หลังจากบินไปประมาณล้านลี้ เส้นสีดำก็ปรากฏขึ้นที่ปลายขอบฟ้า แต่ถ้าเข้าไปใกล้ๆ จะพบว่ามันเป็นทะเลทรายที่ไม่มีที่สิ้นสุดซึ่งประกอบด้วยกรวดทรายสีเทา

ดูท่านี่คือทะเลทรายฮ่วนเซี่ยวที่มีชื่อเสียงในแดนมาร!

รูม่านตาของหานลี่วาบประกายด้วยแสงสีน้ำเงิน และทอดมองออกไปไกล

เขาเห็นทะเลทรายสีเทาอันไม่มีที่สิ้นสุด ไม่มีหญ้าอยู่ข้างในยกเว้นพุ่มไม้เตี้ยๆ บางต้น ดูเหมือนว่าที่อื่นๆ จะไม่แตกต่างจากทะเลทรายทั่วไปยกเว้นสีที่แปลกประหลาด

อย่างไรก็ตาม บนท้องฟ้าเหนือในทะเลทรายแห่งนี้มืดครึ้ม เต็มไปด้วยเมฆสีดำสีเหลือง และถึงแม้ท้องฟ้าภายนอกทะเลทรายจะถูกคั่นด้วยเส้นเพียงเส้นเดียว แต่ดูเหมือนเป็นโลกสองใบ

เมื่ออยู่ห่างจากทะเลทรายมากกว่าสิบลี้ ชายร่างใหญ่ผมเหลืองจึงนำหน้าและปรากฏตัวขึ้นที่พื้นใกล้ๆ ด้วยแสงวาบ

คนอื่นๆ จึงตามลงไป

“เมื่แก้าวไปข้างหน้า วิชาหลีกหนีจะไม่อาจใช้ได้แล้ว การเดินทางต่อไปนี้ต้องใช้กิ้งก่ามารแปดขาเท่านั้น ข้าต้องบอกสหายก่อนว่ากิ้งก่ามารแปดขาขอตระกูลไป๋มีแค่สามสิบตัวเท่านั้น แต่ละตัวหายากมาก การเดินทางในครั้งนี้นำออกมาสิบเอ็ดตัว ซึ่งเกินขีดจำกัดแล้ว ข้ายังหวังว่าสหายจะดูแลพวกมันมากขึ้นในระหว่างทาง หากตกอยู่ในอันตรายจริงๆ ก็ควรเก็บใส่แหวนอสูรวิญญาณ อย่าให้พวกมันได้รับบาดเจ็บ” ชายร่าใหญ่ผมเหลืองอ่อนพูดกับพวกหานลี่ทั้งสามคน

“ฮ่าๆ ไม่ต้องกังวลไปพี่ไป๋ ข้าจะไม่รู้ถึงความสำคัญของกิ้งก่ามารแปดขากับตระกูลท่านได้อย่างไร ข้าจะไม่ปล่อยให้พวกมันบาดเจ็บแม้แต่น้อย ทว่าการเดินทางในครั้งนี้ เหตุใดถึงพาพวกเด็กน้อยเหล่านี้มาด้วย ไม่กังวลว่าจะเป็นการนำกิ้งก่ามารแปดขาออกมาหลายตัวเกินไปรึ” หลังจากชายอ้วนองค์เทพมังกรไม้ผู้นั้นหัวเราะ เขาก็ถามอย่างสงสัยอีกครั้ง

“สหายมังกรไม้คงยังไม่รู้ วิชาที่พวกเขาทั้งหกฝึกฝนมีวิชาประสานเขตอาคมอยู่ด้วยวิชาหนึ่ง อานุภาพที่มีเทียบได้กับจอมมารขั้นต้น การนำพวกเขามาก็มีประโยชน์เช่นกัน” หญิงผมสีม่วงอธิบายด้วยรอยยิ้ม

“ที่แท้ก็เป็นเช่นนั้น ข้าคงพูดไม่คิดไปหน่อย” องค์เทพมังกรไม้พยักหน้าจนกล้ามเนื้อบนใบหน้าสั่นกระเพื่อม

ดวงตาของหันฉีจื่อใต้หน้ากากวาบประกายแปลกประหลาดทีหนึ่ง แม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดอะไร แต่เห็นได้ชัดว่าเขาไม่มีความเห็นใดๆ

สำหรับหานลี่เขาแค่ยิ้มเล็กน้อย แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าจะสามารถช่วงชิงกิ้งก่ามารแปดขาเหล่านี้มาได้หรือไม่

แต่ความคิดนี้ปรากฏขึ้นเพียงชั่วครู่ และเขาก็ปล่อยวาง

แม้ว่าเขาจะมั่นใจในพลังของตัวเอง แต่ก็ยังเสี่ยงเกินไปที่จะเผชิญหน้ากับจอมมารทั้งสี่ที่ไม่รู้ตื้นลึกหนาบางในเวลาเดียวกัน ถึงอย่างไรเสียการเอาชนะพวกเขานั้นง่าย แต่การจะสังหารพวกเขาทั้งหมดนั้นเป็นไปไม่ได้เลย และแม้ว่าเขาจะสามารถทำได้ แต่จำนวนของกิ้งก่ามารเหล่านี้ก็ยังไม่เพียงพอสำหรับกลุ่มของพวกเขา ในทางกลับกัน หลังจากเหตุการณ์นั้น อาจจะสร้างความตื่นตระหนกให้กับตระกูลใหญ่หลายตระกูลในเมืองฮ่วนเย่ และเป็นการง่ายที่จะดึงดูดศัตรูที่ทรงพลังมา กระทั่งเป็นศัตรูที่ยิ่งใหญ่ระดับบรรพชนศักดิ์สิทธิ์

หลังจากชั่งน้ำหนักข้อดีและข้อเสียชั่วขณะหนึ่ง หานลี่จึงทิ้งความคิดแปลกๆ ไว้ในใจของเขา

ในขณะนั้น หญิงผมสีม่วงสะบัดข้อมือ ทันใดนั้นแหวนสีครามก็พุ่งออกมา แสงห้าสีถูกกริบวาบปรากฏ หลังจากที่หมุนวนอยู่บนพื้นรอบหนึ่ง อสูรมารตัวใหญ่ที่มีหัวยาวห้าจั้งและสูงสองจั้งสิบเอ็ดตัวก็ปรากฏกายตัวขึ้น

เมื่อมองแวบแรก อสูรมารเหล่านี้ดูเหมือนกิ้งก่ายักษ์ที่ขยายขนาดมากกว่าสิบเท่า แต่พวกมันถูกปกคลุมไปด้วยเกล็ดสีดำ และช่องท้องส่วนล่างมีความหนามาก ดูร้ายกาจจริงๆ

บนหลังกิ้งก่ามารเหล่านี้ยังมีสิ่งที่คล้ายอานม้าสีเงิน ซึ่งแสดงออกว่าพวกมันทั้งหมดเป็นสัตว์ที่ได้รับการฝึกฝน

‘นี่คือกิ้งก่ามารแปดขา พลังยุทธ์ของแต่ละตัวอยู่ที่ประมาณระดับหลอมรอมเท่านั้น แต่ไม่เห็นมีอะไรอื่นเป็นพิเศษ’ หานลี่กวาดมองอสูรมารเหล่านี้ คิดกับตัวเองด้วยความประหลาดใจ

หลังจากชายร่างใหญ่ผมเหลืองอ่อนร้องเรียกเสียงหนึ่ง หานลี่และคนอื่นๆ ก็ได้รับกิ้งก่ามารตัวหนึ่งและป้ายอสูรร้ายแผ่นหนึ่ง

ทันทีที่หานลี่ร่างกะพริบวาบ และไปปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งบนหลังกิ้งก่ามารของเขา พลางเหลือบมองลงไปเล็กน้อย

อานม้าสีเงินพิมพ์ด้วยอักขระอาคมเรียบง่ายและออกแบบมาให้สบายมาก หานลี่ยิ้มมุมปากและเขาชูป้ายอสูรร้ายในมือไปทางอสูรมารที่อยู่ด้านล่าง และโบกมันเล็กน้อย

แสงสีเงินพุ่งออกมา และหายเข้าไปในร่างของอสูรมารในพริบตา

หลังจากที่กิ้งก่ามารส่งเสียงคำราม มันก็วิ่งไปข้างหน้าทันที แม้ความเร็วจะไม่เร็วในตอนแรก แต่มันก็เคลื่อนไหวได้อย่างราบรื่นด้วยขาทั้งแปด หานลี่ไม่รู้สึกถึงการกระเทือนแม้แต่น้อย

ในเวลานี้ ชายร่างใหญ่ผมสีเหลืองและคนอื่นๆ ก็ก้าวไปข้างหน้าแล้วก่อนแล้ว มีอสูรมากกว่าสิบตัวเรียงแถวมุ่งหน้าไปยังทะเลทราย

ผ่านไปชั่วขณะหนึ่ง ก็ห่างจากที่เดิมออกมาราวสิบจั้ง

เมื่อชายผมสีเหลืองอ่อนขี่อสูรมารกระโจนเข้าไปในทะเลทราย ก็เห็นฝุ่นทรายฟุ้งตลบอยู่ด้านหน้า ในเวลานี้ อานบนหลังของกิ้งก่ามารเหล่านี้พลันส่องแสงสีเงิน เกิดเป็นชั้นสีขาวแวววาว ม่านแสงโอบล้อมปกคลุมทุกคน

พายุทรายเหล่านั้นกระทบม่านแสง และหายไปอย่างเงียบเชียบ ไม่สามารถส่งผลกระทบต่อผู้คนในม่านแสงได้เลย

แต่สิ่งนี้ไม่ได้ทำให้หานลี่สนใจมากนัก สิ่งที่ทำให้เขาสนใจกลับเป็นหลังจากที่กิ้งก่ามารแปดขาเข้าไปในทราย ความเร็วของมันก็เร่งขึ้นในทันใด และดูเหมือนว่าจะวิ่งเร็วกว่าม้าปกติเล็กน้อย

ในขณะนี้ มีคลื่นประหลาดแผ่ออกมาจากร่างยักษ์ของกิ้งก่ามาร และมันก็หมุนเวียนต่อไป ดูดซับพลังงานร้อนในทะเลทรายอย่างช้าๆ

ทันทีที่หานลี่เข้าไปในทะเลทรายสีเทา เขาก็รู้สึกถึงพลังที่อธิบายไม่ได้กดทับลงมาที่เขาทันที และพลังยุทธ์ในร่างกายของเขาก็ถูกระงับมากถึงเก้าส่วน ในชั้นบรรยากาศเต็มไปด้วยพลังแห่งฟ้าดินหนาแน่น และในขณะเดียวกันก็ขับเอาปราณมารและปราณวิญญาณออก ทำให้ปราณทั้งสองชนิดนี้เบาบางลง

ทะเลทรายแห่งนี้สมกับเป็นที่รู้จักในฐานะสถานที่ต้องห้ามแห่งหนึ่งในแดนมารจริงๆ

หานลี่สัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของกิ้งก่ามารและตัวเขาเองอย่างเงียบๆ แอบประหลาดใจอยู่ในใจ

อย่างไรก็ตาม ชายร่างใหญ่ผมสีเหลืองอ่อนและคนอื่นๆ ในตระกูลไป๋ ไม่ได้แสดงความแปลกประหลาดใดๆ ต่อสิ่งนี้ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาคุ้นเคยกับมันมานานแล้ว

พวกเขาระดมพลกิ้งก่ามาร มองหาทิศทางที่แน่นอน และควบไปจนสุดห้วงทะเลทราย

……

สิบวันต่อมา บนเนินทรายยักษ์ หานลี่ ชายผมเหลือง หญิงผมสีม่วง และคนอื่นๆ ถูกล้อมรอบด้วยฝูงแมงป่องยักษ์สีเขียว

แมงป่องมารเหล่านี้ส่งเสียงกรีดร้อง และแสงสีเขียวเข้มที่มีคุณสมบัติเป็นพิษก็พ่นออกมาจากหางของมัน พุ่งเข้าหาหานลี่และคนอื่น ๆ จากทุกทิศทุกทาง

ทว่าหานลี่ องค์เทพมังกรไม้ หันฉีจื่อ และคนอื่นๆ กลับยืนนิ่งบนเนิ่นทรายไม่ขยับเขยื้อน ทว่าไป๋อวิ๋นซินและอีกหกคนกลับยืนอยู่บนบริเวณขอบ แต่ละคนกระตุ้นอาวุธอาคมสองสามชิ้นเพื่อสร้างหายนะให้กับฝูงแมงป่อง

แม้ว่าพลังยุทธ์ส่วนใหญ่ในร่างกายจะถูกจำกัด แต่แมงป่องอสูรก็ไม่สามารถหยุดไป๋อวิ๋นซินและคนอื่นๆ ได้ ท่ามกลางปราณมารที่ม้วนตลบและเสียงระเบิดเป็นกลุ่มๆ แมงป่องมารจำนวนมากกลายเป็นขี้เถ้า ไม่สามารถเข้าใกล้หานลี่และคนอื่นๆ ได้เลย

……

ครึ่งเดือนต่อมา กิ้งก่ามารแปดขาที่เคลื่อนที่อย่างรวดเร็วในทะเลทรายก็หยุดอยู่กับที่ ในขณะเดียวกันก็ส่งเสียงคำรามเบาๆ

ชายร่างใหญ่ผมสีเหลืองที่ขี่อยู่บนร่างของมันขมวดคิ้ว ทันใดนั้นเขาก็ยกมือขึ้น และกระแทกพื้นทรายตรงจุดที่ห่างออกไปหลายสิบลี้

‘ตูม’ มีเสียงดังกึกก้องแผ่นดิน และทรายที่อยู่ข้างหน้าก็เปิดออก เผยให้เห็นหลุมขนาดใหญ่ที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางราวสิบจั้ง

ต่อมา เมื่อทรายก็ถูกแบ่งออก งูเหลือมยักษ์สีเหลืองยาวห้าสิบหรือหกสิบจั้งก็ตรงมาที่ชายร่างใหญ่พร้อมกับอ้าปากที่เหมืนอกับอ่างโลหิตของมันออก

เมื่อได้เห็นภาพนี้ ไป๋อวิ๋นซินและคนอื่นๆ ก็เปลี่ยนสีหน้า แต่หญิงสาวผมสีม่วง องค์เทพมังกรไม้ และพวกระดับจอมมารไม่ได้เปลี่ยนแปลงสีหน้าใดๆ มีเพียงชายผมสีเหลืองที่หัวขมวดคิ้วและถอนหายใจพูดว่า

“ยุ่งยากจริงๆ คิดไม่ถึงว่าจะมาเจออสรพิษทรายทอง นี่ไม่ใช่สิ่งที่พวกเด็กน้อยจะรับมือได้ ดูเหมือนว่ามีเพียงข้าเท่านั้นที่ใช้พลังยุทธ์ได้ฟุ่มเฟือยอยู่ ข้าจะลงมือเอง”

ทันทีที่ชายร่างใหญ่พูดจบ เขาก็พลิกมือข้างหนึ่ง พลังงานสีดำหมุนออกมาในมือของเขา แหวนสีดำก็ปรากฏขึ้น และโยนมันออกไปที่งูเหลือมยักษ์

แหวนส่งเสียงหวีดร้องแปลกๆ เมื่อเกิดแสงสว่างวาบ มันขยายขนาดใหญ่หลายจั้ง และแกว่งไปแกว่งมา จากนั้นหายไปในความว่างเปล่า

ในเวลานี้ ชายร่างใหญ่ก็ชี้ไปที่งูหลามยักษ์อย่างรวดเร็ว

ทันใดนั้น ก็มีแสงสีดำวาบขึ้นที่งูหลามยักษ์ วงแหวนยักษ์พลันปรากฏขึ้น ในที่สุดมันจึงถูกยับยั้ง

งูหลามยักษ์ที่ดุร้ายแต่เดิมก็ตกลงมาจากกลางอากาศพร้อมกับส่งเสียงครวญคราง และร่างขนาดใหญ่ของมันกลิ้งไปมาบนทรายอย่างทุรนทุราย ราวกับเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส

ชายร่างใหญ่ผมเหลืองเย้ยหยันเมื่อเห็นสถานการณ์นี้ และร่ายอาคมด้วยมือเดียว หลังจากที่แสงแวววาวกะพริบวาบขึ้นบนพื้นผิวของวงแหวนยักษ์ ทันใดนั้นมันก็หดขนาดเท่าฝ่ามือ

เลือดสีดำพุ่งออกมาสูงหลายจั้ง หัวของงูหลามยักษ์กลิ้งตกลงไปในทรายข้างๆ ทันที และไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ

แต่ชายร่างใหญ่ผมเหลืองไม่หยุดอยู่แค่นั้น เขาเปิดปากโดยไม่ลังเล พ่นเพลิงมารสีแดงเข้มออกมา แผดเผาซากศพของงูเหลือม

หลังจากเสียงดังพรึ่บ เปลวไฟสีแดงก็ลุกโชติช่วง และศพของงูเหลือมก็กลายเป็นเถ้าถ่าน

ในระหว่างกระบวนการนี้ เสี่ยววิญญาณที่เหลือของงูหลามยักษ์พุ่งออกมาจากซากศพด้วยเสียงคร่ำครวญ พยายามจะหลบหนี แต่ถูกม้วนตัวลงมาด้วยเปลวไฟปีศาจ จากนั้นก็ไร้ร่องรอยหลงเหลืออยู่

“พี่ไป๋ฝีมือดีมาก อสรพิษทรายทองตัวนี้เกรว่าจจะมีความแข็งแกร่งอยู่ในระดับหลอมสุญตาขั้นปลาย แต่กลับไม่แม้แต่จะโจมตีถูกสหาย” ในเวลานี้ หานลี่ได้กระตุ้นกิ้งก่ามารมาที่ด้านข้างของชายร่างใหญ่แล้วหลังจากเหลือบมองไปยังหลุมยักษ์ที่อยู่ห่างไกล ก็พูดกับเขาด้วยรอยยิ้ม

“พี่หานล้อเล่นแล้ว อสูรมารพวกนี้อาจจะดูยุ่งยากเล็กน้อยสำหรับอวิ๋นซินและคนอื่นๆ แต่ไม่ใช่สำหรับข้า หากพบกับสามมารหายนะของทะเลทรายฮ่วนเซี่ยว ข้ากลัวว่าจะทำได้เพียงต้องหลบหนีเท่านั้น” ชายร่างใหญ่ส่ายหัวด้วยรอยยิ้มบิดเบี้ยว

“สามมารหายนะ?” หานลี่ได้ยิน ดวงตาของเขาก็เป็นประกาย ดูเหมือนว่าเขาจะสนใจเล็กน้อย

“สหายไม่รู้เรื่องนี้หรือ” ชายร่างใหญ่ประหลาดใจมากเมื่อได้ยินเรื่องนี้

“ข้าเพียงแต่ไม่ค่อยเข้าใจเล็กน้อย เพราะสิ่งที่ข้าได้ยินนั้นคลุมเครือเล็กน้อย ค่อนข้างแปลกใจที่เห็นสหายระดับจอมมารรู้สึกกลัวเกรง” หานลี่ลูบคางพร้อมตอบอย่างสุขุม