บทที่ 458 ครอบครัวทางแม่ที่น่าประทับใจ

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

บทที่ 458 ครอบครัวทางแม่ที่น่าประทับใจ

หลินชิงเหอไม่ได้ตำหนิหลี่อ้ายกั๋วที่ยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดล่วงหน้า ในทางตรงกันข้าม เธอกลับมองหลี่อ้ายกั๋วอย่างชื่นชม

แม้ขาจะพิการ แต่เห็นได้ไม่ยากว่าหลี่อ้ายกั๋วมีความคิดเป็นของตัวเองและรักซานนีด้วย

การได้อยู่กับคนเช่นนี้แล้ว ในอนาคตชีวิตของซานนีจะต้องไม่ย่ำแย่อย่างแน่นอน

ดังนั้นหากเขาต้องการจะทำธุรกิจด้วยตัวเองแล้ว หลินชิงเหอก็จะไม่ห้ามเขา

“ทำงานในร้านสัก 3 ปี อีก 3 ปีถัดไป ถ้าเธอยังอยากจะออกไปทำเอง อาสะใภ้สี่ของซานนีกับฉันจะสนับสนุนพวกเธอเอง” โจวชิงไป๋หันไปพูดกับหลี่อ้ายกั๋ว

หลินชิงเหอก็รู้สึกว่าเวลา 3 ปีเหมาะสมดี ไม่นานเกินไปและไม่สั้นเกินไป เป็นระยะเวลาที่ยาวกำลังดี ปีนี้เป็นปี 83 อีก 3 ปีต่อมาจะเป็นปี 86 ซึ่งยังคงอยู่ในช่วงของการพัฒนาที่รวดเร็ว

หากหลี่อ้ายกั๋วอยากจะออกไปทำธุรกิจของตัวเองในเวลานั้น ก็ยังไม่ถือว่าช้าเกินไป

หลี่ก้ายกั๋วเองก็คิดว่า 3 ปีเป็นเวลาที่พอเหมาะ ในช่วงเวลา 3 ปีนี้ เขาสามารถปรับตัวอยู่ในปักกิ่งได้แล้ว และยังมีเวลาพอที่จะดูตลาดที่นั่นได้อีกด้วย ที่สำคัญมากไปกว่านั้น คือการได้เก็บเงิน

เขาและโจวซานนีมีเงินเก็บอยู่ แต่ในตอนนี้พวกเขามีไม่มากนัก เมื่อยังไม่รวมเงินสินเดิมที่หลินชิงเหอให้โจวซานนีมา ครอบครัวเขามีเงินเก็บอยู่ประมาณ 300 หยวน หลังจากเอาส่วนของภรรยาเขาออกไปแล้ว

ยังมีพวกสัตว์เลี้ยงที่สามารถนำมาขายได้ พูดได้ว่าสำหรับในหมู่บ้านนี้ สิ่งเหล่านี้นับว่าเป็นทรัพย์สินที่มากแล้ว เมื่อพิจารณาจากการที่พวกเขายังมีอายุน้อยอยู่

หลี่อ้ายกั๋วแยกบ้านออกมาอยู่ด้วยตนเอง เขาสร้างบ้านและแต่งภรรยาโดยพึ่งพาตัวเองทั้งหมด ดังนั้นถือได้ว่าเขาเป็นคนหนุ่มที่มีอนาคตทีเดียว

เรื่องนี้ก็ได้รับการตัดสินใจเช่นนี้

หลี่อ้ายกั๋วไปหาเลขาธิการสาขาหมู่บ้านเพื่อหารือถึงเรื่องการขายหมูและไก่ของบ้านตน ไม่เพียงแต่หมูและไก่ที่บ้านเท่านั้น แต่ยังรวมถึงพืชผลในทุ่งนาที่กำลังจะโตเต็มที่แล้ว

ถ้าพวกเขาไม่ได้ไปก็แค่ไม่ไป แต่ถ้าพวกเขาตัดสินใจจะไปแล้ว เช่นนั้นก็จงจัดการทุกอย่างให้รวดเร็วและเด็ดขาด

เมื่อหลี่อ้ายกั๋วไปหาเลขาธิการสาขาหมู่บ้านเพื่อหารือในเรื่องนี้ เลขาธิการสาขาหมู่บ้านรู้สึกตกใจมาก “อะไรนะ? เธออยากจะขายหมูและไก่ กับพืชผลในทุ่งนาแล้วเปลี่ยนเป็นเงินงั้นหรือ?”

ปฏิกิริยาแรกของเลขาธิการสาขาหมู่บ้านคือคิดว่าหลินชิงเหอและโจวชิงไป๋มาที่นี่เพื่อขอยืมเงิน

“ใช่ครับ ซานนีกับผมจะไปทำงานที่ปักกิ่งกับคุณอาสี่และคุณอาสะใภ้สี่น่ะครับ เราก็เลยต้องจัดการขายของพวกนี้ทิ้งไป” หลี่อ้ายกั๋วพยักหน้า

“ปักกิ่ง? คุณอาสี่กับคุณอาสะใภ้สี่ของซานนีมาจากปักกิ่งอย่างนั้นหรือ?” เลขาธิการสาขาหมู่บ้านยิ่งประหลาดใจมากขึ้นไปอีก ไม่เพียงเขาเท่านั้น ภรรยาของเขาก็ประหลาดใจเหมือนกัน

สุดยอด ไม่แปลกใจเลยที่พวกเขาดูน่าประทับใจราวกับท่านผู้นำที่เดินทางมาในชนบท ที่แท้พวกเขามาจากปักกิ่งนี่เอง

“คุณอาสี่ทำธุรกิจอยู่ที่นั่น ส่วนคุณอาสะใภ้สี่เป็นอาจารย์สอนภาษาต่างประเทศอยู่ที่มหาวิทยาลัยปักกิ่งน่ะครับ ครอบครัวของพวกเขามีทะเบียนบ้านอยู่ที่ปักกิ่งกัน พวกเขาเลยถือว่าเป็นคนที่มาจากปักกิ่งจริง ๆ” หลี่อ้ายกั๋วพูด

ทั้งเลขาธิการหมู่บ้านและภรรยาของเขารู้สึกตกใจมากจนกระทั่งพูดไม่ออก

การทำธุรกิจก็ดีหรอก แต่คุณอาสะใภ้สี่ของภรรยาอ้ายกั๋วเป็นถึงอาจารย์สอนภาษาต่างประเทศอยู่ที่มหาวิทยาลัยปักกิ่ง? มหาวิทยาลัยปักกิ่งเป็นสถานที่แบบไหนกันเล่า? นั่นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในประเทศ เป็นสถาบันในตำนานเชียวนะ!

แต่เธอกลับได้เป็นอาจารย์สอนภาษาต่างประเทศที่นั่น! เธอสอนนักศึกษามหาวิทยาลัยเลยนะ?!

ไม่มีใครรู้เลยว่าครอบครัวทางแม่ของภรรยาอ้ายกั๋วจะน่าประทับใจขนาดนี้!

ไม่น่าแปลกใจเลยที่อ้ายกั๋วต้องใช้เงินถึง 400 หยวนในการแต่งหล่อนกลับมา!

“แต่เมื่อเธอไปอยู่ที่นั่นแล้ว งานไม่ได้หาได้ง่าย ๆ เลยนะ งานข้างนอกนั้นเป็นหัวผักกาด 1 หัวใน 1 หลุม” เลขาธิการหมู่บ้านกล่าว

“คุณอาสี่และคุณอาสะใภ้สี่จะเปิดร้านค้าเพิ่มอีกร้านหนึ่งน่ะครับ พอถึงเวลานั้น เราจะไปดูแลร้านนี้และจะได้เงินเดือน 50 หยวน” หลี่อ้ายกั๋วตอบ

นี่เป็นการบอกจำนวนเงินลดลงอย่างจงใจ คุณอาสี่พูดว่า 80 หยวน แต่เงิน 80 หยวนดูมากเกินไปจริง ๆ แม้จะเป็นเงินรวมสำหรับทั้งคู่ก็ตาม

ดังนั้นเขาจึงบอกน้อยลง 30 หยวน แล้วบอกไปแค่ 50 หยวน

แต่ 50 หยวนก็นับว่ามากพอแล้ว

เลขาธิการหมู่บ้านกล่าวว่า “ได้มีญาติแบบนี้ก็นับเป็นโชคของเธอไปด้วย”

เลขาธิการสาขาหมู่บ้านก็เป็นคนที่อยู่ในวงศ์ตระกูลเดียวกันกับหลี่อ้ายกั๋วด้วย หลี่อ้ายกั๋วและเลขาธิการหมู่บ้านจึงค่อนข้างจะสนิทกัน แต่สำหรับครอบครัวของเขานั้น ในเมื่อแม่ของเขาสามารถกระจายข่าวอันน่าขายหน้าเช่นนั้นออกมาได้ ก็ไม่มีอะไรจะต้องพูดอีก

“เหตุผลหลักที่เราจะไปที่นั่นก็เป็นเพราะว่าโรงพยาบาลที่ปักกิ่งล้วนอยู่ในระดับชั้นยอดน่ะครับ” หลี่อ้ายกั๋วพูด

ทั้งเลขาธิการหมู่บ้านและภรรยาของเขาต่างก็พยักหน้าเห็นด้วย การไปเมืองหลวงถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดอยู่แล้ว เพียงแต่ก่อนนี้ไม่มีใครคอยช่วยเหลือพวกเขา ตอนนี้เมื่อมีคนช่วยดูแลแล้ว การได้ไปเมืองใหญ่ย่อมต้องดีกว่าอย่างแน่นอน

ด้วยเงินเดือน 50 หยวนที่ได้ พวกเขาต้องสามารถใช้ชีวิตรอดได้อย่างแน่นอน

หลี่อ้ายกั๋วเขียนหนังสือโอนกรรมสิทธิ์ขึ้น หมูและไก่ รวมทั้งพืชผลทั้งหมดจะถูกโอนไปให้เลขาธิการสาขาหมู่บ้าน ซึ่งพวกมันจะถูกขายให้ในราคาที่ไม่แพง ราคาทั้งหมดล้วนต่ำกว่าราคาตลาดอยู่ 40%

เลขาธิการสาขาหมู่บ้านพูดว่าไม่จำเป็นต้องลดราคาลงมามากนัก แค่ขายตามราคาตลาดก็ได้ แต่หลี่อ้ายกั๋วไม่ยอมทำแบบนั้น หลังจากโต้แย้งกันจนได้ข้อสรุป ราคาจึงได้ลดลงไป 20% จากราคาตลาด

สำหรับทุ่งนาและสิ่งของอื่นก็มอบให้เลขาธิการสาขาหมู่บ้าน ลานบ้านของเขาก็จะกลายเป็นที่ให้เลขาธิการหมู่บ้านไว้ใช้เลี้ยงไก่และหมูอีกด้วย เมื่อถึงเวลานั้นเขาจะปิดล็อกบ้านเอาไว้ แต่ก็ขอให้เลขาธิการหมู่บ้านคอยช่วยดูบ้านให้ด้วย

เรื่องพวกนี้โดยปกติแล้วจะถูกมอบให้พ่อแม่และพี่น้องเป็นคนดูแลให้ แต่หลี่อ้ายกั๋วไม่แม้แต่จะไปหาพวกเขา สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาเลวร้ายขนาดไหน

อันที่จริงก่อนที่โจวซานนีจะแต่งเข้ามา มันก็ยังไม่เลวร้ายมากขนาดนี้ ถ้าจะพูดให้ตรงกว่านี้ ก็เป็นเพราะหลี่อ้ายกั๋วไม่เปิดโอกาสให้พวกเขาก่อเรื่องเอะอะโวยวายได้ ถึงอย่างไรเขาก็อยู่ได้ด้วยตนเอง

อย่างไรก็ดี หลังจากที่โจวซานีแต่งเข้ามาในครอบครัว ก็มักจะเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นเป็นระยะ ๆ แม้ไม่ได้รับการปฏิบัติอย่างยุติธรรม หลี่อ้ายกั๋วก็ไม่เคยเก็บเอามาใส่ใจ

ทว่าสิ่งที่ทำให้เขาเย็นชาขึ้นมาจริง ๆ ก็คือการที่แม่ของเขาไม่คิดสนใจรักษาหน้าของพวกเขาสามีภรรยาเลย และยังต้องการทำลายพวกเขาโดยการบอกเรื่องสุขภาพที่ย่ำแย่ของโจวซานนีกับคนทั้งหมู่บ้าน

นี่คือสิ่งที่คนเป็นแม่ควรจะกระทำอย่างนั้นหรือ? ศัตรูยังไม่ทำเช่นนี้เลย!

น้ำแข็งหนาสามฟุตไม่ได้เกิดจากอากาศที่หนาวเหน็บแค่วันเดียว(1) สถานการณ์เช่นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นจากเวลาเพียงวันหรือ 2 วัน

คู่สามีภรรยาเลขาธิการสาขาหมู่บ้านรู้เรื่องนี้ดี ด้วยครอบครัวของเขามีคนจำนวนมาก ดังนั้นเขาจึงไม่กังวลว่าฝ่ายนั้นจะมาหาเรื่อง แน่นอนว่าที่เขายินดีรับซื้อสินทรัพย์ของหลี่อ้ายกั๋วและยังเสนอราคาที่ไม่ต่ำจนเกินไปนัก ก็เพราะเลขาธิการสาขาหมู่บ้านเล็งเห็นว่าหลี่อ้ายกั๋วจะต้องมีอนาคตที่ดีแน่นอน

ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขากำลังจะไปปักกิ่ง ด้วยความช่วยเหลือของคุณอาและคุณอาสะใภ้ เขาจะต้องเจริญก้าวหน้าขึ้นแน่

ดังนั้นเลขาธิการสาขาหมู่บ้านจึงเต็มใจที่ซื้อและช่วยให้ความสะดวกแก่เขา อีกอย่าง ครอบครัวของตนก็ไม่ได้ขาดทุนอะไร แล้วทำไมถึงจะไม่ทำล่ะ?

เลขาธิการสาขาหมู่บ้านตามหลี่อ้ายกั๋วไปนั่งคุยที่บ้านของเขา

“อาสี่ อาสะใภ้สี่คะ นี่เลขาธิการสาขาหมู่บ้านของเรา เป็นคุณอาอยู่ในตระกูลเราด้วยค่ะ คอยช่วยเหลือดูแลเรา 2 คนเป็นอย่างดี” โจวซานนีแนะนำ

โจวชิงไป๋จับมือทักทายกับเลขาธิการสาขาหมู่บ้าน

หลินชิงเหอยิ้มพลางพูดว่า “ซานนีเด็กคนนี้เป็นคนที่รู้จักตอบแทนคุณคน ใครที่ดีต่อหล่อน หล่อนจะจดจำไว้ในใจค่ะ พ่อแม่ของหล่อนยุ่งอยู่ตลอดไม่ค่อยว่างนัก ในฐานะที่เป็นอาและอาสะใภ้ของหล่อนมาก็เหมือนกัน เราต้องขอบคุณเลขาธิการหมู่บ้านแทนพวกเขาด้วยนะคะ”

“ไม่จำเป็นหรอกครับ พวกเราต่างก็เป็นญาติกัน ก็ต้องคอยช่วยเหลือกัน อีกอย่าง ทั้งอ้ายกั๋วกับภรรยาก็ดีทั้งคู่” เลขาธิการสาขาหมู่บ้านตอบกลับด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

เขาคิดอยู่ในใจว่า อาจารย์ของมหาวิทยาลัยปักกิ่งนั้นแตกต่างออกไป คำพูดคำจาของหล่อนช่างเปิดเผยและสูงส่ง

“สุขภาพของซานนีเป็นปัญหาของผู้หญิงทั่วไป เราก็เลยมาที่นี่ทันทีที่รู้เรื่องและอยากจะพาพวกเขาไปปักกิ่งด้วยน่ะค่ะ เลขาธิการหมู่บ้านไม่ต้องกังวลกับพวกเขา 2 คนนะคะ คุณปู่คุณย่าและครอบครัวของคุณอาเล็กของพวกเขาก็อยู่ที่นั่นด้วย ที่นั่นคึกคักมากทีเดียวค่ะ” หลินชิงเหอกล่าวต่อ

………………………………………………………………………………………………..