ตอนที่ 1971

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 1,971 : ศิษย์พี่ใหญ่แห่งแท่นบูชาเต่าทมิฬ หงชวี!

 

ต้วนหลิงเทียน นามนี้หาได้ไม่คุ้นเคยกับคนของแท่นบูชาจตุรลักษณ์แต่อย่างใด

 

ยังจะแปลกหูได้เหรอ?

 

แรกเข้าลัทธิบูชาไฟ ในวันทดสอบก็ฆ่าลูกสหายสนิทของอาวุโสหลี่อันคาจุดรวมพลของแท่นบูชาเต่าทมิฬ ขณะฆ่าคนยังกล้าเผชิญหน้ากับหลี่อันอย่างไม่กริ่งเกรง!

 

หลังจากนั้นกระทั่งว่าที่ศิษย์ของหลี่อัน ก็ยังฆ่าได้!รวมไปถึงศิษย์หลานของหลี่อันอย่างหยวนหง!!

 

ไม่เพียงแต่ฆ่าหยวนหงเท่านั้น ยังฆ่าหยวนค่วงอีกด้วย! และนี่คือการบุกไปฆ่าคนอย่างอุกอาจถึงแท่นบูชานกไฟ!!

 

ในขณะที่ทุกกคนคิดว่าการฆ่าหยวนค่วงตกตายเช่นนี้ไม่พ้นต้วนหลิงเทียนต้องถูกโทษประหารชดใช้ชีวิตแน่…แต่สุดท้ายเรื่องราวดันกลับตาลปัตร!อาวุโสคุมกฏกัวฉง…กลับตัดสินโทษเข้าข้างต้วนหลิงเทียนอย่างเห็นได้ชัด! กระทั่งหอคุมกฏในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็คล้ายจะปกป้องคนเช่นกัน! แถมเรื่องนั้นยังเป็นเหตุนำไปสู่การตายของศิษย์เอกหลี่อัน!!

 

เรื่องราวทั้งหมดนี้ลำพังแค่เรื่องเดียวก็แย่แล้ว แต่พอทั้งหมดมารวมกัน ก็หนุนเสริมให้ต้วนหลิงเทียนเป็นดั่ง ‘ตำนาน’ ที่ยังเดินได้ของแท่นบูชาเต่าทมิฬจริงๆ!

 

แล้วนี่ต้วนหลิงเทียนแห่งแท่นบูชาเต่าทมิฬคนนั้นยังจะขยันก่อวีรกรรมใหม่ขึ้นมาอีกหรือ!?

 

ยิ่งไปกว่านั้นกลับเป็นเรื่องที่เกี่ยวพันกับศิษย์ใหม่ของแท่นบูชาเต่าทมิฬที่พึ่งได้รับเกียรติให้เข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์!!

 

“ต้วนหลิงเทียนคนนั้น…ไปถึงเหมืองวันแรกก็เอาชนะซุนเต๋อที่พึ่งได้สิทธิ์เข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้งั้นเรอะ! นี่ล้อกันเล่นรึเปล่า!?”

 

หลังได้รับทราบข่าวอันสะท้านสะเทือนนี้ ไม่ว่าจะศิษย์ของแท่นบูชาใดไม่เว้นแท่นบูชาเต่าทมิฬก็รู้สึกว่าเรื่องราวมันช่างน่าเหลือเชื่อนัก!

 

อย่างไรก็ตามข่าวนี้กลับได้รับการยืนยันจากปากของอาวุโสแท่นบูชาเต่าทมิฬที่ทำหน้าที่ในเขตลงทัณฑ์ พวกมันย่อมไม่อาจไม่เชื่อ

 

“อะไร!? พลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียนบรรลุถึงเซียนปฐพีขั้นสูงสุดแล้ว?!”

 

“เช่นนั้น…หมายความว่าวันที่ฆ่าหยวนหงมันมิได้ใช้พลังทั้งหมดน่ะสิ?”

 

“นี่มันจักไม่งำประกายไปหน่อยหรือ? ปกปิดเก่ง!”

 

………………

 

วาจาดังกล่าว ล้วนดังขึ้นทั่วแท่นบูชาจตุรลักษณ์

 

เป็นเรื่องราวที่ได้รับการยืนยันมาอย่างแน่ชัดแล้วว่า วันแรกที่เข้าไปยังเขตลงทัณฑ์…ต้วนหลิงเทียนที่ทำการต่อสู้ชิงตำหนักเอกอุ ก็ได้เปิดเผยพลังฝึกปรือขอบเขตเซียนปฐพีขั้นสูงสุดออกมา!

 

ทันทีที่ได้รับทราบเรื่องนี้ ทุกคนล้วนปักใจเชื่อว่าสมควรเป็นต้วนหลิงเทียนที่ปกปิดพลังฝีมือมาโดยตลอด

 

“ต้วนหลิงเทียนที่พึ่งเปิดเผยพลังฝึกปรือเซียนปฐพีขั้นสูงสุดออกมา…ไม่ใช่ว่าด่านพลังมันมีเท่านี้แต่แรก แต่มันจงใจปกปิดเอาไว้มิให้ผู้ใดล่วงรู้หรอกหรือ? แถมเป็นไปได้หรือไม่ว่าพลังฝึกปรือที่แท้จริงอาจจะสูงกว่านี้?”

 

หลายคนได้แต่ตั้งคำถามออกมาทำนองนี้

 

อย่างไรก็ตามคำถามนี้ของพวกมันก็ถูกอีกหลายๆคนปัดตกไปทันที “นั่นเป็นไปไปไม่ได้ พรสวรรค์รากวิญญาณของมันอย่างไรก็แค่รากวิญญาณสีเหลือง กับอีแค่ทะลวงให้ถึงขอบเขตเซียนนภาก็แทบไม่มีหนทางแล้ว นั่นสมควรเป็นขีดจำกัดของมัน!”

 

“มิผิด สำหรับผู้ที่มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีเหลืองแม้จะเป็นไปได้อยู่บ้าง แต่โอกาสทะลวงถึงขอบเขตเซียนนภานั้นยังถือว่ายากเย็นยิ่งกว่าปีนขึ้นสวรรค์เสียอีก!”

 

เรื่องพรสวรรค์รากวิญญาณสีเหลืองของต้วนหลิงเทียนได้รับการยืนยันแน่ชัดแต่แรก ทำให้คนของแท่นบูชาจตุรลักษณ์ล้วนปักใจเชื่อกันมานาน ทั้งหมดจึงคิดกันไปแบบนี้

 

หลายคนยังคิดว่าต้วนหลิงเทียนมาถึงขีดจำกัดแล้ว

 

หลังจากที่ทั้งหมด รากวิญญาณสีเหลืองคิดทะลวงถึงขอบเขตเซียนนภาก็แทบเป็นไปไม่ได้!

 

อย่างไรก็ตามสาเหตุที่พวกมันคิดไปแบบนี้ เพราะพวกมันรู้แค่ว่าพรสวรรค์รากวิญญาณของต้วนหลิงเทียนเป็นเพียงรากกวิญญาณสีเหลืองเท่านั้น จึงเป็นดั่งกรอบที่คอบจำกัดความคิดของพวกมันเอาไว้

 

แต่ยังมีบางคนในแท่นบูชาเต่าทมิฬ ที่ล่วงรู้ว่าที่แท้พรสวรรค์รากวิญญาณของต้วนหลิงเทียนนั้นเป็นสีน้ำเงิน หาใช่สีเหลืองอย่างที่รับรู้กันไปทั่ว!

 

ในบรรดาคนเหล่านั้น รวมถึงอาวุโสเพลิงเงินอันดับ 1 ของแท่นบูชาเต่าทมิฬอย่างหลี่อันด้วย!

 

หลี่อันเองแน่นอนว่าย่อมได้รับทราบข่าวที่ซุนเต๋อ ศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬของมันสามารถตีความเวทย์พลังปราการเต่าทมิฬจนเข้าใจได้สำเร็จ และกลายเป็นศิษย์ฝ่ายในเป็นที่เรียบร้อยแล้ว…

 

ในขณะเดียวกันที่มันรู้สึกประหลาดใจกับข่าวนี้ ในใจของมันยังลอบอิจฉาไม่น้อย!

 

ต้องทราบด้วยว่าแม้มันจะมีฐานะเป็นถึงอาวุโสเพลิงเงินอันดับ 1 ของแท่นบูชาเต่าทมิฬ แต่มันก็ไม่มีปัญญาจะตีความเวทย์พลังปราการเต่าทมิฬอันเป็นเวทย์พลังประจำแท่นได้…

 

ทว่าศิษย์ธรรมดาคนหนึ่งของแท่นบูชาเต่าทมิฬกลับมีความสามารถจนสำเร็จเวทย์พลังดังกล่าว…จะไม่ให้มันอิจฉาได้อย่างไรไหว?

 

“นี่มันอะไรกัน…สารเลวน้อยต้วนหลิงเทียนนั่นมันทะลวงถึงเซียนปฐพีขั้นสูงสุดแล้ว…กระทั่งยังเอาชนะซุนเต๋อคนนั้นได้?”

 

พอข่าวสะท้านสะเทือนดังกล่าวล่วงรู้มาถึงหลี่อัน สีหน้าของมันก็มืดคล้ำดำลงทันใด “สารเลวน้อยนั่นที่แท้มันพึ่งทะลวงถึงเซียนปฐพีขั้นสูงุสด หรือมันทะลวงถึงนานแล้วแต่ปกปิดไว้กันแน่?”

 

ด่านพลังของต้วนหลิงเทียนที่เปิดเผยออกครั้งนี้ทำให้หลี่อันรู้สึกทำอะไรไม่ถูกอยู่บ้าง

 

เพราะมันไม่อาจมั่นใจได้เลยว่าต้วนหลิงเทียนพึ่งทะลวงผ่าน หรือทะลวงผ่านมานานแล้ว หรือที่แท้อีกฝ่ายยังปกปิดพลังที่แท้จริงเอาไว้กันแน่! อย่างไรก็ตามที่มันรู้ก็คือ…การคงอยู่ของต้วนหลิงเทียนนั้นทำให้มันสัมผัสได้ถึงภัยคุกคามครั้งใหญ่!!

 

เพราะมันรู้ชัดเจนดี

 

ว่าด้วยพรสวรรค์รากวิญญาณสีน้ำเงินที่ต้วนหลิงเทียนมี ความสำเร็จในภายภาคหน้าย่อมไม่มีทางด้อยกว่ามันแน่!

 

กระทั่งด้วยไหวพริบปฏิภาณของต้วนหลิงเทียนที่สามารถแตกฉานเวทย์พลังขั้นสูงได้ถึง 3 สาย น่ากลัวว่าวันหน้าคงได้ขึ้นเป็นอาวุโสเพลิงทอง!

 

และอาวุโสเพลิงทองก็คือตัวตนที่หลี่อันไม่อาจเอื้อม!

 

หากมันปล่อยให้ต้วนหลิงเทียนเติบโตถึงจุดนั้น มันย่อมถึงวาระ!

 

มันได้จบเห่แน่!

 

“ไม่! ข้าปล่อยให้เป็นเช่นนั้นไม่ได้! ล่าช้ากว่านี้ไม่ได้แล้ว…ต้วนหลิงเทียนต้องตาย!!”

 

หลังจากฟื้นสติจากอาการอื้ออึง หลี่อันพลันสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ขณะกล่าวพึมพำออกมาสองตายังทอประกายวูบวาบเยือกเย็น มองไปคล้ายพสรพิษซุ่มซ่อนรอคอยเวลาฉกสังหารเหยื่อ!

 

หากต้วนหลิงเทียนมีพรสวรรค์รากวิญญาณสีเหลืองจริง ต่อให้ก่อเรื่องอภินิหารอันใดมันก็ไม่แยแส

 

ถึงแม้ว่าไหวพริบปฏิภาณที่ทำให้แตกฉานเวทย์พลังขั้นสูงทั้ง 3 สายได้จะน่าสะพรึงกลัว แต่คนก็ย่อมมีขีดจำกัดเข้าสักวัน…

 

ดังนั้นพอได้รับทราบเรื่องที่พรสวรรค์รากวิญญาณของต้วนหลิงเทียนแท้จริงแล้วกลับเป็นรากวิญญาณสีน้ำเงิน กอปรกับไหวพริบปฏิภาณสูงล้ำขนาดนี้ หลี่อันจึงอดไม่ได้ที่จะหวาดกลัว!

 

มันบังเกิดสังหรณ์อัปมงคลแรงกล้าประการหนึ่ง…

 

ว่าตัวตนอย่าง ‘ต้วนหลิงเทียน’ นั้น หากเติบโตถึงขั้นล่ะก็ อีกฝ่ายไม่มีทางปล่อยมันไว้แน่!

 

“อย่างไรก็ตามตอนนี้มันอยู่ในเหมืองลำดับ 1 นับว่ามิใช่เรื่องง่ายนักที่จะฆ่ามัน…นอกจากนั้นความแข็งแกร่งในปัจจุบันของมันก็มากพอจะเทียบกับศิษย์ที่มีด่านพลังฝึกปรือขอบเขตเซียนนภาขั้นเชี่ยวชาญทั่วๆไป…”

 

พึมพำมาถึงจุดนี้ สีหน้าหลี่อันกลายเป็นปั้นยาก

 

เหมืองลำดับที่ 1 นั้น นอกจากอาวุโสที่ได้รับมอบหมายให้ไปปฏิบัติหน้าที่แล้ว ในแท่นบูชาจตุรลักษณ์ก็เห็นทีจะมีแต่อาวุโสคุมกฏเท่านั้นที่สามารถเข้าออกได้ตามอำเภอใจ ส่วนคนอื่นนั้นไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปเด็ดขาด

 

เป็นไปไม่ได้เลยที่หลี่อันจะใช้วิธีแข็งกร้าวบุกไปฆ่าคนอย่างไร้ปราณีด้วยตัววเอง!

 

“ต้วนหลิงเทียน….แต่เจ้าคิดจริงๆเหรอว่าเจ้าซุกหัวอยู่ในเหมืองลำดับที่ 1 เช่นนั้นแล้วข้าจะไม่มีวันแตะต้องเจ้าได้?”

 

หลังจากกล่าวคำพร้อมแสยะยิ้มเย็นชาออกมา ร่างหลี่อันก็วูบออกจากบ้านทันที ไม่ทราบว่ามันคิดไปที่ใดกันแน่

 

หากแต่หลังจากเหินร่างฉับไวมาพักหนึ่ง ไม่นานหลี่อันก็หยุดร่างลงที่เขตที่พักของเหล่าศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬ กล่าวให้ชัดคือมันมาหยุดลงเหนือน่านฟ้าตำหนักเอกอุหลังหนึ่ง!

 

“นั่นอาวุโสหลี่อันนี่!”

 

“อาวุโสหลี่อันมาทำอะไรที่นี่กัน?”

 

 

การปรากฏตัวของหลี่อันแน่นอนว่าย่อมเรียกความสนใจจากเหล่าศิษย์แท่นบูชาทมิฬที่ไม่ได้ปิดด่านบ่มเพาะ และบังเอิญอยู่นอกบ้านพอดีทันที

 

“หงชวี!”

 

หลังจากที่หลี่อันมาหยุดร่างลงเหนือตำหนักเอกอุหลังหนึ่ง มันก็แผ่สำนึกเทวะเข้าไปตรวจสอบตำหนักด้านล่าง ก่อนที่จะส่งเสียงผ่านสำนึกเทวะไปเรียกหาศิษย์ที่บ่มเพาะพลังอยู่ด้านในทันที

 

“ใครกัน!?”

 

ศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬที่แต่เดิมกำลังตั้งใจบ่มเพาะพลังอยู่นั้น พอถูกเสียงผ่านสำนึกเทวะเรียกหาโดยตรงเช่นนี้ แน่นอนว่าย่อมถูกปลุกให้ตื่นจากภวังค์บ่มเพาะอย่างไม่เต็มใจ สีหน้าของมันเปลี่ยนไปอย่างมาก แววตาของมันเต็มไปด้วยโทสะ และไม่คิดจะอภัยให้คนที่กล้าขัดขวางการบ่มเพาะมันโดยง่าย ต้องมีตบสั่งสอนให้นอนเตียงสักหลายเดือน!

 

“เป็นข้าหลี่อัน”

 

เสียงผ่านสำนึกเทวะดังขึ้นอีกรอบ และทำให้หน้าของศิษย์ดังกล่าวเปลี่ยนไปอีกครั้งทันที

 

อย่างไรก็ตามตอนนี้ใบหน้าของมันหาได้ถมึงทึงปั้นยากเปี่ยมความไม่พอใจอีกต่อไป กลับกลายเป็นยิ้มออกมาอย่างฝืนๆ ซึ่งแลดูน่าเกลียดกว่าคนร่ำไห้เสียอีก!

 

ไม่เพียงเท่านั้น….

 

โทสะเดือดดาลเป็นฟืนไฟในแววตาของมันยามนี้ ดั่งกองเพลิงถูกน้ำราดรด…ดับสลายหายไปทันที

 

ครืด…..

 

ภายใต้สายตาของหลี่อันประตูตำหนักค่อยๆเปิดออก ศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬค่อยๆก้าวเดินออกมา

 

มันประสานมือทักทายผู้ที่ลอยร่างอยู่เบื้องหน้าด้วยทีท่าเคารพ “อาวุโสหลี่อันท่านสบาย…มิทราบว่าลมอันใดหอบผู้อาวุโสมาถึงบ้านข้าได้หรือ?”

 

ศิษย์แท่นบูชาไฟที่เปิดประตูตำหนักออกมาทักทายหลี่อัน เป็นชายวัยกลางคนหน้าตาไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่แต่ก็ไม่ได้หล่อเหลาอันใด แลดูธรรมดาๆไม่ได้มีเอกลักษณ์อะไร

 

กระทั่งความไร้เอกลักษณ์นี้ น่ากลัวว่าจับโยนลงไปในฝูงชนคงยากที่จะจดจำมันได้แล้ว…

 

“นั่นศิษย์พี่ใหญ่หงชวีนี่นา…”

 

“หืม? ดูเหมือนว่าอาวุโสหลี่อันจะมาตามหาศิษย์พี่ใหญ่โดยเฉพาะ….”

 

“ที่แท้มีเรื่องอันใดกันแน่?”

 

…………

 

ทันใดนั้นเหล่าศิษย์ที่ไม่ได้ปิดด่านบ่มเพาะอยู่ในที่พัก ก็ได้เห็นฉากที่หลี่อันเหินตรงไปยังตำหนักเอกอุหลังหนึ่งได้ไม่นาน ก่อนที่จะมีชายวัยกลางคนออกมาจากตำหนักหลังดังกล่าว

 

พอเห็นชายวัยกลางคนที่ว่า แววตาของพวกมันก็เปี่ยมไปด้วยความเคารพนับถือทันที

 

เพราะ ‘หงชวี’ ที่ว่านั้น ก็คือ ‘ศิษย์พี่ใหญ่’ ที่ได้รับการยอมรับนับถือจากเหล่าศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬมาหลายสิบปี!

 

เหตุผลที่ทุกคนให้การยอมรับและเรียกหาหงชวีว่าศิษย์พี่ใหญ่ เหตุเพราะพลังฝีมือของมันสูงส่งกล้าแข็งที่สุดในเวลานี้ พลังฝึกปรือของหงชวีได้ทะลวงถึงเซียนนภาขั้นเชี่ยวชาญมาได้สักพักแล้ว…

 

และในปัจจุบันหงชวียังเป็นศิษย์ของแท่นบูชาเต่าทมิฬเพียงคนเดียวที่มีด่านพลังฝึกปรือบรรลุถึงขอบเขตเซียนนภาขั้นเชี่ยวชาญ

 

ตอนนี้พอมาได้เห็นอาวุโสหลี่อันอยู่ดีๆก็มาหาศิษย์พี่ใหญ่ของพวกมันถึงที่ ช่วยไม่ได้ที่พวกมันจะบังเกิดความสงสัยทั้งรู้สึกแปลกๆเล็กน้อย…หลี่อันมาหาศิษย์พี่ใหญ่ของพวกมันทำอะไร?

 

เท่าที่พวกมันรู้ ทั้งสองคนนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันทั้งสิ้น

 

ในขณะที่ด้านเหล่าศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬกำลังสงสัยนั้นเอง

 

“มากับข้า!”

 

หลี่อันกล่าวสั่งหงชวีเสียงเบา แล้วก็เหินร่างออกจากเขตที่พักของเหล่าศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬทันที พริบตาแผ่นหลังของมันก็หายไปจากสายตาของเหล่าศิษย์แล้ว

 

แม้หลี่อันจะจากไปแล้ว ด้านหงชวีก็ยังยืนงุนงงอยู่พักหนึ่งด้วยไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายมีเรื่องอะไรกันแน่ แต่สุดท้ายก็ได้แต่กัดฟันเหินร่างติดตามไป

 

หลี่อันจะอย่างไรตอนนี้ก็มีฐานะเป็นอาวุโสอันดับ 1ของแท่นบูชาเต่าทมิฬ!

 

ก่อนที่มันจะเข้าร่วมการประเมินทดสอบของดินแดนศักดิ์สิทธิ์และกลายเป็นศิษย์ฝ่ายใน มันก็ยังถือว่าเป็นคนของแท่นบูชาเต่าทมิฬ จึงไม่กล้าที่จะล่วงเกินหลี่อันโดยง่าย

 

เมื่อเห็นว่าไม่นานศิษย์พี่ใหญ่หงชวีของพวกมันก็เหินร่างจนหายลับตาตามอาวุโสหลี่อันไป พวกมันก็ได้แต่หันหน้ามองสบตากันด้วยแววตามากคำถาม…

 

แต่ถึงแม้พวกมันจะอยากรู้อยากเห็นจนอยากเหินร่างตามไปดูชมมากเพียงใด ทว่ากลับไม่มีใครกล้าติดตามไปเพราะหวาดกลัวจะล่วงเกินหลี่อัน!

 

หลี่อันเหินร่างมุ่งออกจากเขตที่พักของเหล่าศิษย์พักหนึ่งก็มาถึงเขตป่าไผ่ร้างผู้คน บริเวณนี้มีเพียงเสียงซอกแซ่กของใบไผ่ยามโอนเอนไปมาตามแรงลม นับว่าเต็มไปด้วยความสงบห่างไกลจากหูตาผู้คนนัก

 

“อาวุโสหลี่อัน ท่านที่แท้มีธุระอันใดกับข้ากันแน่?”

 

หงชวีที่เหินร่างติดตามหลี่อันมา เมื่อเห็นหลี่อันหยุด มันก็ไปหยุดเบื้องหน้าอีกฝ่ายพร้อมกล่าวถามออกมาด้วยความสงสัยทันที

 

“หงชวี ข้าอยากให้เจ้าไปยังเหมืองลำดับที่ 1 แล้วฆ่าใครซักคนให้ข้า!”

 

สองตาหลี่อันเผยประกายเยียบเย็ย เปิดประตูเห็นภูผากล่าวบอกเจตนาออกมาทันที!

 

ซู่ว!

 

ได้ยินวาจาบอกเล่าแกมสั่งของหลี่อัน สีหน้าของหงชวีเปลี่ยนไปทันใด “อาวุโสหลี่อัน…หรือท่านคิดให้ข้าไปยังเหมืองลำดับที่ 1 เพื่อสังหารต้วนหลิงเทียน?”

 

ถึงแม้ช่วงนี้หงชวีมักจะปิดด่านบ่มเพาะพลัง แต่มันก็ไม่ได้อุดอู้อยู่แต่ในบ้าน ยังออกมาผ่อนคลายอารมณ์ด้านนอกเป็นบางครั้ง

 

ดังนั้นมันจึงรับทราบเรื่องราวของต้วนหลิงเทียนดี

 

ด้วยเหตุนี้ทันทีที่หลี่อันเปิดประตูเห็นภูผากล่าวสั่งให้มันไปเหมืองเพื่อฆ่าคน มันจึงนึกถึงต้วนหลิงเทียนขึ้นมาเป็นคนแรก!

 

“อืม!”

 

ได้ยินคำถามของหงชวีหลี่อันพยักหน้า

 

“อาวุโสหลี่อันโปรดอภัยให้ข้าด้วย…แต่เรื่องนี้ข้าเกรงว่าข้าคงไม่อาจกระทำให้ท่านได้”

 

หงชวีสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะกล่าวปฏิเสธหลี่อันออกมาตรงๆ!

 

ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่มันไม่มั่นใจว่าจะสามารถฆ่าต้วนหลิงเทียนได้หรือไม่…แต่มันยังจะกล้าฆ่าต้วนหลิงเทียนเหรอ?

 

เพราะสุดท้ายแล้วไม่ใช่ว่ามันก็ต้องถูกประหารตกตายเพราะละเมิดกฏของลัทธิบูชาไฟรึไง?

 

“หงชวีเรื่องนี้เจ้าสมควรคิดให้ดี…หากข้าจำมิผิดสกุลหงของเจ้าสมควรตั้งอยู่ในเขตตะวันตก…”

 

โดนหงชวีปฏิเสธใส่ตรงๆแบบนี้ คล้ายหลี่อันจะไม่ได้แปลกใจอะไร เลือกที่จะกล่าววาจาออกมาเสียงเรียบ

 

วาจาแม้ไร้เรื่องราวหากแต่แฝงเร้นความนัยไว้ไม่น้อย

 

ทันใดนั้นสีหน้าหงชวีแปรเปลี่ยนไปใหญ่หลวง “อาวุโสหลี่อัน นี่ท่านกำลังขู่ข้างั้นเหรอ!?”

 

“เจ้าจักถือว่าเป็นคำขู่ก็ได้”

 

น้ำเสียงหลี่อันยังคงเรียบเฉยคล้ายกล่าวถึงใดไม่สำคัญ “เจ้าลองไตร่ตรองเอาเองเถอะ…ว่าชีวิตของเจ้าหรือชีวิตของคนทั้งสกุลหง…”

 

“อันใดมีน้ำหนักมากกว่ากัน!”