บทที่ 636 วางระเบิดใต้น้ำลึก + บทที่ 637 ให้ข้อโต้แย้ง

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

บทที่ 636 วางระเบิดใต้น้ำลึก + บทที่ 637 ให้ข้อโต้แย้ง โดย Ink Stone_Romance

บทที่ 636 วางระเบิดใต้น้ำลึก

นักข่าวสาวมองเหมยเหมยอย่างสงสัย ในคำพูดของสาวน้อยคนนี้ที่มีความหมายแอบแฝง

สติปัญญาบอกเธอไว้ว่าไม่ควรถามอะไรต่ออีก แต่ความรู้สึกนึกคิดกลับทำให้เธอไม่อาจควบคุมตัวเองได้ เธออยากรู้เป็นอย่างมาก สาวน้อยคนนี้จะมีคำพูดที่น่าทึ่งสักเท่าไหร่ออกมาจากปากของเธอ

และอาจเป็นไปได้ว่าหลายปีมานี้เธออดทนมากเกินไป หรืออาจจะเป็นจิตใต้สำนึกของเธอ และหวังว่าจะมีใครสามารถพูดอะไรออกมาในคำพูดที่ตัวเธอไม่กล้าพูด…

แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุอันใดก็ตาม นักข่าวสาวไม่ได้ถอยไมโครโฟนออกแต่อย่างใด แต่เธอกลับถามต่อ

“สาวน้อยทำไมถึงพูดแบบนี้ล่ะ?”

เหมยเหมยมองนักข่าวสาวครู่หนึ่งอย่างชื่นชม นักข่าวที่กล้าเผยแพร่ข่าวที่เป็นข้อเท็จจริงถือเป็นนักข่าวที่ดี เพียงแค่นักข่าวสาวผู้นี้ถามออกมา เธอจะไม่มีทางปฏิบัติกับนักข่าวสาวอย่างไม่ยุติธรรม

ตระกูลจ้าวมีความสามารถมากพอที่จะปกป้องนักข่าวอย่างเธอได้

“ทำไมถึงพูดแบบนี้น่ะเหรอ? เพราะฉันคิดว่าสำหรับพวกเราที่ตั้งใจเรียนวาดรูปนั้นการแข่งขันคงจะเป็นดั่งสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ทำให้เราได้รับความแน่วแน่และกำลังใจ ฉันคิดมาตลอด แค่เราพยายามให้มากก็จะได้รับสิ่งตอบแทน เพราะฉะนั้นฉันจึงหอบเอาความมั่นใจมาด้วยอย่างเต็มเปี่ยม และฉันก็คิดว่าผู้เข้าแข่งขันคนอื่นคงจะคิดเหมือนกับฉัน และแน่นอนว่าอาจจะมีข้อยกเว้นบางอย่าง”

ขณะนี้บริเวณที่เหมยเหมยอยู่ห้อมล้อมเข้ามาด้วยผู้เข้าแข่งขันจำนวนมาก เมื่อพวกเขาได้ฟังคำพูดของเหมยเหมยจึงพร้อมใจกันปรบมือให้ บ่งบอกได้ว่าถึงการเห็นด้วยของพวกเขา

ความจริงก็เป็นเช่นนี้ พวกเขาแต่ละคนมีใครที่ไม่ใช่คนที่โดดเด่นบ้างล่ะ?

มาถึงเมืองหลวงก็ต้องหวังจะได้รางวัลกันทั้งนั้น พวกเขาทุกคนต่างมีความมั่นใจล้นหลาม

เพียงแต่ข้อยกเว้นที่สาวน้อยคนนี้พูดหมายความว่ายังไง?

นักข่าวสาวจับใจความคำพูดของเหมยเหมยได้ เธอจึงชื่นชมในใจว่าเด็กสมัยนี้มีความกล้านัก ต่อหน้าสาธารณะยังกล้าพูดคำพูดแบบนี้ออกมา

เธอคิดว่าควรจะหยุดการสัมภาษณ์ไว้เพียงเท่านี้ เพราะหากเธอยินยอมให้เหมยเหมยพูดออกมา คงจะถือโทษต่อหลายๆองค์กรที่มีชื่อเสียงไม่น้อย และอาจเป็นไปได้ว่าภาพวาดของสาวน้อยคนนี้อาจจะถูกทำลายไปด้วย

เหมยเหมยที่เห็นถึงสายตาเป็นกังวลของนักข่าวสาว และเธอรู้ดีว่านักข่าวคนนี้เตรียมจะก้าวถอยห่าง เธอจึงหันไปขยิบตาส่งให้นักข่าวสาวด้วยความทะเล้น และแย่งไมโครโฟนมาอย่างรวดเร็ว

“พวกคุณคงสงสัยที่ฉันพูดว่าข้อยกเว้นคืออะไร ฉันขออธิบายสักหน่อย ข้อยกเว้นก็คือ มีผู้เข้าแข่งขันบางราย เธอถูกตัดสินภายในให้ได้รับรางวัลที่สองตั้งแต่การแข่งขันยังไม่ทันจะเริ่มเสียด้วยซ้ำ”

คำพูดของอู่เหมยเปรียบเสมือนระเบิดน้ำลึก ที่ระเบิดลงไปใต้คลื่นลึกถึงพันชั้น

ผู้คนต่างมองเหมยเหมยด้วยความตกใจ พวกเขาต่างไม่นึกสงสัยใดๆ ในคำพูดของเหมยเหมย เบื้องลึกด้านมืดสามารถเกิดขึ้นได้ทุกช่วงเวลา แต่พวกเขายังคงหวังว่าการแข่งขันของพวกเขาจะเป็นอะไรที่ยุติธรรม

เพียงแต่คำพูดของเหมยเหมยกลับทำให้ความหวังของพวกเขาต้องแหลกสลาย!

ทุกคนต่างโกรธมาก!

มีสิทธิ์อะไรกัน ?

มีคนถามขึ้นเสียงดัง “การตัดสินจากคนภายในให้รางวัลที่สองไปแล้วจริงหรือ?”

เหยียนโฮ่วเต๋อที่คิดจะแสดงตัวต่อหน้าสาธารณชนพลันมีสีหน้าซีดลงในทันที ใครจะรู้ล่ะว่าลูกสาวของท่านรองผู้ว่าจะเป็นผู้กล้าหน้าโง่ปากไม่มีหูรูด กล้าจุดประทัดต่อหน้านักข่าวในเมืองหลวง!

ตัดสินจากคนภายในให้รางวัลที่สองแล้วทำไมหรือ ไม่ได้ตัดสินรางวัลที่หนึ่งก็แสดงว่าพวกที่ใช้เส้นสายยังหลงเหลือความดีอยู่บ้าง แล้วทำไมลูกสาวท่านรองผู้ว่าต้องเอาจริงเอาจังขนาดนี้ด้วยล่ะ!

เหยียนโฮ่วเต๋อเดินไปด้านหน้าเพื่อพูดเสริมเรื่องที่เกิดขึ้น “เด็กน้อยยังไม่รู้เรื่องอะไรจึงพูดไปเรื่อยเปื่อย คุณนักข่าวรีบไปสัมภาษณ์เด็กคนอื่นๆ ต่อเถอะครับ!”

เหมยเหมยมองเหยียนโฮ่วเต๋อราวกับส่งยิ้มให้แต่ไม่ เธอจงใจพูด “ครูเหยียนคะ แต่ก่อนครูสอนพวกเราว่าหากเจอเหตุการณ์ที่ไม่ยุติธรรมจะต้องกล้าที่จะพูดออกมาไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้หนูก็ทำตามคำสั่งสอนของครูแล้วไง!”

เหยียนโฮ่วเต๋ออยากจะร้องไห้แต่ร้องไม่ออก เจ้าเด็กตัวแสบ!

เขาเคยพูดจาบ้าๆ แบบนี้เสียเมื่อไหร่กัน!

บนโลกนี้เรื่องอยุติธรรมมีมากถมไป จัดการได้เสียที่ไหนกัน เมื่อพบพานเรื่องอยุติธรรมมันเป็นเรื่องของวีรบุรุษและพระโพธิสัตว์ เกี่ยวข้องอะไรกับเขาล่ะ!

…………………………………………………….

บทที่ 637 ให้ข้อโต้แย้ง

เหมยเหมยที่เห็นท่าทีร้องไห้แต่ไร้ซึ่งน้ำตาของเหยียนโฮ่วเต๋อก็อารมณ์ดีเป็นอย่างมาก เหอะ ชายชั่วที่คิดจะยืมมือพ่อเข้าใช้เพื่อความก้าวหน้า ฝันไปเถอะ!

ให้เขาได้แสดงธาตุแท้ออกมา!

เหยียนโฮ่วเต๋อไม่ได้สนใจต่อลูกสาวรองผู้ว่าอะไรนั่น เขาเพียงต้องการหยุดไม่ให้เหมยเหมยพูดต่อ เขาโมโหต่อคำพูดคำจาของเจ้าเด็กแสบคนนี้จริงๆ แล้วเขาจะหวังพึ่งอะไรได้อีก?

จ้าวเสวียกงและทั้งสามพี่น้องขยับเข้ามาอย่างพร้อมเพรียงเพื่อขวางหน้าเขาไว้อย่างมิได้นัดหมาย ด้านซ้ายด้านขวาด้านหน้าต่างถูกขวางไว้หมด เหยียนโฮ่วเต๋อหลงเหลือเพียงแค่หนทางให้ถอยหลัง เขาที่ร้อนรนจนอยากจะเรียนรู้วิชาจากซุนหงอคง[1] เพื่อจะได้ตีลังกากลางอากาศข้ามไป

หวงอวี้เหลียนและหร่วนหวาไฉ่ต่างก็รับรู้ได้ถึงความเคลื่อนไหวจากทางฝั่งนั้น แต่ก็ไม่อาจรู้ว่าเกิดเหตุอันใดขึ้น โอหยางซานซานเริ่มไม่พอใจจึงยกมุมปากสูงมาก

เพราะคนที่โดนล้อมให้อยู่ตรงกลางไม่ใช่เธอ!

คนที่ปรากฏตัวก็ไม่ใช่เธอ!

นั่นจึงทำให้คนที่คิดว่าตัวเองดีเพียบพร้อมอย่างโอหยางซานซานเกิดความไม่พอใจ แน่นอนว่าสีหน้าท่าทีของเธอต้องแย่ตามไปด้วย

หวงอวี้เหลียนเองก็ไม่พอใจ เมื่อวานเธอตั้งใจโทรไปหาสำนักวารสารสังคมเอง เพื่อให้นักข่าวถามคำถามลูกสาวของเธอให้มาก และโฟกัสกล้องมาที่เธอบ่อยๆ นักข่าวพวกนี้ทำอะไรกันอยู่ จนป่านนี้ยังไม่โผล่หัวมาเลย

“เข้าไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น”

หวงอวี้เหลียนเดินเข้ามาด้วยท่าทางวางมาด เธอจะเข้าไปดูให้เห็นว่าเป็นใครมาจากไหน กล้าแย่งลูกสาวของเธอออกหน้าได้ขนาดนี้!

เหมยเหมยมองเห็นพวกเขาทั้งสามรวมถึงหวงอวี้เหลียนเดินเข้ามาทางนี้ จึงหัวเราะเยาะไปที และพูดเสียงดังขึ้นกว่าเดิม “ถูกต้อง รางวัลที่สองตัดสินจากคนภายในไว้แล้ว อีกทั้งผู้เข้าแข่งขันที่ถูกตัดสินให้ได้รางวัลนั้นได้มาโดยไม่ใช่ความสามารถจริงๆ ของตนด้วย แค่เธอมีอาจารย์ดีเท่านั้นเอง!”

เหยียนโฮ่วเต๋อในขณะนี้หน้าซีดเทา ตายแล้วตายแล้ว เจ้าเด็กแสบทำให้เขาต้องลำบากแล้ว!

หวงอวี้เหลียนและหร่วนหวาไฉ่ต่างก็ได้ยินคำพูดของเหมยเหมย สีหน้าจึงเปลี่ยนไปและเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น อยากเห็นหน้านักว่าเป็นใครหน้าไหนที่กล้าได้มากขนาดนี้ ต่อหน้าคนหมู่มากยังกล้าพูดจาไร้สาระ

เหมยเหมยจึงพูดต่อ “หากพูดถึงระดับความสามารถของผู้เข้าแข่งขันคนนี้ แม้แต่สิทธิ์ที่จะเข้าร่วมแข่งขันในครั้งนี้ยังไม่มีเลย เธอมีสิทธิ์อะไรที่จะได้รับรางวัลที่สอง? สิทธิ์ของอาจารย์เธอที่เป็นผู้ดูแลการแข่งขันครั้งนี้งั้นหรือ?”

ระเบิดน้ำลึกได้ระเบิดลงไปใต้คลื่นลึกถึงพันชั้นอีกครั้ง!

คำพูดของเหมยเหมยพูดได้ชัดเจนมากพอแล้ว คนที่รับรู้เรื่องราวเหล่านั้นบ้างเล็กน้อย ก็รับรู้ได้ในทันทีว่าเธอต้องการจะสื่อถึงใคร โดยเฉพาะผู้เข้าแข่งขันจากเมืองหลวง พวกเขาไม่พึงพอใจต่อการที่โอหยางซานซานได้เข้าร่วมแข่งขันอยู่แล้ว เพียงแค่ไม่กล้าพูด

แต่เหมยเหมยเป็นผู้เริ่มที่จะฉีกผ้ากั้นสิ่งชั่วช้าชั้นนี้ออก แน่นอนว่าพวกเขาไม่มีทางทนต่อได้ จึงเริ่มทยอยโห่เสียงร้องขึ้น!

“ใช่ ระดับฝีมือการวาดภาพไม่ต่างไปจากเด็กอนุบาลเลย เธอมีสิทธิ์อะไรได้รับรางวัลที่สอง?”

ต่อให้โอหยางซานซานจะโง่แค่ไหน เธอก็รู้ได้ว่าคนที่เหมยเหมยพูดถึงอยู่คือตัวเธอเอง แต่เธอกลับไม่คิดว่าตัวเธอวาดได้ไม่ดี เธอรู้สึกว่าตนเองวาดดีมาโดยตลอด แต่กลับคิดว่าที่เหมยเหมยพูดออกมาแบบนั้นเป็นเพราะอิจฉาเธอ!

อิจฉารูปลักษณ์หน้าตาของเธอ อิจฉาความสามารถของเธอ อิจฉาที่เธอได้รับความนิยมชมชอบจากคุณย่าจ้าวมากกว่า เหอะ เด็กบ้านนอกที่ถูกเลี้ยงดูให้เติบโต ต่อให้สวมมงกุฎหงส์ก็ไม่มีทางเหมือนเจ้าหญิง!

หวงอวี้เหลียนขมวดคิ้วแน่น เธอนึกไม่ถึงว่าคนที่พูดจาสามหาวต่อหน้าทุกคนจะเป็นเหมยเหมย แต่นี่ก็เป็นเรื่องที่จัดการได้ยากแล้วล่ะ!

เธอกระซิบข้างหูหร่วนหวาไฉ่ไม่กี่ประโยค หร่วนหวาไฉ่รับบัญชายิ่งชีพ หวงอวี้เหลียนจึงได้พาตัวโอหยางซานซานเลี่ยงออกมา เรื่องนี้เธอไม่จำเป็นต้องออกหน้า แค่ทำเป็นไม่รู้เท่านั้นพอ!

เหมยเหมยกลับไม่คิดจะปล่อยทั้งสองแม่ลูกไปง่ายๆ จึงพูดขึ้นอีกครั้งด้วยเสียงที่ดังขึ้น “ทางผู้จัดควรจะออกมาอธิบายให้พวกเราเข้าใจถึงเหตุผลสักหน่อยไหม? ในเมื่อรางวัลที่สองก็ได้ตัดสินออกมาแล้ว ฉันอดคิดไม่ได้เลยว่ารางวัลที่หนึ่งและรางวัลที่สามจะต้องตกไปเป็นของนักเรียนหรือลูกหลานของผู้นำคนใดคนหนึ่งด้วยหรือเปล่า? ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ฉันมาเข้าร่วมแข็งขันจะมีความหมายอะไร?”

…………………………………………………………………………………………..

[1] หรือเรียก เห้งเจีย เป็นตัวละครเอกในเรื่องไซอิ๋ว เดิมเป็นหินที่ถูกแสงสุริยันจันทราอาบมากว่า 1,000 ปี วันหนึ่งจึงแตกออกและกลายเป็นลิงตัวหนึ่ง จากนั้นได้เข้าไปอยู่กับฝูงวานรที่เขาไม้ผล (เขาฮัวกั่ว) และตั้งตัวเป็นจ่าฝูง เหล่าวานรในฝูงนับถือเป็นท่านอ๋อง ฉายา “มุ้ยเกาอ๋อง” (พญาวานรโสภา)