ทหารรักษาการณ์สองนายพยักหน้า “ถูกต้อง ดูท่านายค้นพบแล้ว”
เฉินโม่พยักหน้า ตอนนั้นเขาเคยสงสัยจริงๆ แต่ว่าแท่นวาร์ปนั้นเหมือนจะเป็นเพราะยุคสมัยยาวนาน แทบจะไม่มีคลื่นพลังมหัศจรรย์อะไร ดังนั้นตอนนั้นเฉินโม่มองข้ามไป
แต่ตอนนี้ออกมาจากสมรภูมิห้าประเทศแล้ว เข้าไปอีกครั้งก็จะสิ้นเปลืองโอกาสหนึ่งครั้ง อีกอย่างจากพละกำลังของเฉินโม่ในตอนนี้ ต่อให้เข้าไปเกรงว่าก็คงจะไม่พบอะไร
“พวกนายมีวิธีซ่อมแซมแท่นวาร์ปเหล่านั้นไหม?” เฉินโม่มองทหารรักษาการณ์ ถามอย่างสงสัย
ทหารรักษาการณ์พยักหน้า “มี แต่นี่คือความลับ ฉันบอกนายไม่ได้ แต่ว่ารอตอนที่นายเข้าสมรภูมิห้าประเทศครั้งต่อไป ฉันถึงจะบอกนายได้”
เฉินโม่พยักหน้า “ตกลง ฉันไม่มีคำถามอะไรแล้ว”
ทหารรักษาการณ์สองนายพูด “ที่นี่ไม่มีธุระอะไรแล้ว นายสามารถกลับไปได้แล้ว”
“อืม!” เฉินโม่หันหลังเดินกลับไปที่ค่ายหัวเซี่ย
เจียงเหอซานพูด “พวกเรากลับกัน ผู้บังคับบัญชาเตรียมงานเลี้ยงฉลองให้พวกเราที่ยานจิงแล้ว”
“ดีมากเลย! นี่มันช่างเป็นเกียรติอันสูงส่ง ถ้าหากไม่มีเฉินโม่ พวกเราคงไม่มีหน้าทานอาหารมื้อนี้!” จางเจิ้นพูดอย่างซึ้งใจ
เฉินโม่ยิ้มพูด “นี่คือความดีความชอบของทุกคน”
เจียงเหอซานจ้องมองเฉินโม่แล้วพูด “เอาเถอะ ขึ้นเครื่องบินก่อน เดินไปด้วยคุยไปด้วย!”
บนเครื่องบิน เจียงเหอซานมองดูเฉินโม่ ดูกระอึกกระอัก
เฉินโม่สังเกตเห็นความผิดปกติของเจียงเหอซาน แล้วยิ้มถาม “โส่วจ่าง มีเรื่องอะไรคุณพูดมาตรงๆ เถอะ!”
เจียงเหอซานถอนหายใจ “ช่างเถอะ ยังไงเมื่อนายลงจากเครื่องบินก็ต้องรู้ ฉันเปิดเผยกับนายก่อนคร่าวๆ”
เฉินโม่รู้สึกว่าสีหน้าของเจียงเหอซานไม่ค่อยดีเท่าไหร่ จู่ๆ ในใจเกิดลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้น
เฉินโม่สีหน้าเย็นชาลง มองเจียงเหอซานแล้วถาม “โส่วจ่าง เรื่องอะไรกัน?”
จีอู๋หยาและคนอื่นขมวดคิ้วมองเจียงเหอซาน ในความทรงจำของเขา เจียงเหอซานพูดจาไม่เคยลังเลเช่นนี้มาก่อน ต่อให้สั่งโจมตีเมืองหนึ่ง เขาก็ไม่มีทางลำบากใจขนาดนี้
ใบหน้าของเจียงเหอซานเผยความละอายใจ “เฉินโม่ ผู้บังคับบัญชาให้ฉันพูดขอโทษกับนายแทนเขาก่อน นายอยู่ที่สมรภูมิห้าประเทศรับใช้ประเทศชาติ ส่วนพวกเรากลับไม่สามารถแม้แต่จะปกป้องครอบครัวของนายได้!”
จีอู๋หยาและคนอื่นจู่ๆ รู้สึกถึงอุณหภูมิในห้องผู้โดยสารที่ลดลงอย่างรุนแรง มีแรงอาฆาตบางอย่าง ต่อให้เขาที่เป็นปรมาจารย์แดนมองขวัญ ก็มีความรู้สึกหนาวสั่น
ในตอนที่พวกเขาเห็นสีหน้าของเฉินโม่ พวกเขาก็รู้แล้วว่าความเย็นชาอาฆาตนี้มาจากที่ใด
เฉินโม่สีหน้าอึมครึมถึงจุดสูงสุด ในดวงตาปรากฏน้ำวนใหญ่ยักษ์ขึ้น เหมือนกับจะกลืนกินโลกทั้งใบ
เสียงของเขายิ่งทำให้คนรู้สึกสั่นเทายิ่งกว่า ทุกคำพูดเหมือนกับบีบคั้นออกมาจากไรฟัน
“คุณพูดอะไรนะ?”
เจียงเหอซานคิดถึงปฏิกิริยาของเฉินโม่ได้นานแล้ว แต่เขาก็ยังประเมินความโมโหต่ำไป จึงรีบพูดขึ้น “นายอย่าเพิ่งเป็นกังวล ครอบครัวของเธอตอนนี้ไม่ได้ตกอยู่ในอันตราย ผู้บังคับบัญชาได้เตือนหนานกงหยู่แล้ว ถ้าหากเขากล้าทำร้ายคนตระกูลเฉินแม้แต่คนเดียว ผู้บังคับบัญชาไม่ลังเลที่จะใช้อาวุธ ฆ่าเขาให้ตาย!”
ความเย็นชาบนตัวเฉินโม่ลดลงไม่น้อย แต่ก็ยังทำให้คนรู้สึกอกสั่นขวัญหาย “พูดมาว่าเรื่องอะไรกัน? หนานกงหยู่ออกกรรมฐานเมื่อไหร่?”
“เมื่อวานนี้ เขาฆ่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของตระกูลเฉินคนหนึ่ง จากนั้นลอยตัวอยู่ตรงลานบ้านตระกูลเฉิน ให้ปู่ของนายมอบตัวนายออกมา เพียงแต่ปู่ของนายรับมือได้อย่างเหมาะสม ชี้แจงว่านายกำลังรับใช้ชาติอยู่ หนานกงหยู่เหมือนกับทำอะไรเด็ดขาดจริงจังลงไปไม่ได้เพราะเกรงใจพวกพ้อง จึงทิ้งคำพูดรุนแรงไว้แล้วกลับไป”
เฉินโม่ถามอย่างเย็นชา “คำพูดรุนแรงอะไร?”
เจียงเหอซานหยุดชะงักพูด “เขาให้ตระกูลเฉินส่งตัวนายออกมาภายในสามวัน มิเช่นนั้นจะทำให้ตระกูลเฉินนองเลือด และยังมีเงื่อนไขอีกข้อหนึ่ง…”
พูดถึงตรงนี้ เจียงเหอซานมองไปทางเฉินโม่อย่างเป็นกังวล