ตอนที่ 2916 ดาบโซโลมอน

เมื่อซือเฟิงเลือกจะทำการหลอมดาบโซโลมอนขึ้นใหม่ ชิ้นส่วนของดาบโซโลมอนทั้งห้าชิ้นก็ปรากฎขึ้นตรงหน้าเขาทีละชิ้นๆ

ชิ้นส่วนทั้งห้าชิ้นจากดาบห้าเล่มนั้นต่างสะท้อนซึ่งกันและกัน และเปล่งแสงที่สว่างไสวออกมา

ไม่กี่วินาทีต่อมาชิ้นส่วทั้งห้าก็หลอมรวมกันกลายเป็นดาบยาวสีแดงเข้มที่มีตราประทับสีดำ พร้อมกันนั้นบริเวณใบดาบมันก็มีสายฟ้าสีดำวนเวียนอยู่รอบๆ และการปรากฎขึ้นของดาบเล่มนี้มันก็ทำให้พื้นบริเวณโดยรอบนั้นเริ่มแตกออกเป็นเสี่ยงๆ

ซึ่งนี่มันก็ทำให้ฟางฉีหานที่เฝ้าดูอยู่นั้นอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง ….

อาวุธระดับตำนาน ? ในตอนนี้ฟางฉีหานนั้นค่อนข้างคุ้นเคยกับออร่าของอาวุธระดับตำนานแล้ว เพราะท้ายที่สุดสภาสิบแปดปีกนั้นมีอาวุธระดับตำนานอยู่ห้าชิ้น โดยผู้ที่ครอบครองอาวุธระดับนี้อยู่นั้นก็มีซือเฟิง หยานเทียนซิง อควาโรส เสวี่ยเหวินโหรว รวมไปถึงไวโอเล็ตที่เธอพึ่งจะอัพเกรดคทาของตัวเองให้กลายเป็นอาวุธระดับตำนานได้ ….

อาวุธระดับตำนานทุกชิ้นนั้นล้วนมอบให้พลังให้ผู้ครอบครองมันสามารถจะต่อสู้แบบข้ามขั้นได้ ซึ่งด้วยอาวุธระดับตำนานนั้นมันก็จะทำให้ผู้เล่นขั้นห้ามีพลังเทียบเคียงกับขั้นหกเลย อาวุธระดับตำนานนั้นมันทรงพลังกว่าอาวุธที่เป็นเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานอย่างมาก

หลังจากเห็นว่าดาบโซโลมอนถูกหลอมรวมขึ้นใหม่จนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ซือเฟิงก็ได้รีบคว้ามันมา และจัดการตรวจสอบข้อมูลของมันด้วยความตื่นเต้นทันที

(ดาบโซโลมอน) (ดาบมือเดียว ระดับตำนาน)
ความต้องการอุปกรณ์ : ค่า STR 50,000

พลังโจมตีเพิ่มขึ้น 460 เปอเซ็นต์ของค่า STR , ความเร็วในการโจมตีเพิ่มขึ้น 3 เปอเซ็นต์ของค่า AGI กับ Vitality รวมกัน

ค่าสถานะทั้งหมด (เพิ่มขึ้นตามเลเวลของผู้ใช้)
เมื่อติดตั้ง :

โจมตีโดยไม่สนค่าพลังป้องกัน 100 เปอเซ็นต์

การโจมตีมีโอกาส 15 เปอเซ็นต์ที่จะเพิ่มความเร็วในการโจมตีขึ้น 300 เปอเซ็นต์
การโจมตีมีโอกาส 60 เปอเซ็นต์ที่จะสร้างความเสียหายเพิ่มขึ้น 300 เปอเซ็นต์
การโจมตีมีโอกาส 20 เปอเซ็นต์ที่จะสร้างความเสียหายเพิ่มขึ้น 1,000 เปอเซ็นต์
การโจมตีจะสร้างความเสียหายเพิ่มขึ้นจากปกติ 200 เปอเซ็นต์ ให้แก่ผู้ที่อยู่ต่ำกว่าขั้น 6
หากโดนดาบเล่มนี้โจมตีจะทำให้วิญญาณของเป้าหมายอ่อนแอลง

ค่า STR เพิ่มขึ้น 300 เปอเซ็นต์ ค่า AGI เพิ่มขึ้น 180 เปอเซ็นต์ ค่า INT เพิ่มขึ้น 150 เปอเซ็นต์ ค่า Endurance เพิ่มขึ้น 80 เปอเซ็นต์ ความเร็วในการโจมตีเพิ่มขึ้น 170 เปอเซ็นต์

Ignore Levels +80
สกิลดาบทั้งหมดมีเลเวลเพิ่มขึ้น 2 เลเวล (สูงสุดที่ขั้นสูงสุดของขั้น 6)
พลังของการโจมตีเพิ่มขึ้น 2 ขั้น (สูงสุดที่ขั้นสูงสุดของขั้น 6)

เอฟเฟคของมานาเพิ่มขึ้น 200 เปอเซ็นต์
การใช้ค่าสตามิน่า และค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจลดลง 30 เปอเซ็นต์

สกิลพาสซีฟเพิ่มเติม : วิญญาณนิรันดร์ : ปรับปรุงวิญญาณของผู้ใช้ให้ดีขึ้นอย่างมาก และเพิ่มการรับรู้เกี่ยวกับกฎของโลกขึ้น 1 เลเวล

สกิลใช้งานเพิ่มเติม 1 : สายฟ้าแห่งการทำลายล้าง (ขั้น 6) : สร้างความเสียหายอย่างรุนแรงแก่ศัตรูทั้งหมดในรัศมี 10,000 หลาเป็นเวลา 10 วินาที โดยที่มีผู้ใช้เป็นศูนย์กลาง และยิ่งใช้สกิลจนเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ พลังของสกิลก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น (สูงสุดที่ขั้นสูงสุดของขั้น 6)

คูลดาวน์ : 1 นาที

สกิลใช้งานเพิ่มเติม 2 : โลกแห่งดาบ (ขั้น 6) : สร้างดาบเงาขึ้นมา 99 เล่ม โดยดาบที่ถูกสร้างขึ้นนั้นจะมีพลังสูงกว่าผู้ใช้ 2 ขั้น

ระยะเวลา : 30 วินาที
คูลดาวน์ : 1 ชั่วโมง

สกิลใช้งานเพิ่มเติม 3 : ดาบสุดท้าย (ขั้น 6) : เปิดใช้งานพลังทั้งหมดของดาบโซโลมอนเพื่อโจมตีหนึ่งครั้งด้วยการใช้พลังวิญญาณของผู้ใช้ โดยยิ่งค่าความแข็งแกร่งทางจิตของผู้ใช้สูงเท่าไหร่ พลังที่ถูกเปิดใช้งานเพื่อโจมตีนั้นก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นมากเท่านั้น (สูงสุดที่ขั้นสูงสุดของขั้น 6) และการโจมตีนี้ก็จะสามารถทำลายวิญญาณของเป้าหมายได้

คูลดาวน์ : 10 นาที

ดาบเล่มนี้ถูกสร้างโดยเทพโบราณที่เป็นเทพสายฟ้า โดยดาบโซโลมอนนั้นก็ครอบครองพลังของเทพโบราณอยู่ และสามารถจะทำลายได้ทุกสิ่งทุกอย่าง

ตามที่คาดไว้จากหนึ่งในสิบอาวุธระดับตำนานที่แข็งแกร่งที่สุด ค่าสถานะของมันไม่ได้ด้อยไปกว่าแสงแห่งสองโลกเลยแม้แต่น้อย ซือเฟิงรู้สึกประหลาดใจเล็กๆ เมื่อเขาได้เห็นข้อมูลทั้งหมดของดาบโซโลมอน

แสงแห่งสองโลกนั้นเป็นอาวุธที่มุ่งเน้นไปที่การปรับปรุงชนชั้นสิ่งมีชีวิตของผู้ใช้ ขณะที่ดาบของโซโลมอนนั้นก็จะมุ่งเน้นไปที่การปรับปรุงวิญญาณของผู้ใช้มัน ซึ่งก็ต้องบอกเลยว่าเอฟเฟคของอาวุธทั้งสองนั้นมีความสำคัญเท่าเทียมกัน และเมื่อใช้ร่วมกันนั้น มันก็จะทำให้ผู้ใช้มีพลังที่น่ากลัวอย่างถึงที่สุดแน่นอน ….

แม้ว่าซือเฟิงจะยังไปไม่ถึงอาชีพขั้นหก แต่ทั้งชนชั้นสิ่งมีชีวิต และค่าความแข็งแกร่งทางจิตของเขานั้นก็ใกล้จะถึงมาตราฐานของขั้นหกแล้ว โดยในตอนนี้ถ้าเขาต้องต่อสู้กับ ลอส เฟอไรท์ ผู้บัญชาการกองพลที่สิบเก้าของกองทัพจากโลกอื่นอีกนั้น เขาก็จะสามารถกุมความได้เปรียบทั้งหมดได้โดยที่ไม่ต้องใช้สกิลวิญญาณทองอีกแล้ว

“โอ้ใช่ … หัวหน้ากิล ฉันมีเรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่งที่จะต้องบอกคุณ ….” ฟางฉีหานกล่าว จากนั้นเธอก็หยิบบัตรเชิญที่ทำจากคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่ออกมา และส่งมันให้กับซือเฟิง “นี่คือคำเชิญที่ห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดส่งไปให้กิลชั้นสูงหรือเหนือกว่าทั้งหมดใน God domain พวกเขาจะจัดการประชุมขึ้นที่เมืองแบล๊ควิงในวันพรุ่งนี้เพื่อหารือเกี่ยวกับมาตราการรับมือกองทัพจากโลกอื่น และชายหนุ่มลึกลับที่เป็นนักวิชาการคนนั้น”

“คริสตัลเจ็ดลูมินาลี่ ? ช่างเป็นการเคลื่อนไหวที่ดีจริงๆ ….” ซือเฟิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมื่อเขาได้เห็นบัตรเชิญในมือของเขา

คริสตัลเจ็ดลูมินาลี่นั้นเป็นทรัพยากรที่มหาอำนาจต่างๆล้วนพยายามอย่างหนักเพื่อที่จะให้ได้รับมันมา ซึ่งสภาสิบแปดปีกนั้นก็เป็นแบบเดียวกัน แต่ตอนนี้กิลก็รวบรวมคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่มาได้แค่หนึ่งแสนหกหมื่นชิ้นเท่านั้น และกิลก็ไม่กล้าจะใช้จ่ายมันแบบมั่วๆเลย แต่ถึงกระนั้นห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดกับใช้คริสตัลเจ็ดลูมินาลี่เพื่อสร้างบัตรเชิญขึ้นมา และส่งไปยังกิลต่างๆ ยิ่งไปกว่านั้นบัตรเชิญนี้มันก็ไม่ได้เป็นเพียงบัตรเชิญธรรมดาด้วย เพราะมันมีวงเวทย์พิเศษสลักอยู่ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ที่ได้รับมันสามารถเทเลพอร์ตไปยังเมืองแบล๊ควิงได้โดยตรง

เท่าที่ซือเฟิงคาดการณ์ บัตรเชิญแบบนี้หนึ่งใบน่าจะต้องใช้คริสตัลเจ็ดลูมินาลี่ห้าชิ้นในการสร้างมันขึ้นมา ในขณะเดียวกันมันก็มีกิลชั้นสูง กิลชั้นยอด และซุเปอร์กิลอยู่มากกว่าหนึ่งพันกิลใน God domain หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดนั้นจะต้องใช้คริสตัลเจ็ดลูมินาลี่อย่างน้อยห้าพันชิ้นเลยในการสร้างบัตรเชิญแบบนี้ทั้งหมด

“บัตรเชิญคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่นั้นเป็นบัตรเชิญระดับสูงสุด ขณะที่รองลงไปจะเป็นบัตรเชิญที่ทำจากหินมานา และคริสตัลเวทย์มนต์ตามลำดับ ….” ฟางฉีหานกล่าวอธิบาย “ซึ่งบัตรเชิญแต่ละระดับนั้นมันก็จะมีข้อแตกต่างกันตรงที่จำนวนคนที่จะสามารถไปเข้าร่วมการประชุมด้วยได้ โดยบัตรเชิญที่ทำจากคริสตัลเวทย์มนต์นั้นจะอนุญาติให้ผู้ที่เข้าร่วมประชุมนำผู้ติดตามไปได้แค่คนเดียวเท่านั้น ขณะที่บัตรเชิญที่ทำจากหินมานานั้นจะอนุญาติให้ผู้ที่เข้าร่วมประชุมนำผู้ติดตามไปได้สองคน ส่วนบัตรเชิญที่ทำจากคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่นั้นจะอนุญาติให้ผู้ที่เข้าร่วมประชุมนำผู้ติดตามไปได้สี่คน”

“ถึงกระนั้นนี่มันก็ยังจัดว่าน่าทึ่งมากๆ เพราะแค่การสร้างวงเวทย์พิเศษที่สลักอยู่ในบัตรทุกใบนั้นมันก็ต้องเสียเงินไปพอสมควรแล้ว ….” ซือเฟิงกล่าว ถ้ามันขึ้นอยู่กับเขา เขาคงไม่เต็มใจที่จะจ่ายมากขนาดนี้เพื่อจัดงานประชุม

แน่นอนว่าความจริงที่ว่าห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดนั้นเต็มใจจะทำแบบนี้ มันก็แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนเลยว่าพวกเขาจัดชายหนุ่มลึกลับที่เป็นนักวิชาการเป็นภัยคุกคามมากแค่ไหน และแม้แต่ในชีวิตที่แล้วของซือเฟิง เขาก็ไม่เคยเห็นการประชุมที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ด้วยซ้ำ

“เราจะไปกันไหม ?” ฟางฉีหานอดไม่ได้ที่จะถาม ในแง่ของพลังการต่อสู้โดยรวมปัจจุบันสภาสิบแปดปีกนั้นนับเป็นกิลอันดับหนึ่งแห่ง God domain อย่างไม่ต้องสงสัย และกิลก็ไม่ได้มีปัญหาใดๆเลยในการจะปกป้องอาณาจักรทวินทาวเวอร์ กับอาณาจักรสตาร์มูนซึ่งเป็นฐานที่มั่นหลักสองแห่งของกิล ดังนั้นมันจึงไม่สำคัญเลยว่าสภาสิบแปดปีกจะไปเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้หรือไม่ ยิ่งไปกว่านั้นสภาสิบแปดปีกยังเป็นศัตรูกับสองในห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดด้วย

“แน่นอนเราจะไป !!!” ซือเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ไปบอกไฟเออร์แดนซ์ ไวโอเล็ต
คลาวด์ และหยานเทียนซิงให้เตรียมตัวให้พร้อม !!! พวกคุณสี่คนจะต้องไปกับฉัน !!!”

ในตอนนี้เขาไม่ได้สนใจเรื่องกองทัพจากโลกอื่นอีกต่อไป อย่างไรก็ตามมันเป็นเรื่องที่แตกต่างกันออกไปสำหรับชายหนุ่มลึกลับที่เป็นนักวิชาการ

จากการสิบสวนของสภาสิบแปดปีกดูเหมือนว่าชายหนุ่มผู้นี้นั้นจะมีความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างลึกซึ้งกับเหล่า NPC จากโลกอื่น และมันก็มีความเป็นไปได้สูงมากว่าในครั้งหน้าที่ซือเฟิงเผชิญหน้ากับกองทัพ NPC จากโลกอื่นนั้น เขาก็จะต้องเผชิญหน้ากับชายหนุ่มลึกลับที่เป็นนักวิชาการพร้อมกันด้วย ดังนั้นเขาจึงจำเป็นจะต้องได้รับความช่วยเหลือจากกองกำลังของผู้เล่นอื่นๆในทวีปหลัก เพราะท้ายที่สุดตอนนี้ประเทศต่างๆนั้นได้เปิดคลังสมบัติของตัวเองขึ้นมาแล้ว อันเนื่องมาจากสงครามโลกที่เกิดขึ้นเป็นครั้งที่สอง ซึ่งด้วยสมบัติจากในคลังสมบัติพวกนี้นั้น มันก็จะช่วยให้ผู้เล่นของทวีปหลักพัฒนาไปอย่างรวดเร็วมากๆ

ในอัตราปัจจุบันผู้เล่นขั้นห้าน่าจะเริ่มมีจำนวนที่มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดภายในหนึ่งหรือสองเดือน และในเวลานั้นความได้เปรียบของมหาอำนาจต่างๆจะเริ่มเพิ่มขึ้นมากกว่าตอนนี้

ที่สำคัญที่สุดคือสภาสิบแปดปีกสามารถใช้ประโยชน์จากการประชุมกิลครั้งนี้เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับตำแหน่งของตัวเองใน God domain เพราะท้ายที่สุดแล้วสภาสิบแปดปีกมีอิทธิพลน้อยมากในทวีปด้านตะวันตก ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เนื่องจากทวีปด้านตะวันตกไม่มีสงครามใดๆ ดังนั้นการพัฒนาในทวีปด้านตะวันตกจึงเป็นไปเร็วกว่าทวีปด้านตะวันออกอย่างเห็นได้ชัด

“โอเค งั้นฉันจะไปแจ้งให้พวกเขาทราบทันที ….”

ฟางฉีหานพยักหน้ารับคำสั่งของซือเฟิง ความจริงเธอก็สนใจเรื่องการประชุมในครั้งนี้มากเช่นกัน เพราะท้ายที่สุดเมื่อการประชุมสิ้นสุดลง ผู้เชี่ยวชาญของกิลต่างๆจะเริ่มท้าทาย และต่อสู้วัดฝีมือกัน

ซึ่งเรื่องนี้อาจดูไม่มีอะไรมากนักบนพื้นผิว แต่มันก็จะช่วยผู้เชี่ยวชาญแบบเธอในการเรียนรู้เทคนิคการต่อสู้ที่แตกต่าง และเพิ่มพูนความรู้เกี่ยวกับมานาได้อย่างมาก ซึ่งหากเธอโชคดีมันอาจจะทำให้เธอได้รับแรงบันดาลใจในการสร้างร่างมานาขั้นห้าก็ได้

ขณะนี้เธอสามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของตัวเองไปได้ถึงหนึ่งร้อยยี่สิบเปอเซ็นต์แล้ว และเธอก็ไม่สามารถจะปลดล๊อคได้เพิ่มเติมอีกแล้วไม่ว่าจะพยายามมากขนาดไหนก็ตาม ดังนั้นแทนที่จะมาพยายามฝึกฝนต่อไป มันจะดีกว่ามากที่เธอจะออกไปต่อสู้กับผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆเพื่อหาแรงบันดาลใจในเรื่องนี้

เช้าวันรุ่งขึ้น ซือเฟิงก็ได้เทเลพอร์ตไปยังเมืองแบล๊ควิงพร้อมกับฟางฉีหาน และคนอื่นๆ สำหรับอควาโรส และเสวี่ยเหวินโหรว พวกเขาได้รับมอบหมายให้ดูแลเมืองกิลของสภาสิบแปดปีกในอาณาจักรทวินทาวเวอร์ กับอาณาจักรสตาร์มูนเพื่อป้องกันการเกิดเหตุไม่คาดคิด

เมืองแบล๊ควิง ห้องเทเลพอร์ต :

พร้อมกับแสงที่สว่างวาบขึ้นนั้น กลุ่มของซือเฟิงห้าคนก็ได้มาถึงใจกลางวงเวทย์เทเลพอร์ตของห้องเทเลพอร์ตเมืองแบล๊ควิง

เมืองแบล๊ควิงในเวลานี้มีผู้คนพลุกพล่านมากกว่าปกติ นอกเหนือจากผู้เชี่ยวชาญของกิลที่ได้รับบัตรเชิญแล้ว ผู้เชี่ยวชาญของกิลอื่นๆที่ไม่ได้รับบัตรเชิญ และผู้เล่นอิสระนั้นก็ล้วนมารวมตัวกันที่นี่เช่นกัน

ห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดนั้นได้เชิญกิลชั้นสูง หรือเหนือกว่าขึ้นไปทั้งหมดใน God domain มาเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลยที่จะกล่าวว่าในเวลานี้นั้นผู้เชี่ยวชาญชั้นแนวหน้าในทวีปหลักของ God domain เกือบทั้งหมดนั้นล้วนมารวมตัวกันที่เมืองแบล๊ควิง นี่มันจึงนับเป็นสถานการณ์พิเศษที่หาได้ยากมากๆ

แม้ว่ากิล และผู้เล่นอิสระที่ไม่ได้บัตรเชิญจะไม่สามารถเข้าร่วมการประชุมได้ แต่พวกเขาก็ยังสามารถมาดูข้อมูล และอัตลักษณ์ของผู้เชี่ยวชาญชั้นแนวหน้าได้ และหากพวกเขาโชคดี พวกเขาก็อาจจะได้เห็นผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ประมือกัน

ดังนั้นเมื่อข่าวเรื่องที่ห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดส่งบัตรเชิญไปยังกิลพวกนี้ให้มาเข้าร่วมประชุมแพร่ออกไป มันจึงทำให้มีผู้เล่นจำนวนมากที่พยายามจะเข้าสู่เมืองแบล๊ควิง

หากไม่ใช่เพราะว่าเมืองแบล๊ควิงนั้นต้องมีบัตรผ่านในการเข้าสู่เมือง ป่านนี้เมืองคงจะมีผู้เล่นล้นทะลักแล้ว อย่างไรก็ตามในปัจจุบันนี้จำนวนผู้เล่นที่มารวมตัวกันที่เมืองแบล๊ควิงนั้นมันก็มีเกินสามสิบล้านคนแล้ว

โดยในตอนนี้ผู้เล่นที่สัญจรไปมาตามท้องถนนของเมืองแบล๊ควิงนั้นก็ล้วนเป็นผู้เล่นขั้นสาม และขั้นสี่ และในปัจจุบันนั้นในเมืองแบล๊ควิง แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตการปรับแต่งก็ยังต้องเคลื่อนไหวอย่างถ่อมตัว และระมัดระวัง ไม่งั้นมันก็มีโอกาสสูงที่พวกเขาจะไปลงเอยด้วยการยั่วยุผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวดเร็วดั่งสายน้ำ หรือสูงกว่านั้น

เมื่อซือเฟิงมาถึงบ้านประมูลเมืองแบล๊ควิงซึ่งเป็นสถานที่จัดการประชุมที่กำหนดไว้ เขาก็พบว่ามันมีผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่มากกว่าหนึ่งพันคนของห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดกำลังทำหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยอยู่

แม้แต่ผู้ที่อ่อนแอที่สุดในบรรดาผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่เหล่านี้ก็ยังมีเลเวลหนึ่งร้อยเจ็ดสิบ และสวมใส่อุปกรณ์ระดับดาร์คโกล เลเวลหนึ่งร้อยแปดสิบครบเซ็ท ขณะเดียวกันมันก็มีผู้เชี่ยวชาญจำนวนไม่น้อยที่มีอาวุธและอุปกรณ์ระดับอีปิคเลเวลหนึ่งร้อยแปดสิบติดตัวสี่ถึงห้าชิ้น และสำหรับผู้เล่นห้าคนที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าของผู้เล่นเหล่านี้นั้น ไม่เพียงแต่พวกเขาจะมีเลเวลหนึ่งร้อยแปดสิบ หรือมากกว่าขึ้นไปกันทั้งหมด แต่ผู้เล่นทั้งห้าคนนี้ยังมีเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานติดตัวกันคนละสองถึงสามชิ้นด้วย ซึ่งความแข็งแกร่งของผู้เล่นทั้งห้าคนนี้นั้นมันก็แสดงให้เห็นถึงพลังของห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างชัดเจน

และเมื่อผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่เหล่านี้มารวมตัวกันอยู่ที่รอบๆบ้านประมูลเมืองแบล๊ควิงนั้น ออร่าทั้งหมดของพวกเขามันก็น่ากลัวมากซะจนบีบให้แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ทั่วไปก็ไม่กล้าเข้าใกล้ที่นี่

“บ้าไปแล้ว !!! นี่มันคือความแข็งแกร่งของห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดงั้นหรอ ?!!”
“อึก !! กิลของเราแทบจะไม่มีไอเทมระดับอีปิคเลเวลหนึ่งร้อยแปดสิบเลย แต่ตอนนี้หนึ่งในห้าของผู้เชี่ยวชาญของห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดที่อยู่ที่นี่นั้นล้วนมีไอ
เทมระดับนี้กันอย่างน้อยคนละชิ้น !!!”

“ฉันคิดว่า แค่หนึ่งในห้าคนที่อยู่ในตำแหน่งหัวหน้าของคนเหล่านี้นั้นก็จะสามารถเอาชนะทั้งกิลของเราได้อย่างง่ายดายแล้ว !!!”

“คุณคิดว่าคุณเป็นใครกัน ? กิลของคุณนั้นเป็นเพียงกิลชั้นสามเท่านั้นนะ !!! ทั้งห้าคนนี้จะไม่มีปัญหาในการกวาดล้างกิลชั้นรองกิลหนึ่งด้วยตัวเองเลยด้วยซ้ำ !!! คุณรู้ไหมว่าคนเหล่านี้เป็นใคร ? พวกเขานั้นเป็นรุ่นเยาว์ที่แข็งแกร่งที่สุดของห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดเลยนะ !!! ฉันได้ยินมาว่าไม่เพียงแต่พวกเขาจะไปถึงขอบเขตโดเมนกันทั้งหมดแล้ว แต่พวกเขายังสามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของตัวเองไปได้มากกว่าหนึ่งร้อยสิบเปอเซ็นต์ด้วย พวกเขาทั้งหมดนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง !!!”

“น่าเสียดายที่กิลของเราไม่ใช่กิลชั้นสูง ไม่งั้นเราคงจะมีสิทเข้าร่วมการประชุมนี้ด้วย”

ผู้เล่นที่เบียดเสียดกันอยู่บนถนนด้านนอกของบ้านประมูลเมืองแบล๊ควิงนั้นต่างพูดคุยกันอย่างหวาดกลัว ในขณะที่พวกเขามองไปยังสมาชิกของห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุด ในขณะเดียวกันพวกเขาก็รู้สึกอิจฉาผู้ที่ได้เข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้เช่นกัน เพราะท้ายที่สุดหากพวกเขาได้เข้าร่วมการประชุมด้วย และได้เรียนรู้บางอย่างจากคนเหล่านี้ พวกเขาก็คงจะสามารถประหยัดเวลาฝึกของตัวเองไปหลายเดือนเลย

ท่ามกลางการพูดคุยเหล่านี้ เหล่าคนที่มาเข้าร่วมการประชุมก็ได้มอบบัตรเชิญให้กับสมาชิกของห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดที่ทำหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยเพื่อให้คนเหล่านี้นำทางพวกเขาไปยังที่ประชุม

หลังจากนั้นไม่นานมันก็มีหัวหน้ากลุ่มสามคนได้มายื่นบัตรเชิญที่ทำจากคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่ให้กับผู้ที่ทำหน้าที่ดูแลความเรียบร้อย และมันก็ทำให้ความวุ่นวายนั้นปะทุขึ้นไปทั่ว

ซึ่งมันก็เป็นเพราะชายวัยกลางคนที่เป็นหัวหน้ากลุ่มสามคนนี้นั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญขั้นห้าที่ไม่เคยมีใครได้ยินชื่อมาก่อน

“พวกโง่ !!! นี่พวกเขาคิดว่ามีเพียงมหาอำนาจเท่านั้นงั้นหรอที่จะสามารถสร้างผู้เชี่ยวชาญขั้นห้าขึ้นมาได้ ?!!” หนึ่งในสมาชิกกลุ่มสามคนที่เป็นจอมเวทย์หญิงผู้ยิ่งใหญ่ ขั้นสี่กล่าวอย่างเย้ยหยัน ในขณะที่เธอมองไปยังฝูชนโดยรอบอย่างดูถูก “ไม่ช้าก็เร็วชื่อของชาโด้วเวนเจ้นซ์ของเราจะต้องดังก้องไปทั่ว God domain !!!”

เธอนั้นรู้สึกดูถูกผู้เชี่ยวชาญของมหาอำนาจต่างๆ เพราะว่าพวกเขานั้นล้วนพึ่งพาทรัพยากรจำนวนมหาศาลที่องค์กรของตัวเองจัดหามาให้ในการพัฒนาตัวเองมาถึงจุดนี้ ซึ่งตรงกันข้ามกับเธอ และผู้เชี่ยวชาญในกิลของเธอที่ล้วนได้รับความแข็งแกร่งในปัจจุบันมาผ่านการต่อสู้ครั้งแล้วครั้งเล่า

“ฉันได้ยินมาว่าสภาสิบแปดปีกแห่งทวีปด้านตะวันออกก็จะมาเข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ด้วย ฉันสงสัยจังว่าระหว่างหัวหน้ากิลของเรากับแบล๊คเฟรมนั้นใครจะแข็งแกร่งกว่ากัน …” สมาชิกคนที่สามของกลุ่มซึ่งเป็นเด็กหนุ่มผมสีขาวกล่าวอย่างตื่นเต้น

“แน่นอนว่ามันต้องเป็นหัวหน้ากิลของเราสิ !!! ที่แบล๊คเฟรมมีชื่อเสียงอย่างมากนั้นมันก็เป็นเพราะเขาเป็นคนแรกที่ไปถึงขั้นห้าก็เท่านั้น !!!” จอมเวทย์หญิงผู้ยิ่งใหญ่ ขั้นสี่กล่าวพลางหัวเราะเยาะ

เธอนั้นมีความเชื่อมั่นอย่างมากในตัวของไอรอนโซลที่เป็นหัวหน้ากิลของเธอ ซึ่งนั่นมันก็เป็นเพราะไอรอนโซลนั้นสามารถรับการโจมตีจากมอนสเตอร์ระดับโดเมนศักสิทธิ์ขั้นห้า และเอาตัวรอดมาได้ในขณะที่เขายังคงอยู่ในขั้นสี่ และตอนนี้เมื่อไอรอนโซลมาถึงขั้นห้าแล้ว ดังนั้นความแข็งแกร่งของเขาจึงจะต้องเพิ่มขึ้นอีกมากแน่นอน

ไอรอนโซล ชายวัยกลางคนที่เป็นทั้งหัวหน้ากิล และหัวหน้ากลุ่มของจอมเวทย์หญิงผู้ยิ่งใหญ่ ขั้นสี่นั้นไม่ได้หักล้างคำพูดของคนของเขาเช่นกัน เป้าหมายอย่างหนึ่งของเขาในการมาเข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้มันก็คือการได้ประมือกับผู้เชี่ยวชาญขั้นห้าคนอื่นๆของ God domain และใช้โอกาสนี้สร้างชื่อเสียงให้กับชาโด้วเวนเจ้นซ์นั่นแหละ ….

อย่างไรก็ตามไม่นานหลังจากที่จอมเวทย์หญิงผู้ยิ่งใหญ่ ขั้นสี่ ผู้นี้พูดจบ เสียงหัวเราะอย่างเย้ยหยันก็ดังมาเข้าหูของพวกเขาสามคน

“ช่างเป็นคำกล่าวอ้างที่ฟังดูใหญ่โต และกล้าหาญมากจริงๆ !! ฉันชักจะเริ่มสงสัยแล้วว่าหัวหน้ากิลของคุณนั้นแข็งแกร่งอย่างที่คุณบอกหรือปล่าว ?!!”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้นั้นทั้งสามคนก็หันไปมองยังต้นตอของเสียงทันที และพวกเขาก็พบว่าต้นตอของเสียงนั้นมันมากจากกลุ่มผู้เล่นห้าคน โดยคนที่พูดนั้นก็คือผู้หญิงตัวสูงที่มีร่างกายที่เย้ายวนในชุดหนังสีแดงเข้ม ซึ่งเธอนั้นก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากไฟเออร์
แดนซ์ ผู้บัญชาการกองกำลังหลักของสภาสิบแปดปีก

“ขั้นห้า สี่คน ?”

ปัจจุบันกลุ่มห้าคนของซือเฟิงนั้นไม่ได้ปกปิดข้อมูล หรืออัตลักษณ์ใดๆของพวกเขาเลย ดังนั้นฝูงชนโดยรอบจึงอ้าปากค้าง และตกตะลึงอย่างถึงที่สุดเมื่อได้เห็นขั้นของกลุ่มของซือเฟิง

ผู้เล่นขั้นห้าทุกคนนั้นล้วนจัดเป็นตัวตนระดับตำนานใน God domain ในปัจจุบัน และมหาอำนาจส่วนใหญ่นั้นก็ยังไม่มีผู้เล่นขั้นห้าอยู่ภายใต้คำสั่งเลยด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้สภาสิบแปดปีกกับมีผู้เล่นขั้นห้าเพิ่มขึ้นมาอีกสามคนแล้ว นอกเหนือจากแบล๊คเฟรม อควาโรส และเสวี่ยเหวินโหรว

ในเวลานี้ผู้เล่นสามคนจากชาโด้วเวนเจ้นซ์นั้นรู้สึกกดดันอย่างหนัก พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าสภาสิบแปดปีกจะแข็งแกร่งขนาดนี้

ถ้าเป็นการต่อสู้แบบตัวต่อตัวนั้น ไอรอนโซลยังพอมีความมั่นใจอยู่บ้างว่าเขาจะสามารถสู้ได้ อย่างไรก็ตามมันจะเป็นการรนหาที่ตายแน่นอน หากเขาพยายามจะต่อสู้กับผู้เชี่ยวชาญขั้นห้าพร้อมกันสี่คน เพราะท้ายที่สุดใครก็ตามที่สามารถไปถึงขั้นห้าได้นั้น แน่นอนว่าไม่ใช่คนที่อ่อนแอเลย และหากผู้เชี่ยวชาญขั้นห้าทำงานร่วมกัน พลังในการสู้มันก็จะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวีคูณเลยทีเดียว

และในระหว่างที่จอมเวทย์หญิงผู้ยิ่งใหญ่ ขั้นสี่กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ไฟเออร์แดนซ์ก็ได้หายไปจากสายตาของทุกคน และก่อนที่ผู้เล่นของชาโด้วเวนเจ้นซ์ทั้งหมดจะตอบสนองได้ ไฟเออร์แดนซ์ก็ได้มายืนอยู่ตรงหน้าพวกเขาสามคนแล้ว การเคลื่อนไหวของไฟเออร์แดนซ์นั้นมันดูเหนือกว่าการเคลื่อนไหวของผู้ที่ใช้สกิล
บลิ้ง หรือสกิลเคลื่อนไหวทันทีด้วยซ้ำ

อย่างน้อยคนที่ใช้สกิลพวกนี้นั้นก็จะทำให้เกิดความผันผวนเชิงพื้นที่ที่คนอื่นสามารถตรวจจับได้ อย่างไรก็ตามการเคลื่อนไหวของไฟเออร์แดนซ์นั้นไม่ได้สร้างทั้งเสียง และความผันผวนเลย การเคลื่อนไหวของเธอนั้นมันเงียบเชียบ และไม่สามารถตรวจจับได้อย่างสมบูรณ์ และเมื่อกลุ่มของไอรอนโซลตรวจพบการปรากฎตัวของเธออีกครั้ง เธอก็ได้ก้าวข้ามระยะมากกว่าหนึ่งร้อยหลาระหว่างพวกเขา และมาปรากฎตัวขึ้นตรงหน้าพวกเขาแล้ว

“ถ้าคุณต้องการจะต่อสู้กับหัวหน้ากิลของเรา คุณจะต้องผ่านฉันไปให้ได้ก่อน !!!” ไฟเออร์แดนซ์กล่าวด้วยรอยยิ้มขณะที่เธอมองไปยังกลุ่มของไอรอนโซล จากนั้นเธอก็หายตัวไป และไปปรากฎตัวขึ้นอีกครั้งข้างซือเฟิง

และหลังจากกลุ่มของซือเฟิงห้าคนเข้าสู่บ้านประมูลเมืองแบล๊ควิง ผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่หลายคนที่อยู่ด้านนอกก็ยังไม่หายจากอาการตกตะลึงจากสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่เลย

ช่างน่าทึ่งจริงๆ !!! ไอรอนโซลนั้นมีสีหน้าเคร่งขรึม ในขณะที่เขาจ้องมองไปยังร่างของไฟเออร์แดนซ์ที่จากไป

“หัวหน้ากิล คุณเห็นไหมว่าเมื่อกี้เธอทำมันได้ยังไง ?” จอมเวทย์หญิงผู้ยิ่งใหญ่ ขั้นสี่ อดไม่ได้ที่จะถาม

ผู้เล่นขั้นห้านั้นมีชนชั้นสิ่งมีชีวิตที่เหนือกว่าผู้เล่นขั้นสี่มากๆ ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่อง
ยากมากๆสำหรับผู้เล่นขั้นสี่อย่างตัวเธอเองที่จะสามารถรับรู้ถึงการเคลื่อนไหวของผู้เล่นขั้นห้าได้ อย่างไรก็ตามมันควรจะเป็นเรื่องที่แตกต่างกันออกไปสำหรับไอรอนโซลที่อยู่ในขั้นห้า และเขาก็น่าจะสามารถรับรู้การเคลื่อนไหวของไฟเออร์แดนซ์ได้

“ฉันเองก็ไม่รู้แน่ชัดนัก …” ไอรอนโซลกล่าวพลางส่ายหัวด้วยน้ำเสียงสงบ ก่อนที่เขาจะกล่าวเสริมว่า “แทนที่จะบอกว่าเธอใช้ความเร็วในการเคลื่อนไหวเมื่อครู่ มันจะเหมาะกว่าหากจะบอกว่าเธอนั้นอยู่ทุกที่ในขอบเขตโดเมนมานาของเธอเอง ความเชี่ยวชาญในเรื่องโดเมนมานาของเธอนั้นเหนือกว่าฉันมาก”

“เธอแข็งแกร่งขนาดนั้นเลยงั้นหรอ ?” จอมเวทย์หญิงผู้ยิ่งใหญ่ ขั้นสี่ กล่าวอย่างประหลาดใจ

เนื่องจากไอรอนโซลที่มีความแข็งแกร่งสูงมากได้พูดแบบนี้ออกมาเอง ดังนั้นแม้ว่าเธอจะไม่อยากเชื่อ แต่เธอก็ต้องทำใจเชื่อ และเธอก็ต้องทำใจเชื่อด้วยว่าไฟเออร์แดนซ์นั้นน่าจะแข็งแกร่งกว่าไอรอนโซลด้วย

หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ไอรอนโซลก็มองไปยังคนของเขาสองคน และพูดว่า “มันมีผู้เชี่ยวชาญอยู่มากมายใน God domain และใครก็ตามที่ไปถึงขั้นห้าได้นั้นก็ถือว่าไม่ธรรมดา พวกคุณต้องระมัดระวังคำพูดของตัวเองให้มากขึ้น และความจริงที่ว่าแบล๊คเฟรมได้รับชื่อเสียงแบบนี้มานั้น มันก็พิสูจน์ได้ว่าเขาไม่ได้อ่อนแอแน่นอน”

ณ จุดนี้ ไอรอนโซลนั้นไม่ได้มีแผนที่จะประมือกับซือเฟิงอีกต่อไป เพราะท้ายที่สุดแค่โอกาสในการที่เขาจะเอาชนะไฟเออร์แดนซ์ให้ได้นั้นมันก็มีน้อยอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจะไปมีคุณสมบัติในการท้าทายผู้เล่นที่แข็งแกร่งที่สุดใน God domain ได้ยังไง ?

นอกเหนือจากชาโด้วเวนเจ้นซ์แล้ว กองกำลังของผู้เล่นกลุ่มอื่นๆที่มาจากทวีปด้านตะวันตกนั้นก็ได้หยุดประเมินสภาสิบแปดปีกต่ำเกินไปทันที นี่เป็นเรื่องจริงอย่างยิ่งโดยเฉพาะกับมหาอำนาจที่ตอนนี้สามารถสร้างผู้เล่นขั้นห้าขึ้นมาได้แล้ว

หลังจากนั้นเวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว และจำนวนกิลที่มารวมตัวกันที่บ้านประมูลเมืองแบล๊ควิงนั้นก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

หลายชั่วโมงต่อมา ในที่สุดกิลที่ได้รับเชิญทั้งหมดก็มาถึง ซึ่งมันก็มีมากกว่าพันกิลที่เข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ และจำนวนคนนั้นมันก็ประกอบไปด้วยผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่มากกว่าสองพันคน และผู้เชี่ยวชาญขั้นห้ายี่สิบสามคน ซึ่งจำนวนผู้เชี่ยวชาญขั้นห้านั้นมันเกินความคาดหมายของทุกคนไปมาก

จากผู้เชี่ยวชาญขั้นห้าทั้งหมดยี่สิบสามคนที่เข้าร่วมการประชุมครั้งนี้นั้น สิบคนมาจากห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุด โดยแต่ละกิลนั้นล้วนมีผู้เชี่ยวชาญขั้นห้ากันอยู่สองคนแล้ว ขณะเดียวกันผู้เชี่ยวชาญขั้นห้าส่วนที่เหลือนั้นก็มาจากศาลาลับ Battle Wolves ไวโอเล็ตซอร์ด ดอกไม้แห่งเจ็ดบาป และเผ่าศักสิทธิ์ ซึ่งแต่ละกิลนั้นก็สามารถสร้างผู้เล่นขั้นห้าขึ้นมาได้กิลละหนึ่งคนแล้ว นอกเหนือจากนั้นก็ยังมีชาโด้วเวนเจ้นซ์ และกิลชั้นสูงอีกสองกิลที่มีผู้เล่นขั้นห้าอยู่กิลละหนึ่งคนเช่นกัน

แม้แต่ซือเฟิงนั้นก็ไม่ได้คาดคิดเลยว่าทวีปหลักของ God domain จะพัฒนากันมาถึงจุดนี้แล้ว

ด้วยการเปิดเผยนี้ลำดับชนชั้นของกองกำลังต่างๆในทวีปหลักของ God domain ก็จะเปลี่ยนไปอย่างมากแน่นอน

อย่างไรก็ตามแม้ว่าเรื่องนี้จะน่าประหลาดใจนั้น แต่มันก็ดูไร้สาระไปเลย เมื่อซือเฟิงได้ฟังข้อมูลที่ห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุด และศาลาลับแชร์กันออกมา เพราะจากการสืบสวนของพวกเขานั้นดูเหมือนว่าชายหนุ่มลึกลับที่เป็นนักวิชาการนั้นได้รวมกองทัพ NPC จากโลกอื่นเข้าด้วยกันแล้ว โดยในขณะนี้กองทัพ NPC จากโลกอื่นที่กระจายตัวกันอยู่ทั่วทวีปด้านตะวันออกนั้นก็กำลังเดินทางไปชุมนุมยังจุดเดียวกัน ซึ่งนั่นก็คือจักรวรรดิมังกรไฟ

การเปิดเผยนี้นั้นมันทำให้ทุกคนที่เข้าร่วมประชุมมีสีหน้าเคร่งขรึม เพราะท้ายที่สุดแล้วจุดมุ่งหมายของกองทัพ NPC จากโลกอื่น และชายหนุ่มลึกลับที่เป็นนักวิชาการนั้นมันชัดเจนมากๆ ซึ่งพวกเขาก็ไม่สามารถจะปล่อยให้เป็นแบบนั้นได้ เนื่องจากหากจักรวรรดิมังกรไฟที่เป็นหนึ่งในสี่จักรวรรดิที่แข็งแกร่งที่สุดในทวีปด้านตะวันออกถูกทำลายไปนั้น พวกเขาก็จะจบสิ้นกันแน่นอน

“นี่เป็นการสรุปสถานการณ์โดยทั่วไป ….” หลังจากหยวนเทียนซินรายงานข้อมูลทั้งหมดที่เขาได้รับมาให้ทุกคนในห้องประชุมรู้ เขาก็กล่าวต่อว่า “ปัจจุบันประเทศต่างๆในทวีปด้านตะวันออกนั้นเริ่มส่งกองกำลังไปที่จักรวรรดิมังกรไฟแล้ว โดยพวกเขานั้นก็พยายามอย่างเต็มที่ที่จะขัดขวางการรวมพลกันของกองทัพ NPC จากโลกอื่น อย่างไรก็ตามเราคาดการณ์ไว้แล้วว่าท้ายที่สุดกองทัพ NPC จากโลกอื่นนั้นน่าจะรวมพลกันได้พร้อมสรรพในอีกไม่เกินหนึ่งเดือน และเมื่อเวลานั้นมาถึง พวกเขาก็จะเริ่มทำการโจมตีจักรวรรดิมังกรไฟกันทันทีแน่นอน”

“เพื่อจะทำให้กองทัพ NPC จากโลกอื่นอ่อนแอลง เราจำเป็นต้องทำสงครามกองโจรร่วมกับประเทศต่างๆ และพยายามลดความแข็งแกร่งของกองทัพ NPC จากโลกอื่นลงไปให้ได้มากที่สุด !!!”

อย่างไรก็ตามในขณะที่หยวนเทียนซินกำลังจะลงรายละเอียดเกี่ยวกับแผนการของศาลาลับ และห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดที่จะทำให้กองทัพ NPC จากโลกอื่นอ่อนแอลงนั้น มันก็ได้มีความปั่นป่วนปะทุขึ้นที่ด้านนอกบ้านประมูลเมืองแบล๊ควิง

วินาทีต่อมามันก็ปรากฎรอยแยกขึ้นที่ด้านหนึ่งของสถานที่จัดประชุม และมันก็มีผู้หญิงที่มีปีกสี่คู่สองคนได้เดินออกมาจากรอยแยกนี้ โดยออร่าที่ผู้หญิงสองคนนี้แผ่ออกมานั้นมันก็ทำให้ผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ไม่สามารถจะขยับได้เลย ขณะที่บรรดาผู้เชี่ยวชาญขั้นห้าก็ได้รับผลกระทบในระดับหนึ่งจากออร่าของพวกเธอ

“เทพีตกสวรรค์ขั้นสูง ?!”

“ทำไมพวกเขาถึงมาปรากฎตัวที่นี่ ?!”

ทุกคนล้วนมองไปยังผู้หญิงทั้งสองคนนี้อย่างตกตะลึง

เทพีตกสวรรค์ขั้นสูงนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่เหนือกว่ามังกรโตเต็มวัยทั่วไปขั้นห้าซะอีก โดยตัวตนระดับนี้นั้นสามารถเทียบได้กับพวกมังกรศักสิทธิ์เลย ในขณะเดียวกันผู้หญิงตรงหน้าทั้งสองคนของพวกเขานี้ล้วนเป็นเทพีตกสวรรค์ขั้นสูงที่อยู่ในขั้นห้า และมีเลเวลสองร้อยกันทั้งคู่ ซึ่งในยุคที่ปราศจากเทพขั้นหกแบบนี้นั้น ตัวตนระดับนี้มันก็ไม่ต่างไปจากเทพเลย

“เหล่าผู้ที่ได้รับพรจากสวรรค์ จงส่งสมบัติชั้นยอดเจ็ดชิ้นมาซะ !!!”

หลังจากประกาศเจตนารมณ์ของตัวเองแล้ว เทพีตกสวรรค์ทั้งสองก็ได้หันมามองซือเฟิง และไอรอนโซล

นี่พวกเขามาเพื่อสมบัติชั้นยอดทั้งเจ็ดงั้นหรอ ? การแสดงออกของซือเฟิงแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมทันที เมื่อเขามองไปยังเทพีตกสวรรค์ขั้นสูงทั้งสอง

ซือเฟิงนั้นรู้สึกปวดหัวอย่างมากแล้วในการจะหาวิธีจัดการกับชายหนุ่มลึกลับที่เป็นนักวิชาการ อย่างไรก็ตามตอนนี้เขาไม่นึกเลยว่าชายหนุ่มนั่นจะส่งเทพีตกสวรรค์ขั้นสูงสองคนมาปล้นกันแบบนี้ สถานการณ์นี้มันเป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงจริงๆ

คนอื่นอาจไม่รู้ถึงขอบเขตความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเทพีตกสวรรค์ขั้นสูงที่อยู่ในขั้นห้า แต่เขารู้ดี ….

ในชีวิตที่ผ่านมาของเขา เขาเคยเห็นผู้เชี่ยวชาญขั้นหกต่อสู้กับเทพีตกสวรรค์ขั้นสูงแบบนี้มาก่อน ซึ่งผู้เชี่ยวชาญขั้นหกคนที่ว่านั้นก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเอนเลสสการ์ ผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการยอมรับว่าแข็งแกร่งที่สุดเป็นอันดับหนึ่งใน God domain ในเวลานั้น

ในตอนนั้นแม้ว่าเอนเลสสการ์จะใช้อาวุธระดับตำนาน และสวมใส่อุปกรณ์ระดับตำนานอยู่บางชิ้น แต่เธอนั้นก็ยังต้องดิ้นรนอย่างหนักในการฆ่าเทพีตกสวรรค์ขั้นสูง หากผู้เชี่ยวชาญขั้นหกทั่วไปพบกับเทพีตกสวรรค์ขั้นสูงแบบนี้นั้นทางเลือกเดียวของพวกเขาคือจะต้องหนีไป เพราะท้ายที่สุดแล้วตัวตนระดับนี้นั้นจะสามารถฆ่าผู้เชี่ยวชาญขั้นหกทั่วไปได้ง่ายๆเลยโดยอาศัย HP ที่เหนือกว่าอย่างมาก

แต่ตอนนี้เทพีตกสวรรค์ขั้นสูงที่อยู่ในขั้นห้าสองคนกับมาปรากฎตัวขึ้นที่บ้านประมูลเมืองแบล๊ควิงจริงๆ !!! นี่มันบ้าชัดๆ !!!