บทที่ 916 ขวางรั้งไว้

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 916 ขวางรั้งไว้

เฟิ่งหลิงอวิ๋นนอนตื่นก็เป็นช่วงดึกดื่นแล้ว เงยหน้าขึ้นมองเห็นหนานกงเย่กำลังจับจ้องมองดวงตาคู่นั้นของเธออยู่ เธอเลิ่กลั่กลุกขึ้นนั่งทันที

หนานกงเย่กอบกุมมือของเธอและนวดคลึงอย่างแผ่วเบา จากนั้นกล่าวขึ้นว่า“อวิ๋นอวิ๋น เคยคิดถึงข้าหรือไม่?”

“ท่านอ๋องคิดว่าอย่างไรเพคะ?”ฉีเฟยอวิ๋นยิ้มเล็กน้อย ลุกขึ้นต้องการจะออกไป แต่กลับถูกหนานกงเย่ดึงกลับ ฉีเฟยอวิ๋นหันมองหนานกงเย่ และกล่าวขึ้นว่า“ ท่านอ๋องทำตัวไม่ถูกเพราะว่าร่างกายนี้บ้างหรือไม่เพคะ?”

หนานกงเย่กล่าวว่า“ข้าไม่สนใจใส่ใจหรอกนะ”

“พูดเลอะเทอะ หากว่าเป็นคุณยายแก่ๆล่ะเพคะ? แก่เจ็ดสิบแปดสิบล่ะ?ท่านอ๋องลงมือได้หรือ?”เฟิ่งหลิงอวิ๋นพลิกตัวขึ้นบนตัวของหนานกงเย่ เธอคล้ายดั่งเด็กน้อย แต่หนานกงเย่ก็ไม่ได้ใส่ใจ แต่คิดอย่างละเอียดรอบคอบแล้ว หากเป็นอย่างนั้น ทำไม่ลงหรอก

แต่กอดเธอแล้วรู้สึกสบายมาก!

หนานกงเย่นวดคลึงมือของเฟิ่งหลิงอวิ๋น แล้วกล่าวว่า“ข้าคิดว่าข้าทำไม่ลง แต่ข้าสามารถรอวันที่จะอยู่ร่วมกันกับอวิ๋นอวิ๋นได้ เมื่อเทียบระหว่างเรื่องบนเตียง ข้าต้องการอวิ๋นอวิ๋นอยู่เป็นสหายร่วมกันมากกว่า ไม่ว่าจะแก่หรือเด็ก”

เฟิ่งหลิงอวิ๋นยิ้มเล็กน้อย กล่าวขึ้นว่า“ทุกคืนพระจันทร์เต็มดวงหม่อมฉันจะกลายเป็นคนแก่เพคะ ผมขาวหงอก ใบหน้ามีริ้วรอยเหี่ยวย่น ทำให้ผู้คนหวาดกลัว แต่ทว่าความสูงไม่เปลี่ยน หม่อมฉันไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะอย่างไร แต่นั่นมันน่ากลัวมากเพคะ!”

หนานกงเย่ชะงักงัน กล่าวว่า“อะไรนะ?”

เฟิ่งหลิงอวิ๋นกล่าวด้วยสีหน้ากลัดกลุ้มว่า“เรื่องนี้มีเพียงเอ๋าชิงรู้เพคะ”

“ข้าไม่เข้าใจ!”

เฟิ่งหลิงอวิ๋นหมุนตัว กล่าวว่า“ไม่รู้ว่าตอนที่มาเกิดอะไรขึ้นหรือไม่ ประสบพบพานสิ่งใด แต่เป็นอย่างนี้แล้วจริงๆ”

หนานกงเย่ส่ายหน้า กล่าวว่า“อย่างไรมันต้องมีหนทาง”

“ไม่มีเพคะ”เฟิ่งหลิงอวิ๋นลังเลอยู่ครู่หนึ่ง กล่าวอีกว่า“เหลืออีกสองวันก็จะเป็นคืนพระจันทร์เต็มดวงแล้ว พอถึงเวลานั้นจะมีการเปลี่ยนแปลง เพราะฉะนั้นหม่อมฉันเลยอยากจะไปเร็วสักหน่อยเพคะ”

หนานกงเย่รีบดึงฉีเฟยอวิ๋น กล่าวขึ้นว่า“ไม่ได้ ข้าไม่ยอม”

เฟิ่งหลิงอวิ๋นมองเขา แล้วกล่าวว่า“หากไม่ไป ท่านอ๋องก็จะเห็นหม่อมฉันที่เป็นเช่นนี้”

“ข้าไม่กลัว”

“……”เฟิ่งหลิงอวิ๋นไม่อยากพูด เลยหันไปมองด้านนอกรถม้า จากนั้นจึงลุกออกไปจากรถม้า เหลือบมองบนรถม้าแล้วลงไป

หนานกงเย่ออกมาจากด้านในรถม้า เขารีบโค้งเอวอุ้มฉีเฟยอวิ๋นขึ้น สาวเท้าก้าวไปที่จวนท่านอุปราช

เขาพาเฟิ่งหลิงอวิ๋นเข้ามาในห้อง จากนั้นวางลงแล้วถามขึ้นว่า“สามารถอาบน้ำด้วยกันได้หรือไม่?”

เฟิ่งหลิงอวิ๋นกล่าวด้วยสีหน้าแดงก่ำว่า“ท่านอ๋องอาบน้ำกับเสี่ยวอวิ๋นหรือเพคะ?”

“เลอะเทอะ อวิ๋นเอ๋อร์คือลูกของข้า จะอาบน้ำด้วยกันได้อย่างไร?”หนานกงเย่โมโหจนหน้าแดงก่ำ แต่ทว่าเฟิ่งหลิงอวิ๋นกลับหันไปมองทางสระกำมะถัน นึกถึงเรื่องราวต่างๆมากมาย

หนานกงเย่อ้าปากค้างเก้ๆกังๆกล่าวว่า“ข้าเพียงแค่อยากอาบน้ำ ไม่ได้คิดอยากทำสิ่งใดเลย”

เฟิ่งหลิงอวิ๋นหันกลับมามองหนานกงเย่ แล้วถามว่า“แน่ใจนะเพคะ?”

“แน่ใจ!”หนานกงเย่หายใจติดขัด ฉีเฟยอวิ๋นคิดๆแล้ว กล่าวว่า

“หากหม่อมฉันเปลี่ยนกลายเป็นคนแก่ ท่านอ๋องจะต้องเสียใจภายหลัง”

“ไม่มีทาง!”

เฟิ่งหลิงอวิ๋นพยักหน้ากล่าวว่า“เช่นนั้นไปเถิดเพคะ”

เฟิ่งหลิงอวิ๋นผลักประตู หนานกงเย่ยืนอยู่สักพักหนึ่งแล้วสาวเท้าก้าวเข้าไป

ตอนที่เขาเข้าไป เฟิ่งหลิงอวิ๋นได้ถอดชุดที่อยู่บนเรือนร่างออกแล้ว เธอเดินลงไปในน้ำโดยที่ไม่ได้หันกลับมา

หนานกงเย่ถอดชุดออกแล้วตามลงไป

เฟิ่งหลิงอวิ๋นเดินลงไปด้านในแล้วหันกลับมามองหนานกงเย่ หนานกงเย่ยืนอยู่ทางด้านนั้น

“ข้า…..”

“ท่านอ๋อง พวกเราอยู่อย่างนี้กันสักครู่เถิดนะเพคะ”

“อืม”

หนานกงเย่เดินไปนั่ง เฟิ่งหลิงอวิ๋นมองแล้วกล่าวว่า“ได้ยินมาว่าเมื่อก่อนมีคู่รักคู่หนึ่ง เป็นเพราะทั้งคู่ทำให้พระเจ้าไม่พอใจ พระเจ้าก็โกรธ ดังนั้นในตอนกลางวันจึงทำให้ผู้ชายกลายเป็นนกอินทรี ผู้หญิงกลายเป็นคน และผู้หญิงในตอนกลางคืน กลายเป็นนกกระจอก ผู้ชายกลายเป็นคน เพื่อที่พวกเขาจะได้อยู่ด้วยกันไม่ได้

เป็นช่วงระยะห่างที่สุดของโลกใบนี้ ชัดเจนว่าหม่อมฉันรักท่านอ๋อง ท่านอ๋องรักหม่อมฉัน แต่ทว่ากลับไร้หนทางที่จะอยู่ด้วยกัน”

หนานกงเย่ดึงเฟิ่งหลิงอวิ๋นเข้ามาในอ้อมกอดทันที เฟิ่งหลิงอวิ๋นยืนไม่มั่นคงเลยเซไปนั่งลง

หนานกงเย่หลุบตาลงกล่าวว่า“ข้าไม่เชื่อหรอก!”

“ไม่เชื่อก็แล้วแต่!”เฟิ่งหลิงอวิ๋นอิงแอบ ขาทั้งสองข้างไม่หยุดที่จะตีเตะน้ำ หนานกงเย่ไม่กล้าเคลื่อนไหว เขาเลยทำได้แค่กอดเฟิ่งหลิงอวิ๋นแบบนี้ อยู่กันประมาณครึ่งชั่วยาม ถึงได้อุ้มเฟิ่งหลิงอวิ๋นออกมา

ทั้งสองกำลังจะเตรียมสวมใส่เสื้อผ้า เฟิ่งหลิงอวิ๋นเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง เรือนร่างที่นุ่มละมุนเริ่มย่น เฟิ่งหลิงอวิ๋นชะงักงันครู่หนึ่ง จากนั้นยกมือขึ้นหันไปหาหนานกงเย่

หนานกงเย่ก็ชะงัก เรือนร่างของเฟิ่งหลิงอวิ๋นไม่หยุดที่จะเปลี่ยนแปลง ราวกับมันแก่ขึ้นอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งเธออายุได้เจ็ดหรือแปดสิบปีได้ เนื้อบนร่างของเธอก็ร่วงหย่อนและหยุดลงในที่สุด เธอหันหลังกลับทันที จากนั้นวิ่งไปและ กระโดดลงน้ำ เกือบจมน้ำเพราะการกระทำกะทันหัน

หนานกงเย่ตาลงไป งมคว้าเฟิ่งหลิงอวิ๋นขึ้นมาด้วยอารมณ์ที่หลากหลายวู่วาม เฟิ่งหลิงอวิ๋นร้องตะโกนว่า“ออกไป ท่านอ๋องออกไป!”

หนานกงเย่โอบกอดเฟิ่งหลิงอวิ๋นไปทางโขดหิน ตอนนี้เขาอารมณ์วู่วามใจร้อนเช่นกัน แต่เขาไม่ได้ร้องโหวกเหวกตะโกน พอมาถึงบนโขดหิน เขาจับใบหน้าแก่คร่ำครึของเฟิ่งหลิงอวิ๋น มองอย่างละเอียด กล่าวขึ้นว่า“ข้าไม่สนใจ ข้าไม่กลัวสิ่งใดทั้งนั้น!”

เฟิ่งหลิงอวิ๋นเงยหน้าขึ้นช้าๆ ตอนนี้แก่เป็นอย่างมากแล้ว

“ท่านอ๋อง…”

หนานกงเย่จูบสัมผัสเฟิ่งหลิงอวิ๋น เฟิ่งหลิงอวิ๋นหลบหลีก หนานกงเย่จึงกอดเธอไว้ในอ้อมกอดแน่น กล่าวว่า“พรุ่งนี้ข้าจะพาอวิ๋นอวิ๋นออกไป ออกไปจากที่นี่ ไปสถานที่ที่มีแต่เราสองคนกันนะ”

เฟิ่งหลิงอวิ๋นมองหนานกงเย่ด้วยแววตาอบอุ่น กล่าวว่า“ท่านอ๋องยินยอมจริงหรือเพคะ?หม่อมฉันเป็นเช่นนี้จะคนก็ไม่ใช่จะผีก็ไม่ใช่ ท่านอ๋องไม่กลัวหรือ?อายุสิบห้าหม่อมฉันถึงเป็นเช่นนี้ วันนี้….”

เฟิ่งหลิงอวิ๋นน้ำตารินหลั่ง หนานกงเย่ก้มลงจูบซับน้ำตา “ข้ายินยอม จะร่วมเป็นร่วมตายไม่ตีจาก!แล้วข้าจะสนใจสิ่งเหล่านี้ที่ไหนกันเล่า?”

เฟิ่งหลิงอวิ๋นกระตุกริมฝีปากขึ้น กัดที่ริมฝีปากของหนานกงเย่เอง บริเวณริมฝีปากของเขามีเลือดไหลซิบออกมา เฟิ่งหลิงอวิ๋นใช้แรงสูดเข้าไป เพียงแค่วินาทีนั้น ร่างกายก็เริ่มฟื้นคืน หนานกงเย่ผละออกค่อยๆ เขาตกใจไม่น้อย ผู้หญิงที่อยู่ในมือเริ่มนุ่มนิ่มละมุนแล้ว

“นี่….”

“ท่านอ๋องอย่าโกรธเลย หม่อมฉันเพียงแค่ทดสอบ หม่อมฉันคิดได้อย่างกะทันหัน นี่คือกู่คนรัก เป็นสิ่งที่หม่อมฉันทำการศึกษาสร้างมาโดยเฉพาะ แต่หากว่าท่านอ๋องไม่ได้จริงใจซื่อตรงต่อหม่อมฉัน พูดความเท็จ ดื่มเลือดแล้วก็ไร้ประโยชน์เพคะ”

หนานกงเย่ยิ้ม กล่าวว่า“ข้าตกใจมาก น่าโมโหจริงๆ!”

หนานกงเย่โอบเฟิ่งหลิงอวิ๋นเข้าวงแขน ทั้งสองฝ่ายกอดกัน จากนั้นเฟิ่งหลิงอวิ๋นได้ผละออกห่าง

แต่เธอไม่ได้ออกไป เพียงแค่ตั้งใจอาบน้ำ หลายปีที่ไม่ได้ใช้สระกำมะถัน ไม่เพียงแค่เป็นความทรงจำ มันยังมีความสบาย

อาบเสร็จทั้งสองฝ่ายก็ออกมา เฟิ่งหลิงอวิ๋นผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จจึงกล่าวว่า“วันนี้ไม่รู้ว่าเสี่ยวอวิ๋นจะกลับมาหรือไม่?”

“กลับมาก็ไม่เป็นไรหรอก อยู่ที่นี่เถิด”

เฟิ่งหลิงอวิ๋นมองเตียง กล่าวขึ้นว่า“อืม”

เธอสาวเท้าก้าวเดินไปข้างในโดยมีหนานกงเย่เดินตามมาด้วย

พอขึ้นเตียง หนานกงเน่เลยเอื้อมแขนกอดเฟิ่งหลิงอวิ๋นไว้แน่น เฟิ่งหลิงอวิ๋นอิงแอบ และกล่าวว่า“ท่านอ๋อง แบบนี้ดีมากเลย!”

“อืม!”

วันต่อมา

หนานกงเย่ตื่นมาไม่มีคนในอ้อมกอดแล้ว เขาจึงลุกขึ้นไปดู ก็ไม่เห็นเฟิ่งหลิงอวิ๋น จากนั้นจึงหยิบชุดคลุมออกไปดูด้านนอก

ด้านในสวนดอกกล้วยไม้ไม่มีคน หนานกงเย่หาทั่วสารทิศ แล้วก็ออกไปหาด้วย

หนานกงอวิ๋นเยียนออกมา จึงกล่าวว่า“ท่านพ่อ ท่านแม่ไปแล้ว ได้ยินว่าคนของแคว้นเฟิ่งมารับ มีเรื่องด่วนจะต้องกลับก่อน”

หนานกงเย่รีบออกไปตาม เขาขึ้นม้าออกนอกเมืองถึงได้เห็นรถม้าของแคว้นเฟิ่ง หนานกงเย่พุางตรงเพื่อไปขวางรถม้า เฟยอิงก็อยู่

เฟยอิงอยู่ในกลุ่มคน เห็นหนานกงเย่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร

“องค์รัชทายาท คือท่านอุปราช”

เอ๋าชิงกล่าวเตือนอยู่อีกด้าน เฟิ่งหลิงอวิ๋นเปิดม่านรถม้าออกเพื่อมองหนานกงเย่