ภาค 7 ความผันผวนในใต้หล้าเป็นยุคของข้า บทที่ 603 เยี่ยนไร้เทียมทานผู้มีท่าทีผิดปกติ

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

“ชอบสตรีผู้หนึ่ง?” เยี่ยนตี๋ได้ยินคำพูดของเยี่ยนจ้าวเกอก็งงงันเล็กน้อย จากนั้นก็พิจารณาบุตรชายของตัวเองตั้งแต่หัวจรดเท้า “เป็นผู้ใด?”

เยี่ยนจ้าวเกอตอบยิ้มๆ “ท่านเองก็รู้จัก ลูกศิษย์ของอาจารย์ป้าฟู่ ศิษย์น้องเฟิงอวิ๋นเซิง”

เยี่ยนตี๋อดหัวเราะออกมาไม่ได้ ไม่ใช่แค่รู้จักเท่านั้น ในฐานะเจ้าสำนักแล้ว เขารู้จักลูกศิษย์สายตรงทุกคนในเขากว่างเฉิงประดุจฝ่ามือตนเอง อย่าว่าแต่ก่อนหน้าที่จะกลับสำนัก เขายังเป็นผู้อาวุโสระดับหนึ่งแห่งตำหนักสืบวิชา

เฟิงอวิ๋นเซิงคือสตรีแห่งจันทรา กอปรกับมีสถานการณ์พิเศษ เยี่ยนตี๋ย่อมคุ้นเคยจนไม่รู้จะคุ้นเคยอย่างไร

“อืม เป็นสตรีที่ไม่เลว คุณสมบัติและนิสัยเองก็ยอดเยี่ยม รูปลักษณ์และความสามารถล้วนมีพร้อม” เยี่ยนตี๋พยักหน้า แต่หันเหหัวข้ออย่างรวดเร็ว “แต่เจ้าชอบนาง แล้วนางชอบเจ้าหรือไม่?”

ชายหนุ่มเบิกตาโพลง “ท่านพ่อล้อข้าเล่นแล้ว บุตรชายของท่านตอนนี้ถ้าประกาศเลือกคู่ในแปดพิภพ สตรีที่ต้องการมอบลิง[1]ให้กับข้าเรียงแถวกันตั้งแต่มหาทะเลทรายแดนตะวันตกไปถึงทะเลตะวันออก จากนั้นก็อ้อมกลับมายังมหาทะเลทรายแดนตะวันตกอีกที”

“พูดอะไร? คนดีๆ เหตุใดต้องเกิดลิงด้วย?” เยี่ยนตี๋ถลึงตา

เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะแหะๆ รู้ตัวว่าตนไม่ค่อยระวังคำพูดเท่าใดนัก

แต่ว่าถึงแม้จะยิ้มอย่างสดใส ท่าทางได้ใจก็ไม่อาจปิดมิด

เยี่ยนตี๋ทั้งขุ่นเคืองทั้งขบขัน ส่ายหน้าติดต่อกัน “เจ้านี่นะ…”

เขามองเยี่ยนจ้าวเกอ เอ่ยว่า “พูดมาให้ชัดๆ เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

บุตรชายหุบยิ้ม พูดอย่างจริงจังว่า “ข้าไม่ได้ทำเพราะอารมณ์ชั่ววูบ หรือต้องการโฉมสะคราญ ในตอนที่ยังอยู่ที่โลกผืนสมุทร ข้าได้เข้าใจชัดเจนแล้ว”

ชายหนุ่มยิ้มเห็นฟัน “ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้พวกเราสองคนจะไม่ได้ติดต่อกัน แต่ว่าที่โลกผืนสมุทร ในตอนที่ข้าแน่ใจความคิดของตัวเอง ก็มีความรู้สึกว่า ความคิดที่ข้ามผ่านกาลเวลานั้นคล้ายกับมีที่พักพิง ไม่ได้ร่อนเร่ไปเรื่อย”

“ก่อนหน้านี้ ข้าเป็นห่วงความปลอดภัยหลังจากที่พวกอวิ๋นเซิงถูกลอบโจมตีมาโดยตลอด แต่ว่าในวินาทีนั้น ถึงแม้จะยังคงห่วงใย ก้นบึ้งจิตใจของข้าก็เหมือนกับมีจุดพักพิงแล้ว”

“ความรู้สึกนี้ลี้ลับนัก ข้าไม่แยกแยะไม่ออกว่าจริงหรือเท็จ คิดว่าใช่เป็นผลที่เกิดขึ้นจากการบอกตัวเองเป็นนัยๆ หรือไม่”

พูดถึงตรงนี้ เยี่ยนจ้าวเกอก็ยิ้มขึ้นมาอีกครั้ง “แต่ครั้นข้ากลับมาที่นี่ ในตอนที่พบอวิ๋นเซิงอีกครั้ง เมื่อได้สบตานาง ข้าก็รู้ว่าความรู้สึกของข้าไม่ผิด”

“ส่วนนางก็เข้าใจข้าเช่นกัน”

เยี่ยนตี๋ฟังเงียบๆ สายตาที่ปกติคมกริบในตอนนี้อ่อนโยนเป็นพิเศษ

เขามองเยี่ยนจ้าวเกอครู่หนึ่ง ค่อยกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เช่นนั้นตอนนี้เจ้าผ่านด่านศิษย์พี่ฟู่ไม่ได้หรือ? ขอบอกก่อนนะว่าด่านนี้ข้าเองก็จนปัญญา หากข้าไปช่วยพูดให้รังแต่จะกลายเป็นตรงกันข้าม แต่ว่าศิษย์พี่ฟู่ไม่น่าจะสร้างความลำบากให้กับเจ้าในเรื่องนี้กระมัง ในตอนนั้นนางเกลียดเรื่องแต่งงานที่ผู้อาวุโสในสำนักยัดเยียดให้นางยิ่ง”

เยี่ยนจ้าวเกอได้ยินพลันได้ใจขึ้นมา “วางใจเถอะท่านพ่อ ข้าจัดการทางอาจารย์ป้าฟู่แต่แรกแล้ว”

ฝ่ายบิดาพยักหน้า มองเยี่ยนจ้าวเกออีกครู่หนึ่ง พลันพูดอย่างสบายอารมณ์ “อืม แต่มีคนหนึ่งที่เจ้ายังไม่ได้จัดการ”

ชายหนุ่มขนลุกไปทั่วร่าง บิดาของตนมีนิสัยเด็ดขาดและแข็งกร้าวเป็นอย่างยิ่ง ท่าทีเอื่อยเฉื่อยไม่เป็นธรรมชาติเช่นนี้แทบจะไม่เคยมีให้เห็น

“อวิ๋นเซิงเป็นธิดาคนเดียว ไม่ได้มีฝาแฝด” เขาลองเลียบเคียงถาม “สมควรไม่ใช่เพราะท่านไม่เห็นด้วยกระมัง?”

เยี่ยนตี๋ส่ายหน้า “ข้าย่อมเห็นด้วย ศิษย์หลานเฟิงประเสริฐนัก พวกเจ้ารักกันข้าดีใจมาก”

จิตใจของเยี่ยนจ้าวเกอเพิ่งผ่อนคลายได้ไม่ทันไร ก็ได้ยินเยี่ยนตี๋พูดต่ออย่างไม่รีบไม่ร้อนว่า “แต่ว่าเรื่องนี้สุดท้ายต้องถามความเห็นของมารดาเจ้าก่อนไม่ใช่หรือ?”

เยี่ยนจ้าวเกอชะงัก ยิ้มอย่างหนักใจขึ้นมาทันที “ตอนนี้ท่านแม่ไม่อยู่ไม่ใช่หรือ…”

“เพียงแค่ออกเดินทาง ไม่ได้อยู่ในแปดพิภพเท่านั้นเอง” เยี่ยนตี๋พูดอย่างสบายๆ

“ใช่ ออกเดินทาง ข้าก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน” เยี่ยนจ้าวเกอกุมหน้าผาก จะว่าไปเป็นเพราะตนได้ใจเกินไป ทราบว่ามารดาไม่อยู่ กลับยังคงแสดงความรักต่อหน้าบิดา นี่ไม่ใช่การหาเรื่องใส่ตัวหรือ?

เพียงแต่ เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่า บิดาที่แข็งกร้าวมาโดยตลอดจะมีท่าทางเช่นนี้

ในใต้หล้าเกรงว่าจะมีแค่ตนคนเดียวที่เห็นเยี่ยนไร้เทียมทานเป็นเช่นนี้กระมัง?

เยี่ยนจ้าวเกอทำหน้าปวดใจ “ถึงแม้การแต่งงานของพวกข้าสองคนจะน่าทึ่งและดูดียิ่งกว่า แต่ว่าท่านกับท่านแม่ในตอนนั้นเชิญญาติพี่น้องมิตรสหาย จัดพิธียิ่งใหญ่ เป็นเรื่องมีหน้ามีตาเช่นกัน ในเมื่อผ่านการแต่งงานอย่างเหมะสม ไม่มีความเสียดายอะไรต้องชดเชย ท่านไม่จำเป็นต้องไปเป็นเพื่อนข้าแล้วกระมัง?”

สุดท้ายเป็นหนังหน้าเขาที่หนากว่า เยี่ยนตี๋ยิ้มด้วยความขุ่นเคืองเพราะท่าทางเจ้าเล่ห์ของเขา ยกมือขึ้นคิดจะฟาดใส่สักที “เดี๋ยวนี้เจ้าพูดอะไรไม่คิดจริงๆ!”

บุตรชายรีบพูดไม่กล้า เยี่ยนตี๋ชักมือกลับ “เอาเป็นว่าความคิดของมารดาเจ้าก็เป็นความคิดของข้า ไปโลกซ้อนโลกแล้วก็พยายามเข้า”

“ย่อมแน่นอนๆ” เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะอย่างขื่นขม “เพื่อความสุขของท่านและเพื่อความสุขของข้าเอง”

เยี่ยนตี๋พยักหน้า ไพล่สองมือไว้ด้านหลัง เดินไปทางสำนักอย่างสบายใจ

คำพูดเมื่อครู่ย่อมเป็นการล้อเล่น ถึงแม้จะทำให้ตัวเองนึกถึงภรรยาขึ้นมา กระนั้นขณะมองเยี่ยนจ้าวเกอที่เป็นผู้ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ และลงหลักปักฐาน ค่อยๆ ก้าวไปด้านหน้าทีละก้าวๆ จิตใจของเยี่ยนตี๋ก็เป็นสุขเหลือประมาณ ก้าวเท้าอย่างเบาสบาย

ที่แสดงออกไม่เหมือนเดิม เพราะเป็นการแสดงถึงอารมณ์ยินดีของเขา

รอกลับสำนักแล้ว จิตใจของเยี่ยนตี๋ก็กลับเป็นเหมือนเดิม แต่ครั้นเห็นเฟิงอวิ๋นเซิง สายตาของเขาก็อ่อนโยนกว่าก่อนหน้านี้

“ในฐานะเจ้าสำนัก ข้าอยากบอกว่าศิษย์หลานเฟิงเจ้ามีพรสวรรค์ในด้านวรยุทธ์เยี่ยมยอด อีกทั้งยังมีความแน่วแน่ ในอนาคตจะต้องประสบความสำเร็จแน่” เยี่ยนตี๋มองเฟิงอวิ๋นเซิง พูดด้วยเสียงนุ่มนวล “ข้าเชื่อว่าด้วยความตั้งใจของเจ้า สมควรไม่ทำตัวเกียจคร้าน จงอย่าเก็บงำความสามารถของตัวเองอยู่ด้านหลังบุรุษ นี่เป็นเรื่องน่าเสียดายยิ่ง ต่อให้คนผู้นั้นจะเป็นบุตรชายของข้าก็ตาม”

“ในฐานะจอมยุทธ์ สมควรมีความฮึกเหิมและความแน่วแน่ในการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง คนและเรื่องราวที่อยู่รอบๆ ตัวควรทำให้ตัวเองยิ่งมายิ่งดีขึ้น ไม่ใช่กลายเป็นพันธนาการ”

“เจ้าเป็นคนมีความสามารถเช่นนี้ ข้าคงไม่ได้มองผิด”

เยี่ยนตี๋ยิ้มเล็กน้อย “ในฐานะบิดาคนหนึ่ง ข้าดีใจที่เยี่ยนจ้าวเกอได้คนรักเช่นเจ้า”

เยี่ยนจ้าวเกอเผยรอยยิ้มออกมาบนใบหน้าเช่นกัน ถึงแม้ว่าเมื่อครู่จะยังหยอกล้อกับเยี่ยนตี๋อยู่ แต่เมื่อเห็นเฟิงอวิ๋นเซิงแล้ว ผู้เป็นบิดายังแสดงท่าทีของตัวเอง

ต่อหน้าคนอื่น ต่อให้ยืนจับมือกับเยี่ยนจ้าวเกอ เฟิงอวิ๋นเซิงก็ยังสง่างามดุจเดิม แต่ว่าต่อหน้าบิดาของเยี่ยนจ้าวเกอ บนใบหน้าของเฟิงอวิ๋นเซิงยังปรากฏความเหนียมอายที่น้อยครั้งจะเห็น นางคารวะเยี่ยนตี๋ “น้อมรับคำสั่งสอนของอาจารย์อาเจ้าสำนัก”

กลับเป็นฟู่เอินซูที่ยืนอยู่ด้านข้างเอ่ยว่า “ปกติแล้วข้าไม่ค่อยยอมใครมากนัก แต่ก็ยอมรับว่าการไม่ถูกแสงสว่างของเยี่ยนจ้าวเกอกลบบังไว้เป็นสิ่งที่ทำยากนัก ต่อให้เป็นเยี่ยนตี๋เจ้า ตอนนี้คงรู้สึกได้ถึงข้อนี้”

เยี่ยนตี๋เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คลื่นลูกหลังไล่คลื่นลูกหน้าเป็นเรื่องประเสริฐ”

ฟู่เอินซูพยักหน้า “คำพูดนี้ไม่ผิด ข้าหวังว่าในวันหน้าอวิ๋นเซิงจะเหนือกว่าข้า”

เยี่ยนจ้าวเกอกับเฟิงอวิ๋นเซิงบอกลาและผละไป ฟู่เอินซูมองไปยังเยี่ยนตี๋ เงียบงันอยู่ครู่หนึ่งค่อยถามขึ้น “เจ้าคิดจะไปโลกซ้อนโลกเพื่อตามหาเสวี่ยชูชิงหรือ?”

อีกฝ่ายตอบอย่างสงบนิ่ง “ครั้งนี้เป็นจ้าวเกอไป ข้าจะรั้งอยู่ที่แปดพิภพคอยควบคุมสถานการณ์ ขัดขวางไม่ให้สำนักแสงสว่างโจมตี”

ฟู่เอินซูพยักหน้าเงียบๆ ก่อนจะหันกายผละไป

หลังจากนางออกจากวิหาร สายตาที่มองไปยังฟ้าไกลของก็พร่าเลือนเล็กน้อย ยืนนิ่งอย่างเหม่อลอย เงียบเป็นเวลานาน

……………………………………….

[1] ลิงในที่นี่เป็นการเล่นเสียงคำว่า 孩子 (ไหจื่อ) ที่แปลว่าลูก กับคำว่า 猴子 (โหวจื่อ) ที่แปลว่าลิง