ตอนที่ 1325 ดินแดน โดย Ink Stone_Fantasy

หลังโรแลนด์ตื่นขึ้นมา เขายังคงนอนเล่นอยู่บนเตียง ก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นมาจากผ้าห่มอันแสนอบอุ่น

เห็นได้ชัดว่าอันนาลุกไปทำงานแต่เช่าแล้ว ข้างโต๊ะยังมีอาหารเช้าที่เธอเอามาให้เขาวางไว้อยู่ เขาสวมเสื้อคลุมอย่างขี้เกียจ จากนั้นคิดที่จะไปห้องน้ำที่ด้านนอกเพื่อล้างหน้าก่อนแล้วค่อยกลับมากินอาหารเช้า

คิดไม่ถึงเลยว่าพอเปิดประตูออกไป เขากลับมองเห็นแม่มดกลุ่มหนึ่งมายืนเฝ้าอยู่ที่หน้าประตู

“ฝ่าบาท!”

โรแลนด์ตกตะลึง ภาพแบบนี้เหมือนเขาเคยเห็นที่ไหนมาก่อน นี่แสดงให้เห็นว่าภายในสโมสรแม่มดนั้นได้เกิดเรื่องอะไรบางอย่างขึ้นแล้ว ถึงได้ทำให้สมาชิกแม่มดที่ไม่ได้ไปรบมารวมตัวกันที่นี่เยอะขนาดนี้ แต่ก็เป็นเพราะเขายังอยู่ในโลกแห่งความฝัน ทุกคนถึงได้เฝ้าอยู่หน้าประตูรอเขา เมื่อคิดถึงว่าตอนนี้เป็นเดือนแห่งปีศาจ อีกทั้งไนติงเกลยังมีสีหน้าตื่นเต้น เขาจึงถามออกไปทันทีว่า “มีใครวิวัฒนาการอย่างนั้นเหรอ?”

“บุ๊คเพคะ! นางยกระดับกลายเป็นสุดยอดอมนุษย์แล้วเพคะ!” ไนติงเกลตอบอย่างตื่นเต้น

…..

เมื่อเดือนตามแม่มดที่พูดคุยกันจ็อกแจ๊กเข้าไปในห้องทำงาน โรแลนด์ก็มองเห็น ‘สุดยอดอมนุษย์’ ที่ทุกคนพูดถึงกัน ฟิลลิสกับอันนาเองก็อยู่ตรงนั้นด้วย ทั้งสามคนนั่งล้อมกองเอกสารกองหนึ่งอยู่ คล้ายว่ากำลังคุยอะไรกันอยู่ เพียงแต่เห็นสีหน้าที่ดูเรียบเฉยของบุ๊ค เขาเกือบคิดว่าคนที่ยกระดับนั้นคือคนใดคนหนึ่งในกลุ่มแม่มดที่กำลังพูดคุยกันอย่างมีความสุขเสียอีก

“อย่างนั้น…ตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” เขาถามอย่างอยากรู้อยากเห็น “หรือว่าบุ๊คจะ…”

ทั้งสามคนสังเกตเห็นเขาเข้ามา ฟิลลิสพูดขึ้นมาเป็นคนแรก “ทูลฝ่าบาท หม่อมฉันได้ใช้หินวัดพลังลองวัดพลังเวทมนตร์ดูแล้วเพคะ ท่านบุ๊คอาจจะเป็นแม่มดอมนุษย์สายสนับสนุนคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ยกระดับเพคะ ลักษณะของพลังเวทมนตร์ของนางเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ ถึงแม้การยกระดับแบบนี้มันจะเปลี่ยนแปลงไปตามบุคคล แล้วก็ไม่มีตัวอย่างที่ชัดเจนที่จะมาเปรียบเทียบได้ แต่ตามธรรมเนียมของสมาพันธ์แล้ว นางมีคุณสมบัติที่จะเรียกว่าสุดยอดอมนุษย์ได้แล้วเพคะ”

“ท่านเทิ่นอะไรกัน เรียกข้าเหมือนเดิมนั่นแหละ…” บุ๊คส่ายหัว

“ไม่ได้เจ้าค่ะ” ฟิลลิสพูดอย่างจริงจัง “ในยุคสมัยสมาพันธ์ ท่านมีโอกาสที่จะกลายเป็นสามผู้นำ แค่นี้ข้าก็ถือว่าเสียมารยาทมากแล้ว….”

“เจ้าก็เป็นคนพูดเอง นั่นมันยุคสมัยสมาพันธ์” บุ๊คพูดตัดบท “ในสโมสรแม่มด ทุกคนต่างเป็นพี่น้องกัน ยิ่งไปกว่านั้นข้าชอบวิธีเรียกที่มันสบายๆ แบบนี้มากกว่า”

“เอาล่ะ เรื่องนี้เอาไว้ก่อนแล้วกัน” อันนาพูดแทรกขึ้นมา “ตอนนี้ฝ่าบาทโรแลนด์ก็มาแล้ว พวกเราคุยกันเรื่องความสามารถของบุ๊คก่อนดีกว่า”

“ข้านึกว่าเจ้าไปที่ห้องทดลองแต่เช้าแล้วเสียอีก” โรแลนด์ยิ้มให้เธอ

อันนาเองก็กะพริบตาอย่างเจ้าเล่ห์เหมือนกัน “ตอนแรกก็วางแผนเอาไว้แบบนั้น แต่ว่าความสามารถของบุ๊คมันค่อนข้างพิเศษจริงๆ เพคะ หม่อมฉันก็เลยเปลี่ยนแปลงตารางเวลา”

“พิเศษ?”

“อื้อ” อันนาพูดช้าๆ ชัดๆ ว่า “นางมองเห็นโลกแห่งความฝันเพคะ”

……

หลังฟังบุ๊คฟังบรรยายจบ โรแลนด์ก็ลืมตาโตด้วยความตกใจ

“แล้วสุดท้ายเจ้ากลับมาได้ยังไง?”

“หลังจากที่หม่อมฉันได้เห็นสิ่งก่อสร้างที่ใหญ่โตเหล่านั้น จู่ๆ หม่อมฉันก็คิดถึงโลกแห่งความฝันที่พระองค์เคยบรรยายให้ฟัง จากนั้นหม่อมฉันก็เลยรู้สึกใจเย็นขึ้น” บุ๊คค่อยๆ พูด “หลังจากนั้นหม่อมฉันก็กลับมาที่ห้องเล็กๆ ในตอนแรก แล้วก็ลองรวบรวมสมาธินึกาพตัวเองออกมาจากห้องนั้น ในตอนที่ลืมตาขึ้นอีกครั้ง หม่อมฉันก็พบว่าตัวเองกลับมาในห้องทำงานของปราสาทได้จริงๆ”

“อา…อิจฉาจังเลย!”

“นั่นมันคือโลกแห่งความฝันจริงๆ เหรอ?”

“ข้าก็อยากเห็นมั่งจัง!”

เหล่าแม่มดที่ฟังอยู่ข้างๆ เก็บความรู้สึกตื่นเต้นภายในใจเอาไว้ไม่อยู่ ในตอนที่บุ๊คพูดจบ ทุกคนต่างฝ่ายต่างตะโกนขึ้นมา

“เอ่อ…ข้าคิดว่าด้วยความสามารถของตัวข้า ไม่มีทางที่จะสร้างโลกที่ยิ่งใหญ่ขนาดนั้นขึ้นมาได้” บุ๊คพูดยิ้มๆ “ส่วนจะใช้โลกแห่งความฝันเดียวกันไหม เอาไว้ฝ่าบาทเข้าไปในโลกแห่งความฝันก็น่าจะรู้ได้”

“ไม่…บางทีนี่อาจจะไม่ได้เกี่ยวกับความสามารถ” โรแลนด์พูดเสียงคร่ำเคร่ง

“ไม่เกี่ยวกับความสามารถ?” ฟิลลิสถามอย่างแปลกใจ “แต่พลังเวทมนตร์ของท่านบุ๊คเกิดการรวมตัวจริงๆ นะเพคะ…”

“การยกระดับเป็นแค่ปัจจัยหนึ่งเท่านั้น” ภายในหัวเขามีคำพดของไนท์แมร์ดังขึ้นมา “ในตอนที่ความเข้าใจในพลังเวทมนตร์เพิ่มขึ้นไปถึงระดับหนึ่งก็จะทำให้สามารถสิ่งร่องรอยเอาไว้ในโลกแห่งจิตสำนึกได้ หรืออาจจะเปิดดินแดนของตัวเองขึ้นมาได้’ ในจุดนี้ก็ดันไปเหมือนกับคำพูดของมิสต์โดยบังเอิญ “บุ๊ค ตอนนี้เจ้าเข้าไปในห้องปิดที่ปิดผนึกนั่นอีกได้ไหม?”

“แต่พระองค์ม่ได้บรรทมอยู่นี่เพคะ…” บุ๊คงุนงง

“ไม่เป็นไร เจ้าทำตามที่ข้าบอกก็พอ” โรแลนด์ครุ่นคิดอยู่ครู่ “ถ้าเข้าไปได้ล่ะก็ เจ้าลองเปิดประตูเหล็กบานนั้นอีกครั้ง แต่ไม่ว่าเจ้าจะมองเห็นอะไรก็ห้ามก้าวออกไปจากประตูบานนั้นแม้แต่ก้าวเดียว ยื่นมือออกไปจับก็ไม่ได้ เข้าใจไหม?”

“….หม่อมฉันเข้าใจแล้วเพคะ” บุ๊คสูดหายใจ ก่อนจะกลับไปนั่งที่โต๊ะแล้วหลับตาลง

“หรือพระองค์คิดว่านางจะ…” ฟิลลิสเหมือนจะเข้าใจในเจตนาของเขา ตอนที่เจอกับวัลคีรีย์ เธอก็อย่ตรงนั้นด้วย

“เป็นไปได้สูง” โรแลนด์พยักหน้าเล็กน้อย

หลังผ่านไปประมาณสิบห้านาทีบุ๊คก็ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง เธอทำสีหน้าตกใจแล้วพูดว่า “ฝ่าบาท หลังประตูกลายโพรงเปล่าๆ สีแดงเพคะ!”

ใช่จริงๆ ด้วย! เขาพอจะเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดอย่างคร่าวๆ แล้ว “ที่นั่นคือโลกแห่งจิตสำนึก แล้วก็เป็นโฉมหน้าที่แท้จริงของแหล่งกำเนิดพลังเวทมนตร์ ส่วนห้องเล็กๆ ที่เจ้าเห็นในตอนแรกนั้นก็คือดินแดนในจิตสำนึกที่เป็นของเจ้าเพียงคนเดียว”

“เอ๋?” ลูน่าถามอย่างไม่เข้าใจ “แต่พระองค์เคยบอกว่าโลกแห่งจิตสำนึกคือพระจันทร์สีแดงที่อยู่บนฟ้าไม่ใช่เหรอเพคะ?”

“พวกมันคือสิ่งเดียวกัน แต่แสดงออกมาไม่เหมือนกันเท่านั้น ความจริงแล้วโลกแห่งจิตสำนึกอยู่ในบอทธ่อมเลสแลนด์ที่อยู่ทางเหนือของทวีป” โรแลนด์เหล่าเรื่องที่ราชาปีศาจเข้าไปในโลกแห่งความฝันแล้วออกไปจน แล้วก็ถูกตัวเองค้นพบตัวตนที่แท้จริงออกมาคร่าวๆ มีเพียงเรื่องเดียวที่เขาไม่ได้เล่าออกมาก็คือเรื่องของมิสต์ “ดินแดนแห่งนั้นสามารถคงอยู่ได้โดยไม่ต้องพึ่งพาโลกแห่งความฝัน เพียงแต่ว่ามันบังเอิญอยู่ในขอบเขตของลำแสงกุญแจเข้านั้น มันจึงได้เชื่อมต่อเข้ากับโลกแห่งความฝัน”

“ว้าว…” เหล่าแม่มดพากันอุทานออกมา

“ข้าก็จะเปิดดินแดนของตัวเองเหมือนกัน!” ลูน่ากำหมัดขึ้นมา

“พอเถอะ เจ้าไม่ได้ยินที่ฝ่าบาทตรัสเหรอ นอกจากความรู้แล้ว ยังต้องมีความสามารถด้วย” ลิลลีกรอกตาใส่เธอ “พูดอีกอย่างก็คือต่อให้เจ้าอ่านหนังสือที่ฝ่าบาททรงเขียนทั้งหมด จะทำได้ไม่ได้มันก็ดูด้วยว่าเจ้ามีปัญญาหรือเปล่า แต่ข้าคิดว่า…น่าจะยาก”

“เจ้าคนทรยศ!”

“โรแลนด์มองไปทางบุ๊คแล้วสั่งกำชับว่า “ถึงแม้เจ้าจะสามารถเชื่อมต่อกับโลกแห่งจิตสำนึกได้ แต่ที่นั่น…มันเต็มไปด้วยอันตรายต่างๆ นานา ต่อไปถ้าจะเชื่อมต่อกับโลกแห่งจิตสำนึกก็พยายามเชื่อมต่อมันในเขตลำแสงกุญแจ แล้วก็เชื่อมต่อมันเข้ากับโลกแห่งจิตสำนึก เพราะถ้าเป็นโลกแห่งจิตสำนึก อย่างน้อยข้ากับแม่มดอาญาสิทธิ์ก็ยังปกป้องเจ้าได้”

อย่างเช่นพระเจ้าที่จ้องจะทำลายโลกแห่งความฝัน แล้วก็เทวทูตที่มาพร้อมกับการกัดกิน ถึงแม้บุ๊คจะยกระดับเป็นสุดยอดมนุษย์แล้ว แต่ความสามารถในการต่อสู้ของเธอยังคงเป็นศูนย์อยู่ ถ้าหากเจอศัตรูเข้า เธอไม่มีทางที่จะรับมือได้แน่นอน

“เพคะ…” บุ๊คงุนงงเล็กน้อย จากนั้นทำสีหน้าอ่อนโยนแล้วก้มหน้าถวายบังคมเขา “หม่อมฉันเข้าใจแล้วเพคะ”

“อย่างนั้นต่อไปก็ควรจะทดสอบความสามารถอันนี้ดูหน่อยแล้ว” โรแลนด์พูดยิ้มๆ

………………………………………………………