องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 905 ให้กำเนิด

หนานกงเย่นั่งลงไป๋ซู่ซู่ก็รีบสวมเสื้อผ้าสีขาวเลยทันที จากนั้นเดินไปยังตรงหน้าฉีเฟยอวิ๋นแล้วปลดเสื้อผ้าของนางออก กดมือทั้งสองข้างไว้บนท้องแล้วฟังและสั่งให้คนเตรียมการทันที

“มู่เหมียนท่านไป”

มู่เหมียนเตรียมพร้อมตั้งนานแล้ว จากนั้นหันหลังสั่งการลงไปแล้วยังช่วยเหลือด้วยตนเอง

ไป๋ซู่ซู่เหลือบมองหนานกงเย่ในทันใด: “ท่านออกไปก่อน”

“ข้าไม่ไปข้าจะอยู่ที่นี่” หนานกงเย่กุมมือของฉีเฟยอวิ๋นเอาไว้แน่นและไม่ไปที่ใดทั้งนั้นพร้อมกับจ้องมองฉีเฟยอวิ๋นอยู่ตลอดเวลา

เมื่อไป๋ซู่ซู่เห็นว่าเขาไม่ไปจึงแทงเขาไปหนึ่งที เขาตอบสนองกลับมาแล้วก็หมดสติไปซะแล้ว

“มู่เหมียน ท่านนำตัวเขาไปยังฝั่งหนึ่ง” มู่เหมียนทำตามในทันที

ไป๋ซู่ซู่หยิบมีดผ่าตัดออกมาทำการผ่าตัดให้ฉีเฟยอวิ๋น

ก่อนที่จะได้รับจดหมายจากหนานกงเย่ฉีเฟยอวิ๋นก็ได้เขียนจดหมายถึงไป๋ซู่ซู่แล้ว ให้นางมาผ่าตัดให้กับนางแล้วยังอธิบายขั้นตอนการผ่าตัดด้วย

ไป๋ซู่ซู่เองก็รู้ว่าจะผ่าตัดอย่างไรเพียงแต่ว่านางยังไม่เคยทำ

เพื่อฉีเฟยอวิ๋นแล้วช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ไป๋ซู่ซู่ได้ทำตามสมุดที่ฉีเฟยอวิ๋นมอบให้กับนางพร้อมเคยกระทำรูปปั้นดินเหนียวโดยเฉพาะ

โครงสร้างร่างกายของมนุษย์เหมือนกันซึ่งไป๋ซู่ซู่มั่นใจ

เด็กถูกนำออกมาพร้อมกับร้องไห้ขึ้น

ไป๋ซู่ซู่เย็บแผลในทันทีและในขณะที่นางกำลังเย็บแผลร่างกายของฉีเฟยอวิ๋นก็เริ่มเน่า เน่าเปื่อยไปตามรอยแผลจนขยายเป็นพื้นที่ใหญ่ ไป๋ซู่ซู่ตกใจจนใบหน้าซีดเผือด

“มู่เหมียน เร็ว ทำให้หนานกงเย่ฟื้น” มู่เหมียนรีบหยิบเข็มเงินมาปักบนข้อมือของหนานกงเย่ หนานกงเย่ฟื้นขึ้นแล้วผลักมู่เหมียนออก มู่เหมียนชนเข้ากับประตูจนประตูนั้นเปิดออกแล้วเสียงลมหนาวก็พัดเข้ามาจากนอกประตู

มู่เหมียนล้มลงบนพื้นพร้อมกระอักเลือดออกมาเต็มปาก

หนานกงเย่มองไปยังฉีเฟยอวิ๋น ร่างกายท่อนล่างของฉีเฟยอวิ๋นเริ่มเน่าเปื่อยและรอยช้ำซากศพบนร่างกายเหมือนดังเช่นซูมู่หรงในตอนนั้น

“อวิ๋นอวิ๋น……” หนานกงเย่พุ่งเข้าไปพยายามคว้าตัวฉีเฟยอวิ๋นเอาไว้แต่คว้าเช่นไรก็ไร้ผล

ไป๋ซู่ซู่ก็ไม่รู้ว่าจะทำสิ่งใดดี คนได้ตายไปแล้วเป็นรอยช้ำซากศพทั้งสิ้นและร่างกายก็เริ่มเน่าเปื่อยอย่างรวดเร็วราวกับความเร็วของก้อนเมฆบนท้องฟ้า

ถอยหลังไปแล้วสองก้าวไป๋ซู่ซู่ก็ล้มลงไปนั่งอยู่บนพื้น หนานกงเย่เข้าไปกอดฉีเฟยอวิ๋นแต่คนนั้นได้เปื่อยยุ่ยไปแล้วและในไม่ช้าก็ไม่เป็นรูปเป็นร่างเสียแล้ว

ใบหน้าเลือนหายไปแล้ว แม่ทัพฉีวิ่งเข้ามาจากด้านนอกก็เห็นเด็กถูกห่อด้วยผ้าสีแดงวางอยู่ตรงฝั่งหนึ่งโดยที่เด็กนั้นร้องไห้ไม่หยุด

หนานกงเย่กอดฉีเฟยอวิ๋นแล้วตะคอกด้วยความโกรธ: “ออกไปให้หมด!”

แม่ทัพฉีเหลือบมองฉีเฟยอวิ๋นแล้วมองไปทางเด็ก จากนั้นอุ้มขึ้นมาแล้วห่มด้วยผ้าห่มแล้วออกจากประตูไปเลยทันที

อวิ๋นจิ่นเดินไปถึงตรงหน้าประตูก็เห็นสถานการณ์ในห้อง จากนั้นก็ไร้ซึ่งการตอบสนองแล้วคนทั้งคนยืนๆอยู่ก็ล้มลงไปเลย

พระชายาเย่สิ้นพระชนม์แล้ว และในไม่ช้าก็แพร่สะพัดไปทั่วทั้งเมืองหลวงแล้ว

มีคนบอกว่าพระชายาเย่คลอดลูกเสียชีวิต บางคนบอกว่านางเหนื่อยจนเสียชีวิต ยังมีบางคนบอกว่าถูกคนทำร้ายจนตาย

ไม่มีการไว้ทุกข์ในจวนอ๋องเย่ ประตูใหญ่ปิดเอาไว้หนานแน่นและไม่พบผู้ใดแม้แต่คนเดียว แต่แม่ทัพฉีนั้นพาเด็กสาวตัวน้อยและอวิ๋นจิ่นไป

หลังจากนั้นฝ่าบาทและฮองเฮาเสด็จยังจวนอ๋องเย่เพื่อทรงเยี่ยมอ๋องเย่สองสามีภรรยาด้วยพระองค์เองแต่ก็ยังปิดประตูหนาแน่นไม่พบ

ฉีเฟยอวิ๋นลืมตามองดูเรื่องราวที่อยู่ตรงหน้าแล้วขยับตัว จากนั้นฉีเฟยอวิ๋นยกมือขึ้นมองไปที่มือเป็นมือของเธอเหรอ?

ลุกขึ้นแล้วฉีเฟยอวิ๋นก็มองไปรอบๆโดยที่โดยรอบเป็นสีขาวทั้งหมด

ลงจากเตียงแล้วบนพื้นคือพรมโดยที่เธอนั้นเท้าเปล่า โต๊ะเก้าอี้ โทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ กระจก……

ฉีเฟยอวิ๋นเดินไปที่หน้ากระจกและในกระจกมีผู้หญิงอายุยี่สิบห้ายี่สิบหกปีซึ่งสวมชุดนอนสีขาว ผมสั้น และขาวสะอาดสะอ้าน……

สูดลมหายใจลึกแล้วฉีเฟยอวิ๋นมองไปโดยรอบ เธอกลับมายังยุคก่อนหน้าแล้วและเป็นลักษณะท่าทางแบบเดิม?

ฉีเฟยอวิ๋นเดินไปที่หน้าประตูด้านหนึ่ง จากนั้นก็เปิดประตูเดินออกไป

ตรงหน้านั้นราวกับความฝันไม่ใช่ความจริง

ฉีเฟยอวิ๋นรู้ว่าเธอกลับมาแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าทุกอย่างจะกลับไปเป็นดังเก่า เหมือนว่าเธอนั้นฝันเมื่อตื่นขึ้นมาก็ไม่มีเหลืออะไรแล้ว

ฉีเฟยอวิ๋นหยุดอยู่ครู่หนึ่งที่ห้องนั่งเล่น มีชายคนหนึ่งยืนอยู่บนโซฟา ดูหลังของเขาแล้วเหมือนเป็นซูมู่หรง ผมนั้นสั้นมากแต่ว่าเรียบร้อย ดำ ดำสนิท!

เขาสวมเสื้อกล้ามสีขาวพร้อมกับปืนพกซอง สองข้างข้างละกระบอก……

ฉีเฟยอวิ๋นสูดหายใจเข้าลึกแล้วเดินไปทางซูมู่หรงและหยุดลง

“ครูฝึก” ฉีเฟยอวิ๋นพูดขึ้น ซูมู่หรงหันกลับมาแล้ววางแขนข้างหนึ่งบนโซฟาด้วยหน้าตาที่เย็นชา

ทั้งสองมองหน้ากันจากนั้นซูมู่หรงเลิกคิ้วขึ้น: “ฟื้นแล้วหรือ?”

ฉีเฟยอวิ๋นเม้มริมฝีปาก: “ฉันอยู่ที่ไหน ที่บ้านเหรอ?”

“บ้านของผม” ซูมู่หรงตอบแล้วก็หันกลับไป

ฉีเฟยอวิ๋นสงสัย: “ฉันไม่ได้อยู่ในห้องทดลองหรือ?”

“คุณโทรมาหาผมแล้วผมก็ไปหาคุณ มีอะไรหรือเปล่า?”

“แล้วฉันมาที่นี่ได้ยังไง?” ฉีเฟยอวิ๋นยังคงถามต่อ ส่วนซูมู่หรงก็ยังคงตอบต่อ

“ตอนที่ผมไปนั้นคุณหมดสติไปแล้ว ผู้ช่วยของคุณกำลังค้นสิ่งของอยู่ในห้องทดลองของคุณ ผมจับตัวเขาแล้วเขาก็ยังต้องการจะจุดไฟ แต่ว่าเขาหนีไปแล้วและกำลังตามจับอยู่ คุณกินอะไรไปกินแล้วถึงได้นอนไปสามสี่วันแล้ว?”

ฉีเฟยอวิ๋นนั่งลงตรงฝั่งหนึ่งจากนั้นก็ลังเลอยู่ตั้งนาน: “ฉันไม่ได้ทะลุมิติไปเหรอ?”

ฉีเฟยอวิ๋นไม่เชื่อว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นความฝัน

ซูมู่หรงหัวเราะ: “คุณดูมากเกินไปหรือเปล่า?”

“……”ฉีเฟยอวิ๋นเหลือบมองดูเวลา เห็นเวลาบนฝาผนังแล้วก็ลุกขึ้นเดินไปดูปฏิทินถาวร: “แน่ใจหรือว่าตอนนี้เป็นปี2019เหรอ?”

“ไม่งั้นหล่ะ?”

ซูมู่หรงลุกขึ้นแล้วออกไปด้านนอกสนาม

ฉีเฟยอวิ๋นมองไปที่ประตูแล้วเดินตามออกไป

ที่หน้าประตูมีรองเท้าคู่หนึ่งของเธออยู่ซึ่งเป็นคู่ที่เธอใส่อยู่ในห้องทดลองก่อนหน้านี้

ถ้าถูกระเบิดไปแล้วรองเท้าของเธอก็ไม่มีแล้ว

แต่ว่าตอนนี้จะอธิบายยังไง?

บ้านเดี่ยวที่ซูมู่หรงอาศัยอยู่นั้นอยู่บนภูเขาและขึ้นมาได้ไม่ง่ายเลย มีแต่เวลาที่รถของเขาขึ้นมาเท่านั้นจึงจะขึ้นมาได้ คนอื่นๆนั้นขึ้นมาได้ยากลำบาก

และมีลวดหนามอยู่โดยรอบบ้านเดี่ยวและอุปกรณ์ก็ล้ำหน้ามากซึ่งก็เพื่อความปลอดภัยของเขาด้วย

ลักษณะเฉพาะของงานกำหนดรูปแบบการพักอยู่อาศัยไปด้วย

ฉีเฟยอวิ๋นเดินออกไปข้างนอกด้วยเท้าเปล่า บนพื้นปูด้วยหญ้าและอิฐแดงซึ่งค่อนข้างแข็ง ฉีเฟยอวิ๋นเหลือบมองลงแล้วมองขึ้นไปที่ซูมู่หรง: “ครูฝึก ฉันอยากกลับไปดูที่ห้องทดลอง”

“สองสามวันนี้ไม่ได้กำลังจับกุมกันอยู่ คืนพรุ่งนี้ผมมีภารกิจไม่งั้นก็คุณไป”

ฉีเฟยอวิ๋นมองไปรอบๆ: “แล้วพวกเสี่ยวไห่หล่ะ?”

“พวกเขาอยู่ที่ฐานโน่นกันหมด คุณพักฟื้นสักช่วงหนึ่งผมจะเล่าเรื่องราวให้คุณฟังแล้วคุณก็สามารถเข้าร่วมด้วยได้”

“ฉันยังทำการทดลองอยู่” ฉีเฟยอวิ๋นพูด

“การทดลองของคุณคือการหลอกคน คุณคิดจริงๆหรือว่าระบบจะถูกติดตั้งอยู่ในร่างกายของคน คนที่ไม่มีสิ่งใดที่ทำไม่ได้นั่นคือหุ่นยนต์!” ซูมู่หรงหันกลับมามองฉีเฟยอวิ๋นอย่างดูแคลน

“ฉันอยากถอนตัว คุณบอกกับเบื้องบนหน่อย”

ซูมู่หรงชะงักพร้อมเท้ามือที่เอว เนื่องจากลักษณะเฉพาะของอาชีพเขาจึงคุ้นชินแบบนี้

ในความทรงจำของฉีเฟยอวิ๋นขณะที่เขากำลังจะโกรธก็จะทำท่าทางที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวแบบนี้

“คุณล้อเล่นเหรอ?” ซูมู่หรงสีหน้าเย็นชา

“ฉันไม่ได้ล้อเล่น” ฉีเฟยอวิ๋นจริงจังมาก

“ไม่ได้อยู่ที่คุณ คุณจะมาก็มาจะไปก็ไป ตอนนี้คุณออกจากภารกิจได้รับบาดเจ็บชี้เป้ามาที่คุณทั้งนั้น คุณจะทำการทดลองผมก็ทนคุณมากแล้วนี่คุณยังจะถอนตัวอีก การทดลองเหลวแหลกของคุณเอาไว้ชาติหน้าเถอะ” ซูมู่หรงกลับไปเข้าในบ้านเดี่ยว ฉีเฟยอวิ๋นหันกลับมามองแล้วเดินอยู่ในสนามครู่หนึ่ง จากนั้นเดินไปที่หน้าประตูแล้วเอื้อมมือออกไปปลดล็อคประตูแต่ว่ามีสัญญาณเตือนที่กลอนประตูแล้วประตูก็ปิดเข้าด้วยกันโดยอัตโนมัติอย่างรวดเร็ว

ฉีเฟยอวิ๋นหันกลับมา ซูมู่หรงกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ที่ชั้นสองและกำลังมองดูเธออยู่