ตอนที่ 1904 ขงซือเหยาฝ่าด่านวรยุทธ (2)

อัจฉริยะสมองเพชร

อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆

ตอนที่ 1904 ขงซือเหยาฝ่าด่านวรยุทธ (2)

จางเซวียนไม่ตอบคำถามของนักปราชญ์โบราณเหยียนชิง เขาหันไปทำลายความหวังของเหยียนเฉว่ “คุณน่ะทำไม่ได้หรอก ถ้าพยายามจะทำแบบเดียวกันกับขงซือเหยา จะต้องถูกเล่นงานจนตายทันทีแน่!”

“ทำไมผมถึงทำไม่ได้?” เหยียนเฉว่ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ

“ไม่ใช่แค่คุณนะ ต่อให้ผมก็ทำแบบเดียวกันกับที่ขงซือเหยาเพิ่งทำลงไปไม่ได้!” จางเซวียนตอบ “ขงซือเหยามีสายเลือดปรมาจารย์ขง และเติบโตในอาณาจักรคุนฉื่อ หลังจากการทดสอบวรยุทธมากมายหลายครั้งที่เธอได้ผ่านมา ก็คงไม่เป็นการพูดเกินจริงหากจะบอกว่ามีส่วนหนึ่งของอาณาจักรคุนฉื่ออยู่ภายในตัวเธอ”

ทุกคนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนพยักหน้า

เป็นที่รู้กันว่าหลังจากที่ขงซือเหยาผ่านการทดสอบนักปราชญ์โบราณมาแล้วถึง 3 ครั้ง ร่างของเธอก็ซึมซับพลังงานจากการทดสอบนักปราชญ์โบราณเอาไว้

ถ้าเธอพยายามจะฝ่าด่านวรยุทธครั้งที่ 4 ในอาณาจักรคุนฉื่อ ก็มีโอกาสสูงที่จะถูกดูดกลืนจนกลายเป็นหนึ่งเดียวกับพลังงานที่สะสมอยู่ภายในร่างกาย

“การตั้งอยู่ของอาณาจักรคุนฉื่อเป็นสิ่งที่สวรรค์ของทวีปแห่งปรมาจารย์ไม่ได้เห็นดีเห็นงามด้วย” จางเซวียนพูดต่อ “ถ้าเธอพยายามขัดขืนโดยต่อต้านการทดสอบวรยุทธ ก็มีแต่จะต้องเผชิญกับความเกรี้ยวกราดของสวรรค์ และนั่นจะทำให้เธอตกที่นั่งลำบากกว่าเดิม ยิ่งดิ้นรนขัดขืนมากเท่าไหร่ ทุกอย่างก็จะเลวร้ายขึ้นเท่านั้น!”

ปฏิเสธไม่ได้ว่าสวรรค์จงใจลงโทษขงซือเหยาเพราะความพยายามของเธอที่จะฝ่าด่านวรยุทธ แต่ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ สวรรค์เพียรพยายามอย่างยิ่งที่จะทำลายร่องรอยของอาณาจักรคุนฉื่อที่ปรากฏในร่างของขงซือเหยาด้วย

“ความพยายามในการดิ้นรนผลักดันการทดสอบวรยุทธใดๆออกไปก็ตามเทียบเท่ากับการขัดขวางการบังคับใช้กฎเกณฑ์ธรรมชาติของสวรรค์ ซึ่งนั่นจะทำให้เธอตกที่นั่งลำบาก สวรรค์จะต้องเล่นงานเธอครั้งแล้วครั้งเล่าจนกว่าเธอจะพ่ายแพ้และพินาศ”

“แต่ด้วยการเปิดจุดชีพจรและปล่อยให้สายฟ้ากับเปลวเพลิงสวรรค์เข้าสู่ร่าง ก็เท่ากับยินยอมให้ผู้บงการทำอะไรก็ตามที่พวกเขาอยากทำ สิ่งนี้จะช่วยลดความผิดบาปของเธอ ทำให้การลงทัณฑ์จากสวรรค์ที่จะเข้าสู่ตัวเธอนั้นบรรเทาเบาบางลงไป ยิ่งไปกว่านั้น ขงซือเหยาจะสามารถใช้โอกาสนี้ขจัดพลังงานที่สะสมตกค้างอยู่ภายในร่างกายของเธอออกไปได้ด้วย ยิงนกสองตัวด้วยกระสุนนัดเดียว!”

“เอ่อ…”

ทุกคนปากสั่นด้วยความตกตะลึง

เมื่อดูจากการที่สวรรค์ของทวีปแห่งปรมาจารย์มุ่งมั่นจะเล่นงานอาณาจักรคุนฉื่อจนราบคาบให้ได้ ก็เห็นชัดแล้วว่าทั้งสองเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน

แต่จางเซวียนกลับอ่านเกมขาดและใช้มันให้เป็นประโยชน์กับตัวเขา โดยดึงเอาการลงทัณฑ์จากสวรรค์มาเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการ

นี่เป็นเดิมพันที่เสี่ยงมาก เพราะหากเกิดความผิดพลาด ทุกอย่างจะกลายเป็นโศกนาฏกรรมทันที

แม้นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงจะทึ่งกับวีรกรรมครั้งนี้ แต่ก็อดกังวลเรื่องความเสี่ยงไม่ได้ “พูดอีกอย่างก็คือ มันเหมือนกับการถอนพิษด้วยยาพิษ…แต่ถ้าพลังงานสองส่วนนี้ไม่เข้มข้นพอที่จะทำลายล้างซึ่งกันและกันล่ะ ซือเหยาจะไม่เดือดร้อนหรือ?”

เรื่องแบบนี้ ในทางทฤษฎีก็ดูง่ายดาย แต่การปฏิบัตินั้นยาก

พลังงานที่สะสมอยู่ในร่างของขงซือเหยามีปริมาณระดับหนึ่ง ซึ่งหากเธอซึมซับเอาการลงทัณฑ์จากสวรรค์เข้าสู่ร่างกายน้อยเกินไป ก็จะไม่สามารถขจัดพลังงานที่ตกค้างออกไปได้หมด แต่ถ้าซึมซับการลงทัณฑ์จากสวรรค์เข้าไปมากเกิน ก็อาจทำให้เสียชีวิต

“นั่นคือเหตุผลที่ผมบอกเธอให้ใช้ใจสัมผัส จำได้ไหม?” จางเซวียนพูด “ในฐานะทายาทของปรมาจารย์ขง, อัจฉริยะหมายเลขหนึ่งของอาณาจักรคุนฉื่อ ถ้าเธอทำไม่ได้แม้แต่การกะประมาณคร่าวๆและควบคุมการลงทัณฑ์จากสวรรค์ที่จะรับเข้าสู่ร่างกาย ผมก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว ถ้าเธอมีปัญญาแค่นั้นล่ะก็ ต่อให้เอาชีวิตรอดจากการทดสอบครั้งนี้ไปได้ ก็บอกได้เลยว่าอนาคตก็ไปไม่ได้ไกลนักหรอก!”

จางเซวียนไม่ได้คิดจะปั่นหัวหรือล่อลวงขงซือเหยา แต่ถ้าเขาบอกความจริงกับเธอจนหมดตั้งแต่แรก หัวสมองของเธอก็จะถูกเรื่องอื่นๆครอบงำ และนั่นอาจทำให้สูญเสียการเพ่งสมาธิเข้าสู่ร่างกายของตัวเอง นำมาซึ่งผลเสียแทนที่จะเป็นผลดี

“คือ…” เมื่อเข้าใจสถานการณ์ทั้งหมด ฝูงชนอดไม่ได้ที่จะมองชายหนุ่มอย่างประทับใจ

ความเข้าใจเรื่องสภาวะจิต ธรรมชาติของการลงทัณฑ์จากสวรรค์ และความสามารถในด้านอื่นๆ…ทุกอย่างอยู่ภายใต้การคิดคำนวณของเขาทั้งหมด และเขาก็ดำเนินการได้อย่างไร้ที่ติ

สมแล้วที่เป็นปรมาจารย์ฟ้าประทาน ความเก่งกาจของเขาเหนือชั้นกว่าแม้แต่บรรดานักปราชญ์โบราณ!

…..

ขณะที่ทุกคนยังอึ้งตะลึงกับคำอธิบายของชายหนุ่ม ที่กลางอากาศ ขงซือเหยาซึ่งสัมผัสประสบการณ์ทุกอย่างด้วยตัวเองก็รู้ซึ้งถึงความเก่งกาจของชายหนุ่มอย่างถ่องแท้ แม้ปรมาจารย์ฟ้าประทานคนนี้ดูจะมีอายุน้อยกว่าเธอ แต่ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาคือของจริง!

ถึงจะไม่ได้ฟังคำอธิบาย แต่ขงซือเหยาก็พอเข้าใจเจตนาที่อยู่เบื้องหลังการกระทำของชายหนุ่ม

ขณะที่สายฟ้าและเปลวเพลิงสวรรค์จากการทดสอบนักปราชญ์โบราณชำระร่างกายของเธอพลังงานที่เคยตกค้างอยู่ในร่างของขงซือเหยาตั้งแต่สมัยที่อยู่ในอาณาจักรคุนฉื่อก็ค่อยๆถูก ทำลายและกำจัดออกไป

แม้พลังงานทั้ง 2 รูปแบบจะรวมตัวกันอยู่ในร่างของเธอ แต่เธอก็ยังคงไม่เป็นอะไร ไม่เพียงเท่านั้น ด้วยการพินิจพิจารณาพลังงานที่อยู่ภายใน ขงซือเหยาก็เกิดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโลกที่ล้ำลึกกว่าเดิม

เวลาผ่านไปช้าๆ ไม่นานพลังงานจากการทดสอบนักปราชญ์โบราณครั้งก่อนๆที่สะสมอยู่ในร่างของขงซือเหยาก็ถูกขจัดออกไปหมด รู้ดีว่านี่คือเวลาที่สมควรหยุด ขงซือเหยาจึงปิดจุดชีพจรทั้งหมดและทำการแผดเผาสายเลือด

“สลายตัว!” เธอออกคำสั่ง

วาจาสิทธิ์!

ในตอนนั้น การทดสอบนักปราชญ์โบราณที่เธอเรียกมาได้อ่อนแรงลงมากจนถึงขนาดที่ทำอะไรเธอไม่ได้อีก พอขงซือเหยาออกคำสั่ง หมู่เมฆดำที่เหลืออยู่กลางอากาศอีกครึ่งหนึ่งก็สลายตัวไป

เมื่อหมู่เมฆดำจากไป สาวน้อยปลดปล่อยพละกำลังทั้งหมดที่กดข่มไว้ออกมา เธอฝ่าด่านคอขวดของวรยุทธได้สำเร็จและกลายเป็นนักปราชญ์โบราณภายในชั่วอึดใจ

เมื่อผนวกเข้ากับการสั่งสมอย่างล้ำลึกยาวนานของวรยุทธ ขงซือเหยาก็ยังไม่หยุดหลังจากที่ฝ่าด่านวรยุทธได้สำเร็จแล้ว วรยุทธของเธอพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ

การสืบทอดสายเลือด ขั้นต้น!

การสืบทอดสายเลือด ขั้นกลาง!

…..

เพียง 2-3 อึดใจ ขงซือเหยาก็สำเร็จวรยุทธเป็นนักปราชญ์โบราณขั้น 1 การสืบทอดสายเลือด-โลกจารึก

และหลังจากนั้น…

บรมครูนักปราชญ์ ขั้นต้น!

บรมครูนักปราชญ์ ขั้นกลาง!

…..

บรมครูนักปราชญ์ โลกจารึก!

ภายในเวลาไม่ถึง 1 นาที วรยุทธของเธอก็พุ่งขึ้นไปถึงระดับบรมครูนักปราชญ์โลกจารึกก่อนจะค่อยๆช้าลง

“น่าทึ่งจริงๆ” นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงพึมพำอย่างชื่นชม

สำหรับการฝ่าด่านวรยุทธเป็นนักปราชญ์โบราณของพวกเขา โดยส่วนใหญ่จะหยุดอยู่ที่การสืบทอดสายเลือดขั้นต้น แม้แต่ผู้ที่ปราดเปรื่องที่สุดก็ผลักดันตัวเองไปได้จนถึงขั้นกลางเท่านั้น จากนั้นก็หมดเรี่ยวแรง

แต่ขงซือเหยาทะลุไปได้ถึง 2 ขั้นภายในอึดใจเดียว กลายเป็นนักปราชญ์โบราณที่มีวรยุทธขั้นบรมครูนักปราชญ์ โลกจารึก

วีรกรรมแบบนี้ไม่เคยปรากฏตลอดหลายหมื่นปีที่ผ่านมาของอาณาจักรคุนฉื่อ!

เป็นเพราะชายหนุ่มคนนี้ที่ทำให้ซือเหยาพัฒนาวรยุทธอย่างก้าวกระโดด นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงครุ่นคิดขณะหันไปมองจางเซวียน

แต่ในตอนนั้น จางเซวียนกลับจ้องมองสาวน้อยที่อยู่กลางอากาศด้วยสีหน้าขัดอกขัดใจ “ออกแรงอีกหน่อยสิ ด้วยวรยุทธที่คุณสั่งสมไว้น่ะ คุณสามารถฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นนักรบขั้นการฟื้นคืนชีพของสายเลือดได้เลยนะ!”

“การฟื้นคืนชีพของสายเลือด?” ขงซือเหยาผงะ เธอรีบส่ายหัว “ฉันใช้พละกำลังจนเต็มพิกัดแล้ว ไม่เหลือเรี่ยวแรงที่จะฝ่าด่านวรยุทธอีกแล้วล่ะ…”

ถึงเธอจะได้สั่งสมพลังงานไว้มากจากการกดข่มวรยุทธไว้ตลอดการทดสอบนักปราชญ์โบราณทั้ง 4 ครั้งที่ผ่านมา แต่ก็ถึงขีดสุดของพละกำลังแล้วเมื่อผลักดันตัวเองไปเป็นนักปราชญ์โบราณขั้น 2 โลกจารึกได้สำเร็จ เธอไม่คิดว่าตัวเองจะไปจะไปได้ไกลกว่านั้น

“ขีดสุดของพละกำลัง? คุณคิดเอาเองทั้งนั้น!” จางเซวียนพูดขณะสะบัดเลือดหยดหนึ่งเข้าใส่ขงซือเหยา “กลืนลงไป!”

“ได้”

ถึงตอนนี้ ขงซือเหยาเชื่อมั่นในตัวจางเซวียนอย่างหมดใจแล้ว เธอกลืนเลือดหยดนั้นเข้าไปโดยไม่ลังเล

ทันทีที่เลือดไหลลงไปตามลำคอ ก็รู้สึกได้ทันทีถึงความร้อนแผดเผาภายใน

“นี่คือหยดเลือดของเทพเจ้าหรือ?” ขงซือเหยาตาโต

หลายปีที่ผ่านมา เธอมีโอกาสได้ซึมซับหยดเลือดของนักรบขั้นการฟื้นคืนชีพของสายเลือดมาบ้าง ก็เพราะเหตุผลนั้นที่ทำให้เธอพัฒนาตัวเองได้อย่างน่าทึ่งแม้จะอายุยังน้อย แต่หยดเลือดที่ชายหนุ่มเพิ่งมอบให้มีพละกำลังมากกว่าหยดเลือดที่เธอเคยซึมซับในสมัยก่อนมาก ในแง่ของพลัง มันเหนือชั้นกว่าหยดเลือดของนักรบขั้นการฟื้นคืนชีพของสายเลือดอย่างน้อยก็ 10 เท่า!

เรื่องนี้มีความเป็นไปได้เพียงข้อเดียว…มันเป็นหยดเลือดของนักรบขั้นผู้ทำลายล้างมิติ!

ไม่น่าเชื่อว่าชายหนุ่มจะเต็มใจมอบของล้ำค่าขนาดนี้ให้เธอ…

ขงซือเหยาหน้าแดงก่ำด้วยความตื่นเต้นและความสำนึกในบุญคุณระคนกัน แต่รู้ดีว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมัวคิดอะไร เธอรีบขับเคลื่อนพลังปราณอย่างรวดเร็วเพื่อซึมซับพลังงานจากหยดเลือดไว้

หนึ่งชั่วโมงต่อมา ขงซือเหยาก็ฝ่าด่านคอขวดได้อีกครั้งและได้เป็นนักปราชญ์โบราณที่มีวรยุทธขั้นการฟื้นคืนชีพของสายเลือด วรยุทธของเธอหยุดลงที่ขั้นกลาง

เมื่อรู้สึกได้ถึงพลังงานที่พลุ่งพล่านไปทั่วร่าง ขงซือเหยารีบบินมาหาจางเซวียนและทรุดตัวลงคุกเข่าตรงหน้า

“ท่านอาจารย์!”

คราวนี้ ความเคารพและความสำนึกในบุญคุณของเธอเป็นความรู้สึกที่ออกมาจากใจจริง

วิ้ง!

หัวสมองของจางเซวียนกระตุก หน้าหนังสือสีทองหน้าหนึ่งปรากฏขึ้นในหอสมุดเทียบฟ้า