บทที่ 640 จงใจจุดประกายความโกรธแค้นต่อสาธารณชน + บทที่ 641 เธอต่างหากที่เป็นของจริง

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

บทที่ 640 จงใจจุดประกายความโกรธแค้นต่อสาธารณชน + บทที่ 641 เธอต่างหากที่เป็นของจริง โดย Ink Stone_Romance

บทที่ 640 จงใจจุดประกายความโกรธแค้นต่อสาธารณชน

เมื่อเหมยเหมยพูดออกมาแบบนั้น ผู้เข้าแข่งขันคนอื่น ๆ ต่างเริ่มเกิดความระแวงสงสัยขึ้น อีกทั้งสิ่งที่เหมยเหมยพูดไม่ได้แปลว่าจะเป็นไปไม่ได้ หากว่ารางวัลทั้งหมดถูกตัดสินไว้แล้ว พวกเขาที่เข้าร่วมแข่งขันต่อไปก็คงเป็นได้แค่ตัวตลก!

จ้าวเสวียเอร่อมองน้องสาวของตนที่ก่อเรื่องวุ่นวายด้วยความนิ่งเฉย มันเป็นเพียงการแข่งวาดภาพสนามหนึ่งเท่านั้นเอง น้องสาวเขาอยากจะก่อเรื่องยังไงก็ปล่อยไปก่อน หากเรื่องแค่นี้ตระกูลจ้าวยังเอาไม่อยู่ก็อย่าอยู่ในเมืองหลวงอีกต่อไปเลย!

อีกอย่างการแข่งขันครั้งนี้ก็มีลับลมคมในอยู่แล้ว น้องสาวก่อเรื่องเพียงเพื่อเรียกร้องความยุติธรรม ให้ความรู้สึกเหมือนอัศวินขี่ม้าขาวก็เท่านั้น  ไม่ได้มีผลกระทบต่อชื่อเสียงตระกูลจ้าวแต่อย่างใด

อีกทั้งยังสามารถปั่นหัวสองแม่ลูกอย่างหวงอวี้เหลียนได้ เหตุใดเขาจะไม่มีความสุขล่ะ!

จ้าวเสวียเอร่อไม่อาจพูดจาใดๆได้ เขาเป็นถึงผู้ใหญ่  เข้าไปยุ่งวุ่นวายกับเรื่องของเด็กคงจะไม่เหมาะสักเท่าไหร่ แต่ตำแหน่งที่ปรึกษาทางการรบล่ะก็เขาเป็นได้นะ !

เขากระซิบข้างหูจ้าวเสวียไห่ไม่กี่ประโยค จ้าวเสวียไห่จึงพยักหน้ารับไม่หยุด ในตาประกายความเจ้าเล่ห์ออกมา

“พวกนายอย่าทำตัวเป็นดั่งสุนัขกัดหลี่ต้งปินที่ไม่แยกแยะคนดี[1]หน่อยเลย น้องสาวของฉันแฉเบื้องลึกด้านมืดของการแข่งขัน พวกคุณยังหน้ามืดตามัวหลวมตัวเข้าร่วมการแข่งขัน  พอไม่ได้รับรางวัลอะไรเลยสุดท้ายก็คิดว่าเป็นเพราะตัวเองวาดได้ไม่ดีพอ โดยไม่รู้เลยสักนิดว่าเป็นเพราะสู้เส้นสายของเขาไม่ได้ พวกคุณไม่คิดว่ามันไม่ยุติธรรมเหรอ?”

จ้าวเสวียไห่กระแอมเสียงดัง ผู้เข้าแข่งขันทุกคนต่างพากันสะดุ้ง!

ทำไมจะไม่รู้ถึงความอยุติธรรมล่ะ?

พวกเขาตั้งใจเรียนวาดภาพ แต่ไม่ได้เรียนเพื่อมาเป็นเพื่อนเล่นกับเจ้าชายเจ้าหญิง!

จ้าวเสวียกงพูดเสริมตามมาว่า  “เพราะงั้นพวกเราไม่ควรจะก้มหัวให้การกระทำชั่วช้านี้ คนที่เรียนวาดภาพต่างก็มีความภูมิใจในตัวเอง ให้ตายสิพวกเรามาจากที่ไกลแสนไกลเพื่อมาเป็นเพื่อนเล่นของพวกเด็กเส้นงั้นเหรอ? แบบนี้เป็นการตบหน้าพวกเราอยู่เหรอ? แล้วยังใช้เท้าถีบส่งพวกเราอีกด้วย!”

พัดที่โหมไฟให้ลุกโชน ถือว่าปลุกปั้นอารมณ์โกรธของพวกเด็กวัยรุ่นเลือดร้อนจำนวนพันกว่าชีวิตปะทุขึ้นมาได้ พวกเขาต่างเป็นเด็กหัวกะทิในพื้นที่ที่ได้รับเลือกจากหนึ่งในสิบ โดยปกติต่างมีแต่คนคอยตามติดเทิดทูนบูชา แต่ตอนนี้มาถึงเมืองหลวงพวกเขาทำได้แค่เป็นเพื่อนเล่นของคนอื่นเท่านั้น

ศักดิ์ศรีของพวกเขาจะทำรับไหวได้ที่ไหนกันล่ะ?

“ใช่ ไม่ควรจะก้มหัวให้การกระทำชั่วช้านี่เด็ดขาด!” คนมากมายทยอยโอนอ่อนตาม สถานการณ์เริ่มควบคุมไม่อยู่ใบหน้าของผู้เข้าแข่งขันทุกคนมีแต่ความโกรธไม่พอใจ แม้แต่ครูของพวกเขาก็ไม่อาจจัดการได้

ได้รับการสนับสนุนจากบรรดาพี่ชาย ความกล้าของเหมยเหมยเต็มเปี่ยมขึ้นกว่าเดิม เธอพูดขึ้นด้วยเสียงดังอีกครั้งว่า “เลขาหร่วนยังไม่ตอบคำถามฉันเลยนะคะว่ารางวัลที่สองถูกตัดสินภายในยกให้โอหยางซานซานลูกศิษย์ของคุณไว้แล้วใช่ไหมคะ?”

“พูดจาสามหาว ใครพูดซี้ซั้วส่งเดช ? ไม่ว่าจะเป็นที่หนึ่งหรือที่สอง ล้วนต้องเป็นผู้ที่มีความสามารถเท่านั้นถึงจะได้ คณะกรรมการทุกท่านต่างเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณธรรมจริยะธรรมสูง พวกท่านต้องเลือกผลงานเข้าแข่งขันที่มีความโดดเด่นอยู่แล้ว จะเกิดจากการตัดสินภายในได้อย่างไร?”

หร่วนหวาไฉ่พูดจามีมารยาทด้วยท่าทีสง่าผ่าเผย มีผู้เข้าแข่งขันที่ไร้เดียงสาบางรายเชื่อ แต่คนส่วนใหญ่กลับไม่มีใครเชื่อ คำพูดลื่นหูใครต่างก็พูดได้ หร่วนหวาไฉ่ไม่กล้าตอบประเด็นที่เหมยเหมยเอ่ยถามซึ่งหน้า นั่นยิ่งชัดเจนว่าต้องมีเรื่องลับลมคมในเกิดขึ้นภายในแน่นอน

“คุณเลขาหร่วนพูดได้ดีมาก แต่ฉันรู้สึกตงิดใจแล้วสิ ในเมื่อการแข่งขันมีความยุติธรรมขนาดนี้ แล้วลูกศิษย์ของคุณอย่างโอหยางซานซานทำไมถึงแฝงเข้ามาแข่งในระดับประเทศได้ล่ะ? หรือว่าผู้เข้าแข่งขันในเมืองหลวงมีฝีมือแค่ระดับอนุบาลเองเหรอ ? ถ้าเป็นเช่นนั้นล่ะก็ ถือเป็นเรื่องปกติมากเลยค่ะ!” เหมยเหมยจงใจพูด

“จะเป็นไปได้ยังไง? ระดับความสามารถของผู้เข้าแข่งขันในเมืองหลวงไม่พูดถึงที่หนึ่งแล้วกัน แต่รางวัลสามอันดับแรกต้องมีแน่นอนอยู่แล้ว นี่เธออย่าเหมารวมหมดสิ มันเป็นการดูถูกผู้เข้าแข่งขันทั้งเมืองหลวง!”

เหล่าผู้เข้าแข่งขันจากเมืองหลวงต่างพากันไม่ชอบใจ มีคนออกมาพูดเรียกร้องความชอบธรรมและตำหนิเหมยเหมยที่วิพากย์วิจารณ์พวกเขาแบบผิดๆ

……………………………………………………

บทที่ 641 เธอต่างหากที่เป็นของจริง

เหมยเหมยหัวเราะอย่างอารมณ์ดี “นี่เพื่อนอย่าเพิ่งโกรธสิ ฉันก็แค่เห็นว่ามีผู้เข้าแข่งขันจากเมืองหลวงมีฝีมือการวาดภาพระดับอนุบาล จึงคิดว่าทุกคนคงจะมีฝีมือพอๆกัน ไม่อย่างนั้นผู้เข้าแข่งขันฝีมืออนุบาลแบบนี้จะเข้าร่วมแข่งระดับประเทศได้ยังไง !”

ตัวแทนผู้เข้าแข่งขันจากเมืองหลวงต่างไม่กล้าพูดความในใจออกมา พวกเขาไม่มีความกล้ามากเท่าเหมยเหมย ไม่กล้าพูดถึงโอหยางซานซานในด้านลบ จึงฝืนใจพูดขึ้นว่า “ถึงยังไงฝีมือระดับเด็กอนุบาลที่เธอพูดถึงมันก็แค่คน ๆ เดียว เธออย่าเหมารวมพวกเราทุกคนเข้าไปด้วย !”

“เข้าใจแล้วล่ะ ข้อยกเว้นที่ว่าใช้เส้นสายน่ะ ฉันรู้ทุกอย่าง ช่างทำให้พวกเธอลำบากใจจริงๆ !”

คำพูดของเหมยเหมยทำให้ผู้เข้าแข่งขันทุกคนรู้สึกถึงขอบตาที่ร้อนผ่าว อีกนิดเดียวอาจทำให้พวกเขาหลั่งน้ำตาแห่งความทุกข์ทนออกมาได้!

เมื่อถูกพูดเปรียบเทียบกับคนที่มีฝีมือระดับเด็กอนุบาล พวกเขาต่างทุกข์ระทมขมขื่นเสียยิ่งกว่าหวงเหลียน[2]อีก !

หร่วนหวาไฉ่เกลียดเหมยเหมยเข้ากระดูกดำ เขาตัดสินใจอย่างเด็ดขาดว่าหลังจากการแข่งขันสิ้นสุดลง จะต้องทำให้แม่สาวน้อยผู้ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงไม่มีแม้แต่ที่จะยืนอยู่ในวงการวาดภาพนี้

อีกทั้งครูของเธอก็อย่าหวังว่าจะมีวันได้เห็นเดือนเห็นตะวัน !

กล้าเป็นศัตรูกับคนอย่างหร่วนหวาไฉ่ ช่างน่าหงุดหงิดเสียจริง !

“นักเรียนของฉันอย่างโอหยางซานซานได้เข้าร่วมแข่งขัน เป็นเพราะความสามารถแท้จริงของตัวเธอเอง ยัยเด็กนี่ถ้ายังไม่หยุดสร้างข่าวเท็จ ฉันจำเป็นจะต้องตัดสิทธ์การแข่งขันของเธอ” หร่วนหวาไฉ่พูดข่มขู่

“คุณนี่ช่างน่าเกรงขามจริงๆ จู่ ๆ จะตัดสิทธิ์ก็ตัดสิทธิ์ คิดว่าตัวเองเป็นใครงั้นเหรอ การแข่งขันระดับประเทศตระกูลของคุณเป็นคนจัดขึ้นหรอ? คุณมีอำนาจอะไรในการตัดสิทธิ์การแข่งขันของฉัน ?”

เหมยเหมยยิ้มเยาะและจ้องหน้าหร่วนหวาไฉ่ แข่งหรือไม่แข่งสำหรับเธอไม่ได้สำคัญนัก แต่เพื่อจัดการหร่วนหวาไฉ่และโอหยางซานซานแล้วนั้น เธอจำเป็นต้องแข่ง !

“คุณเลขาหร่วนเอาแต่พูดว่าลูกศิษย์ของคุณเข้าร่วมการแข่งขันได้เพราะความสามารถที่แท้จริงของเธอ ถ้างั้นก็ให้โอหยางซานซานวาดรูปโชว์ต่อหน้าทุกคนในตอนนี้เลยสิคะ ซึ่งทุกคนในที่นี้มีความสามารถในการประเมินที่ดีมาก จะเป็นฝีมือระดับอนุบาลหรือไม่แค่มองก็รู้ได้ คุณเลขาหร่วนคิดว่าข้อเสนอของฉันเป็นยังไง ?”

เหมยเหมยจงใจพูดขึ้นเสียงดังและหันไปมองโอหยางซานซานที่กำลังโมโหอย่างเดือดดาล ที่ยืนอยู่ยังจุดที่ห่างไกลออกไป ยัยโอหยางซานซานนี่มีปณิธานที่สูงเสียยิ่งกว่าหลินเม่ยเม่ย อีกทั้งยังคิดว่าตัวเองดีเพียบพร้อม คงจะทนไม่ได้กับกลอุบายที่กระทบกระทั่งแบบนี้!

เป็นอย่างที่คิด…

หร่วนหวาไฉ่ยังไม่ทันจะได้พูด โอหยางซานซานที่ถูกเหมยเหมยเหน็บแนมว่าฝีมือการวาดรูประดับอนุบาลและทั้งยังเป็นพวกใช้เส้นสาย จนทำให้ไฟโทสะปะทุขึ้นมา ใครจะสะกดอารมณ์ไว้ได้ เธอเดินตึงตังเข้ามา แม้แต่หวงอวี้เหลียนยังไม่สามารถรั้งไว้ได้

“จ้าวเหมยช่างต่ำทรามนัก กล้าใส่ร้ายป้ายสีฉันต่อหน้าทุกคน ไม่ใช่เพราะเธออิจฉาฉันหรอกเหรอ ?” โอหยางซานซานตะโกนด้วยไฟโทสะที่ลุกโชน ใบหน้าเกลี้ยวกราดอย่าไม่อาจสงบนิ่งได้

เหมยเหมยยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ แต่กลับจุดไฟเพิ่มให้เธอ ”ฉันหน้าตาดีกว่าเธอ ฉลาดกว่าเธอ อายุน้อยกว่าเธอ คะแนนก็ดีกว่าเธอ ผู้คนต่างชื่นชอบฉันมากกว่าเธอ วาดภาพยังเก่งกว่าเธอร้อยเท่า คนเก่งแบบฉัน ทำไมต้องอิจฉาเด็กอนุบาลอย่างเธอด้วยล่ะ ?”

ผู้คนต่างทำมุมปากขยิบขยิบ กลั้นขำแทบไม่อยู่ สาวน้อยคนนี้มีความมั่นใจในตัวเองไม่น้อยเลย!

แต่ความเป็นจริงสาวน้อยคนนี้ก็หน้าตาดีกว่าโอหยางซานซานมากจริงๆ !

หวงอวี้เหลียนเห็นท่าไม่ดี จึงเดินตามเข้ามา และพูดด้วยความอ่อนโยน “เหมยเหมยทำไมถึงได้ทะเลาะกับพี่ซานซานซะแล้วล่ะ ? พวกเธอเป็นพี่น้องกันนะ มีปัญหาอะไรเรากลับไปเคลียร์กันที่บ้านดีไหม ?”

เหมยเหมยไม่ได้สนใจเธอ หันหน้ากลับมาถามจ้าวเสวียกง “พี่ห้า บ้านเรามีลูกสาวเพิ่มตั้งแต่เมื่อไหร่ ? เมื่อวานคุณปู่บอกว่าฉันเป็นเจ้าหญิงเพียงคนเดียวของตระกูลไม่ใช่หรอ ? ทำไมถึงมีอีกคนเพิ่มมาได้ ?”

จ้าวเสวียกงกลั้นขำและพยายามกระแอมเสียงเพื่อตะโกนตอบ “เหมยเมหยอย่าฟังคนอื่นพูดมั่วๆ เธอต่างหากที่เป็นของจริง คนนอกนั่นเป็นแค่ของปลอม แค่สินค้าปลอมแปลงคุณภาพต่ำ รู้ไหม !”

………………………………………………………