ผู้บังคับบัญชาใจเย็นลงอย่างรวดเร็ว ในดวงตาที่ลึกซึ้งเผยความเย็นชาเล็กน้อย
“หนานกงหยู่เข้ากรรมฐานสามสิบกว่าปี ตอนที่เฉินโม่ฆ่าหนานกงหลินเทียนพ่อลูกเมื่อหลายเดือนก่อน ตอนนั้นเขาไม่ออกกรรมฐาน แต่กลับเลือกออกมาในตอนที่ไม่มีเรื่องสำคัญอะไร ดูท่าการบำเพ็ญตนของเขาบรรลุแล้ว”
“หรือว่าเขากล้าพูดเรื่องที่แหกกฎเช่นนี้ ที่แท้เขามีความมั่นใจ สามสิบปีก่อนเขาได้เป็นปรมาจารย์คนแรก ตอนนี้พละกำลังก้าวหน้าอีกขั้น สามารถข่มขู่เขาได้เกรงว่ามีเพียงอายุนิวเคลียร์เท่านั้น”
ผ่านไปครู่หนึ่ง ผู้บัญชาการออกคำสั่งเลขา “สั่งคนให้ไปเตือนหนานกงหยู่ ภายในสามวัน เฉินโม่จะปรากฏตัวขึ้น แต่ภายในสามวันนี้ เขาห้ามฆ่าตระกูลเฉินแม้แต่คนเดียว ไม่เช่นนั้นทางราชการจะทำทุกอย่าง เพื่อถอนรากถอนโคนเขากับตระกูลหนานกง!”
เลขาโค้งตัวคำนับพูด “ค่ะ!”
“อีกอย่าง แจ้งเจียงเหอซาน รอให้เฉินโม่ออกมา ให้พาตัวเขากลับยานจิงทันที!”
“ค่ะ!”
สมรภูมิห้าประเทศ เมื่อเวลาแข่งขันสามวันมาถึง ทุกคนถูกส่งต่อออกมา
เจียงเหอซานรออยู่ที่บริเวณค่ายตั้งนานแล้ว มองดูประเทศอเมมีเพียงสี่คนที่มีชีวิตออกมา ในใจอดหนักอึ้งไม่ได้
ความแข็งแกร่งของประเทศอเมเป็นที่รู้กันไปทั่ว และประเทศอเมยังบาดเจ็บและตายน้อยที่สุดทุกครั้งที่เปิดสมรภูมิห้าประเทศ แต่ครั้งนี้กลับบาดเจ็บตายเกือบครึ่ง!
เช่นนั้นหัวเซี่ยล่ะ?
ต่อมาคือประเทศอิน ประเทศฟา ประเทศรัส ทั้งหมดบาดเจ็บกันถ้วนหน้า แต่เทียบกับประเทศอเมบาดเจ็บน้อยกว่าเล็กน้อย
พวกเฉินโม่ออกมาหลังสุด มองเห็นเจ็ดคนไม่ขาดแม้แต่คนเดียว เจียงเหอซานน้ำตาคลอ ทหารผ่านศึกผู้นี้ที่เคยต่อสู้ในสมรภูมินองเลือดมาแล้ว กลับเกือบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่
“โส่วจ่าง!” จีอู๋หยาและคนอื่นทำความเคารพเจียงเหอซานทันที
“เอาเถอะ ไม่ต้องพิธีรีตอง ไม่เป็นไรกันนะ?” สายตาของเจียงเหอซานกวาดมองพวกเขาทีละคน
จีอู๋หยามองไปทางเฉินโม่ พูดอย่างทอดถอนใจ “โชคดีที่ได้เฉินโม่ ไม่เช่นนั้นครั้งนี้เกรงว่าพ่ายแพ้ยับเยิน!”
เจียงเหอซานสีหน้าเปลี่ยนไป สายตาเคลื่อนไปทางเฉินโม่ที่ใบหน้าเฉยเมย จากนั้นพยักหน้าอย่างแรง “เฉินโม่ บุญคุณครั้งนี้ฉันจดจำไว้แล้ว!”
จีอู๋หยาและคนอื่นสีหน้าเปลี่ยนไป เจียงเหอซานพูดว่าบุญคุณ มิใช่น้ำใจ เห็นได้ว่าเจียงเหอซานให้ความสำคัญต่อเฉินโม่ที่สร้างคุณงามความดีในครั้งนี้มากเพียงใด
เฉินโม่พูดอย่างเอื่อยเฉื่อย “เจียงโส่วจ่างมิต้องเกรงใจ ฉันเคยพูดไว้ ในเมื่อฉันรับปากพวกคุณแล้ว ก็ต้องทำได้แน่นอน”
เจียงเหอซานรู้นิสัยของเฉินโม่ ไม่ได้พูดด้วยคำพูดพิธีรีตองกับเขา เพียงแค่พยักหน้าอย่างจริงจัง ในสายตาเหมือนกับแอบมีความละอายใจเล็กน้อย
จากนั้น เจียงเหอซานมองไปทางจีอู๋หยาแล้วถามขึ้น “ครั้งนี้คะแนนเป็นเช่นไร?”
จีอู๋หยาและคนอื่นเผยความภาคภูมิใจบนใบหน้าทันที “โส่วจ่าง พวกเราหัวเซี่ยเป็นอันดับหนึ่ง! เฉินโม่ได้รับรางวัลที่หนึ่งส่วนบุคคล!”
“จริงเหรอ!” เจียงเหอซานตื่นเต้นจนกล้ามเนื้อบนใบหน้ากระตุก มองจีอู๋หยาอย่างไม่อยากจะเชื่อ
จางเจิ้นหัวเราะเสียงดัง “โส่วจ่าง ทุกอย่างนี้เป็นคุณงามความดีของเฉินโม่ทั้งหมด พวกเราก็แค่ตัวเสริมให้เด่น!”
ได้ฟังคำพูดของจางเจิ้น ความละอายใจในสายตาของเจียงเหอซานเพิ่มมากขึ้น
ทหารรักษาการณ์ของประเทศหัวเซี่ยสองนายเดินเข้ามา
“โส่วจ่าง ยินดีด้วย!” ทั้งสองก็เผยรอยยิ้มตื่นเต้นออกมา จำนวนครั้งที่ประเทศหัวเซี่ยได้รับอันดับหนึ่งมีไม่มาก โดยเฉพาะชนะคู่แบบนี้
เจียงเหอซานยิ้มแล้วพูด “ยังจะต้องลำบากทั้งสองท่านจะต้องรักษาป้องกันอยู่ที่นี่ต่อ”
“นี่เป็นหน้าที่ของพวกเรา” ทหารรักษาการณ์นายหนึ่งพูดขึ้น “โส่วจ่าง ตอนนี้ขอให้ส่งคนไปตรวจสอบจำนวนแกนอสูรกับพวกเราด้วย”
เจียงเหอซานพยักหน้า มองไปทางจีอู๋หยา “พวกนายไปกับพวกเขาเถอะ!”
“ครับ!” จีอู๋หยาทำความเคารพ พาทีมตามทหารรักษาการณ์ไปตรวจจำนวนแกนอสูรด้วยกัน
โดยพื้นฐานแล้วการจัดอันดับของเครื่องนับจำนวนไม่มีทางผิดพลาด แต่เพื่อความยุติธรรม จำเป็นจะต้องปฏิบัติตามขั้นตอนนี้
สุดท้าย คะแนนจะถูกประกาศโดยทหารรักษาการณ์สิบนาย