ตอนที่ 1825 เปิดประสงค์ร้าย

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

“อู๊ดๆ” หมูสมบัตินั้นกินกลืนเม็ดโอสถในมือเย่หยวนลงไปอย่างรวดเร็ว

แต่เรื่องนี้มันทำให้ตงน้อยต้องหันมามองเย่หยวนด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง

“เจ้า… ที่เจ้าป้อนหมูสมบัตินั้นคือโอสถศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะโมฆะ?”

เย่หยวนยกคิ้วขึ้นสูงทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น “เอ๋? เจ้าเด็กคนนี้พอจะมีความรู้อยู่บ้างหรอกหรือนี่ ถึงกับแค่มองปราดเดียวก็แยกออกว่ามันคือโอสถศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะโมฆะ”

เมื่อสักครู่นี้หมูสมบัติมันกินโอสถไปอย่างรวดเร็ว แต่ในเวลาเสี้ยวพริบตานั้นตงน้อยกลับแยกแยะออกได้ว่ามันคือโอสถขั้นใด

ตงน้อยแสดงสีหน้าท่าทางเคร่งขรึมและถามออกมา “โอสถเหล่านี้เจ้าเป็นคนหลอม?”

เย่หยวนเองก็ไม่รู้จะต้องตอบเช่นไร “หากข้าไม่หลอม เจ้าจะเป็นคนหลอมมันหรืออย่างไรล่ะ?”

ตอนนี้ตงน้อยนั้นมีใบหน้าที่ดูแปลกประหลาดไม่สมวัยตัวเองเลยสักนิด

ดูท่าเขาคงตื่นตกใจมาก

“บ้าน่า! เจ้าเพิ่งบรรลุอาณาจักรนภาสวรรค์มาได้ไม่น่าเกินปี เวลาแค่นั้นมีหรือที่เจ้าจะหลอมโอสถให้ได้ถึงขั้นเทวะโมฆะ?” ตงน้อยบอกออกมาด้วยความไม่เชื่อ

มันไม่ใช่เพราะว่าโอสถศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะโมฆะนั้นไม่มีทางหล่อหลอมขึ้นมาได้ แต่หากอยากหลอมโอสถขั้นนั้นให้ได้จริงๆ ผู้หลอมต้องใช้เวลาเรียนรู้ทำความเข้าใจสมุนไพรระดับห้าและฝึกฝนมาอย่างยาวนาน

ไม่ว่าจะเป็นยอดอัจฉริยะด้านโอสถมากแค่ไหน มันก็ย่อมไม่มีทางจะเรียนรู้และเข้าใจศาสตร์แห่งโอสถศักดิ์สิทธิ์ห้าดาวได้ในเวลาแค่ไม่กี่ปี

เย่หยวนได้แต่ยิ้มตอบกลับไป “คนอื่นทำไม่ได้ ไม่ได้หมายความว่าข้าต้องทำไม่ได้ด้วย”

ตงน้อยหรี่ตาลงทันทีที่ได้ยิน “ไม่มีทาง ข้าไม่เชื่อ!”

เย่หยวนเดินเข้าไปหยิกหูของตงน้อยและลากเขาออกมาด้านนอก

ตงน้อยร้องออกมาอย่างเจ็บปวด “โอ๊ย ปล่อยข้า! เจ้าเด็กคนนี้ไปกินใจหมีดีเสือจากไหนมากัน? ถึงกล้ามาหยิกหูข้าเช่นนี้!”

เย่หยวนหันมามอง “เจ้าบุกเข้าที่พักข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาต เรื่องราวเหล่านั้นยังไม่ได้จัดการกัน แค่หยิกหูนิดหน่อยจะไม่ได้เลยหรือ?”

ตงน้อยนั้นโกรธเคืองมาก แต่เย่หยวนก็มั่นใจในแนวคิดแห่งห้วงมิติของตนจนเขาไม่อาจต่อสู้ขัดขืนได้เลย

ตอนนี้เจ้าหมูสมบัติรีบวิ่งออกมาวนรอบตัวเย่หยวนไว้ด้วยท่าทางอ้อนวอน

เย่หยวนนั้นผงะไปไม่น้อย จากนั้นจึงค่อยปล่อยมือ

ตงน้อยหันมามองเจ้าหมูสมบัติด้วยดวงตาโกรธแค้น “หึ! ดูท่าเจ้าจะยังรู้จักสำนึกอยู่บ้าง!”

หมูสมบัตินั้นเหมือนกำลังคิดขอโทษจึงเข้าไปคลอเคลียที่ขาของตงน้อย

แน่นอนว่าท่าทางเช่นนั้นย่อมทำให้ตงน้อยมีสีหน้าดีขึ้นมาก แต่เขาก็ยังพูดออกมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “เจ้าหมูสมบัติ เจ้าเลือกมา เลือกข้าหรือเขา?”

เมื่อเจ้าหมูได้ยินเช่นนั้นมันก็หันมองที่ตงน้อยที ที่เย่หยวนทีด้วยสีหน้าสุดยากที่จะตัดสินใจ

ดูท่าเจ้าหมูสมบัติคงไม่อาจทำใจจากใครคนใดคนหนึ่งไปได้

เย่หยวนพูดขึ้น “เจ้าทำแบบนี้หมูสมบัติมันจะไม่ลำบากใจแย่หรือ?”

ตงน้อยตอบกลับมาด้วยเสียงใสๆ “หมูสมบัติเป็นสัตว์เลี้ยงของข้า เรื่องใดที่ข้าทำมันเกี่ยวข้องกับเจ้าด้วย?”

นั่นทำให้เย่หยวนหรี่ตาลงทันที สายตาที่เขาจ้องมองดูตงน้อยนั้นเต็มไปด้วยความสงสัย “เจ้าบอกว่า… หมูสมบัติคือสัตว์เลี้ยงของเจ้า?”

ตงน้อยรู้สึกได้ถึงสายตาของเย่หยวนที่มองมาจนขนลุกไปทั้งร่าง ก่อนที่จะค่อยๆ ยกมือขึ้นมาลูบหัวและตอบแก้ตัวไป “ข้าหมายถึงมันคือสัตว์เลี้ยงของปู่ข้า! มันจะไม่นับว่าเป็นสัตว์เลี้ยงของข้าด้วยหรือ?”

เย่หยวนหรี่ตาลงทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น “ปู่เจ้าคือใคร?”

ตงน้อยเม้มปากตอบ “บอกไปเดี๋ยวเจ้าก็กลัวตายกันพอดี! ข้าไม่บอกหรอก!”

เย่หยวนไม่คิดพูดถามอะไรอีก แต่จากที่เขาเดาดูปู่ของตงน้อยคนนี้น่าจะเป็นเทพสวรรค์ไม่ผิดแน่

เมื่อตงน้อยไม่คิดบอกเย่หยวนก็ย่อมไม่คิดบังคับถาม เพราะอย่างไรเสียยอดฝีมือระดับนั้นมันก็มิใช่ตัวตนที่เขาในตอนนี้จะไปยุ่งเกี่ยวด้วยได้

เย่หยวนแค่ยกมือขึ้นมาโบกปัด “เจ้ากลับไปเถอะ หากหมูสมบัติมันอยากกลับไปข้าก็ไม่คิดจะห้ามมันหรอก แต่หากข้าจับได้ว่าเจ้าแอบเข้ามาในที่พักของข้าอีก ครั้งหน้ามันไม่จบแค่การหยิกหูแน่!”

เมื่อเห็นสายตาดุร้ายของเย่หยวนนั้นตงน้อยก็อดไม่ได้ที่จะเอามือไปลูบก้นตัวเอง

ภาพจำยังติดตา!

ตงน้อยหยุดคิดไปพักหนึ่งก่อนจะบอก “ข้าไม่ไปแล้ว! ข้าจะอยู่กับหมูสมบัติที่นี่!”

เย่หยวนชมวดคิ้วแน่น “ไม่!”

แต่เจ้าหมูสมบัติกลับเข้ามาอ้อนเย่หยวนด้วยท่าทางสุดน่ารัก หางสั้นๆ ของมันสั่นไปพร้อมเอาตัวมาถูกไถขาของเย่หยวน

ต่อให้เย่หยวนจะโหดร้ายสังหารผู้คนได้ง่ายๆ เขาก็ไม่อาจต้านทานความน่ารักของเจ้าหมูสมบัตินี้ได้

เพราะอย่างไรเสียสุดท้ายเขาก็ติดค้างหนี้หมูสมบัติตัวนี้ไว้มาก หากไม่ได้มันช่วยไว้ เขาคงไม่มีทางได้มานั่งหลอมโอสถอย่างสบายใจเช่นนี้แน่

เมื่อไม่มีทางเลือกอื่นเย่หยวนจึงได้แต่ถอนหายใจยาว “ก็ได้ แต่หากเจ้าอยากอยู่เจ้าต้องฟังคำข้า! สิ่งใดที่ข้าห้ามเข้าทำ เจ้าห้ามทำมันอย่างเด็ดขาดเข้าใจไหม?”

ตงน้อยหัวเราะขึ้น “ได้! ตอนนี้เจ้าจะหลอมโอสถไหม? ข้าอยากดูเจ้าหลอมโอสถ!”

เย่หยวนบอก “ก่อนถึงเวลาเริ่มชุมนุมการต่อสู้แห่งกอไผ่ข้าย่อมจะหลอมโอสถตลอด หากเจ้าคิดอยากมองดูข้าหลอมมันย่อมได้ แต่หากเจ้ารบกวนข้า ข้าจะไล่เจ้าไปเดี๋ยวนั้นเลย!”

เมื่อตงน้อยได้ยินเขาก็พยักหน้าออกมาจนหัวแทบหลุด

หึ ข้าอยากรู้จริงๆ ว่าเจ้าจะมีฝีมือการหลอมโอสถมากมายแค่ไหน! เจ้าบอกว่าตนหลอมโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับห้าขั้นเทวะโมฆะได้แต่เทพสวรรค์คนนี้ไม่มีทางเชื่อมันหรอก! ตงน้อยคิดในใจ

สวนป่าบนนั้นมีห้องหลอมโอสถแยกต่างหาก ด้านในมีอุปกรณ์ทุกอย่างครบครันทำให้เย่หยวนพึงพอใจมาก

ตงน้อยอุ้มเจ้าหมูสมบัติที่นอนอยู่เดินเข้ามาดูการหลอมโอสถของเย่หยวน ยิ่งเขาดูไปมาก สีหน้าของเขาก็ยิ่งเปลี่ยนแปลงไป ความตื่นตะลึงที่มีในหัวใจกลับยิ่งพุ่งขึ้นสูงตามเวลา

“ไอ้เด็กคนนี้มันมีทักษะการหลอมจนถึงขั้นเป็นศิลปะแล้ว! ไม่แปลกใจเลยที่มันจะดูถูกตู้หรูเฟิง บอกว่าเจ้าเฒ่านั่นไม่มีอะไรที่จะสอนมันได้! อย่าว่าแต่ตู้หรูเฟิงเลย หากนับกันแค่โอสถศักดิ์สิทธิ์ห้าดาวแล้วแม้แต่ข้าก็ไม่กล้าจะพูดว่าตัวเองเก่งกาจกว่ามัน! ไอ้เด็กคนนี้มันมีอายุแค่พันกว่าปีแท้ๆ มันต้องใช้วิธีไหนในการบ่มเพาะฝึกฝนกันเนี่ย?”

ยิ่งตงน้อยมอง เขาก็ยิ่งตื่นตะลึงมากขึ้นตาม

เย่หยวนนั้นมีท่าทางการหลอมโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับห้าที่ยังดูเก้ๆ กังๆ ไปบ้าง แต่สุดท้ายนั่นมันก็แค่ท่าทาง

เพราะแม้ท่าจะไม่สวยงามนัก แต่โอสถที่ออกมามันก็ล้วนแต่เป็นยอดขั้นเทวะ

ที่สำคัญยิ่งเวลาผ่านไปท่าทางทักษะการหลอมของเย่หยวนมันกลับยิ่งดูคุ้นเคยมากขึ้นและมากขึ้น โอกาสที่โอสถจะหยุดอยู่แค่ที่ขั้นเทวะมันก็มีน้อยลงและน้อยลง

ในวันที่สิบสอง ตงน้อยก็กล่าวขึ้น “เด็กคนนี้มันเกิดมาเป็นนักหลอมโอสถโดยแท้ จะพัฒนาตัวเองเร็วเกินไปแล้ว! เจ้าเด็กคนนี้มันต้องขึ้นไปแตะฐานยอดเต๋าได้แล้วแน่ๆ แข็งแกร่งแท้! ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเจ้าหมูสมบัติมันถึงได้ไม่อาจตัดใจทิ้งมันลง”

ในวันนี้เป็นวันที่เริ่มชุมนุมการต่อสู้แห่งกอไผ่ขึ้นอย่างเป็นทางการ

เมื่อเหล่าศิษย์นิกายเงาจันทร์เดินทางมาถึง พวกเขาก็ถูกต้อนรับด้วยสายตามากมายหลายคู่

โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝั่งนิกายสว่างชัดและนิกายปรารถนารวมไปถึงเหล่านิกายเจ้าอำนาจทั้งหลาย พวกเขานั้นมองมาด้วยสายตาที่ดูไม่มีทางเป็นมิตรไปได้เลย

“หึๆ หยางเชิน แม้จะมีพลังฝีมือระดับเจ้า เจ้าก็ไม่อาจพักในสวนป่าบนได้ แต่เจ้าหน้าใหม่พวกนี้มันกลับเข้าไปพักยังที่แห่งนั้นได้!”

คนที่พูดอยู่มีนามว่าหลัวเจิน ศิษย์อันดับหนึ่งของนิกายปรารถนา พลังบ่มเพาะยอดอาณาจักรนภาสวรรค์สองดาว

หยางเชินนั้นเป็นศิษย์อันดับหนึ่งของนิกายสว่างชัด พลังบ่มเพาะของเขาเองก็อยู่ที่ยอดอาณาจักรนภาสวรรค์สองดาว

หยางเชินหันกลับมามองทันที “ไปอยู่สวนป่าบนแล้วมันทำไม? แค่เพราะหมูตัวเดียว! ชุมนุมการต่อสู้แห่งกอไผ่นี้มีพลังฝีมือเป็นเครื่องตัดสินทุกอย่าง! แค่ได้ไปอยู่สวนป่าบนมันไม่ได้ช่วยให้มันเข้าวิหารศักดิ์สิทธิ์ได้เสียหน่อย!”

หลัวเจินยิ้มตอบ “ข้าได้พูดคุยกับศิษย์น้องทั้งหลายของข้าแล้ว ครานี้เราต้องสั่งสอนนิกายเงาจันทร์ให้มันรู้เสียบ้าง! หากเราคนใดคนหนึ่งได้ไปพบเจอกับศิษย์นิกายเงาจันทร์ จงทำให้มันพ่ายแพ้อย่างย่อยยับ”

หยางเชินเลิกคิ้วขึ้นก่อนจะพยักหน้าออกมา “ข้าเองก็อยากรู้เหมือนกันว่านิกายเงาจันทร์ในรอบนี้มันมีดีอะไรกันแน่!”

คนทั้งสองแลกเปลี่ยนสายตากันพร้อมกำหนดข้อตกลงลับๆ

และจริงๆ มิใช่แค่พวกเขาเท่านั้น แต่เหล่าผู้อาวุโสและศิษย์ของนิกายเจ้าอำนาจทั้งหลายต่างกำลังวางแผนจะจัดการนิกายเงาจันทร์ในชุมนุมการต่อสู้แห่งกอไผ่อย่างเต็มที่

…………………………