ตอนที่ 484 อาวุธ โดย Ink Stone_Fantasy
หลังจากที่ฟังเยี่ยเทียนพูดจบแล้ว หูหงเต๋อจึงแบะปากพูดว่า “ฉันรู้ว่านายเป็นคนที่ลงมือเมื่อเห็นเป้าหมายชัดเจนเท่านั้น เมื่อทองคำยี่สิบตันพวกนี้ มิน่าล่ะถึงไม่สนใจที่จะมองปลาเหลืองเล็กๆ ของเมิ่งตาบอดพวกนั้น
หูหงเต๋อเป็นคนวัยหกสิบเจ็ดสิบปี อย่ามองว่าเขาอาศัยอยู่ที่ภูเขาฉางไป๋ซานเป็นเวลาหลายปี แต่ตัวเองและครอบครัวก็มีเงินอย่างน้อยยี่สิบล้านหยวน อีกทั้งไม่กี่วันมานี้ก็หาเงินสิบล้านที่ได้จากการชกมวยใต้ดิน หูหงเต๋อจึงไม่ได้กังวลเกี่ยวกับการใช้จ่ายเงิน ทองคำยี่สิบตันที่เยี่ยเทียนพูดนั้นเขาไม่ได้สนใจสักนิด
“อาจารย์ ทองคำเยอะขนาดนี้ พวกเราไม่กี่คนรวมกับพวกของพี่อู๋เฉิน จะขนออกไปได้เหรอ”โจวเซี่ยวเทียนกลับคิดเหมือนกับหูหงเต๋อ เมื่อเขานับนิ้วและคิดออกว่าทองคำ 20 ตันเท่ากับ 20,000 กิโลกรัม ปากก็ค้างอยู่อย่างนั้น
เยี่ยเทียนส่ายหน้าแล้วพูดว่า “หาทองคำให้เจอก่อน เรื่องการขนย้ายนั้นผมมีวิธีอื่นอยู่ เอาล่ะ นั่งเครื่องบินมาทั้งวันแล้ว ไปพักผ่อนกันเถอะ”
คนที่เหมือนกับพวกซ่งเฮ่าเทียน ต่อให้รับปากโก่วซินเจียแล้ว ก็จะไม่ผิดคำพูดเด็ดขาด และยังมีเครื่องบินส่วนตัวของหูหงเต๋ออีก การขนเรื่องสำคัญขนาดนี้แบ่งไปฮ่องกงก็น่าจะได้ แบบนั้นก็น่าจะลงมือได้ง่ายขึ้น
สองชั่วโมงกว่า ท้องฟ้าของย่างกุ้งก็ค่อยๆ มืดลง เยี่ยเทียนพาพวกหูหงเต๋อไปกินอะไรสักหน่อยที่ห้องอาหารในโรงแรม หลังจากมองหาพนักงานเสิร์ฟของโรงแรมและขอแผนที่ย่างกุ้ง ตัวเองก็ออกไปจากโรงแรมอย่างเงียบๆ โดยไม่ได้เรียกรถอะไร พลางเดินเล่นคนเดียวบนถนนในย่างกุ้ง
ในฐานะเมืองหลวงของพม่า ย่างกุ้งในยามค่ำคืนมีชีวิตชีวามาก รวมทั้งในขณะนี้เป็นวันเรียกประชุมมรกต แสงไฟที่อยู่ข้างถนน ในบางครั้งสามารถเห็นนักท่องเที่ยวที่มาจากจีนได้ การที่เยี่ยเทียนปรากฎที่นี่ไม่ใช่ไม่เคยคิดมาก่อน
เมื่อเดินมาประมาณครึ่งชั่วโมงกว่า เยี่ยเทียนก็อาศัยแสงไฟในการดูแผนที่ หลังจากดูภูมิประเทศโดยรอบแล้ว ร่างกายก็ได้เดินเข้ามาในตรอกมืดที่ไม่มีไฟ เคาะประตูที่สามตรงกลางซอย
“ใครเหรอ”บทสนทนาเดิมในห้องนั้นหยุดลงกะทันหัน และมีคนถามขึ้นเป็นภาษาอังกฤษ
“ผมคือเยี่ยเทียน!”ในขณะที่เยี่ยเทียนเคาะประตู ก็เอียงตัวเข้าหาประตูอีกด้าน เพราะเมื่อกี้ จู่ๆ ในใจของเขาก็มีสัญญาณเตือนอย่างฉับพลัน แล้วด้านหลังประตูมีปืนหลายกระบอกชี้มาที่เขาเอง
“เอี๊ยด!”ประตูไม้ถูกแง้มออกมา หลังจากที่เห็นใบหน้าของเยี่ยเทียนชัดๆ ช่องว่างประตูก็เปิดใหญ่ขึ้น เยี่ยเทียนก็เข้าไปในประตูด้านข้าง
“อ๋อ บอส ผมคิดว่า หากคุณเข้าสู่โลกทหารรับจ้างแล้ว ไม่มีชีวิตเหมือนคนอื่นได้อีก”
เมื่อเห็นเยี่ยเทียนเข้ามา มาราไกย์วางปืนกลมือขนาดเล็กที่เขาเล่นลง สีหน้าบนใบหน้าที่แสดงอาการเว่อร์ออกมา แต่ในใจของเขาก็สั่นสะเทือนไปหมด ตัวเขาเองเพิ่งบอกหมายเลขบ้านของเยี่ยเทียนไป ทำไมจู่ๆ เขาถึงหาได้เร็วขนาดนี้ ที่จริงมาราไกย์วางแผนว่าไปหาเยี่ยเทียนที่โรงแรมในวันหลัง
“เตรียมเป็นยังไงบ้างล่ะ”
เยี่ยเทียนโบกไม้โบกมือ เขาไม่สนใจคำประจบประแจงจากชาวต่างชาติ มาราไกย์และคนอื่นๆ กำลังวางกลอุบายในการค้นหาทองคำที่ฝังไว้ในครั้งนี้ ถ้าหากขัดแย้งกับผู้มีอำนาจในท้องถิ่นหรือผู้มีอำนาจอย่างอื่น พวกเขาจะแสดงบทบาทที่ชี้ขาดขึ้นมา
“บอส เรื่องที่พวกเราทำ คุณวางใจได้”มาราไกย์ยิ้มแล้วก็ลุกขึ้น เดินไปที่หน้าประตูห้องและผลักมือเข้าไปด้านใน แล้วพูดว่า “บอส เชิญดูสิครับ!”
“ทำไมต้องทำลับๆ ล่อๆ ด้วย?”เยี่ยเทียนเดินไปที่หน้าประตูอย่างไม่พอใจ มาราไกย์เดินไปเปิดไฟ ห้องที่มีพื้นที่มากกว่าสิบตารางเมตร ทันใดนั้นก็ปรากฏต่อหน้าเยี่ยเทียนอย่างชัดเจน
“เห้ย พวก…พวกนายให้ที่นี่เป็นคลังอาวุธแล้วเหรอ”
เมื่อเห็นการจัดตำแหน่งภายในห้อง ทันใดนั้นเยี่ยเทียนถึงกับตกตะลึง เพราะห้องที่อยู่ต่อหน้าเขานั้น ต่างก็จัดวางไปด้วยอาวุธที่เต็มไปหมด ปืนขนาดใหญ่แบบเซลลูลาร์ ลูกระเบิดขนาดเล็กที่เต็มลังโดยที่ลังไม่ได้ปิดฝาอยู่ กระทั่งมีปืนกลสองหัว เกรงว่าแค่อาวุธที่ตรงนี้ ก็ยังสามารถเกิดสงครามเฉพาะที่เกิดขึ้นได้
“บอส เวลาที่คุณจัดไว้มันค่อนข้างกระชั้นชิด อาวุธที่ขนย้ายมาจากอเมริกามาไม่ทัน ดังนั้น…ผมก็เลยซื้อจากเพื่อนร่วมงานที่อยู่ลาวมาบางส่วน คุณดูสิว่าใช้ได้ไหม”
เมื่อเห็นท่าทางตกใจของเยี่ยเทียน ใบหน้าของมาราไกย์ยิ้มด้วยความภาคภูมิใจ ที่ผ่านมาเขาถูกเยี่ยเทียนหักหน้ามาตลอด แต่สถานการณ์ที่อยู่ข้างหน้ากลับกัน มาราไกย์เปรียบเสมือนกินแตงโมเย็นๆ ในวันที่อากาศร้อน อย่าพูดถึงว่าจะชื้นใจมากขนาดไหนเลย
ที่จริงแล้วมาราไกย์ต้องการพกพาอาวุธปืนกลมือเพียงไม่กี่ตัว แต่เมื่อได้อาวุธล็อตนี้มา ก็ถือว่าโชคดีเท่านั้น
วันที่สองที่มาราไกย์เดินทางมาถึงพม่า ก็ได้พบกับนายหน้าที่ซื้อขายอาวุธที่คุ้นเคยกันสมัยก่อน กลับได้รู้ว่าพ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่เซียวคุนซาที่สามเหลี่ยมทองคำได้“ยอมจำนน”ข่าวนี้ได้ลุกฮือไปทั่วโลก
ต้องรู้ว่า คุนซาเป็นใหญ่ที่สามเหลี่ยมทองคำมาหลายสิบปี ในช่วงเวลาที่เขามีอำนาจมากที่สุด ควบคุมอาณาจักรยาหนึ่งเดียวอย่างแท้จริง ชายแดนไทยพม่าที่ยาว 400 กิโลเมตร พื้นที่แถบแคบๆ ที่ติดกับจังหวัดเชียงใหม่ เชียงรายและแม่ฮ่องสอนทั้งสามจังหวัดของประเทศไทย และในรัฐฉานตะวันออกในพม่าได้กลายเป็น “อาณาจักรอิสระ” ของเขา
คุนซายังมีทีวีดาวเทียมในอาณาจักรอิสระของเขา โรงเรียนและขีปนาวุธที่ส่งไปยังอากาศ พื้นที่หลบภัยของเขาหลายสื่อได้บอกไว้ว่าอยู่ใน“ที่หลบภัยในป่า” และในนั้นเป็นเมืองหนึ่งเมืองที่มีร้านค้าเต็มไปหมด มีตลาดและถนนหนทางที่ดี
เนื่องจากยาเสพติดของคุนซาขายให้กับต่างประเทศครั้งหนึ่ง คิดเป็น 80% ของการส่งออกยาทั่วโลก เมื่อเป็นอย่างนี้ ไม่ใช่แค่ประเทศรอบๆ สามเหลี่ยมทองคำที่เกลียดคุนซาจนเข้ากระดูก แม้แต่สหรัฐอเมริกายังเสนอรางวัลนำจับเขาสองล้านดอลลาร์
แต่ภูมิประเทศตรงสามเหลี่ยมทองคำค่อนข้างซับซ้อน ประกอบกับอำนาจที่แข็งแกร่งของคุนซา หลายประเทศรอบสามเหลี่ยมทองคำรวมตัวกันล้อมและปราบปรามเขา แต่ไม่สามารถจับเขาได้ คุนซาที่มีอายุเกือบ 70 ปียังคงเป็นราชาของสามเหลี่ยมทองคำ
ในช่วงปีที่ผ่านมาอายุที่เพิ่มขึ้นของคุนซา การร่วมมือโจมตีของประเทศไทย พม่าและลาวในหลายครั้ง ก็ค่อยๆ บีบขอบเขตอำนาจของคุณซาลง หลังจากเสนอนิรโทษกรรมแก่คุนซาในพม่าแล้ว ในปีนี้เขานำทหารของเขายอมแพ้อย่างเป็นทางการให้กับทางพม่า ตอนนี้เขาถูกกักบริเวณในบ้านในย่างกุ้งพร้อมเมียสี่คน
การยอมแพ้ของคุนซานี้ มีผลกระทบอย่างมากต่อสถานการณ์พม่าลาวและไทย เพราะคุนซายอมจำนนต่อพม่า ดังนั้นอาวุธปืนและอาวุธในสถาบันทหารขนาดใหญ่ของเขา จึงถูกรัฐบาลพม่ายึด
พม่าเป็นรัฐบาลทางการทหาร เดิมทีก็ย่ำแย่อยู่แล้ว หลังจากได้รับอาวุธเหล่านั้นที่ไม่ได้ใช้การมาสักพัก บางคนใช้สิทธิ์ของพวกเขาทันที โดยให้ราคาของผักกาดขาวที่ส่งให้ต่างประเทศให้ใกล้เคียงกับราคาอาวุธของหน่วยทหาร
แค่การที่คุนซายอมจำนนนี้ ขณะนี้พม่ารวมถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังนำไปสู่การพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เดิมทีอาวุธที่ขายดีจนเทน้ำเทท่า แต่ตอนนี้กลับขายไม่ออก มาราไกย์ใช้จ่ายแค่หนึ่งแสนดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น ก็สามารถซื้อเสบียงทหารมูลค่าอย่างน้อยหนึ่งล้านดอลลาร์ในอดีตได้
“ผู้ชายคนนี้เป็นตำนานจริงๆ!”หลังจากที่ฟังมาราไกย์พูดถึงชีวิตของคุนซาเสร็จ เยี่ยเทียนก็อดที่จะชื่มชมไม่ได้ ถ้าผู้ชายคนนี้เกิดใน 100 ปีกว่าก่อนหน้านี้ เกรงว่าจะมีความสามารถที่จะโค่นล้มประเทศหนึ่งประเทศได้
“ใช่ แค่คุนซาถูกจับแล้ว ต่อมาทหารรับจ้างในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็น้อยลง!”
มาราไกย์ก็พูดกับเยี่ยเทียนอย่างที่ในใจคิด ต้องรู้ว่า ก่อนที่คุนซายอมจำนน ภารกิจที่เป็นที่ยอมรับมากที่สุดขององค์กรทหารรับจ้างทั่วโลก ก็คือการจับคุนซาและผู้ใต้บังคับบัญชาที่มีการตั้งค่าหัวที่ชัดเจน
แต่ภารกิจการจับคุนซาก็เกือบยี่สิบปี แต่รางวัลการนำจับก็เพิ่มขึ้นทุกปี แต่ชีวิตของคุนซาก็ยังอยู่ดีตั้งแต่ต้นจนจบ ถ้าหากลูกน้องของเขาไม่ได้ทรยศ คุนซาก็คงไม่ยอมที่จะยอมจำนนต่อรัฐบาลพม่าโดยง่าย
“บอส คุณให้พวกเรามาพม่า มาทำอะไรกันแน่ครับ?”
การที่มีอาวุธชุดนี้รองก้น ความกล้าของมาราไกย์มีมากขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย ตอนที่พูดกับเยี่ยเทียน กลับเคารพและค่อยระมัดระวังน้อยกว่าเดิมที่ผ่านมา แน่นอน ในฐานะทหารรับจ้างอาชีพ มาราไกย์ยังคงปฏิบัติตามสัญญาระหว่างเยี่ยเทียนอยู่
“ พรุ่งนี้พวกเราจะไปบาโก คุณกับคนของคุณเดินทางไปก่อน ต้องระวังซ่อนตัวของพวกคุณให้ดีล่ะ”
เยี่ยเทียนก็หยิบแผ่นที่อื่นออกมาหนึ่งแผนที่ แผนที่ตัวอย่างขนาดเล็ก กระทั่งแม่น้ำสายหนึ่งสะพานลูกหนึ่ง หรือเนินเขาสักลูกก็ทำเครื่องหมายออกมา มาราไกย์เดินเข้ามาดูใกล้ๆ ทันใดนั้นถึงกับตกตะลึง เพราะแผนที่ที่เยี่ยเทียนหยิบออกมานั้นเป็นแผนที่ทางการทหารของพม่า
แผนที่แผนนี้เยี่ยเทียนได้มาจากการสานสัมพันธ์กับหูจวิน เป็นหน่วยงานที่ทำขึ้นมาเป็นพิเศษ ในนั้นมีข้อมูลสถิติต่างๆ เกรงว่าจะละเอียดกว่ารัฐบาลพม่าเสียอีก
“บอส บาโกที่ตรงนี้ผมรู้จัก แต่พวกเราจะเจอกันที่ไหนล่ะ”
เมื่อเห็นแผนที่นี้ เตือนให้รำลึกถึงพลังที่แข็งแกร่งของซ่งเวยหลัน ทัศนคติของมาราไกย์ที่มีต่อเยี่ยเทียน ทันใดนั้นถึงกับเปลี่ยนเป็นชื่มชมขึ้นมา แต่ไหนแต่ไรชาวต่างชาติรู้จักแค่เงินทองและอำนาจ ความสามารถที่ติดตัวเยี่ยเทียนและเบื้องหลังของตระกูลเขา ทำให้มาราไกย์ไม่สามารถทำให้ผิดพลาดทั้งหมดได้
เยี่ยเทียนกางแผนที่ทางการทหารที่เป็นความลับสุดยอดของพม่าออก ชี้ไปตำแหน่งหนึ่ง พูดว่า “ตองยี พรุ่งนี้นายต้องใช้เวลาวันหนึ่งที่ผ่านเมืองบาโก ต้องรีบไปถึงตองยี พวกเรารวมตัวกันที่ตองยี!”
ถ้าพูดความจริง การบินไปย่างกุ้งนั้นดีกว่าไปยังมัณฑะเลย์ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของพม่าโดยตรง เพราะเป็นสถานที่ที่ซ่อนทอง ซึ่งจะห่างจากเมืองมัณฑะเลย์ใกล้หน่อย อย่างไรก็ตามถนนยังเป็นภูเขา ไม่สามารถใช้รถยนต์ได้ดังนั้นเยี่ยเทียนจึงตัดสินใจขับรถจากย่างกุ้งไป
“ดี พวกเราก็เจอกันที่ตองยีตรงนี้”
มาราไกย์พูดไปก็หยิบวัตถุที่ดูเหมือนเครื่องอ่านบัตรเครดิตตรงข้างโต๊ะ ขยับไปขยับมาก็มีเสียง“ติ๊ด”ออกมา หน้าจอ LCD ขนาดเล็กปรากฏขึ้นในเครื่องนั้น จู่ๆก็เป็นภาพแผนที่นั้นอย่างชัดเจน
ตรงแผนที่ก็มีปุ่มกลมๆ ที่ล็อคอยู่ด้านข้าง เขียนชื่อภาษาอังกฤษตรงนี้ว่า“ตองยี” และก็คาดไม่ถึงว่าการแสดงผลของแม่น้ำและภูเขา ดูเหมือนว่าจะละเอียดแม่นยำกว่าแผนที่ทางการทหารของเยี่ยเทียน
……