ตงป๋อเสวี่ยอิงก้าวเท้าเข้าไปในสวนพลางยิ้มน้อยๆ แล้วกล่าวอย่างถ่อมตนว่า “มหาเคารพผู่ซู่ จอมเคารพกระบี่ปีศาจ จ้าวกู่เซียว จวินอ๋องดำและพรานผู้ล่า คิดไม่ถึงว่าจะมาพบพวกท่านทั้งห้าที่นี่ได้ ช่างเป็นเกียรติของข้าหิมะเหินจริงๆ”
“เฮอะๆ”
นี่คือ ชายชรานัยน์ตาสีแดงรูปร่างผอมซูบคนหนึ่งซึ่งสวมอาภรณ์สีแดงตัวหลวม จากส่วนที่โผล่พ้นอาภรณ์สีแดงออกมา จะเห็นได้ว่าร่างกายของเขานั้นราวกับก่อตัวขึ้นจากกระดูกหยกสีแดงเข้ม ไม่มีกล้ามเนื้อหรือผิวหนังเลยแม้แต่น้อย เหนือกระดูกมีหมอกสีแดงเข้มรายล้อม ทั้งร่างของเขามีเพียงศีรษะเท่านั้นที่พอจะนับได้ว่าปกติ ยามนี้เขายิ้มเยียบเย็นอย่างมีเลศนัย “เจ้าหนุ่มหิมะเหิน สถานที่นี้สามารถดึงดูดให้พวกเราทั้งห้าคนมารอคอยได้ เจ้าคงจะพอเดาได้ว่าที่นี่มีผลประโยชน์มหาศาลอยู่! แต่ยิ่งเป็นผลประโยชน์มหาศาลเท่าใด ก็ยิ่งอันตรายมากขึ้นเท่านั้น ข้าว่าเจ้ารีบจากไปเสียเถอะ มิเช่นนั้นแล้วอีกไม่นานเจ้าก็คงต้องถูกสังหารจนตายและถูกเคลื่อนย้ายออกไป”
“จ้าวกู่เซียว ในวังเทพจิตโลกาแห่งนี้มีที่ใดบ้างที่ไม่อันตรายน่ะ ข้าโชคดีสามารถอยู่ในวังเทพจิตโลกามาจนถึงบัดนี้ได้ก็พึงพอใจมากแล้ว ในเมื่อที่นี่มีโอกาสอยู่ ก็ย่อมต้องสู้สุดชีวิตเสียหน่อย ไม่ได้อะไรมาก็ไม่เป็นไร หากสามารถได้อะไรมาบ้าง นั่นก็คือโชคดีได้กำไรมหาศาล” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดยิ้มๆ เมื่ออยู่ต่อหน้าระดับจอมเคารพกลุ่มหนึ่ง อีกทั้งตนเองก็ยังไม่ค่อยคุ้นเคยกับที่นี่สักเท่าใดนัก ก็ย่อมถ่อมเนื้อถ่อมตัวไว้หน่อยจะดีกว่า
“พูดได้ดี” จอมเคารพกระบี่ปีศาจพยักหน้า “วังเทพจิตโลกาเต็มไปด้วยอันตรายทุกหนแห่ง บุกฝ่าที่นี่อาจจะเป็นเรื่องดีก็ได้ จ้าวหิมะเหิน เจ้ามาอยู่ข้างกายข้า และสำแดงกระบวนท่าเขตลวงโลกเทียมให้ข้าและพี่ผู่ซู่เสียหน่อย คอยช่วยข้าทั้งสองรับมือศัตรู! ข้าก็จะคุ้มกันเจ้าอย่างเต็มที่เช่นเดียวกัน”
มหาเคารพผู่ซู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางมองจอมเคารพกระบี่ปีศาจแวบหนึ่งแล้วถ่ายเสียงพูดว่า “จอมเคารพกระบี่ปีศาจ ด่านสิบแปดกัลป์นี้มีอันตรายหนักหนา เจ้าให้เขามาช่วยพวกเราสองคนอย่างนั้นหรือ พวกเราสองคนยังต้องแบ่งสมาธิไปคุ้มกันเขาอีกด้วยหรือ”
“ผู่ซู่ เขาเชี่ยวชาญกระบวนท่าทางด้านวิญญาณ ก็ยังพอมีประโยชน์อยู่บ้าง” จอมเคารพกระบี่ปีศาจถ่ายเสียงตอบ
“เฮอะ ข้าว่า เจ้ากับข้าร่วมมือกันก็เพียงพอแล้ว ยังต้องแบ่งสมาธิไปคุ้มกันเขาอีก…หากไม่ระวังขึ้นมา เจ้ากับข้าอาจจะต้องเสียเปรียบก็เป็นได้” ผู่ซู่ถ่ายเสียงพูด เขาไม่ค่อยห่วงตนเองสักเท่าใดนัก เพราะเขาเป็นผู้ที่เชี่ยวชาญทางด้านกาลมิติ หากพูดถึงวิธีการรักษาชีวิตแล้ว ในที่นี้เขาก็จัดเป็นอันดับหนึ่งได้ พรานผู้ล่าแห่งรัฐโบราณสหโลกาด้อยกว่าเขาอยู่บ้าง
ที่เขากังวลก็คือจอมเคารพกระบี่ปีศาจต่างหาก! จอมเคารพกระบี่ปีศาจเป็นมหาเคารพที่เยาว์วัยที่สุดของสกุลชางซึ่งมีพรสวรรค์และการรับรู้สูงส่งอย่างยิ่ง แต่ถึงอย่างไรวิถีกระบี่ที่เขาเชี่ยวชาญก็บกพร่องเรื่องการรักษาชีวิตอยู่บ้าง
เดิมทีวังเทพจิตโลกาก็อันตรายอยู่แล้ว ยังต้องแบ่งสมาธิมาคุ้มกันผู้อื่นอีกหรือ
“วางใจเถิด ข้าย่อมปกป้องตนเองให้ดีก่อนอยู่แล้วค่อยไปช่วยเขา นอกจากนี้ ถึงอย่างไรเขาก็เป็นคนของทางฝ่ายรัฐโบราณคิมหันตวายุของพวกเราด้วย” จอมเคารพกระบี่ปีศาจถ่ายเสียงพูด。
“ก็ได้” ผู่ซู่ไม่พูดอะไรให้มากความอีก
ผู่ซู่เหลือบมองตงป๋อเสวี่ยอิงแวบหนึ่งพลางพูดเสียงเรียบว่า “อีกประเดี๋ยวเจ้าสำแดงกระบวนท่าทางด้านวิญญาณ ช่วยข้าและน้องกระบี่ปีศาจก็ใช้ได้แล้ว! ส่วนรัฐโบราณอื่นๆ เจ้าก็ไม่ต้องไปสนใจพวกเขาแล้ว”
“มาเถอะ” จอมเคารพกระบี่ปีศาจพูดยิ้มๆ
ตงป๋อเสวี่ยอิงสัมผัสได้ถึงความเมตตาของจอมเคารพกระบี่ปีศาจจึงมิได้ปฏิเสธ เขาเอ่ยขึ้นว่า “ขอบคุณจอมเคารพกระบี่ปีศาจขอรับ” แล้วก็เดินไปข้างกายจอมเคารพกระบี่ปีศาจ
แม้จะมั่นใจในตนเองมาก แต่การที่จะได้ร่วมมือกับจอมเคารพทั้งสองอย่างผู่ซู่และกระบี่ปีศาจ แน่นอนว่าเขาย่อมไม่ปฏิเสธ ยิ่งสามารถ ‘เดินไปได้ไกลขึ้น’ ก็ยิ่งมีหวังว่าจะได้ผลประโยชน์มากขึ้น แม้ครั้งนี้จะได้อะไรมากมายจากในเจดีย์คละถิ่น แต่เขาก็ไม่รังเกียจว่าจะได้ผลประโยชน์มากขึ้นไปอีก!
……
ตงป๋อเสวี่ยอิงยืนอยู่ข้างกายจอมเคารพกระบี่ปีศาจและมหาเคารพผู่ซู่พลางสำรวจอย่างเงียบๆ
ระดับจอมเคารพ อาศัยสมบัติลับระดับยอดสุดก็จะมีพลังรบระดับเทพจักรวาลขั้นสุดยอด! แต่ในความเป็นจริงแล้วเนื่องจากระดับขั้นมีความแตกต่างกัน และ ‘สมบัติลับระดับยอดสุด’ ไม่เหมือนกัน ผู้แกร่งกล้าระดับจอมเคารพจึงมีความเชี่ยวชาญที่แตกต่างกันไป หากพูดถึงแรงคุกคามของคนในที่นั้น ผู้ที่มีแรงคุกคามสูงที่สุดก็คือมหาเคารพผู่ซู่และ ‘พรานผู้ล่า’ แห่งรัฐโบราณสหโลกา ทั้งสองท่านนี้ล้วนแต่เป็นผู้แกร่งกล้าระดับจอมเคารพที่เก่าแก่มาก
“จ้าวหิมะเหิน” จอมเคารพกระบี่ปีศาจถ่ายเสียงพูด “บัดนี้ข้าและคนอื่นๆ ตกอยู่ในด่านสิบแปดกัลป์ซึ่งมีชื่อเสียงมากของวังเทพจิตโลกา”
“ด่านสิบแปดกัลป์หรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงอึดอัดใจ
อาจารย์ประมุขรัฐเมฆทักษิณาของเขาก็เคยเข้ามาเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น ‘ด่านสิบแปดกัลป์’ มีชื่อเสียง นั่นก็มีชื่อเสียงภายในหมู่คนสำคัญของหกรัฐโบราณ ตงป๋อเสวี่ยอิงกลับไม่เคยได้ยินมาก่อน
“ด่านสิบแปดกัลป์จะต้องเผชิญกับอันตรายต่างๆ ของด่านกัลป์ชั้นแล้วชั้นเล่า ทุกครั้งที่ผ่านได้สามด่านก็จะได้รับผลประโยชน์บางอย่าง ยิ่งไปได้ไกล ผลประโยชน์ก็จะยิ่งมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังผ่านด่านสุดท้ายของด่านสิบแปดกัลป์แล้ว ก็จะมีสมบัติลับอันสูงส่งมอบให้ด้วย” จอมเคารพกระบี่ปีศาจถ่ายเสียง
ตงป๋อเสวี่ยอิงสะดุ้ง
สมบัติลับอันสูงส่งหรือ
แม้สิ่งที่ด่านสิบแปดกัลป์มอบให้ในตอนสุดท้ายจะไม่ได้น่าตกใจเท่าเจดีย์คละถิ่นก็ตามที
แต่เจดีย์คละถิ่นเป็นสถานที่ที่ผู้ครอบครองป้ายคำสั่งจิตโลกาต้องเข้าไปเป็นครั้งแรกเท่านั้น จึงจะมีโอกาสเข้าได้ เป็นโอกาสเพียงครั้งเดียวในชีวิต อย่างด่านสิบแปดกัลป์นั้นมีชื่อเสียงโด่งดัง คงจะถูกพบเป็นประจำ
“ขอบคุณจอมเคารพกระบี่ปีศาจ มิเช่นนั้นแล้วข้าคงจะมึนงงไปหมด” ตงป๋อเสวี่ยอิงถ่ายเสียงพูด
“เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ในเมื่อเจ้าเข้ามาในด่านสิบแปดกัลป์แล้ว อีกไม่นานก็จะได้รู้เรื่องราวระดับนี้ อีกประเดี๋ยวพวกเราจะได้เผชิญกับด่านที่แปด” จอมเคารพกระบี่ปีศาจถ่ายเสียงพูด “น่าเสียดายที่เจ้าเข้ามาช้าไปหน่อย อันที่จริงด่านสิบแปดกัลป์นี้…ยิ่งเป็นด่านต้นๆ ก็ยิ่งง่าย หากเจ้ามาในช่วงแรก อาจจะได้ผลประโยชน์มากหน่อย มาถึงด่านที่แปดก็ถือว่าอันตรายมากแล้ว อีกเดี๋ยวต้องระวังตัวด้วยล่ะ”
“ขอรับ” ในใจของตงป๋อเสวี่ยอิงซาบซึ้งนัก
เขามองออกว่ามหาเคารพผู่ซู่นั้นออกจะไม่ยินยอมอยู่บ้างกับการที่รับปากว่าจะคุ้มกันตน
ต้องรู้ไว้ว่า ‘สกุลเซี่ย’ และ ‘สกุลชาง’ ซึ่งเป็นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่แห่งรัฐโบราณคิมหันตวายุนั้นไม่เห็นผู้แกร่งกล้าจากรัฐภายนอกอยู่ในสายตาสักเท่าใดนัก มหาเคารพผู่ซู่เป็นคนของสกุลเซี่ย จอมเคารพกระบี่ปีศาจเป็นคนของสกุลชาง ส่วนตนเป็นเค่อชิงของสกุลฝาน! ตามหลักทั่วไปแล้ว พวกเขาก็ต้องคร้านที่จะช่วยเหลือตน! แต่เห็นได้ชัดว่าจอมเคารพกระบี่ปีศาจกำลังช่วยตนอยู่
ในสายตาของโลกภายนอก เมื่อเทียบกับจอมเคารพซึ่งมีชื่อเสียงเลื่องลือเหล่านี้แล้ว พลังของตนก็ยังห่างชั้นอยู่มากโข
นอกจากนี้ยังบอกความลับของด่านสิบแปดกัลป์กับตนอีกด้วย! แม้แต่เรื่องอย่างการบุกฝ่าด่านสุดท้ายได้ก็จะได้รับสมบัติลับอันสูงส่งก็ยังแจ้งให้ตนทราบ เรื่องนี้ทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้สึกว่า…จอมเคารพกระบี่ปีศาจใจดีกับตนมากเกินไปหน่อยหรือไม่ ทำให้ขณะเดียวกับที่ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้สึกซาบซึ้งก็ลอบรำพึงในใจไปด้วยว่าจะมีแผนร้ายซ่อนอยู่หรือไม่ ระหว่างกำลังบุกฝ่าด่านสิบแปดกัลป์นั้น จะหลอกใช้ตนในยามคับขันหรือไม่
“ระวังหน่อยก็พอแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบพึมพำ ขณะที่ยังไม่พบ ‘แผนร้าย’ เขาก็ยังซาบซึ้งใจจอมเคารพกระบี่ปีศาจเป็นอย่างมาก
เวลาล่วงเลยไปชั่วขณะแล้วชั่วขณะเล่า
“ไม่ต้องรีบร้อนไป ตามปกติแล้วแต่ละด่านจะห่างกันนานนับพันปี ก่อนที่เจ้าจะเข้ามาในสวน เพิ่งจะผ่านที่เจ็ดไปหยกๆ เอง” จอมเคารพกระบี่ปีศาจถ่ายเสียงบอก “เกรงว่าคงจะห่างกับอันตรายครั้งหน้านานเกือบพันปี”
“อ้อ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ไม่รีบร้อน
ทั้งหกคนในสวนแบ่งออกเป็นสี่ฝ่ายด้วยกัน ทางพวกตงป๋อเสวี่ยอิงสามคนเป็นฝ่ายหนึ่ง ส่วนแต่ละคนที่อีกฟากหนึ่งต่างก็รักษาระยะห่างระหว่างกัน เช่นจ้าวกู่เซียวก็ไปนั่งขัดสมาธิลงที่มุมหนึ่งก่อนชั่วคราว
ตงป๋อเสวี่ยอิงก็นั่งขัดสมาธินิ่งราวกับหินอยู่บนพื้นข้างมหาเคารพผู่ซู่และจอมเคารพกระบี่ปีศาจแล้วบำเพ็ญอย่างเงียบเชียบ สิ่งที่ผุดขึ้นมาในใจก็คือเจ็ดกระบวนคละถิ่น
เจ็ดกระบวนคละถิ่นมาอยู่ตรงหน้าเขาแล้วเปิดประตูสู่ระดับขั้นที่สูงยิ่งขึ้นอย่างแท้จริง
ทำให้เขาสามารถปรับเปลี่ยนพลังคละถิ่นได้ด้วยพลังในปัจจุบันนี้ เคล็ดวิชานี้แฝงไว้ด้วยกลยุทธ์การปรับใช้พลังคละถิ่นผ่านวิถีอากาศที่สูงส่งอย่างยิ่ง สูงส่งกว่าศาสตร์ร่างแยก ศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกาและปุจฉวิถีคละถิ่นและอื่นๆ มากมายนัก กระบวนท่าอย่างยุทธวิธีเมฆาแดง ทลายเวหาและงามดั่งภาพวาด เมื่อเทียบกับเขาแล้วก็หยาบกว่ามากทีเดียว
ดังนั้น
ตงป๋อเสวี่ยอิงตัดสินใจว่าจะซึมซับประสบการณ์จากการปรับเปลี่ยนพลังคละถิ่นด้วยวิถีอากาศของเจ็ดกระบวนคละถิ่น เพื่อนำมาใช้ปรับปรุงยุทธวิธีเมฆาแดง ทลายเวหา งามดั่งภาพวาดและกระบวนท่าอื่นๆ!
อย่าง ‘บริเวณเมฆาแดง’ เนื่องจากดัดแปลงจากบริเวณมิติ ตนก็จะยิ่งปรับปรุงได้อย่างรวดเร็วหลังจากศึกษาคละถิ่นกระบวนที่หนึ่งแล้ว
ทว่าเนื่องจากกระบวนท่าบางอย่างเช่นงามดั่งภาพวาดแตกต่างกับคละถิ่นกระบวนที่หนึ่งมากเกินไป จึงทำได้เพียงซึมซับกลเม็ดบางส่วนเท่านั้น!
“ถ้ามีเวลามากพอ ข้าจะปรับปรุงศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกาและปุจฉวิถีคละถิ่นเสียหน่อย” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบร่ำร้องในใจ
ปุจฉวิถีคละถิ่นซับซ้อนเกินไป
เขาฝึกฝนฝึกกายคละถิ่นชั้นที่หนึ่งจนสำเร็จแล้ว ฝึกกายคละถิ่นชั้นที่สองที่หลงเหลืออยู่นั้นเป็นระดับสูงที่สุดของเคล็ดวิชานี้ที่จักรพรรดิเซี่ยคิดค้นขึ้นมาแล้ว เมื่อฝึกสำเร็จ ทางด้านการฝึกกายก็จะพอนับได้ว่าเป็นเทพจักรวาลชั้นที่สามอย่างพอถูไถแล้ว เคล็ดวิชาระดับนี้ ต่อให้ตงป๋อเสวี่ยอิงจะปรับปรุงก็คาดว่าต้องใช้เวลานานแสนนาน! ทางวังเทพจิตโลกาจะต้องไม่ให้เวลาตนบำเพ็ญนานสักเท่าใดนัก
เมื่อเทียบกันแล้วกระบวนท่าอย่างยุทธวิธีเมฆาแดง ทลายเวหาและเคล็ดผนึกห้าภาพก็เรียบง่ายกว่าอยู่บ้าง การปรับปรุงก็ง่ายดายกว่า
เรียกได้ว่าเทียบกันแล้วง่ายดายกว่าจริงๆ
บัดนี้ตงป๋อเสวี่ยอิงหกสายหลอมรวมกันแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งห้าสายของเคล็ดผนึกห้าภาพก็หลอมรวมกันจนสำเร็จหมดแล้ว ต่อให้ไม่ได้อาศัยลูกแก้วห้าภาพ เขาก็สามารถสำแดงเคล็ดผนึกห้าภาพไปจนถึงขั้นครบสมบูรณ์ได้แล้ว เมื่อปรับปรุงก็ย่อมง่ายดายกว่ามากทีเดียว
……
เวลาล่วงเลยไปอย่างเงียบเชียบ เพียงพริบตาเดียวก็ผ่านไปพันปีแล้ว มหาเคารพผู่ซู่ จอมเคารพกระบี่ปีศาจและพวกตงป๋อเสวี่ยอิงก็ยืดกายขึ้นพร้อมความระแวดระวัง
………………………………………