอีกครั้ง

ทันทีที่พูดจบ ร่างกายของหานลี่ก็เปล่งรัศมีแสงสีดำ ครั้นเมื่อเคลื่อนไหว หญิงสาวในชุดสีเหลืองก็เข้าไปอยู่ในนั้นด้วย

เมื่อแสงกะพริบวาบ สายรุ้งที่น่าตกใจสายหนึ่งก็พุ่งไปที่ด้านหนึ่งของกำแพงเจดีย์

เสียงอื้ออึงดังขึ้น เขตอาคมต้องห้ามบนกำแพงเจดีย์เปล่งแสงสว่างวาบอย่างบ้าคลั่ง ทว่าลำแสงกลับทะลุผ่านไปอย่างง่ายดาย และหายไปในพริบตา

มารชราระดับหลอมสุญตาทั้งสองได้แต่มองหน้ากันด้วยรอยยิ้มขมขื่นเมื่อเห็นภาพฉากนี้!