ตอนที่ 2912 ความมั่นใจ

ในตอนแรกที่ซือเฟิงนำแบบแปลนสองชิ้นนี้ออกมานั้น ฟางฉีหานไม่ได้ให้ความสนใจกับมันมากนัก และตัวเธอนั้นก็รู้สึกว่าการที่ซือเฟิงเลือกจะหันหลังให้กิลชั้นสูงต่างๆพวกนี้นั้นมันเป็นการกระทำที่หุนหันพลันแล่นเกินไป เพราะท้ายที่สุดแล้ว แม้ว่ากิลชั้นสูงพวกนี้จะด้อยกว่ามหาอำนาจต่างๆมาก แต่จำนวนผู้เชี่ยวชาญขั้นสามของพวกเขานั้นก็มีไม่ต่ำกว่าสองถึงสามล้านคนแน่นอน และเผลอๆบางกิลอาจมีมากกว่าสี่ล้านคนด้วยซ้ำ ซึ่งนี่มันจะส่งผลกระทบอย่างมากแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นในด้านการรุกหรือรับต่อสงครามในอาณาจักรทวินทาวเวอร์

สำหรับจำนวนผู้เชี่ยวชาญขั้นสามของสภาสิบแปดปีกนั้น พวกเขามีอยู่มากกว่าหนึ่งล้านสองแสนคนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งนี่มันก็นับว่าน้อยกว่าค่าเฉลี่ยด้วยเมื่อเทียบกับมหาอำนาจต่างๆในปัจจุบัน

อย่างไรก็ตามเมื่อฟางฉีหานได้อ่านข้อมูลของแบบแปลนทั้งสองนั้นเธอก็เต็มไปด้วยความตกตะลึงอย่างถึงที่สุด

“หัวหน้ากิล นี่มันจริงงั้นหรอ ?” ฟางฉีหานอดไม่ได้ที่จะถาม

แม้ว่าเธอจะเคยได้เห็นสมบัติมามากมายมาจากไมโทโลจี้ ซึ่งเป็นซุเปอร์กิลที่เธอลาออกมา แต่อย่างไรก็ตามเธอก็ไม่เคยเห็นสมบัติชิ้นไหนของไมโทโลจี้ที่จะมีเทียบเท่ากับแบบแปลนเรือเหาะระดับเหล็กลึกลับ และแบบแปลนหุ่นกลผู้พิทักษ์ระดับลึกลับขั้นเงินเลย และในตอนนี้เธอก็รู้สึกราวกับว่าสิ่งที่เธอได้เห็นนั้นมันเป็นเพียงความฝัน

ปัจจุบันห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดบางกิลนั้นได้รับเรือเหาะมาแล้ว แต่มันก็เป็นเพียงเรือเหาะทั่วไป ซึ่งเทียบไม่ได้เลยกับเรือเหาะมังกรสีเลือด สำหรับหุ่นกลผู้พิทักษ์นั้นเท่าที่เธอรู้ไมโทโลจี้มีหุ่นกลผู้พิทักษ์ที่แข็งแกร่งที่สุดอยู่ในระดับเหล็กลึกลับ และมีเพียงแค่สามตัวเท่านั้น ซึ่งพวกมันทั้งหมดถูกส่งไปประจำการที่สำนักงานใหญ่หลักของไมโทโลจี้ และพวกมันก็ยังได้รับการคุ้มกันจากองค์รักษ์ส่วนตัวขั้นสี่อีกทีหนึ่งด้วย

“คุณเห็นมันไม่ชัดงั้นหรอ ?” ซือเฟิงกล่าวถามพลางหัวเราะเบาๆ เมื่อเขาได้เห็นแววตาที่ว่างเปล่าของฟางฉีหาน

อย่างไรก็ตามเขาก็พอจะเข้าใจท่าทีของฟางฉีหานอยู่บ้าง เพราะท้ายที่สุดแล้วเรือเหาะระดับเหล็กลึกลับ และหุ่นกลผู้พิทักษ์ระดับลึกลับขั้นเงินนั้น มันไม่ควรจะมีผู้เล่นคนใดที่จะสามารถเป็นเจ้าของมันได้เลยในระยะนี้ของเกม นี่ยังไม่ต้องพูดถึงแบบแปลนที่จะทำให้ผู้เล่นสามารถสร้างทั้งสองสิ่งนี้ขึ้นมาได้อย่างไม่จำกัด ตราบใดที่มีวัสดุเพียงพอเลย โดยแม้แต่คนโง่ก็จะสามารถบอกได้ว่าผู้ที่ครอบครองแบบแปลนทั้งสองสิ่งนี้นั้นมันก็จะเท่ากับการครอบครอง God domain ในปัจจุบันนี้เลย

“เดี๋ยวฉันจะรีบไปปฎิเสธกิลพวกนั้นทันทีเลย !!!” ฟางฉีหานกล่าวด้วยรอยยิ้ม และดวงตาที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น

แม้ว่าก่อนหน้านี้เธอจะเคยดำรงตำแหน่งรองหัวหน้ากิลลำดับที่หนึ่งของไมโทโลจี้ ซึ่งมันทำให้เธอมีทั้งตัวตน และสถานะที่แข็งแกร่งมากพอจะไม่เห็นหัวใครก็ได้ แต่พอมาในตอนนี้นั้นมันก็ยังทำให้เธออดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นอยู่ดี

การที่กิลสามารถจะเอาชนะสงครามในสองอาณาจักรนี้ได้ โดยที่ไม่ต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากภายนอกนั้นมันนับว่าเป็นเรื่องดีแน่นอน

ในช่วงเวลาสั้นๆ กิลชั้นสูง และกิลชั้นรองจำนวนมากที่ตั้งเงื่อนไข และเล่นแง่กับสภาสิบแปดปีกก็ได้รับคำตอบจากฟางฉีหานที่ทำเอาแต่ละคนนั้นล้วนตกตะลึงทั้งหมด

ข้อความที่ฟางฉีหานส่งมาหาพวกเขานั้นมันมีคำสั้นๆเพียงคำเดียวเท่านั้น

ไสหัวไป !!!

ในช่วงเวลาหนึ่งสิ่งนี้มันทำให้กิลชั้นสูง และกิลชั้นรองจำนวนมากพวกนี้นั้นล้วนรู้สึกโง่งมไปทันที

“หยิ่ง !! หยิ่งผยองอย่างแท้จริง !!!”

“สภาสิบแปดปีกไม่ได้มองกิลชั้นสูงห้ากิลของพวกเราอยู่ในสายตาเลย !!!”

ตัวแทนทั้งห้าของกิลชั้นสูงห้ากิลอดไม่ได้ที่จะกรีดร้องออกมา เมื่อได้รับคำตอบจากฟางฉีหหาน

ใน God domain ก่อนหน้านี้นั้น มหาอำนาจต่างๆในทวีปหลักจัดว่าแข็งแกร่งมากๆ และกิลชั้นสูงนั้นก็แค่อาศัยเอาตัวรอดไปเรื่อยๆท่ามกลางสงครามระหว่างมหาอำนาจต่างๆเท่านั้น แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันได้เปลี่ยนไปเมื่อมีกองทัพผู้เล่น และ NPC ที่แข็งแกร่งจำนวนหลายสิบล้านจากโลกอื่นบุกเข้าสู่ทวีปหลักด้านตะวันออกของ God domain สิ่งนี้มันส่งผลให้มหาอำนาจต่างๆนั้นต้องกลับมามองกิลชั้นสูงอยู่ในสายตา เพราะท้ายที่สุดแล้วพวกเขาจำเป็นจะต้องขอความร่วมมือจากกิลชั้นสูงในการเข้าเสริมกำลังเพื่อทำสงครามในครั้งนี้

แต่ตอนนี้สภาสิบแปดปีกซึ่งอยู่ในภาวะคับขันอย่างถึงที่สุดกับตอบพวกเขามาว่าให้ “ไสหัวไป !!” ดังนั้นนี่มันจะไม่ทำให้พวกเขารู้สึกโง่งม และตกตะลึงได้อย่างไร

“ช่างหยิ่งผยองอย่างแท้จริง !!! แต่ไม่เป็นไร เราจะปล่อยให้สภาสิบแปดปีกหยิ่งไปก่อน !!!” เมื่อมองไปที่คำตอบของฟางฉีหาน หัวหน้ากิลของจักรวรรดิผนึกศักสิทธิ์ก็กล่าวพลางหัวเราะเยาะ “เรามารอดูกันว่าเมื่อสงครามในอาณาจักรทวินทาวเวอร์เริ่มขึ้น สภาสิบแปดปีกผู้หยิ่งผยองจะจัดการกับปัญหากำลังพลไม่พออย่างไร !!!”

“ใช่แล้ว !! และเนื่องจากสภาสิบแปดปีกดูถูกเราแบบนี้ งั้นเราก็จะไปร่วมมือกับมหาอำนาจอื่นๆที่ยื่นข้อเสนอเข้ามาแทน แล้วสุดท้ายมารอดูกันว่าสภาสิบแปดปีกจะเสียใจกับการตัดสินใจในครั้งนี้ของตัวเองแค่ไหน !!!” หัวหน้ากิลชั้นสูงอีกกิลหนึ่งซึ่งเป็นผู้หญิงกล่าวเสริม “และในตอนนั้น หากสภาสิบแปดปีกต้องการมาขอความช่วยเหลือจากเรา มันก็จะไม่ง่ายเหมือนครั้งนี้แน่นอน !!!”

กิลทั้งห้าของพวกเขานั้นได้รับข้อเสนอดีๆมากมาย รวมไปถึงข้อเสนอที่นับว่ามหาศาลและจริงใจมากๆของสตาร์ลิ้ง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่จำเป็นจะต้องกังวลในเรื่องการหาบ้านหลังถัดไปเลย ….

กิลชั้นสูงห้ากิลของพวกเขาที่มารวมตัวกันนั้นสามารถจะส่งกำลังพลออกไปได้อย่างมหาศาล โดยแบ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญขั้นสามมากกว่าหนึ่งล้านหกแสนคน และผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่มากกว่าหกสิบคน ซึ่งด้วยพลังแบบนี้นั้นมันก็ทำให้พวกเขาไม่ด้อยไปกว่ามหาอำนาจทั่วไปเลย และนี่มันก็เป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเขามีความมั่นใจในการเจรจาหาผลประโยชน์

และในเวลานี้หากกิลชั้นสูงห้ากิลของพวกเขาตัดสินใจเข้าช่วยเหลือสตาร์ลิ้งต้านกองทัพผู้รุกรานจากโลกอื่นได้สำเร็จนั้น พวกเขาก็ไม่เชื่อว่าสภาสิบแปดปีกจะไม่เสียใจกับการตัดสินใจของตัวเองในวันนี้
ขณะเดียวกันเมื่อเวลานั้นมาถึง และสภาสิบแปดปีกมาขอความช่วยเหลือจากพวกเขา พวกเขาก็จะเรียกร้องเอากับสภาสิบแปดปีกอย่างมหาศาลกว่าครั้งนี้แน่นอน

ในระหว่างนี้หัวหน้ากิลชั้นสูงอีกสามกิลก็พยักหน้าเห็นด้วย และพวกเขาก็มั่นใจกันมากว่าหากปราศจากความช่วยเหลือจากพวกเขานั้น มันก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่สภาสิบแปดปีกจะปกป้องอาณาจักรทวินทาวเวอร์ไว้ได้

หลังจากนั้นกิลชั้นสูง และกิลชั้นรองทั้งหมดพวกนี้ก็ได้ตัดสินใจยอมรับเงื่อนไขของ
สตาร์ลิ้ง และเลือกจะเข้าช่วยสตาร์ลิ้งปกป้องแนวรบบริเวณจักรวรรดิรัตติกาล ซึ่งเรื่องนี้มันก็ทำให้ลู่เทียนนี้นั้นรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

“หัวหน้ากิล คุณคิดว่าแบล๊คเฟรมกำลังคิดอะไรอยู่ ?” เมื่อได้เห็นสัญญาที่ได้รับการลงนามเรียบร้อยจากกิลชั้นสูงห้ากิลนั้นอี้กุ้ยก็อดจะสงสัยไม่ได้ “กิลชั้นสูงห้ากิลนี้นั้นมีความแข็งแกร่งมากๆ และเมื่อพวกเขาทั้งห้ารวมตัวกันนั้น พวกเขาก็จะมีพลังเหนือกว่ากิลชั้นยอดเลยด้วยซ้ำ และแม้แต่ซุเปอร์กิลบางกิลก็ยังอยากจะได้รับความร่วมมือจากพวกเขา แต่ทั้งห้ากิลนี้กับแสดงท่าทีสนใจในเมืองสภาสิบแปดปีก และเมืองหินโบราณ ซึ่งหากสภาสิบแปดปีกยอมมอบผลประโยชน์ให้ทั้งห้ากิลเพียงเล็กน้อย พวกเขาก็น่าจะมีความสุข และยอมรับมัน รวมทั้งเข้าช่วยเหลือสภาสิบแปดปีกง่ายๆ แต่สภาสิบแปดปีกกับปฎิเสธพวกเขาเนี่ยนะ ?”

“แบล๊คเฟรมนั้นหยิ่งผยองเกินไป !! เขาคิดว่าเมื่อเขาอยู่ในฐานะผู้เล่นที่แข็งแกร่งที่สุดใน God domain และในฐานะนักบุญแห่งดาบขั้นห้า เขาจึงไม่กลัวกองทัพ NPC จากโลกอื่น” ลู่เทียนตี้กล่าว “แต่อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้รู้เลยว่าต่อหน้ากองทัพ NPC ที่เข้ารุกรานในคราวนี้นั้น ผู้เล่นขั้นห้าหนึ่งคน หรือต่อให้สภาสิบแปดปีกมีนับสิบ มันก็จะไม่สามารถเปลี่ยนสถานการณ์ของสนามรบได้ !!!”

หากมันเป็นช่วงก่อนที่การต่อสู้จะเริ่มขึ้นนั้น แม้ว่าเขาจะรู้สึกว่าการกระทำของซือเฟิงไม่ฉลาดเลย แต่มันก็ไม่ได้ไร้เหตุผลซะทีเดียว เพราะท้ายที่สุดแล้วอาชีพขั้นห้านั้นแข็งแกร่งกว่าอาชีพขั้นสี่มากๆ และอาชีพขั้นห้าก็สามารถจะทำลายเมืองๆหนึ่งได้ด้วยตัวคนเดียวเลย

อย่างไรก็ตามหลังจากที่ลู่เทียนตี้ได้เห็นการต่อสู้ที่เกิดขึ้นในบริเวณจักรวรรดิรัตติกาลนั้นมันก็ทำให้เขาได้เข้าใจว่าผู้เล่นขั้นห้า แค่หนึ่งคน หรือไม่กี่สิบคนในสนามรบนั้นมันแทบจะเรียกว่าไม่มีอะไรเลย เพราะกองทัพ NPC ผู้รุกรานนั้นมี NPC ขั้นสี่ และขั้นห้าจำนวนมาก นี่ยังไม่นับรวม อาวุธสงคราม และวงเวทย์อีกมากมายที่พวกเขาสามารถจะใช้จัดการกับผู้เล่นขั้นห้า

ซึ่งด้วยปัจจัยทั้งหมดนี้เอง มันก็จะทำให้ผู้เล่นขั้นห้านั้นทำอะไรไม่ได้มากนักในสงครามแบบนี้ และหากต้องการจะต้านทานกองทัพ NPC แบบนี้ไว้ให้ได้จริงๆนั้น มันก็จำเป็นจะต้องอาศัยกำลังพลโดยรวมทั้งผู้เชี่ยวชาญขั้นสามไปจนถึงขั้นห้าที่มากเพียงพอเพื่อที่จะได้แบ่งรับแบ่งสู้กันกับกองทัพ NPC แบบนี้

“แต่คราวนี้ก็ต้องขอบคุณความหยิ่งผยองของแบล๊คเฟรมจริงๆ เพราะมันทำให้กิลชั้นสูงห้ากิลนี้นั้นได้ตัดสินใจมาเข้าร่วมกับสตาร์ลิ้ง และช่วยเราปกป้องเมือง NPC กับป้อมปราการของเรา” ลู่เทียนตี้กล่าวด้วยรอยยิ้มบางๆ

จักรวรรดิรัตติกาลนั้นมีสามกิลหลักคอยปกป้องอยู่ ซึ่งก็คือสตาร์ลิ้ง อันยีลดิ้งโซล และจักรวรรดิรัตติกาล อย่างไรก็ตามสามกิลหลักนี้ก็ล้วนเลือกจะปกป้องแค่ดินแดนของตัวเองเท่านั้น ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจใดๆ เพราะท้ายที่สุดแล้ว สถานการณ์ในตอนนี้นั้น แค่ตัวเองมันก็เต็มกลืนแล้ว การจะแบ่งกำลังไปช่วยคนอื่น หรือสตาร์ลิ้งที่เป็นศัตรูกันนั้นมันก็ดูจะไม่สมเหตุสมผล

ในขณะที่กองกำลังขนาดใหญ่ต่างๆกำลังพูดคุยเกี่ยวกับการกระทำที่ไม่ฉลาดของสภาสิบแปดปีก สภาสิบแปดปีกก็ยังคงรับสมัครผู้เล่นเข้าสู่กิลของตัวเอง และพัฒนาเมืองหินโบราณ กับเมืองสภาสิบแปดปีกไปอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันด้วยมรดกที่สมบูรณ์ขั้นสามของสภาสิบแปดปีก มันก็ช่วยให้กิลสามารถสร้างผู้เชี่ยวชาญขั้นสามเพิ่มขึ้นมาได้อย่างต่อเนื่อง

และแม้ว่ากิลชั้นสูงห้ากิลจะตัดสินใจเข้าร่วมกับสตาร์ลิ้ง แต่จำนวนผู้เชี่ยวชาญอิสระที่เลือกจะเข้ามาปกป้องอาณาจักรทวินทาวเวอร์นั้นมันก็ยังคงเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ

เพราะหลังจากที่สภาสิบแปดปีกเข้าประจำการในอาณาจักรสตาร์มูนได้นั้น เมือง NPC ทั้งหมดในอาณาจักรสตาร์มูนนั้นก็ล้วนมีเส้นทางการเทเลพอร์ตไปยังเมืองสภาสิบแปดปีกโดยตรง ซึ่งนี่มันช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ที่ต้องการจะเดินทางไปยังเมืองสภาสิบแปดปีกอย่างมาก

นี่ยังไม่นับรวมเส้นทางเทเลพอร์ตที่เชื่อมกับเมืองหินโบราณอีก ซึ่งมันช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญขั้นสาม และขั้นสี่ที่ต้องการจะสำรวจ และโจมตีเมืองหลวงของจักรวรรดิออร์คนั้นสามารถเดินทางเข้ามาได้ง่ายมากๆ
ด้วยเหตุนี้เองฟางฉีหานจึงได้สร้างระบบให้คะแนนพิเศษขึ้นมา ซึ่งมันแบ่งออกเป็นสามระดับได้แก่ ทองแดง เงิน และทอง ซึ่งเมื่อเก็บถึงหนึ่งแสนแต้มนั้นก็จะได้รับสถานะระดับทองแดงในเมืองสภาสิบแปดปีก โดยสถานะระดับทองแดงนี้มันจะทำให้คนที่ได้รับมันไปนั้นได้รับส่วนลดห้าเปอเซ็นต์ สำหรับค่าที่พัก และค่าเข้าเมือง สำหรับสถานะระดับเงินนั้นจะได้รับก็ต่อเมื่อเก็บคะแนนพิเศษนี้ได้ถึงหนึ่งล้านแต้ม โดยมันจะทำให้ผู้มีสถานะนี้ได้รับส่วนลดทุกอย่างสิบเปอเซ็นต์ ตลอดไป ในส่วนของสถานะระดับทองนั้นจะได้รับก็ต่อเมื่อเก็บคะแนนพิเศษได้ถึงสิบล้านแต้ม โดยมันก็จะทำให้ผู้มีสถานะนี้ได้รับส่วนลดทุกอย่างยี่สิบเปอเซ็นต์ ตลอดไป

ซึ่งการฆ่า NPC ขั้นสามหนึ่งคนจะได้รับคะแนนนี้ห้าแต้ม ฆ่า NPC ขั้นสี่หนึ่งคนจะได้รับคะแนนนี้ห้าร้อยแต้ม และฆ่า NPC ขั้นห้าหนึ่งคนจะได้รับคะแนนหนึ่งแสนแต้มโดยตรง

ในเวลาเพียงหนึ่งวัน มันมีผู้เชี่ยวชาญอิสระมากกว่าหนึ่งล้านคนจากประเทศต่างๆเดินทางเข้ามาที่เมืองชายแดน และป้อมปราการของอาณาจักรทวินทาวเวอร์ โดยในหมู่คนเหล่านี้นั้นมีผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่มากกว่าสองร้อยคน ซึ่งทุกคนนั้นล้วนต้องการเก็บสะสมคะแนนพิเศษของสภาสิบแปดปีกเพื่อที่จะทำให้ชีวิตของตัวเองในเมืองสภาสิบแปดปีก และเมืองหินโบราณง่ายขึ้น

และสิ่งนี้มันก็ทำให้กิลในประเทศต่างๆนั้นล้วนอิจฉาสภาสิบแปดปีกมากๆ อย่างไรก็ตามแม้ว่าพวกเขาจะทำแบบเดียวกัน แต่ผลตอบรับมันก็ไม่ได้ดีนัก

หลังจากนั้นเมื่อเวลาผ่านไป ซือเฟิงก็ได้เรียกพวกระดับสูงของบริษัทการค้าแสงเทียนมารวมตัวกันเพื่อให้ทำการวิจัย และสร้างเรือเหาะชางเล่ย (ชื่อเรือเหาะระดับเหล็กลึกลับ) กับหุ่นกลผู้พิทักษ์อสูรไฟ (หุ่นกลระดับลึกลับขั้นเงินนั่นแหละ ชื่อมัน)

อาวุธสงครามทั้งสองชิ้นนี้ไม่เพียงแต่จะต้องใช้วัสดุที่ล้ำค่าในการสร้างเท่านั้น แต่มันยังมีข้อกำหนดที่สูงมากสำหรับผู้ที่ต้องการจะสร้างมัน โดยผู้เล่นอาชีพที่ต้องการจะสร้างมันนั้นจะต้องอยู่ในระดับปรมาจารย์เป็นอย่างน้อย ….

โดยเมื่อเริ่มสร้างพวกมันนั้น ซือเฟิงก็ประเมินได้อย่างชัดเจนเลยว่า มันเป็นไปได้ที่จะสร้างเรือเหาะชางเล่ยให้เสร็จได้ในอีกไม่กี่วัน นี่ยังไม่ต้องพูดถึงหุ่นกลผู้พิทักษ์อสูรไฟเลย

แต่อย่างไรก็ตามในระหว่างนี้มันก็มีสิ่งที่ทำให้ซือเฟิงมีความสุขมากๆอยู่อย่างหนึ่ง ซึ่งนั่นก็คือเสวี่ยเหวินโหรว และอควาโรสนั้นกลับมาเป็นปกติแล้ว เพียงแต่ว่ามันมีผลกระทบนิดหน่อยตรงที่ความทรงจำในการต่อสู้บางส่วนของพวกเธอนั้นหายไป มันจึงทำให้มาตราฐานการต่อสู้ของพวกเธอลดลงไปจากเดิมเล็กน้อย

ยิ่งไปกว่านั้นทั้งสองคนก็ยังสร้างร่างมานาขั้นห้าของตัวเองขึ้นมาได้ และเลื่อนขั้นไปสู่ขั้นห้าได้แล้ว สิ่งนี้มันจึงเพิ่มพลังในการต่อสู้โดยรวมของสภาสิบแปดปีกขึ้นอย่างมาก และมันก็ทำให้โคล่า กับคนอื่นๆอิจฉามากด้วย

ขณะเดียวกันฟางฉีหานผู้ซึ่งรับผิดชอบในการป้องกันอาณาจักรทวินทาวเวอร์ ระหว่างที่ซือเฟิงกำลังสร้างอาวุธสงครามอยู่นั้นก็ได้ติดต่อเข้ามาหาซือเฟิงมาอย่างกระทันหัน

“หัวหน้ากิล กองทัพ NPC จากโลกอื่นเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว !!!”