ตอนที่ 770: ความแข็งแกร่งของหยางยู่เทียน (1)
ในเวลาเดียวกันนั้น ในพื้นที่ที่ไม่รู้จักภายในวัตถุเซียน มียอดภูเขาที่มีลักษณะเหมือนดาบที่ถูกผนึกไว้ด้วยพลังของวัตถุเซียน ชายวัยกลางคนที่กำลังเอนตัวอยู่บนหนังของสัตว์อสูรที่ยอดของภูเขา และจ้องอย่างว่างเปล่าไปที่ท้องฟ้าที่ปกคลุมไปด้วยเมฆสีขาวด้วยสายตาที่เบื่อหน่าย
สักพักต่อมา ดวงตาของชายนั่นเริ่มมีชีวิตชีวามากขึ้น เขาถอนหายใจออกมาดังและสบถอย่างโกรธเกรี้ยว “ไอ้วัตถุจิตวิญญาณบ้าเอ้ย เจ้าขังข้าไว้ที่นี่อีกแล้ว หืม สมาคมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงที่ต่ำช้าส่งกลุ่มเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงที่ต่ำต้อยราวกับมดเข้ามาที่นี่เพื่อการทดสอบทุก ๆ 50 ปี ทำให้ข้าต้องมาถูกขังอยู่ในนี้เพราะเจ้าวัตถุจิตวิญญาณนั่น นี่มันผิดปกติแล้ว ! ทำข้าที่เป็นถึงสัตว์อสูรระดับ 8 ต้องมาติดอยู่ที่นี่เหมือนอยู่ในคุก ? นี่มันน่าละอายใจอย่างมาก”
ชายนั่นกำหมัดแน่นและขบฟันพูด “แย่หน่อยที่วัตถุจิตวิญญาณนั้นแข็งแกร่งเกินไป แม้ว่าข้าจะเป็นสัตว์อสูรโบราณระดับ 8 ข้าก็ไม่ใช่คู่มือของเจ้าวัตถุจิตวิญญาณบ้านั้น ในมิตินี้ ข้าไม่มีความสามารถที่จะตอบโต้ได้ หึ รอให้ข้าตัดผ่านถึงระดับ 9 ก่อน ข้าจะทำลายมิตินี้ออกไป และไอ้บ้าวัตถุจิตวิญญาณนั่นที่ขังข้าไว้นานเหลือเกิน ข้าจะสอนบทเรียนกับมันและระบายความโกรธของข้าออกไป”
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ ชายนั่นก็เหมือนจะจำบางอย่างได้ ท่าทีของเขาเบิกบานและเขาก็บ่นออกมา “มันน่าเสียดายที่มันเป็นไปไม่ได้โดยสิ้นเชิงที่จะตัดผ่านไปยังระดับ 9 ในมิตินี้ ข้าต้องติดอยู่ในมิติบ้า ๆ นี่จนกว่าข้าจะตายอย่างนั้นหรือ?”
“เห้อ” ชายวัยกลางคนถอนหายใจยาวออกมา ในขณะที่ท่าทีของเขาเต็มไปด้วยความหมดหวัง ในตอนนั้นเอง ใบหน้าของชายวัยกลางคนก็แข็งค้างทันที ในขณะที่ตาของเขาเปล่งประกายไปด้วยความตกตะลึง
“นะ นะ นี่มันเป็นการมีอยู่ของอะไรกันแน่ ! ” หน้าของชายนั้นเต็มไปด้วยความตกตะลึง เขายืนขึ้นมาจากพื้น และยืนอยู่ที่ยอดของภูเขา เขาจ้องไปที่ขอบฟ้าไกลออกไป ในขณะที่ท่าทีของเขาปนเปไประหว่างความสงสัยและความตกตะลึง
“นี่มันเป็นการมีอยู่ของอะไรกันแน่ ? มันทำให้วิญญาณภายในลึก ๆ ของข้าสั่นไหว ไม่ นี่มันเป็นไปไม่ได้ มันไม่สามารถมีการมีอยู่อะไรในมิติของวัตถุเซียนนี้ที่ทำให้ข้าสั่นไหวได้ ไม่แม้แต่วัตถุจิตวิญญาณที่ทรงพลัง และการมีอยู่นี้ยังอ่อนแออยู่” ชายนั้นประหลาดใจเป็นที่สุด แต่หลังจากคิดหนักแล้ว เขาก็ไม่สามารถได้ข้อสรุป เขาไม่เข้าใจว่าทำไมแค่การมีอยู่ที่อ่อนแอขนาดนั้นถึงกับทำให้วิญญาณภายในลึก ๆ ของเขาถึงกับสั่นไหว
ทันใดนั้นเอง ความทรงจำชิ้นเก่า ๆ ก็ผุดขึ้นมาในหัวของชายคนนั้นอย่างช้า ๆ มันทำให้เขาหน้าซีดทันที และท่วมท้นไปด้วยความเหลือเชื่อ
“มันคือเทพเจ้าสัตว์อสูรโบราณ พยัคฆ์ปีกเทวะ มันเป็นการมีอยู่ของพยัคฆ์ปีกเทวะ” ชายคนนั้นร้องออกมาอย่างไม่รู้ตัวและเต็มไปด้วยความตกตะลึง
“ความทรงจำที่สืบทอดมาของข้าได้บันทึกข้อมูลเกี่ยวกับพยัคฆ์ปีกเทวะเอาไว้ พยัคฆ์ปีกเทวะนี้เป็นเทพเจ้าของเผ่าพันธุ์สัตว์อสูร การมีอยู่ที่เป็นระดับสูงที่สุดซึ่งครั้งหนึ่งเหนือกว่าเซียนจักรพรรดิ แม้แต่เทพเจ้าสงครามเอ่อหยินของร้อยเผ่าพันธุ์โบราณยังตกอยู่ในน้ำมือของมัน และข้าสัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของมันในวัตถุเซียนตอนนี้ มะ มะ มันเป็นไปได้อย่างไร ? พยัคฆ์ปีกเทวะมาปรากฏตัวที่นี่ได้อย่างไร ? “
..
สัตว์อสูรที่ทรงพลังซึ่งถูกผนึกอยู่ในวัตถุเซียนทุกตัวนั้นสัมผัสได้ถึงการมีอยู่จากพยัคฆ์ปีกเทวะ การมีอยู่นั้นกระจายไปทั่วบริเวณ ทำให้แต่ละท่าทีของแต่ละตนเปลี่ยนไปอย่างมาก พวกเขาเริ่มที่จะเดากันว่ามันคืออะไร
นอกเหนือจากสัตว์อสูรที่ทรงพลังแล้ว แม้แต่ผู้เข้าแข่งขันที่กำลังล่าสัตว์อสูรก็รู้สึกถึงมันได้ ในระหว่างพวกเขานั้น มีหลายคนที่มีความรู้มากและจำได้ทันทีว่ามันเป็นการมีอยู่ของสัตว์อสูรโบราณที่กำลังจะตัดผ่าน พวกเขาเดินทางไปที่ต้นกำเนิดของการมีอยู่นั้น แต่ความคิดและความรู้สึกแตกต่างกัน
การรบกวนจากตัดผ่านที่กะทันหันของเสือขาวนั้นมากมาย ไม่เพียงแต่มันจะไปกระตุ้นสัตว์อสูรที่ทรงพลังซึ่งถูกผนึกไว้เท่านั้น แม้แต่ผู้เข้าแข่งขันก็ถูกทำให้สนใจไปที่มัน จากทุกทิศทุกทาง มีเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงในชุดขาวจำนวนมากบินมาที่ซึ่งเสือขาวอยู่ พวกเขาละทิ้งการต่อสู้เพราะการล่อตาล่อใจจากสัตว์อสูรโบราณ
ในไม่ช้า เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงหลายคนก็มาถึงที่ข้างนอกถ้ำที่เจี้ยนเฉินขุดเอาไว้
“การมีอยู่นี้มีต้นกำเนิดมาจากข้างใน สัตว์อสูรโบราณน่าจะอยู่ในถ้ำนี้” เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงออกความเห็นออกมาในขณะที่เขาชี้ไปที่ถ้ำซึ่งมืดดำ
“สัตว์อสูรกำลังเริ่มที่จะตัดผ่านเท่านั้น และดูเหมือนจะอยู่ในระหว่างการตัดผ่าน มันควรจะอยู่ในช่วงที่อ่อนแอที่สุด ทุก ๆ คนเข้าไปแล้วทำให้สัตว์อสูรนั้นเชื่องซะ เมื่อเราทำให้สัตว์อสูรโบราณเชื่องได้ ความแข็งแกร่งของพวกเราก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก” เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงร้องออกมาจากฝูงชน พยายามที่จะแหวกผู้คนเข้าไปที่ถ้ำเพื่อที่จะได้เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นในถ้ำ
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เขาพูดนั้นไม่ได้มีผลอะไรเลย เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 ทุกคนที่อยู่ที่นี่มีอายุที่มากแล้วทั้งนั้น ดังนั้นพวกเขาจะถูกหลอกง่าย ๆ ได้อย่างไร ? ไม่มีใครกล้าที่จะหุนหันพลันแล่นพุ่งเข้าไปก่อนที่จะเข้าใจสถานการณ์ภายในถ้ำ ใครจะไปรู้ บางทีอันตรายที่ไม่อาจรับรู้ได้อาจจะรออยู่ตรงหน้าของพวกเขาก็เป็นได้
อีกทั้งสัตว์อสูรระดับ 5 นั้นเป็นผู้ใหญ่แล้วโดยพื้นฐาน แล้วมันจะไปเชื่องง่าย ๆ ได้อย่างไร?
การมีอยู่ในถ้ำเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง การที่จะตัดผ่านจากระดับ 5 ไปยังระดับ 6 ของเสือขาวนั้นเป็นการก้าวกระโดดจริง ๆ พลังงานในร่างกายของมันกำลังเปลี่ยนไปเป็นระดับ 6 อย่างรวดเร็ว แต่ในฐานะที่มันเป็นพยัคฆ์ปีกเทวะ การที่จะตัดผ่านไปนั้นเป็นเรื่องที่ยากกว่าสัตว์อสูรธรรมดาทั่วไป แต่เมื่อมันตัดผ่านสำเร็จแล้ว ความแข็งแกร่งของมันจะก้าวกระโดดไปเหมือนกัน ไปถึงระดับที่เหนือกว่าสัตว์อสูรธรรมดาและสัตว์อสูรในตำนาน
ในตอนนี้ เจี้ยนเฉินยังคงใช้เลือดของเขาเพื่อจะเพิ่มความเร็วในการตัดผ่านของเสือขาว เขารู้ดีว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นที่ด้านนอก แต่เขาไม่มีพลังที่จะป้องกันมัน ใบหน้าเขาเริ่มที่จะซีดขาวจากการที่เสียเลือดไปมาก
ในไม่ช้า 1 ชั่วยามก็ผ่านไป ปริมาณของเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงที่มารวมตัวกันอยู่ด้านหน้านั้นเพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่า พวกเขาทั้งหมดจ้องไปที่ถ้ำและถกเถียงกันเกี่ยวกับมัน แต่ไม่มีใครที่ปรารถนาที่จะเข้าไปและสำรวจดู
ในตอนนี้ คน 20 คนของอีกกลุ่มได้บินมาแต่ไกลพร้อมกับความสับสนวุ่นวาย พวกเขาบินมาที่เหนือหัวของทุกคน และห่างออกไปจากถ้ำ 30 เมตร
“มันคือคนของตระกูลซาร์ พวกเขาคือคนของตระกูลซาร์….”
“คนของตระกูลซาร์ก็มาด้วยและจำนวนของพวกเขาก็ค่อนข้างมาก ดูเหมือนว่าสุดท้ายสัตว์อสูรโบราณจะไปตกอยู่ในมือของตระกูลซาร์..”
“อะไรก็ช่าง เมื่อตระกูลซาร์มาเข้าร่วมด้วยแล้วแบบนี้ พวกเราก็ควรล้มเลิก ตระกูลซาร์นี้ไม่ควรถูกทำให้โกรธ”
การมาถึงของกลุ่มนี้ทำให้ค่อนข้างเกิดเสียงดังอื้ออึงท่ามกลางฝูงชนเบื้องล่าง และคนจำนวนหนึ่งในพวกของเขาได้ฉายแววของความโลภอยากได้ออกมา แม้ว่าตระกูลซาร์จะเป็นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ของจักรวรรดิ แต่พวกเขาก็เป็นตระกูลที่ทรงพลังที่สุดท่ามกลางตระกูลทั้งสามของจักรวรรดิ พวกเขามีความสามารถที่จะขจัดสองตระกูลที่เหลือได้ด้วยตัวของพวกเขาเอง ! ตระกูลนี้ทรงพลังถึงระดับตระกูลโบราณยังไม่กล้าที่จะไปยั่วยุพวกเขา
“ชายชราที่อยู่ด้านหน้าดูเหมือนจะเป็น ซาร์ ทิลอส เขาได้ศึกษาทักษะธาตุแสงมาหลายศตวรรษและเขาถึงระดับที่ใช้มันได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เขาแข็งแกร่งมากและเป็นอันดับที่สี่ในสิบอันดับแรกท่ามกลางเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 ทั้งหมด”
“หืม ? คนที่อยู่ข้างข้างซาร์ ทิลอสนั้นดูเหมือนจะเป็นลูกศิษย์คนที่ 2 ของท่านประธานของสมาคมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสง หยุนเทียน เขาเป็นลำดับที่ห้าจากสิบอันดับแรก”
ในตอนนี้เอง เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงอีกสิบกว่าคนได้บินมาแต่ไกลเป็นกลุ่ม การมาถึงของพวกเขาทำให้ผู้คนหลายคนสนใจ
“มันคือตระกูลคาซดา หนึ่งในสามตระกูลใหญ่ของจักรวรรดิ พวกเขาต้องมาเพื่อสัตว์อสูรที่กำลังจะตัดผ่านในถ้ำด้วยเป็นแน่”
“ในตอนนี้สองในสามตระกูลใหญ่ได้มาแล้ว เหลือแค่ตระกูลคาราที่ยังไม่อยู่ที่นี่”
“ตระกูลคาราน่าจะมาในไม่ช้านี้แล้ว ข้าได้ยินมาว่าคุณหนูใหญ่ของตระกูลคารา คารา ลี่เว่ยนั้นเป็นอันดับหนึ่งในสิบอันดับแรกของเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 นางอยู่ในขั้นสูงสุดของระดับ 6 และรู้ดีกันดีว่าแข็งแกร่งที่สุดรองจากระดับ 7”
ในพริบตาเดียว แนวภูเขาที่แต่เดิมว่างเปล่ากลับเต็มไปด้วยเสียงอึกทึกครึกโครมและผู้คนที่เพิ่งมาถึงเต็มไปหมด มีเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงอย่างน้อย 500 คนที่รวมตัวกันอยู่ข้างนอกถ้ำ ไม่เพียงแต่ตระกูลที่มีชื่อเสียงของจักรวรรดิจะมา แต่แม้แต่สองในสามตระกูลใหญ่ก็ยังมาด้วย
คนของตระกูลซาร์และตระกูลคาซดายืนอยู่ที่ข้างหน้าสุดที่ใกล้กับถ้ำมากที่สุด ทันทีที่คนทั้งสองกลุ่มเห็นซึ่งกันและกัน พวกเขาก็จ้องมองกันเหมือนประหนึ่งกับว่าพวกเขาคือน้ำกับไฟซึ่งพร้อมจะปะทะกันเมื่อความเห็นไม่ลงรอย
ผู้นำชรา ซาร์ ทิลอสของตระกูลซาร์มองไปที่คนของตระกูลคาซดาอย่างเย็นชา เขาเหยียด “คาซดา ดี บางทีเจ้าอาจจะอยากที่จะขโมยสัตว์อสูรโบราณไปจากตระกูลซาร์งั้นหรือ ? “
ผู้นำของกลุ่มตระกูลคาซดาเป็นชายชราผิวสีเลือดฝาดเหมือนกัน เมื่อได้ยินคำพูดของซาร์ ทิลอส ชายชราคาซดา ดี ก็ตอบกลับด้วยความเหยียดหยาม “สัตว์อสูรในตำนานนี้กำลังจะเป็นระดับ 6 มันจะไปเชื่องง่าย ๆ ได้อย่างไร ซาร์ ทิลอส มันไม่ใช่ว่าข้าจะดูถูกเจ้าแต่แม้แต่พวกเจ้าทั้งกลุ่มจะเข้าไป เจ้าก็ไม่สามารถที่จะยึดครองสัตว์อสูรที่กำลังจะตัดผ่านเป็นระดับ 6 นั้นได้ และถึงแม้ว่าเจ้าจะทำสำเร็จ ข้าก็จะไม่ยินยอมให้เจ้าได้ความภาคภูมิใจนั้นไป”
ซาร์ ทิลอสพ่นลมออกจากจมูกอย่างเย็นชา “พวกเราจะเอาสัตว์อสูรไป และการที่ทำให้มันเชื่องได้หรือไม่นั้นก็ปัญหาของตระกูลซาร์ มันไม่ใช่เรื่องที่สมาชิกของสมาชิกตระกูลคาซดาที่จะตัดสินใจ”
คาซดา ดี หัวเราะอย่างเย็นชา “เมื่อเจ้าจะเอาแบบนี้ พวกเรามาดูให้เห็นกันดีกว่าว่าตระกูลซาร์ของเจ้าจะเอาสัตว์อสูรโบราณนี้ไปได้หรือไม่ ถ้าเจ้าจับมันยังไม่ได้ การทำให้มันเชื่องคงเป็นเรื่องที่ตลกน่าดู”
ซาร์ ทิลอสส่งเสียงต่ำอย่างเย็นชา ก่อนที่จะไม่สนใจที่คาซดา ดี เขาจ้องเขม็งไปที่ถ้ำที่อยู่ตรงหน้าเขา สักพักความเคร่งขรึมที่หาได้ยากก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา “ซาร์ ซิลูโอ, ซาร์ ไซค์, ซาร์ หยุนไฮ เจ้าทั้งสามคนไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นด้านในนั้น” พวกเขาไม่รู้เลยว่ามีอะไรเกิดขึ้นภายในถ้ำ แม้ว่าซาร์ ทิลอสจะมั่นใจมากในความแข็งแกร่งของเขา แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะทำอะไรบุ่มบ่ามในมิติของวัตถุเซียนนี้
“ขอรับ ท่านผู้อาวุโส ! ” ชายวัยกลางคนสามคนตอบรับด้วยน้ำเสียงที่นุ่นนวลอยู่ด้านหลังซาร์ ทิลอส พวกเขาควบรวมเกราะพลังเซียนธาตุแสงเพื่อปกป้องตัวของพวกเขาเอง และเข้าไปใกล้ที่ถ้ำ
พวกเขาถูกปกป้องจากพลังงานของวัตถุเซียนในมิตินี้ พวกเขาไม่รู้ว่ามีอันตรายอะไรข้างหน้านี้ แต่พวกเขาก็ไม่รู้สึกกลัวเลย เพราะว่าพวกเขารู้ดีว่าเมื่อชีวิตของพวกเขากำลังจะจบลงจริง ๆ อย่างมากพวกเขาก็จะถูกขับออกไปจากการแข่งขันแค่นั้น
ทุกคนมุ่งความสนใจไปที่คนทั้งสามที่กำลังเข้าไปใกล้ที่ถ้ำอย่างระมัดระวัง ทุกคนกลั้นหายใจเอาไว้และจ้องอย่างไม่กระพริบตา ในขณะที่หลายคนนั้นสวมเกราะพลังเซียนธาตุแสงเอาไว้เพื่อว่าบางอย่างอาจจะเกิดขึ้น