ตอนที่ 1335 บทเพลงปลุกขวัญกำลังใจ โดย Ink Stone_Fantasy
“ทำแบบนี้มันจะดีจริงๆ เหรอ?” นาน่าหันหน้ากลับมา
เวนดี้เดินออกมาจากหลังผ้ามาก ก่อนจะยิ้มๆ แล้วลูบหัวเธอ “เจ้าตัดสินใจแล้ว มาถามข้าตอนนี้มันจะไม่สายไปหน่อยเหรอ?”
“เพราะข้าไม่รู้ว่าทำแบบนี้มันดีหรือไม่ดี” เธอมุ่ยปาก “ข้าไม่ได้ฉลาดเหมือนพี่อันนาที่ทำอะไรก็มั่นใจ”
“คนที่ทำแบบนางได้มันมีอยู่แค่ไม่กี่คนหรอก” เวนดี้พูดเสียงอ่อนโยน “ดังนั้นเจ้าแค่เลือกคำตอบที่ไม่ทำให้เจ้าเสียใจภายหลังก็พอ”
เมื่อมองดูสาวน้อยที่ทำท่าทางเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ เธอก็อดทอดถอนใจออกมาไม่ได้
จำได้ว่าตอนที่เจอนาน่าครั้งแรก อีกฝ่ายนั้นเป็นเด็กน้อยที่ไร้เดียงดา พอเห็นนกก็ไปร้องเล่นกับนก พอเห็นเลือดก็เป็นลม อย่าว่าแต่จะคิดแทนคนอื่นเลย แม้แต่ปัญหาของตัวเองเธอก็ยังไม่เข้าใจด้วยซ้ำ
แต่ในระยะเวลาสั้นๆ เพียงแค่สี่ปี เธอกลับเรียนรู้ที่จะมองปัญหาในมุมของคนอื่น แล้วก็ทำการวิเคราะห์ออกมาในมุมมองของตัวเอง ความเร็วในการเติบโตของเธอเร็วจนน่าตกใจ
ความจริงแล้วไม่ใช่แค่เธอ แต่ไลต์นิ่ง โลก้า ลิลลี่ หรือแม้แต่ลูน่าเองก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับเมื่อก่อน
ไม่ว่าการตัดสินใจของพวกเธอจะถูกหรือไม่ แต่อย่างน้อยพวกเธอก็กล้าที่จะตัดสินใจ
นี่น่าจะเป็นลักษณะพิเศษของคนหนุ่มสาวล่ะมั้ง…
เวนดี้ยิ้มอย่างเจ็บปวดออกมาเล็กน้อย
ส่วนตัวเอง…กลับไม่มีความกล้าแบบนั้นอีกแล้ว …..
คาบาราเดินตรงไปยังสถานที่ที่จัดแสดงละครเวที เธอไม่ต้องการป้ายบอกทาง แสงไฟในเวลาค่ำคนและเสียงเฮของผู้คนคือป้ายบอกทางที่ดีที่สุด
ฝีเท้าของเธอเร็วขึ้นเรื่อยๆ แล้วก็ค่อยๆ เปลี่ยนจากการเดินเป็นวิ่งเหยาะๆ ไม่รู้ว่าทำไม เธอรู้สึกว่าร่างกายเบากว่าแต่ก่อน ที่ผ่านมาเธอไม่เคยเป็นแบบนี้ เธออยากจะกลับไปหาหน่วยของเธอให้เร็วที่สุด
เธอเรียกพลังเวทมนตร์ขึ้นมา แล้วออกคำสั่งให้ตัวเองนิดหน่อย
หาโจเดลให้เจอ
แน่นอน การที่ทำแบบนี้ก็เหมือนที่จะได้หากลุ่มของเธอให้เร็วที่สุด
เธอคนที่ยังมีชีวิตอยู่ที่เธอมั่นใจได้ก็มีแค่เขาเท่านั้น
ร่างกายของเธอเดินมุดเข้าไปในกลุ่มคนอย่างรวดเร็วราวกับแมวป่า สายตาคอยมองดูรอบๆ ไม่หยุด แล้วก็พยายามเทียบกับความทรงจำในหัวของเธอ ผ่านไปสิบห้านาที ในที่สุดคาบาราก็หาคนที่คุ้นเคยคนนั้นเจอ
แทบจะในเวลาเดียวกัน อีกฝ่ายก็มองเห็นเธอเหมือนกัน
“โจ…”
“เยี่ยมไปเลย เจ้าไม่เป็นอะไร!” ยังไม่ทันที่เธอจะพูดจบ โจเดลพลันกอดเธอเอาไว้
คาบาราตัวแข็งไปทันที
หากเป็นเวลาปกติ เธอคงจะหลบฉากออกมา แล้วก็ตบหน้าเขาไปทีหนึ่งแล้ว แต่เมื่อเห็นโจเดลที่ดูจะตื่นเต้นมากกว่าตน สุดท้ายมือที่ยกขึ้นมาของเธอก็ไม่สามารถตบลงไปได้
แต่หลังจากนั้นไม่กี่อึดใจ โจเดลก็รู้สึกตัว เขารีบปล่อยมืออย่างลนลาน ก่อนจะพูดอึกๆ อักๆ ว่า “ขอ ขอโทษ…ข้าลืมไปว่าเจ้าคือ….เอ่อ ข้าแค่ดีใจเกินไป ไม่ได้มี ไม่ได้มีเจตนาอื่น…”
คาบาราสังเกตเห็นว่ามีคนที่คุ้นเคยอีกสองคนกำลังเดินมาทางนี้เช่นเดียวกัน
ดูเหมือนคนที่รอดชีวิตมาจากหอนาฬิกาได้จะไม่ได้มีแค่พวกเขาสองคนเท่านั้น
เธอคว้าเอาโจเดลที่กำลังพูดขอโทษมากอดไว้
“ถ้าเป็นเมืองไอรอนแซนด์ การกระทำที่ดูหมิ่นเทพีของเจ้าแบบนี้เพียงพอที่จะทำให้เจ้าถูกลากออกไปเป็นอาหารของแมงป่องทะเลทรายเลยรู้ไหม” เธอกระซิบที่ข้างหูเขา “แต่ตอนนี้ข้าไม่ใช่เทพีอะไรนั่น หากแต่เป็นทหารชาวทะเลทรายคนหนึ่ง เข้าใจไหม? จะแสดงก็แสดงให้มันเนียนหน่อย อย่าให้คนอื่นรู้เรื่องได้ ไม่อย่างนั้นล่ะก็ ข้าไม่ปล่อยเจ้าไปแน่!”
“ข้า ข้าเข้าใจแล้ว” โจเดลไม่กล้าขยับ
“ดีมาก อย่าลืมซะล่ะ แต่จะว่าไปถ้าข้าเป็นฝ่ายดึงเจ้ามา นั่นกลับจะกลายเป็นเกียรติของเจ้า แล้วก็ไม่ต้องถูกจับไปเป็นอาหารของแมงป่องทะเลทรายด้วย” คาบาราชะงักไปเล็กน้อย “ตอนนี้ไปฉลองกับเพื่อนๆ เถอะ”
“ทำไมเจ้าถึงออกมาจากหน่วยพยาบาลเร็วขนาดนี้!”
“แขนไม่เป็นไรแล้วเหรอ?”
ในขณะที่พูด ทั้งสองคนก็ล้อมเข้ามา ทุกคนโอบกอดกัน แบ่งปันความสุขของการยังมีชีวิตอยู่ ส่วนบนเวทีแสดงละครที่สร้างขึ้นมาชั่วคราว ละครเวทีก็ดำเนินมาถึงท้ายเรื่องแล้ว เสียงปรบมือดังต่อเนื่องราวกับสายฝน ไม่มีใครสังเกตเห็นภาพเหตุการณ์เล็กๆ ของกลุ่มที่ 9 นี้
ในขณะนั้นเอง ขวานเหล็กซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของกองทัพที่หนึ่งก็ขึ้นไปบนเวที
เมื่อเขาเริ่มพูด ทุกคนก็เงียบลง
“ข้ารู้ว่าใน 8 วันที่่ผ่านมา พวกเจ้าผ่านการทดสอบที่โหดร้ายราวกับนรก ที่ผ่านมาไม่เคยมีสงครามครั้งไหนที่จะโหดร้ายทารุณขนาดนี้”
“เพราะพวกมันไม่ได้บุกโจมตีเพื่อดินแดน อำนาจหรือทรัพย์สมบัติ เป้าหมายของปีศาจมีเพียงหนึ่งเดียว นั่นก็คือกำจัดพวกเราให้หมดสิ้น นอกจากสิ่งนี้แล้ว พวกมันไม่ต้องการสิ่งอื่นใดอีก”
“ดังนั้นศัตรูมันไม่สนใจว่าพวกเราจะยอมแพ้หรือไม่ แล้วก็ไม่สนใจว่าพวกมันจะสูญเสียไปเท่าไร ต่อให้การสูญเสียของพวกมันมากกว่าพวกเรา พวกมันก็ไม่มีทางหยุดโจมตีเด็ดขาด!”
“แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ พวกเจ้าก็ยังป้องกันพวกมันมาได้จนถึงตอนนี้ แล้วก็รอดชีวิตมาจากบททดสอบนรกนี้ได้ นี่ก็เพียงพอที่จะพิสูจน์แล้วว่าถึงแม้ปีศาจที่บุกเข้ามาอย่างเต็มกำลังจะแข็งแกร่งน่ากลัว แต่พวกมันก็มีขีดจำกัดเหมือนกัน พวกมันไม่ได้แข็งแกร่งจนกระทั่งไม่สามารถเอาชนะได้เหมือนอย่างที่ร่ำลือกัน! ในการทดสอบ 8 วันนี้ ความสำคัญของมันเรียกได้ว่าไม่ได้ด้อยไปกว่าศึกที่ทาคิลาเลย!”
“ที่นั่น พวกเราเอาชนะกองทัพปีศาจหนึ่งกองทัพ แต่ที่วูล์ฟฮาร์ท สิ่งที่เราต้องเผชิญคือกองทัพปีศาจ 6 – 7 กองทัพ! ปีศาจโอบล้อมเข้ามา ตั้งแต่ภูเขาทางตะวันตกไปจนถึงหน้าผาฝั่งตะวันตก ทุกที่ล้วนแต่มีพวกมันอยู่! แต่จนถึงตอนนี้ พวกเราก็ยังไม่ถูกกำจัด!”
ในกลุ่มคนมีเสียงเฮดังขึ้นมา
ขวานเหล็กหยุดชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็เร่งเสียงให้ดังขึ้น “ถูกต้อง เพื่อที่จะหนีการโจมตีของมัน ข้าได้สั่งให้ถอยออกมาจากเมืองเมธัลสโตนและเมืองกัสต์ บางทีเมืองแซนด์สโตนกับอ่าวดีพพูลก็อาจจะเป็นเช่นนี้เหมือนกัน แต่นี่ไม่ใช่ความพ่ายแพ้ หากแต่เป็นโอกาสในการโจมตีกลับ!”
“ข้ารู้ว่าพวกเจ้ากำลังกังวลอะไร แต่อย่าลืมคำพูดที่ข้าเคยพูดเอาไว้ก่อนหน้านี้ สงครามนี้มันไม่ได้เกี่ยวข้องกับที่ดินหรือทรัพย์สมบัติ ทำลายล้างคือเป้าหมายเพียงหนึ่งเดียวของศัตรู สิ่งที่พวกเราทิ้งมานั้นเป็นแค่ก้อนหินเย็นๆ กับบ้านเรือนที่ไร้ผู้คน แต่ปีศาจกลับต้องล้มตายไปเป็นหมื่น!
“พวกเจ้าต่างหากที่เป็นหัวใจสำคัญของการเอาชนะสงคราม ขอเพียงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของกองทัพที่หนึ่งยังอยู่ ช้าเร็วเราต้องเอาเมืองพวกนั้นกลับมาได้แน่!”
“ช้าเร็วไฟสงครามจะต้องลามไปถึงภูเขาเคจเมาเธ่น ที่นี่เองก็จะกลายเป็นสนามรบ แต่ก่อนหน้านั้น ข้าอยากจะให้พวกเจ้ามีความสุขกับค่ำคืนนี้! ผ่อนคลายเพื่อที่จะเผชิญกับความท้าทายที่หนักหนามากกว่าเดิม หลังผ่านบททดสอบนรกนี่ไปแล้ว พวกเราจะมอบนรกคืนให้กับพวกมัน!”
“เกรย์คาสเซิลจงเจริญ ฝ่าบาทโรแลนด์จงเจริญ มนุษย์ชาติจงเจริญ!”
ในตอนที่ขวานเหล็กตะโกนประโยคนี้จบ ในค่ายก็มีเสียงเฮดังขึ้นมา
ทุกคนต่างประโยคแบบเดียวกันออกมา ความสงสัยและความกังวลภายในใจเองก็สลายหายไป
ขณะเดียวกัน ท่วงทำนองที่ปลุกใจคนก็ดังขึ้นมา
เอคโค่ค่อยๆ เดินมาที่หน้าเวทีเพื่อที่จะปิดฉากการแสดงครั้งนี้
ท่ามกลางเสียงเพลงที่ฟังดูฮึกเหิม คาบาราเหมือนจะมองเห็นภาพกองทัพบุกเข้าไปในฐานทัพของปีศาจราวกับน้ำป่าที่ไหลทะลัก
เธอรู้ว่านี่เป็นพลังเวทมนตร์อย่างหนึ่ง แต่เธอก็ไม่ได้ต่อต้านมัน
เมื่อฟังเสียงโห่ร้องของเหล่าทหาร เธอรู้สึกว่าแบบนี้มันก็ไม่เลวเหมือนกัน
คาบาราเหลือบมองดูโจเดลที่ส่งเสียงตะโกน ภายในใจมีความคิดผุดขึ้นมา
เอาไว้สงครามจบลงและเผ่าแซนด์สโตนมีที่อยู่ที่มั่นคงแล้ว เธอจะได้รับการยกโทษจากคนในเผ่าใช่ไหม?
เมื่อถึงตอนนั้น เธอค่อยมาให้นาน่า ไพน์รักษาบาดแผลบนใบหน้าแล้วกัน
…………………………………………………………………….