บทที่ 1601 ตรวจดีเอ็นเอกับถังถัง / บทที่ 1602 ให้หน้าไม่เอาหน้า

แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี

บทที่ 1601 ตรวจดีเอ็นเอกับถังถัง

“งั้นผู้นำไป๋ก็ไปตรวจสอบก่อน ถ้าผู้นำไป๋ต้องการก็ติดต่อผมได้ทุกเมื่อ” ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนแล้วยิ้มเอ่ยกับเยี่ยหวันหวั่น

แต่ธุรกิจนี้จะสำเร็จหรือเปล่า สำหรับชายหนุ่มแล้ว ได้เป็นเพื่อนกับผู้นำไป๋ของรัฐอิสระก็สำคัญกว่าธุรกิจนี้ไปไกลโพ้นแล้ว

“อืม บทสนทนาของฉันกับคุณวันนี้ หวังว่าจะไม่มีคนที่สามรับรู้นะ” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยอย่างแฝงความนัย

ได้ยินดังนั้นชายหนุ่มพยักหน้าถี่รัว “ผู้นำไป๋วางใจได้ครับ เรื่องอย่างนี้ผมรู้แน่นอน ต่อให้ต้องตายก็ไม่มีทางแพร่งพรายสู่โลกภายนอกเด็ดขาดครับ”

หลังรอชายหนุ่มจากไป หลี่ซินก็วิ่งเข้ามาด้วยสีหน้าเปี่ยมความสงสัย ไม่รู้ว่าเยี่ยหวันหวั่นปล่อยภารกิจอะไรไปกันแน่

แต่เยี่ยหวันหวั่นก็ออกไปจากในร้านกาแฟแล้ว ไม่เห็นซึ่งวี่แวว

ที่มุมหนึ่งของโรงเรียนชื่อเยี่ยน เยี่ยหวันหวั่นขมวดคิ้วเป็นปม ข้อมูลนี้มาได้กะทันหันจริงๆ เธอไม่ได้เตรียมใจแม้แต่น้อย

ถ้าตัวเธอคือเนี่ยอู๋โยว…งั้นคุณนายเนี่ย ก็ไม่ใช่แม่แท้ๆ ของตัวเธอเหรอ เนี่ยอู๋หมิง…ก็คือพี่ชายแท้ๆ ของเธอ…

ฉับพลันนั้นเยี่ยหวันหวั่นหน้าเปลี่ยนสี

แบบนี้ก็หมายความว่า ถังถัง…

เป็นลูกชายแท้ๆ ของเธอ!?

ถ้าเป็นจริงเหมือนอย่างที่คิด เธอก็คือเนี่ยอู๋โยว งั้น…พ่อแท้ๆ ของถังถังคือใครกัน!?

ชั่วขณะนั้นอารมณ์ของเยี่ยหวันหวั่นซับซ้อนอยู่บ้าง

หลังสงบสติอารมณ์เท่าที่จะทำได้ เยี่ยหวันหวั่นก็สูดหายใจลึกหนึ่งทีแล้วรู้สึกว่ามีตรงไหนไม่ถูก

ถ้าบอกว่าตัวตนที่แท้จริงของเธอคือไป๋เฟิงผู้นำพันธมิตรอู๋เว่ย เยี่ยหวันหวั่นยังพอรับได้ แต่บอกว่าเธอคือเนี่ยอู๋โยว…นี่ยากจินตนาการอยู่หน่อยจริงๆ

คำนวณจากเบาะแสที่เกิดขึ้น ช่วงเวลาที่เยี่ยหวันหวั่นหายตัวไปกับช่วงเวลาที่ผู้นำพันธมิตรอู๋เว่ยไป๋เฟิงหายตัวไปนั้นเหมือนกัน

งั้นมีความเป็นไปได้ไหมว่า เนี่ยอู๋โยวยังมีอีกตัวตนหนึ่ง ก็คือไป๋เฟิง?

ถึงตามหลักแล้วจะไม่ค่อยเคลียร์ แต่ ณ ตอนนี้เยี่ยหวันหวั่นกลับคิดความเป็นไปได้อื่นไม่ออก

ขณะที่เยี่ยหวันหวั่นกำลังไร้เค้าโครง ดวงตากลับพลันวาบประกายแสง

ก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสใหญ่จัดหาเครื่องมือที่ใช้วินิจฉัยความเป็นแม่ลูกได้จำนวนหนึ่งมา งั้นไม่สู้ตรวจสอบดีเอ็นเอของเธอกับถังถังสักหน่อย ถ้าดีเอ็นเอเข้ากันได้…

เยี่ยหวันหวั่นคิดในใจ เรื่องแบบนี้แทบไม่มีทางเกิดขึ้นได้ แต่คิดร้อยกังวลพัน ไม่สู้ลองดู ถ้าไม่เข้ากันละก็ อย่างน้อยก็สามารถตัดออกไปได้ ว่าเธอกับเนี่ยอู๋โยวไม่มีความเกี่ยวข้องกันแม้แต่น้อย

นึกถึงตรงนี้เยี่ยหวันหวั่นก็โทรศัพท์หาชีซิง

‘พี่เฟิง’ เสียงของชีซิงดังออกมา

“เครื่องมือที่ผู้อาวุโสใหญ่เอามาก่อนหน้านี้ยังอยู่ไหม” เยี่ยหวันหวั่นตรงเข้าประเด็น

‘พี่เฟิงพูดถึงเครื่องมือวินิจฉัยเหรอ’ ชีซิงเอ่ยถาม

“ใช่ เครื่องมือวินิจฉัยนั่นแหละ”

‘ตอนนี้ยังอยู่ครับ’

“ดี นายบอกผู้อาวุโสใหญ่ว่าให้เก็บเครื่องมือไว้ แล้วก็ยังเหลือตัวอย่างที่ให้เขาครั้งก่อนอยู่หรือเปล่า จากนั้นอีกสองวันมารับฉันกลับจากโรงเรียนชื่อเยี่ยนให้เร็วที่สุด” เยี่ยหวันหวั่นครุ่นคิดชั่วครู่แล้วจึงเอ่ย

‘ครับ ผมเข้าใจแล้ว’

ถึงแม้ชีซิงสงสัยอยู่บ้าง แต่ก็ไม่อาจเข้าใจได้ว่าเยี่ยหวันหวั่นคิดจะทำอะไร แต่ในเมื่อเยี่ยหวันหวั่นเอ่ยปากแล้ว เขาก็จะไม่ถามต่อมากมาย

หลังวางสายเยี่ยหวันหวั่นก็ลุกขึ้นแล้วเดินไปเข้าชั้นเรียนทหารรับจ้างระดับ D

“เธอกลับมาสักที”

เยี่ยหวันหวั่นเพิ่งเข้าห้องเรียนมา โจวฝูก็เอ่ยปากอย่างไม่พอใจ

“มีอะไร” เยี่ยหวันหวั่นเหล่มองโจวฝูและเอ่ยเสียงเรียบ

“มีอะไร?” โจวฝูแค่นหัวเราะ “เยี่ยหวันหวั่น ก่อนหน้านี้รุ่นพี่จางจั้วเหนียนให้เธอไปทำความสะอาดห้องหอพัก เธอทำความสะอาดหรือยัง”

เยี่ยหวันหวั่นส่ายหัวอย่างระอาก่อนกลับไปยังที่นั่ง คร้านจะสนใจสองคนนี้จริงๆ

————————————————————————————–

บทที่ 1602 ให้หน้าไม่เอาหน้า

เห็นเยี่ยหวันหวั่นเมินตัวเองโดยสมบูรณ์ โจวฝูหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย เขาหัวเราะเสียงเย็น “เยี่ยหวันหวั่น เธอนึกว่าเธอเป็นใคร เธอก็แค่ทหารรับจ้างระดับ D ที่ระดับต่ำสุด อีกอย่างยังเป็นแค่นักเรียนใหม่ที่เพิ่งเข้ามา รุ่นพี่จางเป็นทหารรับจ้างระดับ C เชียวนะ เขาให้หน้าแล้วเธออย่าไม่เอาสิ”

ไม่รอให้เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยปาก นักเรียนทุกคนในห้องเรียนก็หน้าเปลี่ยนสี ไม่เพียงเยี่ยหวันหวั่นเป็นทหารรับจ้างระดับ D ที่ระดับต่ำสุด พวกเขาไม่คนไหนบ้างที่ไม่ใช่ทหารรับจ้างระดับ D?

โจวฝูนี่ ประโยคเดียวก็ด่าทหารรับจ้างระดับ D ถ้วนหน้าแล้ว

“โจวฝู นายไม่ใช่ทหารรับจ้างระดับ D ก็ไม่ใช่นักเรียนใหม่หรือไง” หนึ่งในทหารรับจ้างที่เพิ่งเข้าโรงเรียนมาจ้องโจวฝูพลางเอ่ยเสียงเยาะ

ได้ยินคำพูดนี้โจวฝูแค่นหัวเราะเอ่ย “ฉันพูดถึงเยี่ยหวันหวั่นไม่ได้พูดถึงนาย นายจะของขึ้นไปทำไม หรือว่านายยังอยากเป็นองครักษ์ดอกไม้?”

“องครักษ์ดอกไม้?” โจวเทามองโจวฝู “ฉันว่านะน้องสาว เธอช่างพูดจริงๆ หน้าตานั้นของเยี่ยหวันหวั่นก็เรียกว่าดอกไม่ได้นะ”

“คิกๆ”

ระหว่างที่พูดก็มีเสียงหัวเราะเบาๆ ดังออกมาจากนอกห้องเรียน พวกจางจั้วเหนียนเดินเข้ามาช้าๆ

“วุ่นวายอะไรกัน ภารกิจเสร็จแล้วเหรอ” มุมปากจางจั้วเหนียนแฝงรอยยิ้มขณะกวาดตามองทุกคนในห้องรวมถึงเยี่ยหวันหวั่น

“รุ่นพี่จาง…”

เห็นจางจั้วเหนียน โจวฝูงกับโจวเทาเข้าไปต้อนรับทันที ทั้งสองยืนอยู่ข้างจางจั้วเหนียน ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มแบบประจบประแจง

“ให้พวกนานพี่ชายน้องสาวติดตาม ติดตามเป็นยังไงบ้างแล้ว” จางจั้วเหนียนชำเลืองมองโจวฝูกับโจวเทาก่อนเอ่ยปากเรียบๆ

ได้ยินดังนั้นโจวเทารีบร้อนเอ่ย “รุ่นพี่จางวางใจได้ครับ ผมกับน้องสาวดูตลอดเย็นไม่ได้หย่อนยานสักจุดเดียว แต่ภารกิจที่รุ่นพี่จางมอบหมายมีบางส่วนที่ทำเสร็จไม่ได้ในวันเดียว อาจต้องใช้สองวันครับ”

ได้ยินดังนั้นจางจั้วเหนียนไม่แปลกใจแค่พยักหน้าแล้วเอ่ย “อืม ไม่เลว พวกนายสองคนจับตาดูก็พอ ถ้าพวกเขาแอบขี้เกียจ…”

จางจั้วเหนียนพูดจบก็หันตัวออกไปจากที่นี่

เห็นดังนั้นโจวฝูรีบไล่ตามไปขวางจางจั้วเหนียนไว้ทันที

“ทำไมเหรอ”

จางจั้วเหนียนเห็นโจวฝูขวางทาง คิ้วก็ขมวดน้อยๆ

“รุ่นพี่จาง…พวกเราทำหน้าที่จับตาก็จริง แต่…มีนักเรียนใหม่บางคนโอหังมาก ไม่มองรุ่นพี่จางอยู่ในสายตาแม้แต่น้อยครับ” โจวฝูเอ่ยปาก

“โอ้?”

ดวงตาจางจั้วเหนียนวาบแววเย็นเยียบ เอ่ยปากด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “งั้นเหรอ ใครกัน”

“ก็คือผู้หญิงคนนั้นครับ” เวลานั้นโจวฝูหัวเราะหยัน หันตัวใช้นิ้วชี้ชี้เยี่ยหวันหวั่น

“เธอ?”

จ้างจั้วเหนียนชะงักเล็กน้อย จางจั้วเหนียนมีความประทับใจนิดหน่อยกับหญิงสาวอัปลักษณ์ที่ไม้แม้แต่เงยหน้าบนที่นั่งนิดหน่อยจริงๆ

ก่อนหน้านี้ แจกภารกิจหมดแล้วเขาเลยให้ผู้หญิงคนนี้ไปทำความสะอาดหอพัก

“ทำไม ทำความสะอาดหอพักไม่สะอาดเหรอ” จางจั้วเหนียนมีสีหน้าเปี่ยมความเฉยชา

“รุ่นพี่จาง…ทำความสะอาดไม่สะอาดที่ไหนกัน เยี่ยหวันหวั่นไม่ไปทำความสะอาดแม้แต่น้อย พอรุ่นพี่ออกไปปุ๊บ เยี่ยหวันหวั่นนี่ก็หายไปแล้วครับ” โจวเทารีบเอ่ยปาก

“ใช่ค่ะรุ่นพี่จาง ผู้หญิงคนนี้ไม่มองรุ่นพี่ในสายตาสักนิดเดียว” โจวฝูก็พยักหน้ารัว

เมื่อสองพี่น้องโจวฝูกับโจวเทาพูดจบ จางจั้วเหนียนก็เดินไปข้างตัวเยี่ยหวันหวั่นอย่างไม่เร็วไม่ช้า ใบหน้าผุดรอยยิ้มยากอธิบาย และยังใช้นิ้วเคาะโต๊ะ

เดิมทีเยี่ยหวันหวั่นกำลังครุ่นคิดว่าตัวเองกับเนี่ยอู๋โยวแท้จริงมีความเกี่ยวข้องกันหรือไม่

วินาทีถัดมาเยี่ยหวันหวั่นเงยหน้า ดวงตามองจางจั้วเหนียนที่ทำลายการคิดของตัวเอง