บทที่ 695 แล้วใครล่ะจะไปทนไหว

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 695 แล้วใครล่ะจะไปทนไหว

รากป่านหง?

มันคืออะไรล่ะนั่น?

หลินเป่ยเฉินขมวดคิ้ว คิดออกเพียงอย่างเดียวว่ามันน่าจะเป็นสมุนไพรวิเศษที่มีค่ามากกว่ารากชงโหลวหลายเท่า

ของล้ำค่าเช่นนี้… เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าร้านเพื่อนพ้องพี่น้องโจรจะมีขายหรือไม่

แต่ไม่ต้องรอนาน เทพีกระบี่หิมะไร้นามก็ส่งรูปภาพมาให้ดูอย่างรวดเร็ว

‘นี่คือรากป่านหง นับเป็นสมุนไพรวิเศษที่สามารถขจัดพิษได้อย่างดีเยี่ยม ถือเป็นยาถอนพิษสำหรับเทพเจ้าบนดินแดนทวยเทพ และอานุภาพในการขับพิษของมันจะยิ่งยอดเยี่ยมมากขึ้นเมื่อใช้งานร่วมกับสุรา’

‘เจ้าลองเอาไปค้นดูว่าพอจะหามาได้บ้างหรือไม่ ถ้าหาได้ พวกเราค่อยมาตกลงเรื่องข้อแลกเปลี่ยนกันอีกที’

‘ข้าใจดีกับเจ้าถึงเพียงนี้ น้องชายคงไม่ต้องเป็นกังวลว่าพี่สาวคนนี้จะหักหลังเจ้าอีกแล้ว จริงไหม?’

‘ยิ่งไปกว่านั้น อย่าลืมสิว่าร่างเปลือยของข้า เจ้าก็เคยเห็นมาแล้ว’

เทพีกระบี่หิมะไร้นามส่งข้อความเด้งมารัวๆ

เด็กหนุ่มยังไม่ได้ตอบข้อความ เขาหัวเราะในลำคอ ที่ผ่านมาเทพีกระบี่หิมะไร้นามแสดงออกถึงความเจ้าเล่ห์มากเหลี่ยมขนาดนั้น ใครหลงเชื่อก็คงเสียสติแล้ว

แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าเขาสามารถหารากป่านหงมาได้ เทพีกระบี่หิมะไร้นามก็คงต้องยอมทำตามคำสั่งทุกอย่างของเขาแล้ว

หลินเป่ยเฉินดาวน์โหลดรูปภาพรากป่านหงเก็บเอาไว้ในโทรศัพท์มือถือ

‘เมื่อสักครู่ ท่านบอกว่ารากป่านหงมีสรรพคุณช่วยขับพิษ อย่าบอกนะว่าขณะนี้ท่านกำลังถูกพิษ?’

หลินเป่ยเฉินส่งข้อความถามกลับไป

เทพีกระบี่หิมะไร้นามตอบกลับมาอย่างรวดเร็วว่า ‘ข้าจะไปถูกพิษได้อย่างไร น้องชาย เจ้าต้องไม่ลืมสิว่าข้าคือเทพธิดาผู้ต่อสู้มาแล้วร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำทั่วดินแดนทวยเทพ ไม่ว่าเยื้องย่างกายไปที่ไหน ก็สามารถเก็บชัยชนะได้ที่นั่น… แต่ผู้ที่ถูกพิษคือเทพีกระบี่ต่างหาก บางครั้งศัตรูก็ไล่ตามมาเล่นงานไม่เลิกรา ถึงท่านจะมีความสามารถในการตรวจจับยาพิษระดับสูง ทว่ายาพิษบางชนิดก็มีความร้ายกาจเกินไป ทำให้กว่าที่เทพีกระบี่จะรู้ตัวพิษก็เข้าสู่ร่างกายไปเรียบร้อยแล้ว… เมื่อลองมาคิดๆ ดู หากข้าสามารถหารากป่านหงไปให้ท่านได้ เทพีกระบี่ก็จะต้องเห็นความสำคัญของข้ามากขึ้นกว่าเดิมไม่ใช่หรือ?’

หลินเป่ยเฉินพูดอะไรไม่ออก

ทำไมเทพีกระบี่ถึงถูกเล่นงานซ้ำเล่นงานซ้อนขนาดนี้เนี่ย

‘เอาล่ะ ข้าจะลองหาดูให้ก็แล้วกัน ถ้ามีอะไรคืบหน้าเดี๋ยวติดต่อไปเอง’

หลินเป่ยเฉินหันกลับมาเข้าประเด็นหลักและตัดจบบทสนทนาโดยทันที

เมื่อรับประทานอาหารเสร็จแล้ว เด็กหนุ่มก็กลับเข้าไปในห้องพัก เปิดการแจ้งเตือนของแอปจิงตงมอลล์ และกดคำสั่ง ‘รับสินค้าทันที’

ทันใดนั้น หลุมดำขนาดเล็กก็ปรากฏขึ้นในอากาศเหนือศีรษะของเขา

ขวดเหล็กที่มีขนาดเท่ามือเด็กทารกร่วงลงมา

วัตถุที่ใช้ทำขวดซึ่งมีรูปทรงแปลกประหลาดขวดนี้ ไม่ทราบเลยว่าทำมาจากแร่โลหะชนิดใด

พื้นผิวของมันมีสีฟ้าอ่อน ลงค่ายอาคมเอาไว้ทำให้พื้นผิวมีลักษณะพลิ้วไหวเหมือนระลอกคลื่นในทะเล เพียงชำเลืองมองดู ก็รู้แล้วว่าสิ่งที่บรรจุอยู่ในขวดต้องมีพลังไม่ใช่น้อยแน่นอน

ด้านบนมีฝาปิดสีน้ำเงินคราม

หลินเป่ยเฉินเปิดฝาปิดออก แล้วลำแสงสีน้ำเงินเข้มก็พวยพุ่งออกมาจากด้านในขวด

เขาต้องหรี่ตามองด้วยความระมัดระวัง

ภายในขวดเหล็กสีฟ้าอ่อนบรรจุเอาไว้ด้วยของเหลวสีเขียวใส แม้ขวดจะถืออยู่นิ่งๆ แต่น้ำสีเขียวใสเหล่านี้ก็เคลื่อนไหวเป็นระลอกคลื่นอยู่ตลอดเวลา

ไม่ต้องเดาก็พอรู้ว่าขวดเหล็กขนาดเล็กขวดนี้ เป็นวัตถุเก็บของวิเศษ ซึ่งสามารถบรรจุน้ำได้เป็นจำนวนมากมายมหาศาล

หลินเป่ยเฉินไม่แน่ใจเลยว่าน้ำสีเขียวใสเหล่านี้สามารถทำอะไรได้บ้าง

ดังนั้น เขาจึงต้องทดลองดูก่อน

หลายชั่วยามผ่านไป

เมื่อถึงตอนที่ทุกคนเลิกงานกลับไปพักผ่อน หลินเป่ยเฉินก็ยังคงอยู่ในกระโจมเพียงลำพัง

ดึกสงัด

ทันใดนั้น บังเกิดเสียงกรีดร้องด้วยความตื่นตกใจดังออกมาจากความมืดมิด

วันต่อมา

เมฆครึ้ม

อากาศไม่แจ่มใส

ค่าดัชนีฝุ่น PM 2.5 ในอากาศคือ 59

“นั่นมันอะไรน่ะ?”

รุ่งเช้า หยางต้าซานผู้เดินนำกลุ่มคนงานฝ่าหิมะมายังค่ายที่พักของชาวเมืองหยุนเมิ่งอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ

ไม่ใช่แค่เขาคนเดียวเท่านั้น

แต่ทุกคนที่มาด้วยกันก็ต้องปากอ้าตาค้าง เพราะพวกเขาพบว่าจุดที่เคยเป็นกระโจมที่พักของผู้คนในขณะนี้ กลับมีต้นสนขนาดสูงเสียดฟ้าปรากฏขึ้นมาหลายสิบต้น นอกจากมันจะมีขนาดใหญ่โตมากแล้ว ใบของมันยังเขียวสดใหม่เสมอกันทุกต้นอีกด้วย

และที่สำคัญมากที่สุดก็คือ กระโจมที่พักของหลินเป่ยเฉินได้ย้ายขึ้นไปอยู่บนยอดต้นสนต้นหนึ่งเรียบร้อยแล้ว

“นี่ข้าตาฝาดไปหรือเปล่า?”

“ต้นสนพวกนี้มาจากไหนกัน?”

“สมมุติว่านี่เป็นต้นสนเก่าที่เคลื่อนย้ายมาจากที่อื่น แต่จะสามารถนำมาลงดินใหม่ทั้งหมดในคืนเดียวได้อย่างไร?”

“หรือว่า… พวกเรามาผิดหมู่บ้าน?”

บรรดาผู้ติดตามของหยางต้าซานหันมองหน้ากันด้วยความงงงวย

“พวกเจ้าเลิกยืนตะลึงกันได้แล้ว คุณชายหลินบอกว่าต้นไม้เหล่านี้คือต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ พวกมันเป็นสัญลักษณ์ของการมีชีวิตและความหวัง และต้องเป็นสถานที่ที่มีแต่ความรักและความยุติธรรมเท่านั้น ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ถึงจะสามารถเติบโตขึ้นมาได้ในเวลาเพียงชั่วข้ามคืน นี่คือสิ่งที่พิสูจน์แล้วว่าในอนาคตข้างหน้า ค่ายที่พักของชาวเมืองหยุนเมิ่งจะต้องเป็นที่พึ่งพิงให้แก่เหล่าผู้อพยพด้วยกันได้… อย่างแน่นอน!!”

บุรุษหนุ่มในชุดอาจารย์จากสถานศึกษากระบี่ที่สามผู้หนึ่ง ปิดสมุดบันทึกในมือของตนเองเสียงดังฉับ ก่อนจะเดินเข้ามาพูดคุยกับพวกของหยางต้าซานด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความเคารพต่อหลินเป่ยเฉินอย่างสูงส่ง

“อรุณสวัสดิ์ขอรับ คุณชายเถียน”

หยางต้าซานและพรรคพวกรีบประสานมือทำความเคารพบุรุษหนุ่ม

หลายวันที่ผ่านมา พวกเขาคุ้นเคยกับความเป็นไปในค่ายที่พักของชาวเมืองหยุนเมิ่งเป็นอย่างดี เหล่าคนงานผู้อพยพจึงรู้ว่าบุรุษหนุ่มผู้นิยมถือสมุดบันทึกติดมือผู้นี้ มักจะจดข้อความทุกคำพูดของคุณชายหลิน รวมถึงบันทึกทุกๆ การกระทำของคุณชายหลินเป็นตัวอักษรแทบจะตลอดเวลา ซึ่งมันได้กลายเป็นภาพชินตาของทุกคนไปแล้ว

หยางต้าซานและพรรคพวกย่อมทราบว่าบุรุษหนุ่มท่านนี้มีนามว่าเถียนเถียน

เขามีตำแหน่งเป็นผู้ช่วยของผู้ดูแลคนงานฉุยหมิงโหลว

เถียนเถียนมีหน้าที่คอยติดต่อสื่อสารและดูแลความสงบเรียบร้อยของเขตพื้นที่ก่อสร้างทั้งในและนอกค่ายที่พักแห่งนี้

“อากาศเริ่มเย็นแล้ว อีกไม่นานคงหนาวเกินไป พวกเจ้าต้องเร่งมือกันหน่อย… พยายามเข้าล่ะทุกคน วันนี้นายช่างเหลียวจะมอบหมายงานก่อสร้างรูปแบบใหม่ให้พวกเจ้าได้ทำ เมื่อคืนนี้ คุณชายหลินได้จัดหาวัสดุก่อสร้างชนิดพิเศษรูปแบบใหม่มาให้พวกเจ้า จงทำงานอย่าชักช้าเด็ดขาด หากพบเจอว่ามีตรงส่วนไหนของงานที่ไม่เข้าใจ กรุณาสอบถามหัวหน้านายช่างของพวกเจ้าโดยทันที”

เถียนเถียนอธิบายด้วยน้ำเสียงเข้มขรึม

เหล่าผู้อพยพพยักหน้าอย่างรวดเร็ว

ตลอดเวลาหลายวันที่ผ่านมา ค่ายที่พักของชาวเมืองหยุนเมิ่งสร้างชื่อเสียงเลื่องลือระบือไกลไปทั่วพื้นที่เขตสอง ผู้อพยพจากหมู่บ้านต่างๆ พากันยกขบวนมาสมัครงานอย่างมีความหวัง ทำให้นับตั้งแต่เมื่อวานนี้ จำนวนคนงานของพวกเขาจึงเพิ่มขึ้นทวีคูณ

คนงานแซ่จางอดถามออกไปไม่ได้ว่า “คุณชายเถียน ต้นไม้เหล่านี้… สามารถเติบโตขึ้นมาได้ในชั่วข้ามคืนจริงๆ หรือขอรับ?”

“ย่อมเติบโตได้จริง”

เถียนเถียนหยุดชะงักเล็กน้อย และกล่าวเสริมว่า “หรือถ้าจะพูดให้ถูกต้องก็คือ พวกมันเติบโตขึ้นมาในเวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจเท่านั้น”

หยางต้าซานและพรรคพวกถึงกับตกตะลึงไปอีกครั้ง

“นี่ถือเป็นสัญญาณมงคลเหลือเกิน”

คนงานแซ่หูอุทานออกมาด้วยความปลาบปลื้ม

หัวใจของพวกเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกตื่นตะลึง

ไม่เลวเลย

กระโจมที่พักของคุณชายหลินย้ายขึ้นไปอยู่บนยอดไม้สูง นี่ก็หมายความว่าคุณชายหลินมีสถานะไม่ต่างไปจากเทพเจ้าแล้วใช่หรือไม่?

หากเด็กหนุ่มไม่ใช่เทพเจ้า แล้วต้นไม้เหล่านี้จะเติบโตในเวลาเพียงคืนเดียวได้อย่างไร?

กลุ่มคนงานส่งเสียงโห่ร้องออกมาด้วยความดีใจ ที่ตนเองตัดสินใจมาทำงานในค่ายที่พักแห่งนี้

บรรยากาศของค่ายที่พักถูกปกคลุมด้วยความประหลาดใจและความตื่นเต้น

ทุกคนล้วนตื่นเต้นกับบรรดาต้นสนสูงเสียดฟ้าที่เติบโตในเวลาเพียงข้ามคืน

ความเคารพและความศรัทธาต่อตัวหลินเป่ยเฉินจากกลุ่มผู้อพยพเพิ่มมากขึ้นอีกหลายเท่า พวกเขาศรัทธาในตัวของเด็กหนุ่มถึงชนิดที่ว่า หากมีคนพบเห็นหลินเป่ยเฉินไปเคาะประตูบ้านพักแม่หม้ายสาวกลางดึกสงัด ทุกคนก็พร้อมเชื่อใจว่าหลินเป่ยเฉินจะไปที่นั่นเพื่อส่งมอบความอบอุ่น โดยไม่มีเจตนาร้ายแอบแฝงแม้แต่น้อย

และบนใบหน้าของหลินเป่ยเฉินก็มักจะประดับรอยยิ้มสดใสตลอดเวลา

แล้วเช่นนี้เขาจะไม่มีผู้ศรัทธาเพิ่มเติมได้อย่างไร?

เมื่อคืนนี้ สิ่งที่หลินเป่ยเฉินทำก็คือการนำเมล็ดต้นสนที่ซื้อมาจากแอป Taobao ออกมาโยนลงไปในหลุมดิน ก่อนจะหยดน้ำพุฉางชุนลงไปเพียงเล็กน้อย

ผลก็คือ เมล็ดต้นสนเติบโตขึ้นมาเป็นต้นสนขนาดใหญ่ยักษ์ มันมีขนาดใหญ่โตมโหฬารมากกว่าต้นสนทั่วไปถึง 18 เท่า หากเป็นในยามปกติ ไม่รู้เลยว่าต้องใช้เวลากี่ร้อยปีพวกมันถึงมีขนาดใหญ่โตได้ถึงเพียงนี้ และกว่าที่จะรู้ตัวอีกที หลินเป่ยเฉินก็พบว่ากระโจมที่พักของตนเองซึ่งมีสองสาวรับใช้นอนหลับอยู่ด้านใน ได้ถูกยกขึ้นไปอยู่บนท้องฟ้า ตั้งอยู่บนยอดต้นสนที่เขาลองปลูกดูเข้าเสียแล้ว

นี่แหละคือความมหัศจรรย์ของน้ำพุฉางชุน

แล้วใครล่ะจะไปทนไหว

ในขณะที่ผู้คนในค่ายที่พักพากันตื่นเต้นตกใจ

หลินเป่ยเฉินก็ตกอยู่ในอาการเดียวกัน เพียงแต่เขาต้องสงบสยบความเคลื่อนไหว ไม่แสดงความตื่นเต้นออกมาให้ใครเห็นเท่านั้น!