ตอนที่ 1117

Alchemy Emperor of the Divine Dao

“เอ้านี่ พวกเจ้าจงรับมันไปคนละชิ้น” แท่นหินกล่าว

ขวดหยกสิบขวดปรากฏอยู่กลางอากาศ และตกลงมาอยู่ด้านหน้าพวกเขาคนละขวด

เห็นได้ชัดว่าหนึ่งขวดต่อหนึ่งคน

นี่คือชัยชนะของทุกคนในกลุ่ม ดังนั้นทุกคนจึงได้รับของรางวัลเหมือนกัน ไม่ว่าจะมีผลงานมากหรือน้อยก็ตาม

หลิงฮันหยิบขวดหยกขึ้นมา แต่ไม่มีอะไรเขียนคำอธิบายเอาไว้ ดังนั้นเขาจึงถามว่า “ข้าขอถามได้หรือไม่ ในขวดหยกนี้มีเม็ดยาอะไรอยู่?”

“เม็ดยาภูผาวารีลายม่วง” แท่นหินกล่าว

“แล้วมันมีประสิทธิภาพอะไร?” ทุกคนไม่เคยได้ยินชื่อเม็ดยาชนิดนี้มาก่อน

“หลังจากที่เจ้ากินมัน ในอีกหนึ่งชั่วโมงต่อมามันจะทำให้พลังต่อสู้ของพวกเจ้าเพิ่มขึ้นหนึ่งดาว” แท่นหินอธิบาย

“แค่นั้นเองหรือ?” หลิงฮันรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย

“เดี๋ยวก่อน เดี๋ยวก่อน ทั้งที่เจ้าได้รับของจากผู้อื่น เจ้าพูดขอบคุณสักนิดเลยไม่ได้หรือไงกัน!” แท่นหินไม่พอใจและพูดว่า “และเจ้าเพิ่งทะผ่านด่านแรกเท่านั้น เจ้าคิดว่าของรางวัลที่จะได้รับจะล้ำค่าขนาดไหนกัน?”

“นั่นหมายความว่า…พวกข้าจะได้รับรางวัลอีกเมื่อผ่านด่านสองและสาม?” หลิงฮันถาม

“แน่นอน ตราบใดที่พวกเจ้าแข็งแกร่งพอ” แท่นหินกล่าว

ทันใดนั้น จิตวิญญาณต่อสู้ของทุกคนก็เดือดพล่านอีกครั้ง พวกเขาไม่ได้ตื่นเต้นเพราะของรางวัล แต่เป็นเพราะพวกเขาคืออัจฉริยะที่แข็งแกร่งที่สุดในยุคนี้ และด้วยความทะเยอทะยานกับความมั่นใจในตัวเองทำให้พวกเขาหวังที่จะกลายเป็นอันดับหนึ่ง

“แล้วการทดสอบด่านต่อไปคืออะไร?” หลิงฮันถาม

“ทำไมข้าต้องบอกเจ้าด้วย?” แท่นหินกล่าว “หากเจ้าต้องการรู้ จงไปดูและสัมผัสด้วยตนเอง อย่างไรก็ตาม ข้าสามารถบอกพวกเจ้าได้ว่าด่านที่สองคือเขาวงกต หากพวกเจ้าสามารถออกมาได้ภายในเวลาหนึ่งชั่วโมง พวกเจ้าก็จะได้รับรางวัลตอบแทน”

“สำหรับด่านนี้ พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องทำงานเป็นกลุ่ม และไม่อนุญาตให้จับกลุ่มรวมกัน พวกเจ้าจะต้องผ่านการทดสอบด้วยตัวคนเดียว”

หลังจากพูดจบ แท่นหินก็ไม่พูดอีกต่อไป

ด้านหน้าของพวกเขามีบันไดปรากฏขึ้นที่จะพาไปยังชั้นที่สอง

“ฮ่าฮ่าฮ่า พวกเราทุกคนไปกันเถอะ” ตู่อันหัวเราะและเดินนำ

หลิงฮันยังไม่ขยับไปไหน เขาคิดว่ามันแปลกมาก ในเมื่อที่นี่เป็นสุสาน ทำไมพวกเขาจะต้องผ่านการทดสอบและความท้าทายต่างๆด้วย?

อย่างไรก็ตาม ในเมื่อได้รับรางวัล เขาก็พร้อมที่จะรับคำท้าทายนั่น เพราะอย่างไรเขาไม่มีอะไรต้องเสียอยู่แล้ว

“หลิงฮัน หรือว่าเจ้าจะกลัวจนก้าวไม่ออก?” เซี่ยอู๋เฉียนชี้ไปที่หลิงฮัน

“ใครบอกว่าข้ากลัว!” แน่นอนว่าหลิงฮันไม่หวาดกลัวอยู่แล้ว

“เพื่อเห็นแก่การต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กัน ข้าจะไม่ฆ่าเจ้า แต่จะทำให้เจ้ารู้ว่ายังมีคนที่แข็งแกร่งกว่าเจ้าอยู่ และเจ้าไม่ควรทำตัวอวดดีเกินไป!” เซี่ยอู๋เฉียนกล่าว

หลิงฮันดูแปลกใจเล็กน้อย เขาไม่คิดเลยว่าเซี่ยอู๋เฉียนจะพูดแบบนั้นออกมา

เขาครุ่นคิดอยู่สักพักและพูดว่า “เพื่อเห็นแก่การต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กัน ข้าเองก็จะไว้ชีวิตเจ้าและจะแค่สั่งสอนเจ้าเท่านั้น”

“ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าเป็นคนที่อวดดีจริงๆ!” เซี่ยอู๋เฉียนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เข้ามา!”

หลังพูดจบก็มีอักขระศักดิ์สิทธิ์ปรากฏอยู่บนแขนของเขา ซึ่งมีมากกว่าหกสิบแถว และมีภูผาวารีสี่ลูกปรากฏอยู่ด้านหลังพร้อมกับปลดปล่อยกลิ่นอายที่แข็งแกร่งออกมา

อักขระศักดิ์สิทธิ์มากกว่าหกสิบแถว นั่นหมายความว่าเขามีพลังต่อสู้หกดาว

“เจ้าต้องการข่มขู่ข้าอย่างนั้นรึ?” หลิงฮันยิ้มเล็กน้อย ไม่ใช่ว่าอีกฝ่ายเห็นพลังป้องกันของเขาแล้วหรือ? แม้ว่าจะเป็นจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นสูงชั้นสูงสุดและมีพลังต่อสู้หกดาว แต่แค่นั่นก็ยังไม่เพียงพอที่จะเอาชนะเขาได้

“แน่นอน แต่ข้ายังมีอีก!” เซี่ยอู๋เฉียนนำปลอกแขนสีดำออกมาและสวมเข้าไปในแขน หลังจากกระตุ้นใช้งานปลอกแขน อักขระศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดก็ส่องแสงและทันใดนั้นอักขระศักดิ์สิทธิ์ในมือของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก

เจ็ดสิบเอ็ด!

นั่นหมายความว่าพลังต่อสู้ของเขาเพิ่มขึ้นหนึ่งดาว!

หลิงฮันรู้สึกประหลาดใจและพูดว่า “ในด่านทดสอบรูปปั้นหิน เจ้าไม่ได้ใช้อาวุธชิ้นนี้!”

“ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากจะใช้มัน แต่เป็นเพราะอาวุธศักดิ์สิทธิ์นี้ได้รับความเสียหาย และสามารถใช้งานได้แค่เวลาครึ่งธูปหมดเท่านั้น” เซี่ยอู๋เฉียนไม่คิดปกปิดและบอกความจริง

หลิงฮันหัวเราะและพูดว่า “หรือเจ้าคิดว่าจะสามารถเอาชนะข้าได้ด้วยเวลาครึ่งธูปหมด?”

“แค่นั้นก็มากพอแล้ว!” เซี่ยอู๋เฉียนกล่าวด้วยความภาคภูมิใจ

แม้ว่าหลิงฮันจะมีพลังป้องกันที่น่าทึ่ง แต่ความแข็งแกร่งของเขาในปัจจุบันก็ใกล้เคียงกับจอมยุทธระดับสุริยันจันทรา แล้วถ้าเขาใช้เทคนิคลับมันก็อาจทำให้เขาสามารถฆ่าหลิงฮันได้

“ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าชักสงสัยแล้วสิว่าเจ้าเอาความมั่นใจแบบนั้นมาจากไหน” หลิงฮันหัวเราะ แล้วนำยันต์อาคมราชสีห์คลั่งออกมา ซึ่งมันสามารถใช้งานได้ทั้งหมดสิบครั้ง และจำนวนครั้งสูงสุดอาจลดลงเองขึ้นอยู่กับเวลาใช้งานของแต่ละครั้ง

พลังต่อสู้ของเขาด้อยกว่าเซี่ยอู๋เฉียนมาก นั่นเป็นเพราะช่องว่างระหว่างระดับพลัง โดยปกติแล้วมันคงเป็นเหมือนการถูกรังแกเพียงฝ่ายเดียว

แต่ใครจะยอมถูกรังแกเพียงฝ่ายเดียวกันล่ะ?

ดังนั้น หลิงฮันจึงไม่ลังเลที่จะใช้งานยันต์อาคมราชสีห์คลั่งอีกครั้ง

เขาแปะยันต์อาคมไว้บนร่างกาย แล้วทันใดนั้นเองอักขระศักดิ์สิทธิ์ก็ประทับลงบนร่างของเขา ถ้านับแล้วมันมีมากกว่าแปดร้อยแถว!

พรวด!

เซี่ยอู๋เฉียนแทบกระอักโลหิตและเผยสีหน้าตกตะลึง

เขามีอักขระศักดิ์สิทธิ์แค่เจ็ดสิบกว่าเท่านั้น แต่หลิงฮันมีมากถึงแปดร้อยแถว ความแตกต่างคืออะไร? มันไม่ได้แค่มากกว่าสิบเท่าเท่านั้น แต่ยังทำให้เขามีพลังเทียบเท่ากับจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นกลาง

“ข้ายอมแพ้!” ใบหน้าของเซี่ยอู๋เฉียนเต็มไปด้วยความขมขื่น

หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “เจ้าคิดว่าข้าจะหยุดหลังจากที่เจ้ายอมรับความพ่ายแพ้อย่างนั้นรึ? ในเมื่อข้าต้องใช้งานยันต์อาคมราชสีห์คลั่งไปแล้ว แล้วข้าจะปล่อยให้มันเสียเปล่าได้อย่างไร!”

หลิงฮันโจมตีออกไปด้วยฝ่ามือธรรมดา เขาไม่จำเป็นต้องใช้ทักษะใดๆ แค่เขาโจมตีด้วยฝ่ามือธรรมดาออกไปก็เพียงพอที่จะทำให้เซี่ยอู๋เฉียนพ่ายแพ้แล้ว

ถึงกระนั้นหลิงฮันก็ไม่คิดที่จะฆ่าอีกฝ่าย เขาแค่ลบความคิดของเซี่ยอู๋เฉียนที่จะฆ่าเขาออกไปเท่านั้น

“นี่มันทรงพลังเกินไปแล้ว!” เซี่ยอู๋เฉียนกรีดร้อง

หลิงฮันไม่สนใจและยังคงโจมตีใส่อีกฝ่าย

ชายหนุ่มที่ใช้หอกรู้สึกตกตะลึง ในความคิดของเขาเซี่ยอู๋เฉียนเป็นเหมือนเทพสงครามที่ไร้พ่าย และสมควรที่จะอยู่ยงคงกระพันถ้าเทียบกับจอมยุทธในระดับเดียวกัน แต่ตอนนี้เขากลับถูกหลิงฮันที่มีระดับพลังต่ำกว่าเล่นงาน

หลิงฮันทุบตีอีกฝ่ายและเซี่ยอู๋เฉียนไปด้านข้าง

“หลิงฮัน ในอนาคตที่นิกายสวรรค์เยือกแข็ง ข้าจะต้องลบล้างความอัปยศที่ได้รับในวันนี้ให้ได้อย่างแน่นอน!” เซี่ยอู๋เฉียนตะโกน

หลิงฮันหัวเราะและพูดว่า “เจ้าคงไม่มีโอกาสนั้น!”

ความก้าวหน้าของเขานั้นเหมือนกับการก้าวกระโดด ช่องว่างระหว่างเขากับเซี่ยอู๋เฉียนคงจะลดลงเรื่อยๆ และระดับสุริยันจันทราก็ยากที่จะทะลวงผ่าน ดังนั้นมันจึงมีโอกาสที่เขาจะไล่ตามอีกฝ่ายทันในเวลาอันสั้น

“ภรรยาข้า พวกเราไปกันเถอะ!” หลิงฮันจับมือสุ่ยเยี่ยนยวี่และเดินขึ้นไปชั้นที่สอง