ภาค 7 ความผันผวนในใต้หล้าเป็นยุคของข้า บทที่ 605 สี่ทิศมาแสดงความยินดี

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

หลานเหวินเหยียนฮึกเหิม ฝืนสะกดความตื่นเต้นในใจ คำนับเยี่ยนจ้าวเกอกับเฟิงอวิ๋นเซิง จากนั้นก็ผละไป

ขณะมองเงาร่างที่จากไปของเขา เฟิงอวิ๋นเซิงถามด้วยความประหลาดใจ “ที่ท่านพูดว่ามีวาสนาต่อกันหมายถึง?”

เยี่ยนจ้าวเกอเล่าเรื่องราวในอดีตคร่าวๆ พอเล่าจบก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม “การไปอาณาจักรถังในครั้งนั้นได้พบเมิ่งหว่านโดยไม่ได้ตั้งใจ จากนั้นก็พบเจ้าเพราะนาง”

เฟิงอวิ๋นเซิงจุ๊ปากชมเชย

“สหายน้อยผู้นี้ไม่เลว ที่ข้าช่วยเขาไม่ใช่เพราะเรื่องในอดีตเท่านั้น” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าว

“ตอนนั้นเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสเพราะเยี่ยจิ่ง ถึงแม้ว่าจะได้รับการรักษาจากสำนัก และข้ายังมอบโอสถให้เขา แต่อาการบาดเจ็บของเขาต้องรักษานานมากจึงค่อยดีขึ้น”

“อยู่ด้านนอกเขาเป็นอัจฉริยะหาตัวจับยาก แต่ว่าในสำนักของเรา พรสวรรค์ของเขาไม่โดดเด่นนัก พอเสียเวลาเพราะเรื่องนี้ ยิ่งมีความเป็นไปได้ว่าจะเสียเปรียบทุกคน”

“แต่ว่าเขาพยายามอย่างหนัก ขยันทุ่มเทกว่าในอดีต ในคนรุ่นเดียวกันนับว่าเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่พยายามมากที่สุด สุดท้ายก็เหนือกว่าคนจำนวนมาก ค่อยๆ โดดเด่นขึ้นมา”

เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มเล็กน้อย “ทั้งมีบุญคุณกับข้า อีกทั้งยังตั้งใจพัฒนาตัวเอง เช่นนั้นข้าจะช่วยเขาอีกแรง”

เฟิงอวิ๋นเซิงพยักหน้าเล็กน้อย “ถ้าหากเป็นเช่นนี้ เขาคงไม่ทำให้ท่านผิดหวัง”

ทั้งสองคนทางหนึ่งพูด ทางหนึ่งเดินอยู่บนทาง

ขณะที่เดินอยู่ เยี่ยนจ้าวเกอก็มองไปยังที่ไกล รู้สึกยินดีขึ้นมา “วันนี้ได้เจอคนคุ้นเคยทั้งหมดเลย”

หญิงสาวมองไป เห็นเงาคนปรากฏที่ปลายทางเดิน มีเฟิงม่อหยาง จวินลั่ว และยังมีจ้าวหมิงกับจิ่งอวิ๋นจือด้วย

นางรู้จักคนเหล่านี้เช่นกัน พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ล้วนเป็นคนรู้จักจริงๆ ด้วย”

พวกเฟิงม่อหยางครั้นเห็นเยี่ยนจ้าวเกอกับเฟิงอวิ๋นเซิงก็ประสานมือ เยี่ยนจ้าวเกอถามยิ้มๆ ว่า “พวกเจ้าเหตุใดจึงมาที่นี่”

จวินลั่วพูดพลางยิ้มกว้าง “ท่านพ่อข้ามาเยี่ยมท่านอาเยี่ยนที่เขากว่างเฉิง ข้าจึงตามมาด้วย”

เยี่ยนจ้าวเกอเข้าใจ หันไปมองจ้าวหมิง “แสดงว่าท่านลุงจ้าวก็มาด้วยเหมือนกันหรือ?”

จ้าวหมิงพยักหน้า “ถูกต้อง”

เฟิงม่อหยางเอ่ยด้วยรอยยิ้มบาง “ท่านลุงจ้าวกับท่านน้าจวินเดินทางไกลมา ท่านพ่อข้าจึงหยุดปรุงโอสถที่กำลังจัดการอยู่โดยเฉพาะ”

ตระกูลของพวกเขาสนิทเหมือนกับครอบครัวเดียวกัน ในตอนที่ยังหนุ่ม เยี่ยนตี๋ เฟิงฉือ จวินจื้อหยวน และจ้าวซื่อเฉิงซึ่งเป็นผุ้อาวุโสต่างสนิทกัน

เยี่ยนตี๋เลื่อนจากระดับบรรลุธรรมกลายเป็นระดับศักดิ์สิทธิ์นับเป็นเรื่องน่ายินดี จวินจื้อหยวน จ้าวซื่อเฉิงย่อมมาแสดงความยินดี

เพียงแต่ว่าก่อนหน้านี้เนื่องจากการรุกรานของปีศาจอัคคีที่ทะเลตะวันออก หลังจากเยี่ยนตี๋เลื่อนเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์และออกฌานได้ไม่นาน ก็ไปเข้าร่วมสงครามที่ทะเลตะวันออกทันที จากนั้นก็ใช้ค่ายกลเทพไท่อี้ถล่มทลายผนึกปีศาจอัคคี ตัวเยี่ยนตี๋อยู่ในผนึกมาโดยตลอด สุดท้ายจึงค่อยมีอิสระ

เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ไปเถอะ ผู้อาวุโสรวมตัวของพวกเขา พวกกเราก็รวมตัวของพวกเรา”

จวินลั่วมองเยี่ยนจ้าวเกอสลับกับเฟิงอวิ๋นเซิงไปมา “ท่านพี่เยี่ยน ศิษย์พี่เฟิงจะกลายเป็นพี่สะไภ้เล็กของข้าแล้วหรือ?”

ทั้งสองคนที่ถูกกล่าวถึงอดหัวเราะขึ้นไม่ได้ ชายหนุ่มดีดนิ้วใส่หน้าผากนางทีหนึ่ง “ตัดคำว่า ‘เล็ก’ ออกไป นางอายุเยอะกว่าเจ้า”

“ศิษย์พี่เฟิงมัดผมแล้ว ดูไปไม่ได้มีอายุเยอะกว่าข้า” จวินลั่วกุมหน้าผาก

เยี่ยนจ้าวเกอได้ยินก็มองเฟิงอวิ๋นเซิงอย่างได้ใจ ส่วนหญิงสาวยิ้มพลางส่ายหน้า

จวินลั่วเข้าไปใกล้ๆ พูดพลางยิ้มกว้าง “ข้าเป็นผู้แสดงความยินดีคนแรก สมควรมีรางวัลใช่หรือไม่?”

“รางวัลย่อมมี แต่ข้าก็ต้องขอแสดงความยินดีกับลั่วลั่วเจ้าเช่นกัน” เฟิงอวิ๋นเซิงพิจารณาจวินลั่ว และชายหนุ่มหน้าตาหมดจดที่ยืนอยู่ด้านข้าง

ครั้นเฟิงอวิ๋นเซิงพูดเช่นนี้ สีหน้าของชายหนุ่มคนนั้นก็แดงขึ้นมาอย่างหยุดไม่อยู่ ทั้งยินดีทั้งเหนียมอาย แต่ว่าส่วนใหญ่แล้วเป็นความรู้สึกหวั่นวิตก แอบมองจวินลั่วที่อยู่ด้านข้าง

ชายหนุ่มคนนี้เป็นลูกศิษย์ตระกูลเหลียนที่เยี่ยนจ้าวเกอกับเฟิงอวิ๋นเซิงเคยเจอตอนที่มุ่งหน้าไปยังเกาะทราย ก่อนหน้านี้เคยกราบเข้าสำนักกระบี่วายุคำราม อาจารย์ผู้มีพระคุณก็คือจวินจื้อหยวน

จวินลั่วเดิมทีคิดจะหยอกล้อ เพื่อดูท่าท่างเหนียมอายของเฟิงอวิ๋นเซิงที่องอาจผ่าเผยมาโดยตลอด

ไม่คาดเฟิงอวิ๋นเซิงเปิดเผย สีหน้าไม่เปลี่ยนแม้แต่น้อย กลับหยอกล้อนางและเหลียนเฉิงแทน

จวินลั่วหน้าแดงอยู่บ้าง โดยเฉพาะตอนที่สัมผัสได้ถึงสายตาของเหลียนเฉิงที่อยู่ด้านข้าง นางรีบทำสีหน้าจริงจัง กระแอมครั้งหนึ่ง “ยินดี…ยินดีกับอะไรเล่า? ศิษย์พี่เฟิงท่านอย่าหยอกล้อข้าเลย”

ครั้นพูดจบ เหลียนเชิงพลันหมดอาลัยตายอยาก

พวกเยี่ยนจ้าวเกอมองอดหัวเราะขึ้นไม่ได้

เหลียนเฉิงมีนิสัยอ่อนแอ ต่อให้อยู่ในมือจวินลั่วแล้ว แต่หากจะให้สมหวังตามปรารถนา เกรงว่าเขาจะมีหนทางอีกยาวไกลที่ยังต้องเดิน ระหว่างพวกเขาสองคน อำนาจในการตัดสินของจวินลั่วแข็งแกร่งเกินไปแล้ว

แม้ปากของจวินลั่วจะยังไม่ยอมรับ แต่ว่าที่จวินจื้อหยวนพาเขาร่วมทาง ตอนนี้ยังมาพบเยี่ยนจ้าวเกอด้วยกันกับจวินลั่ว ก็อธิบายถึงปัญหาได้ระดับหนึ่งแล้ว

ถึงอย่างไรกลุ่มนี้ยังคงเล็ก เฟิงอวิ๋นเซิงยังไม่ต้องพูดถึง แต่จิ่งอวิ๋นจือได้แต่งงานกับจ้าวหมิงแล้ว

เยี่ยนตี๋ต้อนรับจวินจื้อหยวนที่เดินทางมาไกล เยี่ยนจ้าวเกอต้อนรับพวกจวินลั่ว ทุกคนคุยกันอย่างเพลิดเพลิน ทั้งแขกทั้งเจ้าภาพล้วนมีความสุข

หลังจากเยี่ยนตี๋กลับสำนัก บรรยากาศของเขากว่างเฉิงก็ดีขึ้นกว่าเดิม

ผู้คุมหอคลื่นโหมอันชิงหลิน เจ้าสำนักเขาไร้พรมแดนฉู่เหยียน ยังมีเจ้าเมืองทะเลมรกตซ่งอู๋เลี่ยง ล้วนมาเยี่ยมเยียนถึงสำนักโดยเฉพาะอีกครั้ง

สถานการณ์ของโลกแปดพิภพมั่นคงขึ้นโดยสิ้นเชิง

เขากว่างเฉิงฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว พัฒนาและเติบโตขึ้นอีกขั้น เพราะของที่เยี่ยนจ้าวเกอได้จากในสุสานมังกร รวมถึงทรัพยากรจำนวนมากในโลกแปดพิภพ

การกลับไปยังจุดสูงสุดหรือพัฒนาขึ้นอีกหนึ่งระดับเป็นปัญหาด้านเวลาเท่านั้น

แต่ว่าปัญหาด้านเวลานี้ไม่ได้ทำให้เยี่ยนจ้าวเกอกับทั่วทั้งเขากว่างเฉิงชะล่าใจเพราะสถานการณ์ใหญ่

ขุมกำลังในโลกแปดพิภพไม่อาจก่อคลื่นลมใดๆ ได้อีกแล้ว แต่ว่าสำนักแสงสว่างบนโลกซ้อนโลกย่อมไม่ยอมเลิกรา อาจจะสร้างปัญหาได้อีกตลอดเวลา

เยี่ยนตี๋เข้าฌานในวังฝูงมังกร ส่วนเยี่ยนจ้าวเกอก็ฝึกฝนตัวเองอย่างต่อเนื่อง

เวลาไหลอย่างรวดเร็ว ชั่วพริบตาเดียวก็ผ่านไปหลายเดือนแล้ว

วันหนึ่ง หลังจากเยี่ยนจ้าวเกอนั่งสมาธิเสร็จ เขาก็ทำความเข้าใจเศษโลหะที่ผู้อาวุโสม่อมอบให้

ด้านในไม่มีจิตหรือกลิ่นอายที่อิ่นเทียนเซี่ย จักรพรรดิประกายกาฬเหลือไว้ อีกทั้งยังไม่มีพลังพิเศษ ทำให้เยี่ยนจ้าวเกอสับสนอยู่ชั่วขณะ

แต่ว่าในหลายปีมานี้หลังจากพลังฝึกปรือของเยี่ยนจ้าวเกอยิ่งมายิ่งสูง ก็ยิ่งเข้าใจคัมภีร์นภาไร้ขอบเขตล้ำลึกขึ้น ทำให้เขาสัมผัสสรรพสิ่งในโลกได้อย่างรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

ขณะศึกษาชิ้นส่วนเหล่านี้ เยี่ยนจ้าวเกอก็รู้สึกได้ว่าด้านในเหมือนมีความลี้ลับอยู่จริงๆ เพียงแต่ยังมองไม่ออก

“หือ?” เยี่ยนจ้าวเกอจิตใจสั่นไหวเล็กน้อย เก็บชิ้นส่วนโลหะ

เขารู้สึกว่าวังฝูงมังกรเหมือนกับสั่นสะเทือน กลิ่นอายที่แข็งแกร่งถึงขีดสุดสายหนึ่งไหลออกมาจากส่วนลึกของวัง

ในวินาทีถัดมา ลมปราณสีม่วงหลายสายแผ่พุ่งออกมา ตลบไปทั่ววังฝูงมังกร

วังฝูงมังกรไม่อาจหยุดปราณสีม่วงนี้ หลังจากปราณสีม่วงออกจากวัง ก็ครอบคลุมทั่วทั้งเขากว่างเฉิง แล้วขยายออกอย่างต่อเนื่อง สอดประสานกับค่ายกลนภา ทำให้อาณาเขตรอบนอกนับหมื่นลี้แทบจะกลายเป็นสีม่วง

เงาคนเงาหนึ่งเดินออกมาจากส่วนลึกของวังฝูงมังกรอย่างไม่รีบไม่ร้อน

เยี่ยนจ้าวเกอพลันหัวเราะขึ้น “ยินดีกับท่านพ่อที่ออกจากฌาน ทั้งยังพัฒนาขึ้นก้าวหนึ่ง เลื่อนเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสองแล้ว”