ตอนที่ 2914 พลังของกิลที่มีชื่อว่าสภาสิบแปดปีก

คำพูดของซือเฟิง แม้มันจะดูสบายๆ แต่มันก็ทำให้ไฟเออร์แดนซ์ โคล่า ไวโอเล็ต
คลาวด์ และสมาชิกสภาสิบแปดปีกคนอื่นๆอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสบายใจ และตื่นเต้นอย่างถึงที่สุด

“หัวหน้ากิล สถานการณ์ในปัจจุบันนั้นฝั่งของเราเสียเปรียบมากๆ อันเนื่องมาจากกองทัพจากโลกอื่นนั้นมีความแข็งแกร่งทางอากาศมากเกินไป ….” ฟางฉีหานมองไปยังเรือเหาะของกองทัพจากโลกอื่นที่มีมากกว่าสามสิบลำ และอดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมาอย่างกังวลว่า “แถมการซ่อมแซมวงเวทย์ป้องกันเพื่อให้มันเปิดใช้งานใหม่ได้อีกครั้งนั้นก็จะต้องใช้เวลาราวสิบนาทีเลยทีเดียว ซึ่งฉันกลัวว่าพวกเราจะไม่สามารถต้านทานไว้ได้นานขนาดนั้น ….”

ในตอนนี้แม้ว่าซือเฟิงจะช่วยพวกเขาต้าน NPC ขั้นห้าทั้งหมดไว้ได้ แต่พวกเขาก็ยังจะต้องเผชิญหน้ากับ NPC ขั้นสี่หลายร้อยคน และอะเม้าท์บินได้อีกหลายร้อยตัวอยู่ดี

ขณะเดียวกันในด้านของพวกเขานั้นก็มีผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่อยู่ไม่ถึงหนึ่งร้อยคน และแม้ว่าพวกเขาจะได้รับความช่วยเหลือจากวงเวทย์อีกส่วนหนึ่งของป้อมปราการที่ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้ แต่พวกเขาก็ยังแทบจะทำอะไรไม่ได้มากนักอยู่ดี เพราะท้ายที่สุดแล้วนั้นจำนวนของทั้งสองฝ่ายมันแตกต่างกันมากเกินไป

และนี่ก็ยังไม่นับรวมเรื่องทหาร NPC ขั้นสี่ในป้อมปราการอีก โดยในตอนนี้ทหาร NPC ขั้นสี่พวกนี้ตายไปมากกว่ายี่สิบคนแล้ว ขณะที่ผู้บัญชาการป้อมปราการนี้ที่เป็นอัศวินนภา ขั้นสี่นั้นก็เหลือ HP อยู่น้อยกว่าครึ่งแล้วเช่นกัน

“มั่นใจได้ …” ซือเฟิงมองไปที่ฟางฉีหาน พลางกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ถ้าปัญหาอยู่ที่กำลังทางอากาศ ตอนนี้เรากำลังทางอากาศของเราก็ไม่ได้เลวร้ายนักนะ ….”

“ไม่ได้เลวร้าย ?”

เมื่อได้ยินคำพูดของซือเฟิง ฟางฉีหานก็ได้มองไปยังเรือเหาะชางเล่ย หากแต่ว่าเธอก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวลใจอยู่ดี

แน่นอนว่าเธอรู้ถึงพลังของเรือเหาะระดับเหล็กลึกลับดี และเธอก็รู้ดีว่ามันสามารถที่จะใช้ต่อกรกับพวกขั้นห้าได้ แต่อย่างไรก็ตาม ณ ตอนนี้นั้น พวกขั้นห้าของกองทัพจากโลกอื่นนั้นก็ไม่ได้จัดอยู่ในระดับทั่วไปเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้บัญชาการสูงสุดของกองทัพจากโลกอื่น แถมนี่ยังไม่นับรวมมอนสเตอร์ที่พวก NPC ขั้นสี่หลายสิบคนพึ่งจะอัญเชิญออกมาด้วย

โดยมอนสเตอร์ที่พวก NPC ขั้นสี่หลายสิบคนพึ่งจะอัญเชิญออกมานั้นก็ คือ มังกรกระดูกขนาดมหึมาที่มีลำตัวยาวหลายร้อยเมตร ขณะที่รัศมีปีกของมันนั้นก็มีความยาวหลายพันเมตรเลยทีเดียว และพวกเขาก็ไม่ได้อัญเชิญมันออกมาแค่ตัวเดียวด้วย พวกเขายังอัญเชิญมังกรกระดูกขั้นสูงอีกหลายสิบตัวออกมาอีก !!! ซึ่งมังกรกระดูกขั้นสูงนี้ก็อ่อนแอกว่ามังกรกระดูกโบราณอยู่ไม่มากนัก

ซึ่งเมื่อมังกรกระดูกปรากฎตัวขึ้นนั้นมันก็แผ่ออร่าที่รุนแรงมากๆออกมาจนทำให้ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามส่วนใหญ่ตัวสั่นด้วยความกลัว และมีบางส่วนที่ถึงขั้นทรุดลงไปกับพื้นเลย

(มังกรกระดูกโบราณ) (สิ่งมีชีวิตอันเดธ ระดับโดเมนศักสิทธิ์) เลเวล 180 HP 2 แสนล้าน

เมื่อเห็นข้อมูลของมังกรกระดูกโบราณ ผู้เล่นฝ่ายป้องกัน และผู้เล่นที่เฝ้าดูอยู่จากทุกช่องทางก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวและตกตะลึง

มังกรกระดูกโบราณตัวนี้อยู่ในระดับโดเมนศักศิทธิ์ขั้นห้าอย่างแน่นอน ซึ่งทุกคนที่เฝ้าดูสงครามครั้งนี้อยู่ล้วนได้เห็นอย่างชัดเจน

ดังนั้น ณ ตอนนี้ นอกเหนือจากความสิ้นหวังแล้ว แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญชั้นยอด ขั้นสี่หลายคนก็ยังอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาอย่างขมขื่น

ไม่ต้องพูดถึงเรื่องขนาดตัวที่ใหญ่ของมันที่จะทำให้มันมีระยะการโจมตีที่มากเพียงพอที่จะทำให้อาชีพขั้นสี่สิ้นหวังเลย ….

เพราะเอาแค่สกิลฟื้นฟูในระหว่างการต่อสู้เพียงอย่างเดียวของมังกรกระดูกโบราณตัวเดียวนั้น มันก็จะสามารถฟื้นฟู HP ของตัวเองได้สองเปอเซ็นต์ทุกๆห้าวินาทีแล้ว ซึ่งนี่มันก็จะเท่ากับว่ามังกรกระดูกโบราณนั้นสามารถจะฟื้นฟู HP ของตัวเองได้สี่พัน
ล้านทุกๆห้าวินาทีเลย และเมื่อบวกกับพลังป้องกันขั้นห้าของมันนั้น ต่อให้ผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่หลายร้อยคนเข้ารุมมัน มันก็ยังจะแทบไม่มีโอกาสเอาชนะมันได้เลย

“จบสิ้นแล้ว …”

“พวกเราทั้งหมดตายแน่ ….”

ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามหลายคนในป้อมปราการสิงโตเหล็กพึมพำอย่างสิ้นหวัง ในขณะที่พวกเขาจ้องมองไปยังมังกรกระดูกโบราณ

ซือเฟิงซึ่งเป็นนักบุญแห่งดาบขั้นห้าที่พึ่งมาถึงนั้นนับเป็นความช่วยเหลือที่ยิ่งใหญ่สำหรับพวกเขา แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อสถานการณ์ดำเนินมาถึงจุดนี้ ตัวซือเฟิงเพียงคนเดียวนั้นก็ไม่สามารถจะเผชิญหน้ากับ NPC ขั้นห้าหลายคน และมังกรกระดูกโบราณพร้อมกันได้แน่นอน และนี่ก็ยังไม่นับรวมผู้บัญชาการสูงสุดของกองทัพจากโลกอื่นที่ดูจะแข็งแกร่งเหนือกว่าเหล่า NPC ขั้นห้าในกองทัพของตัวเองอีก ….

สำหรับฟางฉีหาน และพวกผู้บริหารระดับสูงของสภาสิบแปดปีกทุกคนนั้นก็ล้วนมีสีหน้าบิดเบี้ยวเช่นกัน เมื่อได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นล่าสุด

พวกเขาไม่คาดคิดเลยว่า NPC จากโลกอื่นจะสามารถอัญเชิญมอนสเตอร์ระดับโดเมนศักสิทธิ์ขั้นห้าที่แท้จริง ซึ่งนับว่าเหนือกว่าเหล่าบอสโลกที่พวกเขาเคยเผชิญ ออกมาได้ด้วย

โดยการอัญเชิญมอนสเตอร์ระดับโดเมนศักสิทธิ์ขั้นห้าที่แท้จริงออกมานี้มันจะมีข้อแตกต่างอยู่เล็กน้อยจากการอัญเชิญโดยใช้วงเวทย์ เนื่องจากหากต้องการจะให้มอนสเตอร์ที่ถูกอัญเชิญมาหายไปนั้น พวกเขาจะต้องฆ่ามอนสเตอร์ หรือไม่ก็ผู้อัญเชิญที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดให้ได้ การทำลายแค่วงเวทย์อัญเชิญนั้นจะไม่เพียงพออีกต่อไป ….

และเมื่อเห็นว่าทุกคนกำลังตกอยู่ในความสิ้นหวังนั้น ผู้บัญชาการสูงสุดของกองทัพจากโลกอื่น ลอส เฟอไรท์ ก็ชี้ไปที่ป้อมปราการสิงโตเหล็กและกล่าวว่า “ไปจัดการพวกชาวพื้นเมืองทุกคน !!!”

เมื่อลอส เฟอไรท์ออกคำสั่ง มังกรกระดูกขั้นสูงมากกว่าสามสิบตัว เรือเหาะทั้งหมด และมังกรกระดูกโบราณก็เริ่มโจมตีเข้าใส่ป้อมปราการสิงโตเหล็กทันที

โดยเมื่อทั้งหมดนี้โจมตีประสานกันนั้น มันก็ทำให้เกิดแสงแห่งการทำลายล้างเข้าปกคลุมไปทั่วป้อมปราการสิงโตเหล็กเลย
ตู้ม !!

การโจมตีที่น่ากลัวนี้นั้นส่งผลให้เกิดคลื่นกระแทก และผืนดินสั่นสะเทือนทั่วบริเวณระยะสองถึงสามพันหลาเลย

ขณะเดียวกัน NPC จากโลกอื่นทุกคนนั้นก็ล้วนมองไปยังฉากตรงหน้าด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความปลื้มปิติ และความสุขจากชัยชนะ

เพราะหากปราศจากวงเวย์ป้องกันของป้อมปราการนั้น ผู้คนทั้งหมดที่โดนการโจมตีเข้าไปเต็มๆก็จะไม่มีทางรอดไปได้แน่นอน

และมันก็นับเป็นเรื่องโชคร้ายสำหรับป้อมปราการสิงโตเหล็กที่วงเวทย์ป้องกันของพวกเขานั้นมันไม่สามารถจะซ่อมให้เสร็จได้ในระยะเวลาสั้นๆ

อย่างไรก็ตามเมื่อการโจมตีทั้งหมดนี้สิ้นสุดลง และควันเริ่มจางลงไป ทุกฝ่ายนั้นก็ล้วนเต็มไปด้วยความตกตะลึงอย่างถึงที่สุด

“นี่มันเป็นไปได้ยังไงกัน ?!”

ณ ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นผู้เล่นฝ่ายป้องกัน หรือกองทัพจากโลกอื่นก็ล้วนมองไปยังสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

โดยในเวลานี้นั้นมันมีวงเวทย์บาเรียป้องกันที่พวกเขาไม่รู้จักเข้าปกคลุมไปทั่วป้อมปราการสิงโตเหล็กอยู่ ซึ่งวงเวทย์บาเรียป้องกันนี้ก็ช่วยป้องกันป้อมปราการสิงโตเหล็กจากการโจมตีทั้งหมดเมื่อครู่ไว้ได้แบบไร้รอยขีดข่วนเลย

และหลังจากตั้งสติได้พวกเขาก็ได้พยายามมองหาที่มาของวงเวทย์บาเรียป้องกันนี้ ซึ่งเมื่อพวกเขาค้นพบที่มานั้น พวกเขาก็ยิ่งตกตะลึงขึ้นไปอีก เพราะมันมาจากเรือเหาะชางเล่ย ….

“วงเวทย์บาเรียป้องกันเมื่อกี้มันมาจากเรือเหาะลำนี้งั้นหรอ ?!!”

“อึก !! นี่มันคือเรือเหาะจริงๆงั้นหรอ ?!! นั่นคือการโจมตีประสานกันของมอนสเตอร์ระดับโดเมนศักสิทธิ์ ขั้นห้า เรือเหาะ และมอนสเตอร์ตัวอื่นๆอีกนับสิบเลยนะ !!!”

สำหรับตัวฟางฉีหานในตอนนี้นั้น เธอเองก็อ้าปากค้างให้กับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าเช่นกัน และเธอก็ต้องยอมรับเลยว่าเธอไม่คิดเลยจริงๆว่าเรือเหาะระดับเหล็กลึกลับนั้นจะมีพลังมากขนาดนี้

อย่างไรก็ตามสำหรับซือเฟิงนั้นเขาไม่ได้แปลกใจใดๆกับเรื่องนี้มากนัก ….

แม้ว่าเรือเหาะชางเล่ยจะเป็นเพียงเรือเหาะระดับเหล็กลึกลับ แต่สกิลของมันนั้นก็จัดว่าอยู่ในระดับสุดยอดเลยทีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสกิลที่สร้างวงเวทย์ป้องกันขึ้นมา และเท่าที่ซือเฟิงคิดนั้น หากเขาปรับปรุงและใช้วัสดุดีกว่านี้ในการสร้างมัน มันก็อาจจะกลายเป็นเรือเหาะระดับลึกลับขั้นเงินได้เลยด้วยซ้ำ

“พวกคุณโจมตีกันเสร็จแล้วใช่ไหม ? งั้นก็ถึงตาฉันบ้างนะ !!!” ซือเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้มบางๆ พลางโบกมือส่งสัญญาณให้สมาชิกสภาสิบแปดปีกบนเรือเหาะชางเล่ย เริ่มใช้อาวุธทุกอย่างโจมตีเข้าใส่กองทัพจากโลกอื่นทันที

ทันใดนั้นปืนใหญ่เวทย์เอลฟ์ขั้นสูง และปืนใหญ่เวทย์มนต์มากกว่าสี่สิบกระบอกก็เริ่มยิงออกไปพร้อมกัน โดยเป้าหมายก็คือ อะเม้าท์บินได้ เรือเหาะของศัตรูที่อยู่ในระยะ และมอสเตอร์อัญเชิญทั้งหมดของศัตรู

ตู้ม … ตู้ม … ตู้ม …

ณ ตอนนี้มันดูเหมือนกับว่าสวรรค์กำลังลงโทษบางอย่างเลย เพราะมันมีลำแสง และสายฟ้าจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฎขึ้นมา ….

อย่างไรก็ตามฝั่งของกองทัพจากโลกอื่นนั้นก็ตอบสนองอย่างรวดเร็วเช่นกัน โดยพวกเขาก็ได้เลือกจะเปิดใช้งานวงเวทย์ และเวทย์ป้องกันเพื่อต้านทานการโจมตีที่เข้ามา

แต่กระนั้น เมื่อการโจมตีทั้งหมดนี้เข้าปะทะกับเป้าหมายจริงๆ มันก็มีเพียงการป้องกันของมังกรกระดูกโบราณขั้นห้าเท่านั้นที่พอจะป้องกันไว้ได้บ้าง ขณะที่การป้องกันของคนอื่นๆ และเรือเหาะนั้นแตกออกไปอย่างรวดเร็ว และเรือเหาะที่โดนเข้าไปเต็มๆสามจากสี่ลำนั้นก็ตกอยู่ในสภาพเสียหายอย่างหนักทันที

ซึ่งแม้ว่าทุกคนที่อยู่ที่นี่จะเคยเห็นการต่อสู้ทางอากาศกันมาบ้างแล้ว แต่พวกเขาก็ไม่เคยเห็นอะไรที่มันจะทรงพลังเท่ากับเรือเหาะชางเล่ยเลย

“นี่ … นี่มัน … จะแข็งแกร่งเกินไปไหม ?!!”

“นี่คือภูมิหลังของสภาสิบแปดปีกงั้นหรอ ?”

ตอนนี้เมื่อได้เห็นความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเรือเหาะชางเล่ยนั้น พวกเขาล้วนพูดไม่ออกกันจริงๆ ตอนแรกมันเป็นที่ชัดเจนว่าความแข็งแกร่งทางอากาศของพวกเขานั้นด้อยกว่าในทุกๆด้านเลย แต่ตอนนี้ด้วยเรือเหาะชางเล่ยแค่ลำเดียว …. ทุกอย่างได้พลิกกลับตาลปัตรทั้งหมด …. !!!

ขณะนั้นเอง โคล่าที่เฝ้ามองอยู่จากระยะไกลก็อดไม่ได้ที่จะหันไปถามว่า “หัวหน้ากิล ฉันขอซื้อมันสักลำได้ไหม ?”

มันชัดเจนเลยว่าหากเขามีเรือเหาะแบบนี้นั้น เขาจะสามารถเดินทางไปได้ทั่วทุกที่ที่เขาต้องการใน God domain และแม้แต่อะเม้าท์บินได้ที่แข็งแกร่งส่วนใหญ่ก็ยังไม่สามารถจะหยุดเขาได้แน่นอน

อีกทั้งการได้ขับยักษ์เหล็กที่ทรงพลังแบบนี้มันก็นับเป็นความฝันของลูกผู้ชายเลยทีเดียว !!!

“อนาคต ทุกคนจะมีโอกาสซื้อมันแน่นอน …” ซือเฟิงมองไปที่โคล่าด้วยความรู้สึกตื่นเต้น “แต่เรือเหาะลำนี้ต้องใช้คนอย่างน้อยสิบคนในการจัดมัน การจะขับคนเดียวนั้นเป็นไปไม่ได้”

เมื่อซือเฟิงกล่าวจบ เหล่าสมาชิกสภาสิบแปดปีกที่ได้ฟังก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น

เนื่องจากความหมายในคำพูดของซือเฟิงนั้นมันชัดเจนมากๆว่าเขาตั้งใจจะขายมันในกิลในอนาคต ซึ่งนี่มันก็จะทำให้ทุกคนมีโอกาสซื้อมันได้

แต่อย่างไรก็ตามในขณะที่ซือเฟิงกำลังพูดคุยกับเหล่าสมาชิกสภาสิบแปดปีกอยู่นั้น ลอส เฟอไรท์ ผู้บัญชาการสูงสุดของกองทัพจากโลกอื่นก็มองไปยังซือเฟิงด้วยรอยยิ้มบางๆ โดยที่เขาไม่ได้มีท่าทีเพิกเฉยกับซือเฟิงเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว

“คุณเป็นชายหนุ่มผู้ได้รับพรจากสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมมากๆ ….” ลอส เฟอไรท์กล่าวอย่างชื่นชม “ฉันขอทราบได้ไหมว่าคุณชื่ออะไร ?”

“แบล๊คเฟรม” ซือเฟิงกล่าว

แม้ว่าแบล๊คเฟรมจะไม่ใช่ชื่อไอดีที่แท้จริงของเขา แต่ทุกคนไม่ว่าจะเป็นศัตรู หรือมิตรนั้นก็ล้วนรู้จักชื่อนี้ของเขามากกว่า ….

“แบล๊คเฟรม ?” ลอส เฟอไรท์ผู้ซึ่งมีอายุมากกว่าห้าสิบปีพยักหน้าอย่างจริงจัง เมื่อซือเฟิงบอกชื่อของตัวเองออกมา “ฉันสังกัดกองทัพผู้ลงทัณฑ์แห่ง God domain ฉันมีชื่อว่าลอส เฟอไรท์ เป็นผู้บัญชาการกองพลที่ 19 และฉันก็เป็นหนึ่งในเจ็ดอัศวินจอกศักสิทธิ์ด้วย ตั้งแต่วินาทีนี้ฉันขอยอมรับคุณในฐานะศัตรูของฉัน !!!”

หลังจากพูดจบ ออร่าของลอส เฟอไรท์ก็พุ่งสูงขึ้นราวกับสัตว์ร้ายที่พึ่งจะลืมตาตื่นขึ้น และทันใดนั้นลอส เฟอไรท์ก็ได้เปิดใช้งานการสร้างโลกของตัวเอง และให้มันเข้าปกคลุมป้อมปราการสิงโตเหล็กทันที ซึ่งนี่มันก็ทำให้ทุกคนที่อยู่ในป้อมปราการสิงโตเหล็กนั้นรู้สึกว่าร่างกายของพวกเขาหนักขึ้นมากๆ นอกเหนือจากนี้มันยังรู้สึกเหมือนกับร่างกายกำลังจะไหม้ด้วย ขณะเดียวกันสำหรับผู้เชี่ยวชาญขั้นสามนั้นมันยิ่งกว่า …. เพราะมันราวกับว่าพวกเขากำลังอยู่ในนรกที่กำลังแผดเผาพวกเขาเลย

ซึ่งทั้งหมดนี้มันก็ทำให้ทุกคนในป้อมปราการสิงโตเหล็กนั้นสามารถบอกได้อย่างชัดเจนเลยว่าลอส เฟอไรท์นั้นเหนือกว่าพวก NPC ขั้นห้าที่พวกเขาเคยต่อสู้ด้วยก่อนหน้านี้อย่างเทียบไม่ติดเลย

“หนึ่งในเจ็ดอัศวินจอกศักศิทธิ์ ?” ซือเฟิงมองไปที่รูปลักษณ์ของลอส เฟอไรท์

แม้ว่าเขาจะไม่เคยได้ยินชื่อของอัศวินจอกศักสิทธิ์มาก่อน แต่เขาก็รู้จักอะไรคล้ายๆแบบนี้ ซึ่งนั่นก็คือนักบุญทั้งสิบแห่งทวีปหลักของ God domain ผู้ซึ่งมีความแข็งแกร่งอยู่ในสิบอันดับแรกของวิหารเทพสงคราม และตามข่าวลือที่ซือเฟิงได้ยินมานั้นดูเหมือนว่าแต่ละคนจะอยู่ในสถานะร่างครึ่งเทพทั้งหมด โดยที่พลังในการต่อสู้ของพวกเขานั้นก็นับว่ายืนอยู่ในจุดสูงสุดในทวีปหลักของ God domain ในยุคปัจจุบัน

ซึ่งลอส เฟอไรท์ตรงหน้าของซือเฟิงนี้ก็คงจะไม่ต่างอะไรจากตัวตนระดับนี้มากนัก เพราะท้ายที่สุดแล้วซือเฟิงสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนจากการสร้างโลกที่ลอส เฟอไรท์ใช้ออกมาว่าเขาอยู่ในสถานะร่างครึ่งเทพแน่นอน และเมื่อตัวตนระดับนี้มีอาวุธระดับตำนานใช้ด้วยนั้น มันก็จะยิ่งเพิ่มความอันตรายเข้าไปอีกมากเลยทีเดียว ….
แต่อย่างไรก็ตาม ณ ตอนนี้ การสร้างโลกของซือเฟิงนั้นมันแข็งแกร่งกว่าลอส เฟอไรท์อยู่เล็กน้อย !!!

และเมื่อซือเฟิงเปิดใช้งานการสร้างโลกของตัวเองนั้น ไม่เพียงแต่มันจะลบผลการสร้างโลกของลอส เฟอไรท์ออกไป แต่มันยังส่งผลกระทบต่อลอส เฟอไรท์เล็กน้อยด้วย

“ยอดเยี่ยม !!! มาเริ่มกันดีกว่า …. แสดงให้ฉันเห็นถึงพลังของผู้ที่ได้รับพรจากสวรรค์หน่อย !!!” ลอส เฟอไรท์นั้นยังคงไม่มีท่าทีหวั่นเกรงใดๆ แม้ว่าการสร้างโลกของเขาจะหายไป ตรงกันข้ามเขากับยิ้ม และชักดาบของตัวเองออกมา พลางเริ่มโจมตีทันทีด้วย ….

โดยความเร็วของลอส เฟอไรท์นั้นมันก็เร็วมากๆจนแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่บางคนก็ยังไม่สามารถจะมองตามได้ทัน

สกิลขั้นห้า เงา !!

หลังจากใช้สกิลนี้แล้วลอส เฟอไรท์ก็ได้เริ่มตวัดดาบในมือของตัวเอง

สกิลขั้นห้า Holy Light big cross-slash!

สกิลขั้นห้า Dragon Funxing!

โดยเมื่อลอส เฟอไรท์ใช้ทั้งสองสกิลนี้ออกมานั้น การโจมตีทั้งหมดของเขาก็กลายเป็นเหมือนมังกรไวเวิร์นทองขนาดใหญ่จำนวนมหาศาลพุ่งเข้าใส่ซือเฟิงจากทุกทิศทาง !!

“เทคนิคการหลอมรวมสกิลขั้นห้างั้นหรอ ?!!” ไฟเออร์แดนซ์ และคนอื่นๆที่เฝ้าดูอยู่อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง เมื่อได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น

เทคนิคการหลอมรวมสกิลนั้นมันใช้ได้ยากมากๆ เพราะคนๆหนึ่งที่ต้องการจะใช้มันนั้นจะต้องมีความเข้าใจในสกิลที่ตัวเองต้องการใช้หลอมรวมในระดับที่สูงมาก และแม้แต่ไฟเออร์แดนซ์ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตโดเมนนั้นก็ยังใช้เทคนิคนี้หลอมรวมสกิลได้แค่สองอย่างเท่านั้น ….

แต่ลอส เฟอไรท์กับหลอมรวมสกิลได้ถึงสามสกิล แถมมันยังเป็นสกิลขั้นห้าทั้งหมดด้วย พลังของเขานั้นมันอยู่ในระดับที่น่าเหลือเชื่อมากๆ !!!

และเมื่อต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีแบบนี้ ที่ใช้อาวุธระดับตำนานนั้น แม้แต่มังกรโตเต็มวัยขั้นห้าก็ยังจะมีสิทได้รับบาดเจ็บสาหัสแน่นอน !!!

“น่าทึ่งจริงๆ !!!”

ซือเฟิงมองไปที่มังกรไวเวิร์นทองทั้งหมดที่กำลังพุ่งเข้ามาหาเขา และอดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมาอย่างชื่นชม ….

การเคลื่อนไหวแบบนี้ของลอส เฟอไรท์นั้นมันค่อนข้างจะคล้ายกับการเคลื่อนไหวหนึ่งที่ชายหนุ่มลึกลับที่เป็นนักวิชาการใช้โจมตีเขาเลย

และก็แน่นอนว่ามันยากที่จะรับมือมากๆในสายตาของฝูงชน แต่สำหรับซือเฟิงในตอนนี้นั้นมันไม่ใช่ !!!

หลังจากที่ค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของเขามาถึงที่ขั้นสูงสุดของขั้นห้า ปฎิกิริยาตอบสนอง ความเร็วในการคิด และประมวลผล รวมไปถึงอื่นๆอีกมากมายนั้นมันก็เพิ่มขึ้นจากเดิมอีกราวสามถึงสี่เท่าเลย ซึ่งนี่มันก็ทำให้ซือเฟิงนั้นทรงพลังขึ้นมากๆ

อย่างไรก็ตามซือเฟิงนั้นก็ไม่กล้าจะประมาทการโจมตีที่กำลังเข้ามา โดยตัวเขานั้นก็ได้จัดการชักดาบแสงแห่งสองโลกของตัวเองออกจากฝักทันที

วัฎสงสารแห่งดาบ !!!

การรับมือกับการโจมตีที่ใช้เทคนิคหลอมรวมสกิลขั้นห้าตรงๆนั้น …. ซือเฟิงรู้ดีว่ามันเป็นการรนหาที่ตายมากๆ ดังนั้นเขาจึงได้เลือกจะใช้เทคนิคป้องกันของเขาในการรับมือกับมัน

อีกทั้งดาบแสงแห่งสองโลกของซือเฟิงนั้นก็ยังเป็นหนึ่งในสิบอาวุธระดับตำนานที่แข็งแกร่งที่สุดใน God domain ด้วย ซึ่งมันไม่ใช่สิ่งที่อาวุธระดับตำนานทั่วไปจะสามารถเทียบได้เลย

โดยเมื่อซือเฟิงเริ่มการใช้เทคนิควัฎสงสารแห่งดาบนั้น รอบๆบริเวณที่ซือเฟิงยืนอยู่ก็กลายเป็นเหมือนดอกบัวทองคำด้วยการกวัดแกว่งดาบของซือเฟิง และท้ายที่สุดแล้วนั้นมันก็สามารถที่จะป้องกันการโจมตีที่เข้ามาของลอส เฟอไรท์ไว้ได้ทั้งหมด

เมื่อลอส เฟอไรท์เห็นดังนี้นั้น เขาก็ได้รีบเคลื่อนไหว และทำการโจมตีซือเฟิงต่อทันที โดยเขาก็ได้เลือกใช้สกิลที่รุนแรงขึ้นสามสกิล และใช้เทคนิคหลอมรวมสกิลโจมตีเข้าใส่ซือเฟิงเช่นเดิม

ซึ่งเมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีที่รุนแรงแบบนี้นั้น ไม่ต้องพูดถึงผู้เล่นที่เป็นผู้เชี่ยวชาญขั้นห้าเลย ต่อให้เป็นผู้เล่นที่เป็นผู้เชี่ยวชาญขั้นหกก็ยังจะรับมือกับมันได้อย่างยากลำบากมากๆ

แต่ในขณะที่การโจมตีชุดนี้ของลอส เฟอไรท์กำลังจะเข้าถึงตัวซือเฟิงนั้น ซือเฟิงก็ได้เริ่มเคลื่อนไหวด้วยการเปิดใช้งานสกิล Divine Step เพื่อแยกร่างออกมา และจัดการสลับร่างกับแต่ละร่างไปเรื่อยๆ พลางใช้ดาบแสงแห่งสองโลกนั้นป้องกันการโจมตีที่เข้ามา

ฉากการต่อสู้ที่เกิดขึ้นระหว่างซือเฟิง กับลอส เฟอไรท์นั้นมันดูน่ากลัว และรวดเร็วมากๆจนเหล่าผู้คนที่เฝ้าดูอยู่ทั้งหมดนั้นอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น และอ้าปากค้างไปพร้อมกัน นอกเหนือจากนี้ทุกคนก็สามารถจะรับรู้ได้อย่างชัดเจนด้วยว่า หากพวกเขาเข้าไปยุ่งนั้น พวกเขาจะได้กลายเป็นเถ้าถ่านทันทีแน่นอน

“ดาบในมือของคุณช่างทรงพลังมากจริงๆ ไม่เพียงแต่มันจะทำลายการโจมตีของฉันได้ทั้งหมด แต่มันยังทำให้ฉันได้รับความเสียหายบางส่วนด้วย …” ลอส เฟอไรท์ที่ผละออกมาจากซือเฟิงอดไม่ได้ที่จะกล่าวอย่างประหลาดใจ

ดาบในมือของเขานั้นก็จัดเป็นอาวุธระดับตำนานชั้นยอดเช่นกัน แต่มันกับเทียบกับดาบในมือของซือเฟิงไม่ได้เลย แถมดาบของซือเฟิงยังสามารถโจมตีทะลวงผ่านดาบของเขามาสร้างความเสียหายให้กับเขาได้โดยตรงด้วย นี่มันนับว่าเป็นเรื่องที่น่าทึ่งมากๆ

ขณะเดียวกันสำหรับผู้เล่นทุกคนในป้อมปราการตอนนี้นั้น พวกเขาไม่คิดว่านี่เป็นการต่อสู้ของมนุษย์อีกต่อไปแล้ว และตอนนี้พวกเขาก็มองซือเฟิงเป็นดั่งทวยเทพเลยทีเดียว ซึ่งถ้าซือเฟิงไม่ปรากฎตัวขึ้นมาช่วยรับมือกับลอส เฟอไรท์นั้น พวกเขาก็คิดว่าอาณาจักรทวินทาวเวอร์ก็คงจะต้องถึงคราวจบสิ้นแล้วแน่นอน
“ฉันจะให้รางวัลสำหรับความสามารถของคุณหน่อยก็แล้วกัน ….”

ซือเฟิงมองไปที่ลอส เฟอไรท์ที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยด้วยรอยยิ้มบางๆ ก่อนที่เขาจะเปิดใช้งานสกิลวิญญาณทอง และผลักดันค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของตัวเองให้ขึ้นไปอยู่ที่ขั้นหกทันที

และเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยนั้นซือเฟิงก็ได้ยกดาบแสงแห่งสองโลกที่ตอนนี้เริ่มสว่างไสวในมือของเขาขึ้น

การทำลายล้างศักสิทธิ์ !!!

เมื่อค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของซือเฟิงถูกผลักดันให้ขึ้นมาอยู่ที่ขั้นหกนั้น ซือ
เฟิงก็ยิ่งสามารถใช้การทำลายล้างศักสิทธิ์ได้สมบูรณ์ได้มากขึ้น เพราะเมื่อมีค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจขั้นหกนั้นมันก็ทำให้ซือเฟิงเข้าใจกฎแห่งการทำลายล้างมากขึ้น

หลังจากนั้นซือเฟิงก็ได้ตวัดดาบที่เต็มไปด้วยแสงสว่างไสวเข้าใส่ลอส เฟอไรท์ทันที โดยการโจมตีนี้ของซือเฟิงนั้นมันก็มีพลังอยู่ในขั้นกลางของขั้นหก ซึ่งมันก็ไม่ใช่อะไรที่ีพวกขั้นห้าจะสามารถรับมือได้เลย

“กฎแห่งการทำลายล้าง ?!!”

ลอส เฟอไรท์ที่ได้เห็นฉากตรงหน้านั้นรู้สึกตกใจอย่างถึงที่สุด ตัวเขาเองนั้นก็พอจะเข้าใจในเรื่องการใช้กฎของโลกอยู่บ้าง แต่อย่างไรก็ตามเท่าที่เขารู้นั้น พวกครึ่งเทพขั้นห้าไม่น่าจะสามารถใช้กฎของโลกได้ดีขนาดนี้นี่นา ….

อย่างไรก็ตามเมื่อต้องเจอกับอะไรแบบนี้นั้น ลอส เฟอไรท์ก็ไม่กล้าที่จะประมาทเลย เขาได้รีบเปิดใช้งานสกิลจากอาวุธของเขาทันที

เปลวไฟแห่งสงคราม !!!

ตู้ม !!!

เมื่อดาบทั้งสองเล่มปะทะกันนั้นท้องฟ้าบริเวณที่พวกเขาปะทะกันก็แปรเปลี่ยนเป็นว่างเปล่าไปในทันที ก่อนที่หลังจากนั้นไม่นานมันจะปรากฎทะเลเพลิงขึ้นไปทั่ว ซึ่งฉากที่เกิดขึ้นนี้มันก็ทำให้ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามส่วนใหญ่ที่เฝ้าดูอยู่นั้นถึงกับเข่าอ่อนด้วยความหวาดกลัวเลย

ขณะที่สำหรับพวกผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่นั้น พวกเขาก็เต็มไปด้วยความตกตะลึงมากๆ และมันก็มีบางส่วนที่กลัวจนเลือกจะไปซ่อนตัว และเฝ้าดูอยู่ไกลๆเพื่อความปลอดภัยของตัวเองด้วย

โดยหลังจากการปะทะกันในรอบนี้ผ่านไปอีกหลายวินาทีนั้น ผลลัพธ์มันก็ออกมาชัดเจนคือลอส เฟอไรท์นั้นแทบจะไม่สามารถรับการโจมตีเข้ามาซือเฟิงได้ และหลังจากการปะทะกันในรอบนี้จบลงนั้น ซือเฟิงก็ได้เลือกจะรีบโจมตีต่อทันที ….

และท้ายที่สุดแล้วเมื่อผลของสกิลวิญญาณทองหมดลงนั้น ซือเฟิงก็สามารถทำให้ลอส เฟอไรท์อยู่ในสภาพที่น่าสังเวช และบาดเจ็บสาหัสได้ โดย HP ของลอส เฟอไรท์นั้นก็ลดลงไปมากกว่าห้าสิบเปอเซ็นต์เลย

ซึ่งเมื่อทุกอย่างดำเนินมาถึงจุดนี้นั้น ผลลัพธ์มันก็ออกมาชัดเจนแล้ว เพราะแม้ว่าจะปราศจากสกิลวิญญาณทอง แต่ซือเฟิงก็ยังจะสามารถใช้การทำลายล้างศักสิทธิ์ได้อีกสองถึงสามครั้งอยู่ดี และด้วยสภาพของลอส เฟอไรท์ในตอนนี้นั้น เขาไม่มีทางที่จะรับมือกับมันได้แน่นอน

ในด้านของตัวลอส เฟอไรท์นั้น ตัวเขาเองก็รู้เรื่องนี้ดี และนอกเหนือจากนี้แล้วนั้น ด้วยพลังของเรือเหาะชางเล่ย ซึ่งเป็นเรือเหาะระดับเหล็กลึกลับนั้น มันก็ได้พลิกสถานการณ์สงครามทางอากาศระหว่างทั้งสองฝ่ายไปอย่างสิ้นเชิง ….

โดยตอนนี้นั้นฝั่งของกองทัพจากโลกอื่นนั้นแปรเปลี่ยนกลับมาเป็นเสียเปรียบแทน และภายใต้การโจมตีของเรือเหาะชางเล่ย กับการป้องกันจากส่วนต่างๆนั้น มันก็ทำให้กองกำลังของพวกเขาไม่สามารถจะเข้าใกล้ป้อมปราการสิงโตเหล็ก และเรือเหาะชางเล่ยได้เลย

ขณะเดียวกัน ณ ตอนนี้นั้น เรือเหาะระดับทองแดงที่มีหกลำของกองทัพจากโลกอื่นก็สูญเสียไปถึงสี่ลำแล้ว และในส่วนของเรือเหาะระดับต่ำกว่านั้นลงไปพวกเขาก็สูญเสียไปเกือบยี่สิบลำแล้วด้วย นอกเหนือจากนี้นี่ยังไม่นับรวมพวกอะเม้าท์บินได้อีก ซึ่งพวกมันตอนนี้แทบจะเป็นเหมือนเป้านิ่งในการโจมตีของฝ่ายป้องกันเลย

พร้อมกันนั้นวงเวทย์ป้องกันของป้อมปราการก็กำลังเริ่มก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆจนมันใกล้จะกลับมาสมบูรณ์แล้ว

NPC ขั้นห้าที่ผละออกมาจากไฟเออร์แดนซ์ได้ ได้รีบหันมาเตือนลอส เฟอไรท์ว่า “ท่านลอส ตอนนี้มันไม่เหลือทางสำหรับเราแล้ว และเมื่อวงเวทย์ป้องกันของป้อมปราการก่อตัวขึ้นจนกลับมาสมบูรณ์เมื่อไหร่ เราก็จะตกเป็นเป้านิ่งของพวกชาวพื้นเมืองอย่างสิ้นเชิงเลยนะ !!!”

ลอส เฟอไรท์ที่ได้ยินคำเตือนนั้นก็พยักหน้า ก่อนที่เขาจะกัดฟัน และกล่าวว่า “ทุกคนถอย !!!”

เมื่อได้รับคำสั่งจากลอส เฟอไรท์นั้น กองทัพของเขาก็เริ่มทำการถอยกันอย่างเป็นระเบียบทันที โดยที่ลอส เฟอไรท์ และ NPC ขั้นห้าคนอื่นๆ รวมทั้งมังกรกระดูกโบราณนั้นในกองทัพนั้นคอยอยู่รั้งท้ายเพื่อป้องกันการโดนตลบหลัง หรือไล่ตาม …. และด้วยการทำแบบนี้เอง มันก็ทำให้ซือเฟิง กับคนอื่นๆนั้นไม่กล้าที่จะไล่ตามกองทัพผู้รุกรานไป

ท้ายที่สุดแล้วกองทัพผู้รุกรานจากโลกอื่นนั้นก็สามารถถอยทัพออกไปได้อย่างปลอดภัย โดยที่ทิ้งมังกรกระดูกโบราณไว้คอยกันแนวหลังให้พวกเขา เนื่องจากมังกรกระดูกโบราณที่ถูกอัญเชิญออกมาแบบนี้นั้น พวกเขาจะสามารถควบคุมมันได้แค่ระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีเหตุผลที่จะต้องให้มันถอยไปด้วย แถมการทิ้งมันไว้แบบนี้ มันก็จะยังเป็นการช่วยประวิงเวลาซือเฟิงกับคนอื่นๆเพิ่มด้วย

และแล้วในตอนจบของสงครามครั้งนี้นั้น ซือเฟิง และคนอื่นๆก็ได้เข้ารุมจัดการกับมังกรกระดูกโบราณ โดยพวกเขานั้นก็ใช้เวลามากกว่ายี่สิบนาทีเล็กน้อยในการล้มมัน ซึ่งเมื่อล้มมันได้ ไฟเออร์แดนซ์ และคนอื่นๆนั้นก็ได้รับ EXP อย่างมหาศาลจนเลเวลเพิ่มขึ้นไปกันคนละหนึ่งเลเวลทันที

ขณะเดียวกันที่ร่างของมังกรกระดูกโบราณนั้นมันก็ได้มีดาบกระดูก ซึ่งเป็นอาวุธระดับเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานดรอปออกมา และนอกเหนือจากนี้แล้วมันก็ยังมีวัสดุระดับตำนานอีกหลายสิบชิ้นดรอปออกมาด้วย ซึ่งซือเฟิงก็ได้จัดการแบ่งให้ทุกคนที่มีส่วนร่วมตามความเหมาะสม

หลังจากทุกอย่างเรียบร้อย ซือเฟิงก็ได้รีบกระโดดกลับขึ้นเรือเหาะชางเล่ย และออกเดินทางต่อทันที โดยเป้าหมายของเขานั้นก็คือเขาต้องการจะไปสนับสนุนสถานที่อีกสองแห่ง

อย่างไรก็ตามเมื่อซือเฟิงไปถึง เขาก็ต้องแปลกใจ เพราะสถานการณ์ของเมืองเล่ยเซีย และป้อมปราการหนามแดงนั้นมันดีกว่าที่ป้อมปราการสิงโตเหล็กมากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เมืองเล่ยเซียที่มีอควาโรส ซึ่งเป็นมหาจอมเวทย์ขั้นห้าคอยดูแลอยู่ กองทัพ NPC จากโลกอื่นที่เข้าโจมตีเมืองนั้นพ่ายแพ้ และสูญเสียอย่างสิ้นเชิง ขณะที่ป้อมปราการหนามแดงนั้นก็หนักกว่าที่เมืองเล่ยเซียนิดหน่อย แต่ท้ายที่สุดแล้วมันก็ถูกจัดการได้ทั้งหมด ….

เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น และมันชัดเจนแล้วว่าพวกเขาได้รับชัยชนะอย่างเบ็ดเสร็จในสามสมรภูมินั้น …. ผู้เล่นในอาณาจักรทวินทาวเวอร์ก็เดือดพล่านมากๆ

ขณะเดียวกันข่าวที่น่าอัศจรรย์นี้ก็ได้แพร่กระจายไปทั่วทวีปด้านตะวันออกอย่างรวดเร็ว และนี่มันก็ทำให้ทั่วทั้งทวีปด้านตะวันออกนั้นสั่นสะเทือน !!!